หวานใจสาวนักดริฟ
-
เขียนโดย ไอติมโคนนี่
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
11 ตอน
0 วิจารณ์
12.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 8 ขอให้ปลอดภัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 8 ขอให้ปลอดภัย
“ก็ได้ค่ะ พี่จะรอจนกว่าเมลจะพร้อม” คนหน้าหวานถึงกับไม่อยากจะเชื่อว่าจะยอมง่ายๆ แต่ก็ดีเพราะตนยังไม่พร้อมจริงๆ
“คุณลุกไปอาบน้ำเถอะค่ะ” คนหน้าหวานรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะอยู่ท่านี้โดยมีแต่ผ้าขนหนู
“รู้แล้วๆ” คนหน้าคมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่คนหน้าหวานเตรียมไว้ให้และเสื้อผ้าเข้าไปด้วย
คนหน้าหวานจึงลุกขึ้นไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะค่อยๆชโลมครีมทาลงบนใบหน้าตนและเรือนร่าง ทาเสร็จก็สวมเสื้อตัวใหญ่กางเกงตัวหลวม ถ้าไม่ใส่อย่างนี้มีหวังไม่เหลือ
คนหน้าคมเดินออกมาจากห้องน้ำ นำผ้าขนหนูไปแขวนไว้ที่ราวและเดินตรงมายังเตียงนอนเมื่อเห็นคนหน้าหวานนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่จึงค่อยๆคลานเข้าไปหาก่อนจะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม
“เมลชอบอ่านหนังสือเหรอ” คนหน้าคมถาม
“ใช่ค่ะ ฉันชอบอ่านมากเลยค่ะ มันทำให้ฉันได้รู้อะไรมากมาย”
“ถึงว่าสิ อ่านเอกสารทีไร ไม่เคยจะพักสายตาเลย”
คนหน้าหวานเห็นว่าดึกแล้วจึงปิดหนังสือลงวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงและปิดไฟ จึงเกิดความมืดขึ้นมา คนหน้าหวานรู้สึกมีอะไรหยุกหยิกที่หน้าท้องจึงใช้มือไปจับดู ปรากฏว่าเป็นมือของคนหน้าคม ตีเข้าที่มือให้จนต้องดึงมือกลับไป คนหน้าหวานคิดว่าคงไม่ได้นอนแน่จึงเขยิบเข้าไปหาคนหน้าคม เพื่อจะได้กอดสะดวก
เช้าวันต่อมา
วันนี้เป็นวันหยุดของคนหน้าหวาน ส่วนคนหน้าคมก็หยุดซ้อมพักพอดีจึงนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง เพราะแสงแดดเข้าแยงตาคนหน้าคมทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น ด้วยความเหนื่อยหล้าจากการซ้อมด้วยจึงตื่นสาย พอได้ลืมตาตื่นมาเจอคนที่เรารัก มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ เผลอจ้องหน้าอันขาวเนียนนั้นนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ จนคนหน้าหวานลืมตาก็เห็นคนหน้าคมมองอยู่จึงขดตัวก้มหน้าลงซุกอกคนหน้าคม
“จ้องอะไรขนาดนั้นคะ”คนหน้าหวานรู้สึกเขินอาย
“ก็เมลน่ามองนิ่คะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ สายแล้วนะ” คนหน้าคมจุ๊บที่หัวคนหน้าหวาน
“คุณไปอาบก่อนเถอะค่ะ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อย”
“ก็ได้ค่ะ” คนหน้าคมจึงผละออกจากคนหน้าหวานลงจากเตียงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ ระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็คิดว่าวันนี้จะทำอะไรดี เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าควรพาไปเปิดตัวกับแด๊ด คนหน้าคมจึงรีบอาบน้ำและออกไปปลุกคนหน้าหวาน
“เมลตื่นเถอะค่ะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่พาไปที่ที่หนึ่งค่ะ” คนหน้าหวานที่ได้ยินอย่างนั้นจึงดีดตัวลุกขึ้นมาทันที
“ไปไหนคะ”
“ไม่บอกค่ะ ไปอาบน้ำเร็วค่ะ” คนหน้าหวานดึงคนหน้าหวานให้ลงจากเตียงแต่ด้วยความงัวเงีย จึงทำให้เผลอไปดึงผ้าขนหนูจนปมหลุดออก แต่คนหน้าหวานตั้งหลักได้ทันจับผ้าขนหนูไว้ก่อนจะหลุด
“คุณจับไว้ดีๆเลยนะ” คนหน้าหวานถึงกับโล่งใจที่ไม่ได้เห็นก้อนกลมๆนั้น ถ้าเห็นมีหวังฉันน่ะไม่รอดแน่
“เมลก็ลุกดีๆสิคะ” คนหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะจับผ้าขนหนูตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ลุกแล้วๆ”
ทั้งคู่ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยจึงลงมาข้างล่าง ก็เจอเข้ากับคุณกิตติคุณหญิงที่นั่งดูโทรทัศน์ จึงขออนุญาตพาไปข้างนอก
ขณะนี้ทั้งคู่อยู่บนรถ คนหน้าคมกำลังตั้งใจขับให้ช้ากว่าปกติ หากเผลอขับเร็วขึ้นมาได้โดนบ่นหูชาแน่ ในระหว่างทางทั้งคู่ไม่มีการคุยกันเลย เพราะก่อนออกมานั้น คนหน้าคมได้แอบคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ คนหน้าหวานมาเห็นก็รีบวาง จึงทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ไง
คนหน้าคมที่ตบไฟเลี้ยวมาจอดหน้าบ้านตนเอง รอประตูเปิดออกเมื่อขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน คนหน้าหน้าหวานก็ยังคงงงกับคนหน้าคมที่พามาทำไมกัน คนหน้าคมเปิดประตูเชิญคนหน้าหวานลงจากรถและพาเดินเข้าไปยังตัวบ้านก่อนจะต้องตะลึงกับความใหญ่โตในตัวบ้าน
“คุณพามาที่ไหนกัน” คนหน้าหวานรีบถามทันที
“บ้านพี่เองแหละ” คนหน้าคมยิ้มให้ คนหน้าหวาน ทั้งสองที่ยังคงยืนคุยกันก็มีร่างหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา
“คุณหนูของมาลีคิดถึงจังเลยยย~” มาลีหรือแม่นมของบ้านนี้เองเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดคนหน้าคม
“คิดถึงมาลีเหมือนกันค่ะ” คนหน้าคมกอดตอบ
“มาลีคะ นี่เมลค่ะ แฟนเซนเองค่ะ” คนหน้าคมแนะนำคนหน้าหวานให้กับแม่นมได้รู้จักก่อนจะเอ่ยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคนหน้าหวานให้รู้ ทำเอาคนหน้าหวานที่กำลังไหว้แม่นมต้องหันมาตีคนหน้าคมแก้อาการเขิน
“ในที่สุดคุณหนูก็เริ่มมีความรักกับเขาสักทีนะคะ” มาลีพูดด้วยความดีใจ
“เซนแค่สนใจแต่รถเท่านั้นเองค่ะ” คนหน้าคมพูดอย่างไม่คิดอะไรมากและจึงถามถึงแด๊ด “มาลีคะ แด๊ดอยู่ที่ห้องทำงานใช่มั๊ยคะ”
“ตอนนี้คุณท่านออกไปข้างนอกแล้วค่ะ เหมือนจะมีธุระนะคะเห็นรีบออกไป”
“แด๊ดนะแด๊ด เซนอุตส่าห์โทรบอกแล้วนะ” คนหน้าคมพึมพำกับตัวเอง แต่ไม่เบาพอจึงทำให้คนหน้าหวานได้ยิน
“ก่อนออกมาคุณคุยกับพ่อเหรอคะ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ”
“ก็กะเซอร์ไพรส์” คนหน้าคมยิ้มให้คนหน้าหวาน
“ค่ะ เซอร์ไพรส์สิคะ ทำฉันนอยด์คุณมาตลอดทางเลยนะ” คนหน้าหวานพูดด้วยอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
“พี่ขอโทษนะคะ” คนหน้าคมเข้าไปกอดออดอ้อนคนหน้าหวาน “ไปรอแด๊ดในห้องนั่งเล่นดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวมาลีนำของว่างไปให้นะคะ” แม่นมบอกกับทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว
“ค่ะ” คนหน้าคมหันมาตอบแม่นม
“ไปกันค่ะ” คนหน้าคมพาไปทั้งที่ยังกอดคนหน้าหวานอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
ทั้งคู่จึงนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกัน แหย่กันไปมา บ้างก็ชวนคนหน้าหวานดูรถกับตนเพื่อขอความเห็น บ้างก็ชวนเล่นเกมกับตน พอถึงเวลาเที่ยงทั้งคู่กะจะออกไปทานอาหารข้างนอก แต่ก็เจอกับแด๊ดพอดีจึงอยู่คุยกันก่อน
“แด๊ดไปไหนมาคะ” คนหน้าคมรีบถามคนเป็นพ่อที่กำลังทำหน้าเครียดอยู่
“ธุระน่ะ งั้นเอาเป็นว่ามาคุยเรื่องลูกก่อนดีกว่า” คนเป็นพ่อบอกก่อนจะเดินนำไปห้องนั่งเล่น
“เซนจะคุยเรื่องหมั้นค่ะ” คนหน้าคมเปิดประเด็น
“เรื่องนี้พ่อรู้แล้วว่าลูกยกเลิก แล้วใครกันที่ทำให้ลูกเปิดใจได้ล่ะ” คนหน้าคมรีบจีบมือคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆขึ้นมา
“คนนี้แหละแด๊ด” คนเป็นพ่อตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กของเพื่อน แต่ก็กลัวเรื่องความปลอดภัยอยู่
“ว้าวว ไม่คิดว่าลูกจะเปิดใจหนูเมลได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” คนหน้าคมทำหน้างง
“ก็หนูเมลเขาก็เหมือนกับลูกนั้นแหละ ไม่สุงสิงกับใคร สนแต่เรื่องเดียวที่เขาสนใจ” คนเป็นพ่อบอก ทำให้คนหน้าหวานเขินหน่อยๆที่คุณโจนาธารพูดอย่างนั้น
“งั้นก็คงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้คบกัน” คนหน้าคมพูดจบก็หันไปมองหน้าคนหน้าหวาน
“อ่ะแฮ่ม! อย่าเพิ่งมาหวานกัน เซนตามแด๊ดขึ้นไปบนห้องก่อน แด๊ดมีเรื่องต้องคุยด้วย” โจนาธารขัดจังหวะการหวานของลูกสาว ก่อนจะบอกให้ลูกสาวตามตนไปคุยกัน
คนหน้าคมจึงเดินตามผู้เป็นพ่อขึ้นห้องทำงานไป ทิ้งให้คนหน้าหวานนั่งอยู่คนเดียว ขณะที่นั่งรอนั้นก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน หน้าตาคลายคนหน้าคมจึงคิดว่าคงเป็นน้องสาว พอผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าโดนมองจึงหันมามอง เลยเดินเข้ามาหาคนหน้าหวานกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันเมลค่ะ” คนหน้าหวานแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ฉันแซนนี่ หรือเรียกแซนก็ได้ค่ะ” แซนนี่ที่เดินเข้ามาใกล้ๆก็ต้องตะลึงกับความสวย ก่อนจะดึงสติกลับมากล่าวทักทาย
“ฉันมากับคุณเซนน่ะค่ะ” คนหน้าหวานตอบให้หายสงสัย
“ค่ะ ฉันเป็นน้องสาวพี่เซนค่ะ” แซนนี่บอก
ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังเริ่มเครียดกับเรื่องบางอย่าง
“แด๊ดไม่ต้องห่วงหรอก เซนดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“แด๊ดไม่ห่วงแกหรอก แกมีลูกน้องมือดีคอยคุ้มกันอยู่แล้ว แต่แด๊ดห่วงหนูเมลมากกว่าไง” คนเป็นพ่อพูดด้วยความห่วง คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอาจจะมีอันตรายได้ ตอนแรกคิดว่าถ้าเป็นวรภพก็คงยังดูแลตัวเองได้ แต่นี่เป็นผู้หญิง จึงรู้สึกห่วงขึ้นมา ส่วนลูกสาวอีกคนน่ะไม่ต้องห่วง เพราะเอาตัวรอดไม่ได้ตลอดจากการเจอเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด จึงทำให้ลูกสาวทั้งคู่นั้นฝึกฝนร่างกายมาตลอด
“เดี๋ยวเซนส่งคนมือดีคอยคุ้มกันเมลเองค่ะ” คนหน้าคมบอกให้ผู้เป็นพ่อสบายใจขึ้น
เมื่อคุยกันเสร็จจึงไล่คนหน้าคมลงไปข้างล่าง เพราะคุยกันนานพอสมควร อีกอย่างแซนมันคงจะกลับมาแล้ว เกิดเห็นหญิงสาวที่ไม่รู้จักมานั่งในบ้านอาจเกิดการตบตีได้ ก็เป็นคนห่วงพ่อนิ่
“กลับมาแล้วเหรอ” คนหน้าคมที่เดินลงมาก็เห็นน้องสาวยืนคุยอยู่กับคนหน้าหวาน คนเป็นน้องได้ยินเสียงพี่สาวจึงรีบวิ่งเข้ามากอดอ้อนทันที
“คิดถึงพี่เซนจังเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงแซน” คนหน้าคมกอดตอบน้องสาวตน แล้วมองไปทางคนหน้าหวานคิดว่าคงแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว
“แซนปล่อยได้แล้ว” คนหน้าคมพยายามดันน้องออก เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมปล่อยซะที
“ปล่อยแล้วววๆ” คนหน้าคมจึงบอกกับน้องสาวถึงสถานะที่คงยังไม่รู้ เพราะคนหน้าหวานเป็นคนเขินง่ายคงจะยังไม่บอก
“เมลน่ะแฟนพี่นะ” คนเป็นน้องสาวที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าพี่สาวจะยอมเปิดใจกับใคร แถมยังเปิดใจให้กับสาวคนนี้ด้วย
“หะ! จริงดิ”
“จริงๆ พี่ไปก่อนนะ” คนหน้าคมพูดจบก็เดินไปหาคนหน้าหวาน
ก่อนจะพาไปทานข้าว คนหน้าคมพาคนหน้าหวานมาเดินชมรถสะสมของตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนคันที่ขับมาบ้านนี้เป็นอีกคันที่ดูท่าคนหน้าหวานจะสนใจ
ระหว่างทางที่คนหน้าคมกำลังขับรถนั้นสังเกตเห็นว่ามีรถคันหนึ่งตามมาตั้งนานแล้ว จึงรีบขับไปยังร้านอาหารที่คิดว่าคงจะปลอดภัยจากภัย จึงเลี้ยวเข้าจอดและรีบลงมาเปิดประตูพาคนหน้าหวานรีบเข้าร้านไป รีบสั่งอาหารและขอตัวคนหน้าหวานไปเข้าห้องน้ำ
“มีคนตามรถเซน ลองไปเช็คดูว่ามันเป็นใคร” คนหน้าคมกรอกเสียงผ่านเครื่องสื่อสารสั่งลูกน้อง เมื่อจบบทสนทนา คนหน้าคมจึงกดวาง และรีบเดินมายังโต๊ะอาหาร
ระหว่างทานอาหารนั้น คนหน้าคมจะคอยมองไปรอบๆบริเวณตลอด หากมีอะไรผิดสังเกต จะได้พาคนหน้าหวานหลีกหนีทัน แต่เหมือนว่าจะไม่มีอะไรจึงรีบทานอาหาร เสร็จ คนหน้าคมจึงพาคนหน้าหวานกลับไปส่งบ้าน แต่ดูเหมือนว่ารถคันที่ตามมานั้นจะไม่ตามมาแล้ว จึงผ่อนความเร็วลง ก็ดันมาโดนคนหน้าหวานบ่นว่าขับเร็วเกินซะงั้น
ขณะนั้นเอง รอบๆเริ่มไม่ค่อยมีรถสวนทางมา คนหน้าคมจึงเห็นว่ามีรถจอดปิดถนนอยู่ข้างหน้านั้นเอง เมื่อคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงรีบเลี้ยวรถกลับ
“ว้ายยย!!” คนหน้าหวานตกใจ
“เมลก้มลงไป อย่าเงยขึ้นมานะ” คนหน้าคมสั่งคนหน้าหวาน
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ” คนหน้าหวานที่ยังคงตกใจร้องถามคนหน้าคม
“เอาน่ะ ก้มลงไปค่ะ” คนหน้าคมเริ่มเหยียบคันเร่งมากกว่าเดิม
“ก็ได้ค่ะ” คนหน้าหวานที่คิดว่าถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาจึงยอมก้มลงไปแต่โดยดี
คนหน้าคมที่เริ่มขับเร็วขึ้น มองกระจกมองหลังก็เห็นรถยังคงตามมา และเห็นมีชายคนหนึ่งยื่นตัวออกมานอกรถจ่อกระบอกปืนมาทางรถ ไม่ทันไรก็ยิงมา
ปัง! ปัง!
“เสียงปืนนิ่คะ” คนหน้าหวานร้องบอกทั้งที่ยังคงก้มอยู่
“ค่ะ หลังจากนี้เราคงมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” คนหน้าคมบอกคนหน้าหวาน
เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล้อถูกยิง จึงทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างถนน คนหน้าคมจึงรีบก้มลงไปหยิบปืนที่ตนใส่ไว้บนรถทุกคัน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างนี้
คนหน้าหวานที่ตกใจจนไม่รู้จะทำยังไง คนหน้าคมจึงสั่งให้ลงไปอยู่ข้างรถ และรีบปีนตามคนหน้าหวานไป และหยิบปืนขึ้นมายิงสวนกับฝ่ายนั้น ก่อนจะยิงถูกชายสองคน คนของคนหน้าคมก็มาถึง
“คุณเซนเดี๋ยวพวกผมจัดการเองครับ”
“จับเป็นนะ” คนหน้าคมสั่งลูกน้องตนเองก่อนจะพาคนหน้าหวานขึ้นรถลูกน้องไป
พอฝ่ายนั้นเห็นจึงเล็งไปที่คนหน้าคม
ปัง! ปัง! ปัง!
จนถูกยิงเข้าที่หลัง ทำให้คนหน้าคมเริ่มจะทรุดลงไปกับพื้น
“คุณ!!” คนหน้าหวานตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นคนหน้าคมทำหน้าเหยเก
“ไม่เป็นไร” คนหน้าคมบอกคนหน้าหวานแล้วจึงก้าวขึ้นรถ เมื่อลูกน้องที่มีหน้าที่ขับรถเห็นอย่างนั้นจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
คนหน้าคมเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ เพราะเลือดที่ไหลออกมามาก คนหน้าหวานถอดเสื้อคลุมตนเองมาปิดห้ามเลือดไว้
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ” คนหน้าคมเริ่มมีน้ำใสๆไหล
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อึดจะตาย” คนหน้าคมบอกก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าภาพพร่ามัวไปหมด
“คุณๆๆ!!” คนหน้าหวานพยายามเรียกคนหน้าคมไว้
รถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลพอดี ก่อนจะรีบนำร่างคนหน้าคมขึ้นบนเตียงเข็นเข้าห้องผ่าตัดทันที เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นหุ้นส่วนกับคนหน้าคม จึงเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นที่ไม่ต้องทำเรื่องอะไรมาก
คนหน้าหวานที่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด น้ำใสๆก็ไหลออกมาจากตาตลอดไม่หยุดจึงได้แต่ภาวนา
“ขอให้ปลอดภัย”
ติดตามตอนต่อไปน๊า
ใครบังอาจทำร้ายเซนกันนะ! มีความลับอีกมากมายที่ทุกคนยังไม่รู้ ต้องรอติดตาม
คอมเม้นต์ติชมให้กำลังใจกันได้น๊า
“ก็ได้ค่ะ พี่จะรอจนกว่าเมลจะพร้อม” คนหน้าหวานถึงกับไม่อยากจะเชื่อว่าจะยอมง่ายๆ แต่ก็ดีเพราะตนยังไม่พร้อมจริงๆ
“คุณลุกไปอาบน้ำเถอะค่ะ” คนหน้าหวานรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะอยู่ท่านี้โดยมีแต่ผ้าขนหนู
“รู้แล้วๆ” คนหน้าคมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่คนหน้าหวานเตรียมไว้ให้และเสื้อผ้าเข้าไปด้วย
คนหน้าหวานจึงลุกขึ้นไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะค่อยๆชโลมครีมทาลงบนใบหน้าตนและเรือนร่าง ทาเสร็จก็สวมเสื้อตัวใหญ่กางเกงตัวหลวม ถ้าไม่ใส่อย่างนี้มีหวังไม่เหลือ
คนหน้าคมเดินออกมาจากห้องน้ำ นำผ้าขนหนูไปแขวนไว้ที่ราวและเดินตรงมายังเตียงนอนเมื่อเห็นคนหน้าหวานนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่จึงค่อยๆคลานเข้าไปหาก่อนจะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม
“เมลชอบอ่านหนังสือเหรอ” คนหน้าคมถาม
“ใช่ค่ะ ฉันชอบอ่านมากเลยค่ะ มันทำให้ฉันได้รู้อะไรมากมาย”
“ถึงว่าสิ อ่านเอกสารทีไร ไม่เคยจะพักสายตาเลย”
คนหน้าหวานเห็นว่าดึกแล้วจึงปิดหนังสือลงวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงและปิดไฟ จึงเกิดความมืดขึ้นมา คนหน้าหวานรู้สึกมีอะไรหยุกหยิกที่หน้าท้องจึงใช้มือไปจับดู ปรากฏว่าเป็นมือของคนหน้าคม ตีเข้าที่มือให้จนต้องดึงมือกลับไป คนหน้าหวานคิดว่าคงไม่ได้นอนแน่จึงเขยิบเข้าไปหาคนหน้าคม เพื่อจะได้กอดสะดวก
เช้าวันต่อมา
วันนี้เป็นวันหยุดของคนหน้าหวาน ส่วนคนหน้าคมก็หยุดซ้อมพักพอดีจึงนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง เพราะแสงแดดเข้าแยงตาคนหน้าคมทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น ด้วยความเหนื่อยหล้าจากการซ้อมด้วยจึงตื่นสาย พอได้ลืมตาตื่นมาเจอคนที่เรารัก มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ เผลอจ้องหน้าอันขาวเนียนนั้นนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ จนคนหน้าหวานลืมตาก็เห็นคนหน้าคมมองอยู่จึงขดตัวก้มหน้าลงซุกอกคนหน้าคม
“จ้องอะไรขนาดนั้นคะ”คนหน้าหวานรู้สึกเขินอาย
“ก็เมลน่ามองนิ่คะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ สายแล้วนะ” คนหน้าคมจุ๊บที่หัวคนหน้าหวาน
“คุณไปอาบก่อนเถอะค่ะ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อย”
“ก็ได้ค่ะ” คนหน้าคมจึงผละออกจากคนหน้าหวานลงจากเตียงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ ระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็คิดว่าวันนี้จะทำอะไรดี เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าควรพาไปเปิดตัวกับแด๊ด คนหน้าคมจึงรีบอาบน้ำและออกไปปลุกคนหน้าหวาน
“เมลตื่นเถอะค่ะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่พาไปที่ที่หนึ่งค่ะ” คนหน้าหวานที่ได้ยินอย่างนั้นจึงดีดตัวลุกขึ้นมาทันที
“ไปไหนคะ”
“ไม่บอกค่ะ ไปอาบน้ำเร็วค่ะ” คนหน้าหวานดึงคนหน้าหวานให้ลงจากเตียงแต่ด้วยความงัวเงีย จึงทำให้เผลอไปดึงผ้าขนหนูจนปมหลุดออก แต่คนหน้าหวานตั้งหลักได้ทันจับผ้าขนหนูไว้ก่อนจะหลุด
“คุณจับไว้ดีๆเลยนะ” คนหน้าหวานถึงกับโล่งใจที่ไม่ได้เห็นก้อนกลมๆนั้น ถ้าเห็นมีหวังฉันน่ะไม่รอดแน่
“เมลก็ลุกดีๆสิคะ” คนหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะจับผ้าขนหนูตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ลุกแล้วๆ”
ทั้งคู่ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยจึงลงมาข้างล่าง ก็เจอเข้ากับคุณกิตติคุณหญิงที่นั่งดูโทรทัศน์ จึงขออนุญาตพาไปข้างนอก
ขณะนี้ทั้งคู่อยู่บนรถ คนหน้าคมกำลังตั้งใจขับให้ช้ากว่าปกติ หากเผลอขับเร็วขึ้นมาได้โดนบ่นหูชาแน่ ในระหว่างทางทั้งคู่ไม่มีการคุยกันเลย เพราะก่อนออกมานั้น คนหน้าคมได้แอบคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ คนหน้าหวานมาเห็นก็รีบวาง จึงทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ไง
คนหน้าคมที่ตบไฟเลี้ยวมาจอดหน้าบ้านตนเอง รอประตูเปิดออกเมื่อขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน คนหน้าหน้าหวานก็ยังคงงงกับคนหน้าคมที่พามาทำไมกัน คนหน้าคมเปิดประตูเชิญคนหน้าหวานลงจากรถและพาเดินเข้าไปยังตัวบ้านก่อนจะต้องตะลึงกับความใหญ่โตในตัวบ้าน
“คุณพามาที่ไหนกัน” คนหน้าหวานรีบถามทันที
“บ้านพี่เองแหละ” คนหน้าคมยิ้มให้ คนหน้าหวาน ทั้งสองที่ยังคงยืนคุยกันก็มีร่างหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา
“คุณหนูของมาลีคิดถึงจังเลยยย~” มาลีหรือแม่นมของบ้านนี้เองเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดคนหน้าคม
“คิดถึงมาลีเหมือนกันค่ะ” คนหน้าคมกอดตอบ
“มาลีคะ นี่เมลค่ะ แฟนเซนเองค่ะ” คนหน้าคมแนะนำคนหน้าหวานให้กับแม่นมได้รู้จักก่อนจะเอ่ยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคนหน้าหวานให้รู้ ทำเอาคนหน้าหวานที่กำลังไหว้แม่นมต้องหันมาตีคนหน้าคมแก้อาการเขิน
“ในที่สุดคุณหนูก็เริ่มมีความรักกับเขาสักทีนะคะ” มาลีพูดด้วยความดีใจ
“เซนแค่สนใจแต่รถเท่านั้นเองค่ะ” คนหน้าคมพูดอย่างไม่คิดอะไรมากและจึงถามถึงแด๊ด “มาลีคะ แด๊ดอยู่ที่ห้องทำงานใช่มั๊ยคะ”
“ตอนนี้คุณท่านออกไปข้างนอกแล้วค่ะ เหมือนจะมีธุระนะคะเห็นรีบออกไป”
“แด๊ดนะแด๊ด เซนอุตส่าห์โทรบอกแล้วนะ” คนหน้าคมพึมพำกับตัวเอง แต่ไม่เบาพอจึงทำให้คนหน้าหวานได้ยิน
“ก่อนออกมาคุณคุยกับพ่อเหรอคะ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ”
“ก็กะเซอร์ไพรส์” คนหน้าคมยิ้มให้คนหน้าหวาน
“ค่ะ เซอร์ไพรส์สิคะ ทำฉันนอยด์คุณมาตลอดทางเลยนะ” คนหน้าหวานพูดด้วยอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
“พี่ขอโทษนะคะ” คนหน้าคมเข้าไปกอดออดอ้อนคนหน้าหวาน “ไปรอแด๊ดในห้องนั่งเล่นดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวมาลีนำของว่างไปให้นะคะ” แม่นมบอกกับทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว
“ค่ะ” คนหน้าคมหันมาตอบแม่นม
“ไปกันค่ะ” คนหน้าคมพาไปทั้งที่ยังกอดคนหน้าหวานอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
ทั้งคู่จึงนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกัน แหย่กันไปมา บ้างก็ชวนคนหน้าหวานดูรถกับตนเพื่อขอความเห็น บ้างก็ชวนเล่นเกมกับตน พอถึงเวลาเที่ยงทั้งคู่กะจะออกไปทานอาหารข้างนอก แต่ก็เจอกับแด๊ดพอดีจึงอยู่คุยกันก่อน
“แด๊ดไปไหนมาคะ” คนหน้าคมรีบถามคนเป็นพ่อที่กำลังทำหน้าเครียดอยู่
“ธุระน่ะ งั้นเอาเป็นว่ามาคุยเรื่องลูกก่อนดีกว่า” คนเป็นพ่อบอกก่อนจะเดินนำไปห้องนั่งเล่น
“เซนจะคุยเรื่องหมั้นค่ะ” คนหน้าคมเปิดประเด็น
“เรื่องนี้พ่อรู้แล้วว่าลูกยกเลิก แล้วใครกันที่ทำให้ลูกเปิดใจได้ล่ะ” คนหน้าคมรีบจีบมือคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆขึ้นมา
“คนนี้แหละแด๊ด” คนเป็นพ่อตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กของเพื่อน แต่ก็กลัวเรื่องความปลอดภัยอยู่
“ว้าวว ไม่คิดว่าลูกจะเปิดใจหนูเมลได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” คนหน้าคมทำหน้างง
“ก็หนูเมลเขาก็เหมือนกับลูกนั้นแหละ ไม่สุงสิงกับใคร สนแต่เรื่องเดียวที่เขาสนใจ” คนเป็นพ่อบอก ทำให้คนหน้าหวานเขินหน่อยๆที่คุณโจนาธารพูดอย่างนั้น
“งั้นก็คงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้คบกัน” คนหน้าคมพูดจบก็หันไปมองหน้าคนหน้าหวาน
“อ่ะแฮ่ม! อย่าเพิ่งมาหวานกัน เซนตามแด๊ดขึ้นไปบนห้องก่อน แด๊ดมีเรื่องต้องคุยด้วย” โจนาธารขัดจังหวะการหวานของลูกสาว ก่อนจะบอกให้ลูกสาวตามตนไปคุยกัน
คนหน้าคมจึงเดินตามผู้เป็นพ่อขึ้นห้องทำงานไป ทิ้งให้คนหน้าหวานนั่งอยู่คนเดียว ขณะที่นั่งรอนั้นก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน หน้าตาคลายคนหน้าคมจึงคิดว่าคงเป็นน้องสาว พอผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าโดนมองจึงหันมามอง เลยเดินเข้ามาหาคนหน้าหวานกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันเมลค่ะ” คนหน้าหวานแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ฉันแซนนี่ หรือเรียกแซนก็ได้ค่ะ” แซนนี่ที่เดินเข้ามาใกล้ๆก็ต้องตะลึงกับความสวย ก่อนจะดึงสติกลับมากล่าวทักทาย
“ฉันมากับคุณเซนน่ะค่ะ” คนหน้าหวานตอบให้หายสงสัย
“ค่ะ ฉันเป็นน้องสาวพี่เซนค่ะ” แซนนี่บอก
ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังเริ่มเครียดกับเรื่องบางอย่าง
“แด๊ดไม่ต้องห่วงหรอก เซนดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“แด๊ดไม่ห่วงแกหรอก แกมีลูกน้องมือดีคอยคุ้มกันอยู่แล้ว แต่แด๊ดห่วงหนูเมลมากกว่าไง” คนเป็นพ่อพูดด้วยความห่วง คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอาจจะมีอันตรายได้ ตอนแรกคิดว่าถ้าเป็นวรภพก็คงยังดูแลตัวเองได้ แต่นี่เป็นผู้หญิง จึงรู้สึกห่วงขึ้นมา ส่วนลูกสาวอีกคนน่ะไม่ต้องห่วง เพราะเอาตัวรอดไม่ได้ตลอดจากการเจอเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด จึงทำให้ลูกสาวทั้งคู่นั้นฝึกฝนร่างกายมาตลอด
“เดี๋ยวเซนส่งคนมือดีคอยคุ้มกันเมลเองค่ะ” คนหน้าคมบอกให้ผู้เป็นพ่อสบายใจขึ้น
เมื่อคุยกันเสร็จจึงไล่คนหน้าคมลงไปข้างล่าง เพราะคุยกันนานพอสมควร อีกอย่างแซนมันคงจะกลับมาแล้ว เกิดเห็นหญิงสาวที่ไม่รู้จักมานั่งในบ้านอาจเกิดการตบตีได้ ก็เป็นคนห่วงพ่อนิ่
“กลับมาแล้วเหรอ” คนหน้าคมที่เดินลงมาก็เห็นน้องสาวยืนคุยอยู่กับคนหน้าหวาน คนเป็นน้องได้ยินเสียงพี่สาวจึงรีบวิ่งเข้ามากอดอ้อนทันที
“คิดถึงพี่เซนจังเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงแซน” คนหน้าคมกอดตอบน้องสาวตน แล้วมองไปทางคนหน้าหวานคิดว่าคงแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว
“แซนปล่อยได้แล้ว” คนหน้าคมพยายามดันน้องออก เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมปล่อยซะที
“ปล่อยแล้วววๆ” คนหน้าคมจึงบอกกับน้องสาวถึงสถานะที่คงยังไม่รู้ เพราะคนหน้าหวานเป็นคนเขินง่ายคงจะยังไม่บอก
“เมลน่ะแฟนพี่นะ” คนเป็นน้องสาวที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าพี่สาวจะยอมเปิดใจกับใคร แถมยังเปิดใจให้กับสาวคนนี้ด้วย
“หะ! จริงดิ”
“จริงๆ พี่ไปก่อนนะ” คนหน้าคมพูดจบก็เดินไปหาคนหน้าหวาน
ก่อนจะพาไปทานข้าว คนหน้าคมพาคนหน้าหวานมาเดินชมรถสะสมของตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนคันที่ขับมาบ้านนี้เป็นอีกคันที่ดูท่าคนหน้าหวานจะสนใจ
ระหว่างทางที่คนหน้าคมกำลังขับรถนั้นสังเกตเห็นว่ามีรถคันหนึ่งตามมาตั้งนานแล้ว จึงรีบขับไปยังร้านอาหารที่คิดว่าคงจะปลอดภัยจากภัย จึงเลี้ยวเข้าจอดและรีบลงมาเปิดประตูพาคนหน้าหวานรีบเข้าร้านไป รีบสั่งอาหารและขอตัวคนหน้าหวานไปเข้าห้องน้ำ
“มีคนตามรถเซน ลองไปเช็คดูว่ามันเป็นใคร” คนหน้าคมกรอกเสียงผ่านเครื่องสื่อสารสั่งลูกน้อง เมื่อจบบทสนทนา คนหน้าคมจึงกดวาง และรีบเดินมายังโต๊ะอาหาร
ระหว่างทานอาหารนั้น คนหน้าคมจะคอยมองไปรอบๆบริเวณตลอด หากมีอะไรผิดสังเกต จะได้พาคนหน้าหวานหลีกหนีทัน แต่เหมือนว่าจะไม่มีอะไรจึงรีบทานอาหาร เสร็จ คนหน้าคมจึงพาคนหน้าหวานกลับไปส่งบ้าน แต่ดูเหมือนว่ารถคันที่ตามมานั้นจะไม่ตามมาแล้ว จึงผ่อนความเร็วลง ก็ดันมาโดนคนหน้าหวานบ่นว่าขับเร็วเกินซะงั้น
ขณะนั้นเอง รอบๆเริ่มไม่ค่อยมีรถสวนทางมา คนหน้าคมจึงเห็นว่ามีรถจอดปิดถนนอยู่ข้างหน้านั้นเอง เมื่อคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงรีบเลี้ยวรถกลับ
“ว้ายยย!!” คนหน้าหวานตกใจ
“เมลก้มลงไป อย่าเงยขึ้นมานะ” คนหน้าคมสั่งคนหน้าหวาน
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ” คนหน้าหวานที่ยังคงตกใจร้องถามคนหน้าคม
“เอาน่ะ ก้มลงไปค่ะ” คนหน้าคมเริ่มเหยียบคันเร่งมากกว่าเดิม
“ก็ได้ค่ะ” คนหน้าหวานที่คิดว่าถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาจึงยอมก้มลงไปแต่โดยดี
คนหน้าคมที่เริ่มขับเร็วขึ้น มองกระจกมองหลังก็เห็นรถยังคงตามมา และเห็นมีชายคนหนึ่งยื่นตัวออกมานอกรถจ่อกระบอกปืนมาทางรถ ไม่ทันไรก็ยิงมา
ปัง! ปัง!
“เสียงปืนนิ่คะ” คนหน้าหวานร้องบอกทั้งที่ยังคงก้มอยู่
“ค่ะ หลังจากนี้เราคงมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” คนหน้าคมบอกคนหน้าหวาน
เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล้อถูกยิง จึงทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างถนน คนหน้าคมจึงรีบก้มลงไปหยิบปืนที่ตนใส่ไว้บนรถทุกคัน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างนี้
คนหน้าหวานที่ตกใจจนไม่รู้จะทำยังไง คนหน้าคมจึงสั่งให้ลงไปอยู่ข้างรถ และรีบปีนตามคนหน้าหวานไป และหยิบปืนขึ้นมายิงสวนกับฝ่ายนั้น ก่อนจะยิงถูกชายสองคน คนของคนหน้าคมก็มาถึง
“คุณเซนเดี๋ยวพวกผมจัดการเองครับ”
“จับเป็นนะ” คนหน้าคมสั่งลูกน้องตนเองก่อนจะพาคนหน้าหวานขึ้นรถลูกน้องไป
พอฝ่ายนั้นเห็นจึงเล็งไปที่คนหน้าคม
ปัง! ปัง! ปัง!
จนถูกยิงเข้าที่หลัง ทำให้คนหน้าคมเริ่มจะทรุดลงไปกับพื้น
“คุณ!!” คนหน้าหวานตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นคนหน้าคมทำหน้าเหยเก
“ไม่เป็นไร” คนหน้าคมบอกคนหน้าหวานแล้วจึงก้าวขึ้นรถ เมื่อลูกน้องที่มีหน้าที่ขับรถเห็นอย่างนั้นจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
คนหน้าคมเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ เพราะเลือดที่ไหลออกมามาก คนหน้าหวานถอดเสื้อคลุมตนเองมาปิดห้ามเลือดไว้
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ” คนหน้าคมเริ่มมีน้ำใสๆไหล
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อึดจะตาย” คนหน้าคมบอกก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าภาพพร่ามัวไปหมด
“คุณๆๆ!!” คนหน้าหวานพยายามเรียกคนหน้าคมไว้
รถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลพอดี ก่อนจะรีบนำร่างคนหน้าคมขึ้นบนเตียงเข็นเข้าห้องผ่าตัดทันที เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นหุ้นส่วนกับคนหน้าคม จึงเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นที่ไม่ต้องทำเรื่องอะไรมาก
คนหน้าหวานที่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด น้ำใสๆก็ไหลออกมาจากตาตลอดไม่หยุดจึงได้แต่ภาวนา
“ขอให้ปลอดภัย”
ติดตามตอนต่อไปน๊า
ใครบังอาจทำร้ายเซนกันนะ! มีความลับอีกมากมายที่ทุกคนยังไม่รู้ ต้องรอติดตาม
คอมเม้นต์ติชมให้กำลังใจกันได้น๊า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ