หวานใจสาวนักดริฟ

-

เขียนโดย ไอติมโคนนี่

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 เป็นแฟนกันแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 7 เป็นแฟนกันแล้ว

            หลังจากวันนั้นคนหน้าคมก็ไม่ได้เจอคนหน้าหวานเลย เพราะว่าตนเองต้องซ้อมแข่งอย่างจริงจัง วันแข่งเข้าใกล้มาทุกทีแล้ว ถึงจะไม่ได้เจอกัน แต่ก็มีโทรคุยกันบ้างช่วงที่จะเข้านอนแค่นั้นเอง ความสัมพันธ์จึงไม่ค่อยคืบหน้าไปไหนเลย

            “ไอ้เซนนนน!!” เสียงเพื่อนตัวแสบตะโกนเรียก

            “อะไรวะ!?” คนหน้าคมที่นั่งเช็ดหมวกอยู่ในห้องตนเอง หันไปถามเพื่อน

            “ฉันจะแห้งตายแล้ววว!” เพื่อนตัวแสบล้มตัวนอนบนโซฟาตรงข้าม

            “ไม่ได้นอนกับสาวไม่ถึงกับตายหรอกเว้ย” ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นเหมือนกัน ก็ยังจะว่าเพื่อนอีก

            “งั้นเรามาลองกันมั๊ย” เพื่อนตัวแสบลุกมานั่งข้างๆคนหน้าคม

            “แกจะบ้าเหรอ นี่เพื่อนไง” คนหน้าคมละจากการเช็ดหมวกหันมาพูด

            “เออ ก็ร่างกายแกมันน่าหม่ำนิหว่า” เพื่อนตัวแสบมองร่างคนหน้าคมจากบนลงล่างอย่างรู้สึกวูบวาบ

            “อย่ามาทำสายตาอย่างนั้นกับฉัน” คนหน้าคมยังคงเช็ดหมวกต่อ

            “ลองแล้วจะติดใจนะบอกเลย” เพื่อนตัวแสบพูดทั้งที่ใช้นิ้วชี้วนที่หน้าขาคนหน้าคม

            “ไอ้คุณปณิธาน” คนหน้าเริ่มไม่พอใจจึงเรียกชื่อจริงเพื่อนตัวแสบ

            “หยุดนะโว้ยย!~ อย่าเรียกชื่อจริงฉัน” เพื่อนตัวแสบละจากขาคนหน้าคมมาปิดหูสองข้าง

            “ฮ่าๆๆ ทำไมแกไม่ไปเปลี่ยนชื่อล่ะ ถ้าไม่ชอบขนาดนี้” คนหน้าคมหัวเราะเยาะ

            “เออ ไม่รู้เว้ย ว่าแต่แกเหอะ น้องเมลถึงขั้นไหนแล้ว” คนหน้าคมเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงหยุดเช็ดหมวก ให้มาส่งยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า

            “เมลบอกว่าถ้ายังไม่ยกเลิกเรื่องหมั้น จะไม่ยอมคบด้วยหรือแม้แต่ แตะตัว” คนหน้าคมทำหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีที่พูดจบ

            “ฮ่าๆๆ แกไม่ต่างกับฉันหรอกเว้ย” เพื่อนตัวแสบหัวเราะเยาะ

            “เออ!” คนหน้าคมเริ่มรู้สึกอารมณ์ไม่ดีจึงไล่เพื่อนตัวแสบออกจากห้องไป ตนเองก็เอาแต่คิดถึงคนหน้าหวาน นี่ฉันจะทำยังไงดี จะยกเลิกหมั้นได้ยังไงกันนะ ระหว่างที่นอนคิดอยู่ ผู้จัดการสาวก็เปิดประตูเข้ามา

            “เซนไปซ้อมได้แล้ว จะได้กลับกัน” ผู้จัดการสาวบอก

            “เอ่ะ! ทำไมเลิกไวละคะ” คนหน้าคมทำหน้างง เพราะปกติกว่าจะเลิกก็เริ่มเย็น

            “เขาจะดูเรื่องรถด้วยน่ะ” คนหน้าคมพยักหน้ารับ และอยู่ๆก็มีความคิดดีๆแล่นเข้ามาให้ในหัว รู้แล้วว่าจะยกเลิกหมั้นได้ไง

            “พี่กาญๆ พี่ว่าคุณมาร์สหล่อหรือเปล่า” คนหน้าคมลองถาม

            “ก็หล่อดี ถามทำไมล่ะ” ผู้จัดการสาวเริ่มหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกย้อนไปตอนอยู่ทะเลกัน

            “ว่าแล้ว พี่ต้องชอบเขาแน่ๆเลย” คนหน้าคมเริ่มรู้สึกหนทางแห่งการรอด

            “ก็ไม่เชิง”

            “น้องสนับสนุนนะ เชียร์เต็มที่เลยล่ะ” คนหน้าคมยิ้มยิงฟันให้ผู้จัดการสาวที่ยังคงไม่เข้าใจ

            “ไม่เอาละ พี่ไม่กล้าจีบเขา”

            “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่าเดี๋ยวน้องช่วย” คนหน้าคมพูดจบจึงรีบออกไปข้างนอก ซ้อมเสร็จเร็วจะได้ไปเจอคนหน้าหวานเร็วๆ

            เมื่อซ้อมเสร็จผลการซ้อมออกมาดีเกินคาดจนถูกเอยแซว ว่าจะรีบไปไหน คนหน้าคมที่รีบวิ่งไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไว้และรีบขับออกไปทำให้ทุกคนถึงกับงงกัน

            “มันรีบไปไหนของมันวะ”

            “มันรีบไปหาว่าที่เมียมันค่ะ!” เพื่อนตัวแสบตะโกนบอกทุกคนเพื่อให้คลายความสงสัย แต่ก็เกิดประเด็นใหญ่ เมื่อได้ยินกันอย่างนั้น

            “ใครวะ”

            “ตอนนี้ยังคงตอบไม่ได้ รอฟังข่าวเอาแล้วกันค่ะ” เมื่อจบบทสนทนา จึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

            คนหน้าคมที่กำลังเหยียบคันเร่งไม่มีลดความเร็ว ไม่นานก็มาถึงบริษัท นำรถไปจอดยังที่เดิม และก่อนจะลงจากรถไม่ลืมที่จะคว้าช่อดอกไม้ไปด้วย คนหน้าคมวิ่งเข้าลิฟต์ไปเมื่อมีคนกำลังจะขึ้นไป

            เมื่อลิฟต์มาหยุดชั้นบนสุด คนหน้าคมรีบก้าวขาออกจากลิฟต์ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความดีใจที่จะได้เจอ และหยุดที่หน้า ประตูเช็คความเรียบร้อยก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู

            ก๊อกๆๆ

            “เชิญค่ะ” เสียงคนหน้าหวานอนุญาตได้ยินออกมา คนหน้าคมจึงเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับช่อดอกไม้ มองคนที่เอาแต่ก้มหน้าทำงานไม่มองผู้มาใหม่

            “อ่ะแฮ่มๆ” คนหน้าคมกระแอมไอเรียกความสนใจ

            “คุณ!!” คนหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องคลี่ยิ้มออกมา พร้อมกับลุกออกมาจากโต๊ะวิ่งเข้ามาหาคนหน้าคม

            คนหน้าคมยื่นช่อดอกไม้ในมือให้ คนหน้าหวานรับมาเชยชมดมกลิ่นดอกไม้ ทำให้ชื่นใจขึ้นมาก เมื่อนึกได้ว่าคนหน้าคมควรจะอยู่สนามซ้อม แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ตรงหน้าได้ไง

            “คุณว่างแล้วเหรอถึงมาหาฉัน?”

            “พอดีซ้อมเสร็จเร็วเลยรีบตรงมาหาเมลเลยค่ะ” คนหน้าคมยิ้มหน้าบาน “พี่ขอกอดหน่อยนะ คิดถึงอ่ะ” คนหน้าคมอ้าแขนออกทำเป็นจะเข้ามากอด แต่ก็โดนห้ามไว้ซะก่อน

            “ไม่ได้ค่ะ อย่าลืมที่ฉันบอกสิคะ” คนหน้าหวานเตือนคำที่เคยบอก

            “ก็ได้ค่ะ แล้วงานเป็นไงมั่ง มีตรงไหนไม่เข้าใจอีกมั๊ย?” คนหน้าคมถามเรื่องงาน

            “ไม่มีแล้วค่ะ เพราะคุณ ฉันเลยเข้าใจเร็วขึ้นมาก”

            “คงจะได้ขึ้นเป็นตำแหน่งประธานแล้วสินะ” คนหน้าคมยิ้มภูมิใจ “เมลทำงานต่อเถอะ พี่ขอนอนพักหน่อยนะคะ”

            “ได้ค่ะ” คนหน้าหวานเดินไปหยิบผ้าห่มมาให้ ก่อนที่จะห่มให้คนหน้าคม

            นาฬิกาชี้บอกเวลาใกล้เวลาเลิกงาน คนหน้าหวานเก็บเอกสารเข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกเดินไปหาคนหน้าคมที่ยังคงนอนหลับตา จะปลุกก็ไม่อยากรบกวนการพักผ่อน คนหน้าหวานทำได้แค่ปัดผมออกจากใบหน้าคมนั้น

            “เมล” คนหน้าคมเรียกชื่อคนหน้าหวานออกมาทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่

            “ละเมอ?” คนหน้าหวานยิ้มหัวเราะเบาๆ

            “เมล พี่คิดถึงเธอ” คนหน้าคมที่ยังคงหลับตา คว้าคนหน้าหวานที่นั่งมองอยู่ข้างๆเข้ามากอด ทำให้คนหน้าหวานตัวแข็งทื่อ แต่ก็ยอมกอดตอบคนหน้าคม

            “คิดถึงเหมือนกันค่ะ” คนหน้าหวานใช้ปากสัมผัสที่แก้มคนหน้าคมเบาๆ เพื่อไม่ให้คนหน้าคมรู้ตัว

            “ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นค่ะ” คนหน้าคมลืมตาตื่นขึ้นทั้งที่ยังกอดคนหน้าหวาน

            “คุณแกล้งละเมอ!” คนหน้าหวานพยายามดิ้นออก แต่ก็ไม่หลุด

            “ก็คนบางคนไม่ให้กอด ก็เลยต้องใช้แผนนี้ไงคะ” คนหน้าคมยอมปล่อยคนหน้าหวานให้เป็นอิสระ ก่อนจะยืดแขนขึ้น เพื่อไล่อาการเมื่อยออก

            “ค่ะ ยอมให้แค่ครั้งนี้นะคะ” คนหน้าหวานบอก แล้วจึงเข้าไปสวมกอด

            “ค่ะ พี่มีวิธียกเลิกเรื่องหมั้นแล้วนะ” คนหน้าหวานรีบผละจากคนหน้าคมออกมามองหน้า

            “ก็แค่จะจับคู่ให้พี่มาร์ส ไม่ต้องห่วงว่าคือใคร แน่นอนว่าเหมาะสมกัน” คนหน้าคมยักไหล่ให้

            ถึงเวลาเลิกงาน ทั้งคู่ขับรถออกมาเพื่อที่จะไปยังบ้านกาจสกุล เมื่อรถเลี้ยวรถเข้ามายังตัวบ้าน คนหน้าคมที่มาถึงก่อนจึงเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ แล้วเข้ามานั่งรอคนหน้าหวานที่ห้องนั่งเล่น สักพักเสียงรถคนหน้าหวานก็เข้ามาในตัวบ้านและดับลง ที่มาไม่พร้อมกันเพราะตลอดมาที่คนหน้าคมไม่ว่างคนหน้าหวานจึงขับรถไปทำงานเอง

            เมื่อคนหน้าหวานเข้ามาเจอคนหน้าคมจึงทำหน้ายู่ใส่ นี่ขนาดขับรถออกมาก่อนแต่ยังมาถึงทีหลังไง

            “คุณขับรถเร็วเกินไปแล้วนะคะ” คนหน้าหวานที่เดินมานั่งข้างคนหน้าคมพูดขึ้น

            “พี่ขับคนเดียวมันชินแบบนี้นิ่คะ” คนหน้าคมแก้ตัว

            “ถึงยังนั้นก็ควรช้าลงหน่อยค่ะ นี่บนถนนมีรถวิ่งเยอะแยะค่ะ” คนหน้าหวานพูดเตือน

            “แก้ไม่ได้หรอกค่ะ แต่จะพยายามแก้ให้ได้ค่ะ” คนหน้าคมบอก สายตาหันไปเห็นวรภพที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปพอดี คนหน้าคมจึงตะโกนเรียก้

            “พี่มาร์สสสส” คนหน้าคมลุกวิ่งตามไป คนหน้าหวานถึงกับต้องส่ายหัวไปมากับการทำตัวเป็นเด็กๆ

            คนหน้าคมที่วิ่งมาถึงไม่รอช้าเริ่มเปิดประเด็นทันที เพื่อจะได้ไม่มีใครมาได้ยินเรื่องที่พูด

            “เราต้องเคลียร์เรื่องหมั้นให้จบกันวันนี้เลยนะคะ” คนหน้าคมทำหน้าจริงจัง

            “อ่า ที่จริงพี่บอกพ่อไปว่าพี่มีคนที่ชอบแล้ว”

            “หะ! ใครคะพี่” คนหน้าคมทำตาตื่นตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น

            “ก็แค่บอกไปน่ะ” วรภพเอามือเกาหัวแก้เก้อ

            “พี่ว่าผู้จัดการเซนเป็นไง สวยมั๊ย” คนหน้าคมเริ่มลองๆถามความเห็นดู เผื่อคู่นี้จะได้คบกันจริงๆ

            “ก็สวยดีนะ” วรภพทำหน้านึกถึงสิริกาญและยิ้มออกมา

            “ถ้าพี่ชอบก็จีบเลย เซนเชียร์เต็มที่ค่ะ”

            “แต่พี่ยังไม่รู้จักกันดีเลยนะ”

            “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้จัดการเซนเขาเพียบพร้อมทุกอย่างค่ะ เขาเป็นเจ้าของไร่แห่งหนึ่งที่ใหญ่มากเลยค่ะ” คนหน้าคมเริ่มอวยผู้จัดการสาวให้วรภพฟัง

            “ก็ได้พี่จะลองดู” วรภพรับปากว่าจะเริ่มจีบสิริกาญ

            “พี่จีบติดแน่นอนเชื่อเซน” คนหน้าคมชูนิ้วโป้งขึ้นให้ด้วยความมั่นใจ

            “จ้าๆ”

            “เคลียร์วันนี้เลยค่ะ เซนจะได้เดินหน้าเรื่องเมลได้สักที”

            “ถึงว่าทำไมเร่งเรื่องพี่จัง”

            “นะคะๆ เซนจะขออนุญาตคบกับเมลต่อเลย” คนหน้าคมสายตาวิ้งๆให้

           “จะรวดเร็วอะไรขนาดนั้น” วรภพถึงกับต้องส่ายหน้าไปมากับการรุกที่รวดเร็วตลอด

            เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น คนหน้าคมจึงเลือกนั่งข้างคนหน้าหวาน และคอยตักอาหารให้ตลอดเวลา จนทำให้คุณกิตติเอ่ยขึ้น

            “เซนจะเอาใจเมลเยอะเกินไปแล้วนะ” คุณกิตติพูดหยอกๆ

            “ก็นิดนึงค่ะ” คนหน้าคมพูดออกมาด้วยท่าทางดีอกดีใจที่ได้ร่วมโต๊ะทานอาหารกับครอบครัวนี้

            “ทุกคนครับ หลังทานข้าวเสร็จอยู่คุยกันต่อนะครับ” วรภพกลั้นใจพูดออกไป

            “จะคุยเรื่องหมั้นใช่มั้ย” คุณกิตติที่เห็นก็รู้จึงเอ่ยออกไป ทุกต่างเงียบตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้าตนเองให้เสร็จและลุกไปนั่งในห้องนั่งเล่น พออยู่กันพร้อมหน้า วรภพจึงเปิดประเด็น

            “ผมจะยกเลิกการหมั้นครับ” คุณหญิงได้ยินอย่างนั้นจึงเอ่ยขึ้นมา

            “ลูกแน่ใจใช่มั๊ย? แล้วหนูเซนล่ะแน่ใจใช่มั๊ย?” คุณหญิงถามลูกชายตนและหันไปถามคนหน้าคม

            “ครับ/ค่ะ” ทั้งคู่พยักหน้ารับ

            “เพราะอะไรล่ะ ขอเหตุผล?” คุณกิตติพอจะเข้าใจอยู่แล้ว แต่ต้องขอถามซะหน่อย

            “เราทั้งคู่ต่างก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ” วรภพบอกหน้าตาย คุณกิตติจึงหันไปถามคนหน้าคมบ้าง ลองดูซิว่าจะตอบยังไง

            “เซนมีใครในใจแล้วเหรอ”

            “มีแล้วค่ะ” คนหน้าคมจับมือคนหน้าหวานแน่น เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่าตัวเองจะไม่ปล่อยมือไปไหน คนหน้าหวานที่นั่งฟังเขาคุยกัน ต้องรู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อโดนจับมือ

            “ใครกันที่ได้ใจเซนไป” คุณกิตติเริ่มต้อนคนหน้าคม

            “งั้นเซนจะขออนุญาตเลยนะค่ะ” คนหน้าคมพูดออกมา พร้อมกับจับมือคนหน้าหวานขึ้นมาไว้บนตักตัวเอง

            “เมลอยู่ในใจเซนตั้งแต่แรกเจอแล้วค่ะ เซนขออนุญาตคบกับเมลนะคะ” คนหน้าคมพูดออกมาด้วยความจริงใจและหนักแน่น คนหน้าหวานที่ไม่คิดว่าคนหน้าคมจะมาขอคบอะไรแบบนี้กับผู้ใหญ่ ถึงกับเขินอายจนต้องก้มหน้าเขินอาย ผู้ใหญ่ทั้งสองที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็อยากได้คนหน้าคมมาอยู่ในครอบครัวอยู่แล้ว ความสามารถมีพร้อมทุกอย่าง ให้มาดูแลลูกสาวคนเล็กก็ดีเหมือนกัน จะได้คอยสอนอะไรต่างๆ

            “พ่อกับแม่น่ะรู้อยู่แล้วละ” คุณกิตติเอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะ หึๆ ทำให้ทั้งสองคนหน้ารู้สึกเขินอายขึ้นมา ก็เล่นจู่โจมกันซะขนาดนั้น ไหนจะคอยไปรับไปส่ง อยู่ด้วยกันตลอด สายตาที่บ่งบอกออกมาอย่างหวานซึ้งอีก ใครมองไม่ออกก็บ้าแล้ว

            “แล้ววว?” คนหน้าหวานเงยหน้าขอคำตอบ

            “ไม่ได้ว่าอะไรหรอก คนนี้พ่ออนุญาต” คนหน้าหวานและคนหน้าคมจึงลุกขึ้นเดินไปกอดท่านทั้งสอง

            “ขอบคุณนะคะ/ขอบคุณนะคะ” ทั้งสองท่านโอบกอดทั้งคู่ไว้ และเงยหน้าถามถึงคนที่วรภพชอบคือใคร

            “มาร์สลูกพาคนของลูกมาแนะนำตัวด้วยล่ะ” วรภพจึงพยักหน้ารับ

            คุยกับจบจึงแยกย้ายกันไปนอน ส่วนคนหน้าคมได้รับคำชวนให้ค้างคืนที่นี่และสามารถนอนห้องเดียวกันกับคนหน้าหวานได้ ขณะนี้คนหน้าหวานกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ คนหน้าคมจึงนั่งรออยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์

            เมื่อคนหน้าคมได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบวิ่งไปหน้าห้องน้ำ พบกับคนหน้าหวานที่นุ่งผ้าขนหนู ร่างกายเต็มไปด้วยหยดน้ำ กำลังจะก้าวออกมาพอดี จึงเดินเข้าไปกอด โดยคนหน้าหวานยังไม่ทันตั้งตัวทำให้เกือบจะลื่นล้ม

            “คุณเล่นไรเนี่ย ฉันเกือบล้มแล้วนะ” คนหน้าหวานต่อว่า

            “แต่ตอนนี้พี่ก็กอดเมลอยู่ไงคะ” คนหน้าคมส่งยิ้มให้

            “ฉวยโอกาสตลอด” คนหน้าหวานบ่นนิดๆ

            “ตอนนี้เราคบกันแล้วนะคะ”

            “ตอนไหนคะ ไม่เห็นได้ยินเลย” คนหน้าหวานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

            “เป็นแฟนกับพี่นะคะ” คนหน้าคมพูดจบจึงก้มไปหาริมฝีปากที่รอคอยจะสัมผัสอยู่ ทั้งคู่ค่อยขยับริมฝีปากรับรสจูบอันหวานที่ไม่ได้รับมานานก่อนจะปล่อยออกเพื่อรอคำตอบจากคนหน้าหวาน

            “ค่ะ” คนหน้าหวานยิ้มหวานส่งให้

            “เป็นแฟนกันแล้วนะคะ” คนหน้าคมยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ เมื่อคนหน้าหวานเห็นอย่างนั้นจะผลักออกแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว คนหน้าคมอุ้มคนหน้าหวานขึ้นตรงไปยังที่เตียงนอนขนาดคิงไซส์ ก่อนจะค่อยๆวางคนหน้าหวานนอนลง

คนหน้าหวานรีบจับผ้าขนหนูแน่นราวกับกลัวมันจะหลุดออก สายตาคนหน้าคมที่บ่งบอกว่าต้องการอะไร คนหน้าหวานเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นกอดคอคนหน้าคมให้นอนคร่อมตัวตนเอง

“ยังไม่ใช่ตอนนี้นะคะ” ด้วยความอยากแกล้งคนหน้าคม จึงพูดออกไปอย่างนั้น

“อีกอย่างฉันยังไม่พร้อมค่ะ”

 

 

 

ติดตามตอนต่อไปกัน

เอ้า! ซะงั้นอ่ะ เซนผู้น่าสงสาร ต้องทนรอต่อไป

คอมเม้นต์ติชม ให้กำลังใจกันได้น๊า

 

 

 

           

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา