หวานใจสาวนักดริฟ
เขียนโดย ไอติมโคนนี่
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 ต้องจีบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3 ต้องจีบ
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ!” คนหน้าคมทำหน้าเหวอเมื่อวรภพทำตากระหยิ่มยิ้มมองมาที่ฉันกับคนหน้าหวาน
“ฮ่าๆ จะแก้ตัวอะไรขนาดนั้นล่ะ พี่เห็นหายไปนานเลยมาตาม” วรภพกอดอก ยิ้มหัวเหราะ
“ค่ะๆ” คนหน้าคมทำหน้าเจื่อนลง
“แล้วเราอ่ะเมลหายไปตั้งนาน มาอยู่นี่เองเหรอ” วรภพหันไปถามน้องสาวที่ยืนทำหน้าบึ้งใส่คนถาม
“ค่ะ ไปค่ะ ไปนั่งรอดูคุณเซนซ้อมดีกว่า” คนหน้าหวานเดินเข้าไปคล้องแขนพี่ชายเดินนำออกไปข้างนอก ก่อนจะหันมาพูดกับคนหน้าคม
“ตามมาเร็วๆสิคะ ฉันอยากดูการซ้อมของคุณจะแย่แล้ว” คนหน้าหวานส่งยิ้มอันน่ารักให้คนหน้าคม จากนั่นก็เดินหายลับตาไป
คนหน้าคมที่ยืนยิ้มทำหน้าเคลิ้มอยู่ ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อเพื่อนตัวแสบเข้ามาตอนไหนไม่รู้เข้ามากอด มือลูบหน้าฉัน
ฉันจะย้อนความให้ฟัง ก่อนที่ฉันจะเป็นเพื่อนสนิทกับปอ เจอกันครั้งแรกที่สนามแข่งนี่แหละ ฉันเคยโดนเพื่อนตัวแสบขายอ้อยให้ฉัน นางตามติดฉันแทบทุกเวลา ฉันตัดสินใจบอกว่าฉันนั้นไม่ชอบใครทั้งนั้นแหละ ฉันชอบรถ ชอบสะสมรถ ชอบความเร็ว พอเจ้าตัวได้ยินอย่างนั้นก็ชอบใจสิ จีบใครติดหมดยกเว้นฉันไง เจ้าตัวยิ่งชอบใจใหญ่เมื่อได้ยินว่าสะสมรถ ขอร้องฉันให้พาไปดูบ้าง ฉันจึงพามาที่บ้าน เจ้าตัวถึงกับวิ่งไปดูใกล้ๆ สัมผัสตัวรถเบาๆอย่างกลัวมันจะเจ็บ พอใจคันนี้ก็ดูคันถัดไปเรื่อยๆ ตอนนั้นมีแค่ 4-5 คันเอง อย่างที่บอกไป ฉันมีเงินเก็บเยอะ จนปัจจุบันมีเป็นสิบกว่าคันแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเราสองคนเลยสนิทกัน
“เอามือออกไปเดี๋ยวนี้ ไปซ้อมกันได้แล้ว” กดคิ้วต่ำมองเพื่อนตัวแสบที่เตี้ยกว่าฉันนิดหน่อย
“ซ้อมอะไรเหรอ ซ้อมจูบ?” เพื่อนตัวทำปากจะจูบ ก็ต้องโดนคนหน้าคมตบปากเข้าให้
“ซ้อมแข่งเว้ย! คืนนี้ไปผับกันฉันมีเรื่องจะปรึกษา” คนหน้าคมจับคางตัวเองมองเพื่อนตัวแสบตอบตกลง
“งั้นไปผับใหม่กัน เดี๋ยวส่งโลเคชั่นให้แกนะ แกเลี้ยงนะ” คนหน้าคมพยักหน้าตกลง จากนั้นทั้งคู่จึงออกไปเตรียมตัวซ้อม
เมื่อคนหน้าคมก้าวลงสู่สนาม สายตามองไปยังทางคนที่รอดูการซ้อม คนหน้าคมจึงโบกมือให้ ได้การตอบรับกลับมาด้วยการยื่นมือข้างขวากำหมัดออกมา เหมือนเป็นการชนหมัดกัน คนหน้าคมจึงส่งกลับให้คุณกิตติเช่นกัน ส่วนคนทั้งสองที่นั่งข้างๆได้แต่ส่งยิ้มให้ คนหน้าคมจึงค่อยๆสวมหมวกกันน็อค แล้วจึงก้าวขาขึ้นไปบนตัวรถ สตาร์ทเครื่องยนต์
เมื่อสัญญาณไฟส่องสว่างจากสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถคนหน้าคมพุ่งตัวออกไปในพริบตา เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ความเร็วของรถยนต์ทำให้สายตาของคนทั้งสองที่ไม่เคยเห็นการขับขี่อะไรเร็วขนาดนี้ถึงกับตะลึง ต่างกับคุณกิตติที่ยิ้มชอบใจกับความเร็วรถคันนั้น
ในขณะที่รถยนต์มาเข้าโค้งใกล้ๆทั้งสามคน ทั้งสองที่เสียวกับการมันจะหลุดโค้ง ถึงกับหลับตาทำหน้าเหยเกหันหนี คุณกิตติที่เห็นลูกทั้งสองเห็นอย่างนั้น จึงพูดขึ้น
“ลูกเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่ต้องกลัวกันขนาดนั้น ฮ่าๆ” คุณกิตติบอกลูกๆทั้งสองคน
“ก็เพิ่งจะเคยมานั่งดูติดขอบสนามขนาดนี้ก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาสิครับ” ลูกชายพูดออกมาทั้งที่ขนแขนยังลุกอยู่เลย
“ใช่ค่ะ” คนหน้าหวานตอบรับกับคำพี่ชายตน
“พ่อครับ ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่อยากคบกับผู้หญิงที่มีความแมนแบบนี้หรอก” ลูกชายบอกพ่อของตนอย่างตรงไปตรงมา
“ไอ้ลูกคนนี้ ไม่เข้าใจเลยหรือไง ผู้หญิงแบบนี้แหละดี เห็นอย่างงี้แต่ยังมีความอ่อนโยนนะ”
“ครับๆ ตามที่ตกลงกันไว้นะครับ ถ้าไม่โอเคผมไม่หมั้นนะครับ”
“เอาน่ะ คุยๆกันไป” คุณกิตติตอบปัดๆไป เพราะเขาอยากเห็นครอบครัวสองตระกูลเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณกิตติหันไปหาลูกสาวบ้างเห็นไม่พูดอะไรเลย
“เมล ลูกดูการซ้อมดีๆล่ะ เพราะลูกต้องได้มาที่นี่ครั้งที่สองแน่” คุณกิตติลูบหัวลูกสาวสุดที่รัก
“ค่ะ จะดูให้ชินตาเลยค่ะ” คนหน้าหวานที่กำลังจับจ้องกับการขับขี่ของคนหน้าคมอยู่ตอบกลับพ่อตน
ทางฝ่ายคนหน้าคมที่กำลังตั้งใจซ้อมอยู่ พยายามเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อทำลายสถิติตน ทุกครั้งพอลงสนาม คนหน้าคมจะเปลี่ยนเป็นคนละคน
พอคนหน้าคมเห็นสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงจึงค่อยๆลดความเร็วลง จนรถหยุด คนหน้าคมจึงเปิดประตูลงมาจากรถ ถอดหมวดออก สะบัดผมไปมาเพื่อไล่ความร้อนออก รูดซิปชุดออกนิดหน่อยรับลมเย็นๆ
ทางฝั่งคนดูที่เห็นว่ารถจอดสนิทแล้วจึงเดินเข้ามาหาคนหน้าคม คุณกิตติยกนิ้วโป้งให้ว่าเก่งจริงๆ
“เซนเก่งมากเลยนะครับ” วรภพกล่าวชม ทำให้ผู้เป็นพ่อพอใจอย่างมาก
“ธรรมดาค่ะ” คนหน้าคมตอบรับด้วยความมั่นใจของตน ว่าแน่นอนอยู่แล้ว
“คุณนี่ไม่กลัวเลยหรือไง ขับเร็วมากเลยนะคะ” คนหน้าหวานที่ยังคงตะลึงกับความเร็วพูดขึ้น
“ไม่ค่ะ พี่ชอบความเร็วนี่คะ”
“แล้วไม่กลัวแบบว่า หลุดโค้ง หรือคุมไม่อยู่เหรอคะ?”
“ไม่ค่ะ พี่เชื่อว่าพี่คุมอยู่”
ทั้งสองคนจ้องตากันอย่างไม่ยอมกัน คนหน้าคมเห็นอย่างนั้นจึงยกยิ้มมุมปาก เปิดประเด็นขึ้นมา
“ไม่เชื่อวันหลังมานั่งข้างพี่ตอนซ้อมนะคะ” คนหน้าคมพูดจบ หันไปขอตัวกับคุณกิตติ เพื่อไปดูสถิติของตนและฟังว่าควรเข้าโค้งยังไงให้ดีกว่านี้จากโค้ช
คนหน้าหวานที่แค่อยากจะพูดแหย่ๆ โดนเอาคืนซะไปไม่ถูกเลย
“เป็นไงล่ะ ลูกสาวพ่อ โดนเข้าแล้ว” คุณกิตติส่ายหน้าไปให้กับคนหน้าหวาน
“พ่อคะ เมลไม่กล้าไปนั่งหรอกนะคะ”
“ไม่ต้องกลัว พ่อเคยโดนแบบลูกมาแล้ว ฮ่าๆๆ” คุณกิตติปลอบใจลูกสาว และยังบอกว่าตนเองนั้นก็เคยทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน
วรภพที่ขอตัวมาเข้าห้องน้ำ ก็มาเจอกับผู้จัดการสาวของเซนเข้าให้ วรภพเห็นจึงทักถาม
“คุณผู้จัดการของเซนใช่มั๊ยครับ?”
“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ผู้จัดการสาวที่โดนทักถึงกับเขิน บิดตัวไปมา
“คุณกาญช่วยบอกทางไปห้องน้ำหน่อยได้มั๊ย ผมเพิ่งเคยมาที่นี่เลยไม่รู้ครับ”
“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็เจอแล้วค่ะ” ผู้จัดการสาวบอกทางพร้อมทำมือบอก
“ขอบคุณนะครับ” วรภพกล่าวขอบคุณเสร็จจึงเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ส่วนผู้จัดการสาวยังคงดีอกดีใจ ที่ได้พูดคุยด้วย ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ใครเห็นก็ต้องชอบ
คนหน้าคมรู้สึกยังไม่พอใจกับการซ้อมจึงจะซ้อมอีกสักรอบกำลังจะสวมหมวกกันน็อค นึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรกับคนหน้าหวานไว้จึงเดินไปหาคนหน้าหวาน
“เมล มากับพี่ ไปรับลมหน่อยกัน” คนหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์
“คะ อย่าบอกนะว่าจะให้ไปนั่งด้วย” คนหน้าหวานถึงกับทำหน้าเหวอ วรภพที่กลับมาจากห้องน้ำทันได้ยินพอดี จึงหัวเราะออกมา ผลักน้องสาวให้คนหน้าคม
“ไปค่ะ” คนหน้าคมเดินจูงมือพาไปยังรถ
คนหน้าคมที่ไปหาหมวกของตนที่ยังไม่เคยใส่ สวมให้คนหน้าหวานปรับให้เข้าที่ แล้วเดินจูงมือไปขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ เสร็จก็เดินไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นไปนั่ง คนหน้าคมสวมหมวก คาดเข็มขัดนิรภัยของตนเองเสร็จ หันไปพูดกับคนหน้าหวานว่า
“รับรองว่าสนุกค่ะ” คนหน้าคมยกนิ้วโป้งให้
ส่วนคนหน้าหวาน ตัวแข็งถือไปหมดแล้วตั้งแต่เข้ามานั่งบนรถ
เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เครื่องยนต์ที่สตาร์ทไว้อยู่แล้ว พุ่งตัวออกไปอย่างเร็วเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น พร้อมกับเสียงกรี๊ดของคนหน้าคม
ทางสองพ่อลูกหัวเราะกับเสียงกรี๊ดคนหน้าหวาน วรภพรู้สึกสงสารน้องสาว แต่ก็ดีใจที่ตนไม่ได้ลั่นวาจาแบบน้องสาวออกไปเลยรอดตัวมาได้
คนหน้าคมที่กำลังเร่งเครื่องเร็วขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินเสียงคนหน้าหวานตะโกน
“พอแล้วๆ ไม่ไหวแล้วค่ะ” คนหน้าคมที่ได้ยินอย่างนั้นยิ่งเร่งเครื่องเร็วขึ้นไปอีก
พอจบการซ้อม คนหน้าหวานวิ่งไปกอดพ่อของตน ฟ้องเป็นเด็กๆเลย
“พ่อคะ คุณเซนเขาแกล้งหนูค่ะ บอกว่าพอก็ยิ่งเร่งเครื่อง”
“เมลนี่เหมือนกับคุณกิตติเลยนะคะ” คนหน้าคมนึกย้อนไปถึงตอนที่ลองให้คุณกิตติมาลองนั่งข้างๆ ทุกอย่างเหมือนกับเมล เป๊ะๆ
“ดีนะที่ผมไม่ได้พูดอะไรมาก” วรภพรู้สึกดีใจเหลือล้น
“พี่มาร์สจะลองก็ได้นะคะ” คนหน้าคมพูดแหย่ๆ
“ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากนั้นทั้งสามก็ขอตัวกลับบริษัทกันไป คนหน้าคมจึงกลับไปยังห้องตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่คนหน้าคมอาบน้ำอยู่ ผู้จัดการสาวมาเคาะเรียกที่ห้องน้ำ
ก๊อกๆๆ
“เซน พี่รออยู่นะ รีบอาบให้เสร็จเร็วๆเข้า” ผู้จัดการสาวสิริกาญต้องมาเร่งคนหน้าคมเพราะว่า ตัวเองมีธุระต้องไปทำต่อ
พอคนหน้าคมได้ยินอย่างนั้นจึงตอบกลับ
“เร็วๆไม่ได้ค่ะ ได้แต่ไวไว” คนหน้าคมกวนผู้จัดการสาว ทำให้ได้รับผลตอบรับกลับที่ดี
“เออ! น้องเซนชอบเหรอคะ ที่ต้องให้ขึ้นเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ จะรีบอาบค่า” คนหน้าคมได้แหย่แล้วจึงรีบอาบน้ำ
“ว่าไงคะ มีงานอะไรมาเพิ่มเหรอคะ” คนหน้าคมนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามผู้จัดการสาว
“ก็เปล่าหรอก จะบอกว่างานที่จะไปถ่ายแบบพรุ่งนี้เขาขอเลื่อนไปอาทิตย์หน้า” ผู้จัดการสาวชี้แจงให้ทราบ “พี่เลยคิดว่า อาทิตย์นี้ พี่จะไปดูงานที่ไร่พี่ซะหน่อย เห็นว่าองุ่นออกเยอะเลย”
“เฮ่ อย่างนี้น้องก็เหงาสิคะ” คนหน้าคมทำน่าเศร้า กะพริบตาปริบๆ
“พี่รู้นะ ว่าดีใจน่ะ” ผู้จัดการสาวรู้ทัน
“งั้นเซนขอตัวกลับคอนโดนะคะ ขอไปพักเอาแรงหน่อย”
“จะไปผับกับปอว่างั้น”
“รู้ทันตลอดอ่ะ”
“ระดับนี้แล้ว”
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป คนหน้าคมเห็นเพื่อนยังซ้อมอยู่ เลยส่งไลน์ย้ำไว้เพื่อไม่ให้ลืมที่นัดไว้
จากนั้นคนหน้าคมจึงรีบขับกลับมายังคอนโดจะได้รีบพักผ่อน เพราะคืนนี้คงดึกแน่ ไปกับปอไม่เคยได้กลับก่อนเที่ยงคืนหรอก เอะอะชนแก้วๆ
หลังจากพักผ่อนเพียงพอ คนหน้าคมจึงลุกไปอาบน้ำแต่ตัว ด้วยเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนดำ รองเท้าบูทหุ้มข้อดำ เมื่อรู้สถานที่ คนหน้าคมจึงคว้ากุญแจรถเมื่อเช้า ขับไปยังที่เพื่อนตัวแสบส่งมาให้ ไม่นานก็มาถึง เป็นร้านที่ใหญ่พอสมควร สำหรับพวกมีเงินเข้า
เมื่อเดินเข้าประตูมาหลายสายตาต่างจับจ้องมาที่คนหน้าคม ด้วยเสื้อที่กระดุมบนไม่ได้ติดสองเม็ด ทำให้เป็นอาหารตาชั้นดี สำหรับหนุ่มสาวที่กำลังจับจ้อง คนหน้าคมหยุดยืนใช้สายตามองหาเพื่อนตัวแสบ แต่หนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก
“เซนมาคนเดียวเหรอครับ” หนุ่มที่เดินเข้ามาทักถาม
“พอดีมากับเพื่อนค่ะ” คนหน้าคมรู้สึกเบื่อหน่ายกับชายหนุ่มจอมตื๊อคนนี้มาก ตามจีบไม่เลิก แล้วยังจะมาเจอกันที่นี่อีก หมดสนุกกันพอดี
“ผมขอนั่งด้วยได้นะครับ”
“ตามใจค่ะ” เมื่อสายตาเห็นเพื่อนตัวแสบ นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมอับ คนหน้าคมจึงรีบเดินไปที่โต๊ะทันที ชายหนุ่มจึงเดินตามไป
“แกมาช้านะ เมื่อกี้นี้มี....?” สายตาเพื่อนตัวแสบบ่งบอกได้เลยว่า ‘มันมาได้ไง’ เพื่อนตัวแสบรู้ดีว่าเขาตามจีบฉันมานานแล้ว
“ผมขอร่วมด้วยนะครับ” เมื่อคนหน้าคมนั่งลง หนุ่มนั่นจึงนั่งลงข้างๆ เขาเป็นใครนะเหรอ ก็แค่หนุ่มเพลย์บอยที่ อยากได้ร่างกายฉัน เห็นฉันเป็นนักแข่งอย่างนั้น แต่ฉันก็ยังมีความเป็นผู้หญิง หน้าอกหน้าใจฉัน ร่างกายฉันมันล่อตาไง แต่ไม่เคยได้สนใคร ฉันชอบรถมากกกกกก เลยไม่เคยเข้าใจความรัก
“แกกินไรอ่ะ เดี๋ยวสั่งให้ เหมือนเดิมป่ะ” เพื่อนตัวแสบที่รู้ใจฉันถาม
“อืม” คนหน้าคมตอบสั้นๆ เพื่อนตัวแสบจึงเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่ง
“เอาเตกีล่ามา”
สักพักก็มาเสิร์ฟ คนหน้าคมจึงเทใส่ให้ชายหนุ่ม และเทให้ตัวเอง เพรียวๆ ชนแก้วกับชายหนุ่ม คนหน้าคมกระดกรวดเดียวหมด ชายหนุ่มไม่แพ้กัน
ดื่มไปจนจะหมดขวด ชายหนุ่มรู้สึกมึนเมา มือไม้เลื้อยตามขาคนหน้าคม แต่โดนปัดออก ชายหนุ่มไม่พอใจ จึงเริ่มโวยวาย
“จับนิดจับหน่อยไม่ได้เลยหรือไงวะ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างเกรี้ยวกราด
“เพื่อนฉันไม่เล่นด้วยก็เลิกยุ่งเหอะ” เพื่อนตัวแสบที่เห็นแล้วรกลูกตาจึงตวาดไป
“แล้วไง ใครๆก็อยากได้ฉันทั้งนั้นแหละ”
“แต่เพื่อนฉันไม่ไง”
ทั้งคู่เริ่มเถียงกันเสียงดัง ผู้ดูแลความปลอดภัยจึงเข้ามาแยกชายหนุ่มออกไป เมื่อสถานการณ์สงบ ทางเจ้าของร้านที่ลงมาดู เข้ามาถามไถ่
“ไม่มีเป็นอะไรนะคะ” เพราะโต๊ะที่นั่งเป็นแบบ VIP จึงเป็นการดูแลอย่างดี
“ไม่เป็นไรค่ะ” เพื่อนตัวแสบตอบอย่างอารมณ์ที่ยังร้อนอยู่
“มีอะไรกันน่ะ” เสียงที่คุ้นเคยเข้าผ่านหูมา คนหน้าคมจึงหันไป
ปรากฏว่า
“เมล! / คุณเซน!” ต่างคนต่างอึ้ง เมื่อคนหน้าคมเห็นคนหน้าหวานอย่างนั้น ด้วยชุดเดรสสั้นเกาะอกรัดรูปสีดำ โชว์หน้าอกแทบทะลักและเรียวขาอันขาว
ตึกตัก!
ตึกตัก!
คนหน้าคมถึงกับตาค้างอย่างนั้น
“นี่คุณ มองฉันนานไปแล้วนะ”
“ขอโทษๆ พี่เพิ่งเคยเห็นเมลในชุดแบบนี้นิ่” คนหน้าคมรู้สึกร้อนไปหมดเมื่อเห็นคนหน้าหวานค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ
“นี่คุณกินเยอะขนาดนี้ไม่เมาเลยหรือไง” คนหน้าหวานมองบนโต๊ะที่มีขวดเหล้าอยู่แต่มีแค่ก้นขวด
“ไม่หรอกๆ มานั่งด้วยกันสิ มาๆ พี่เลี้ยง” คนหน้าคมชวนคนหน้าหวานให้มานั่งร่วมด้วย
“ไม่ละค่ะ ฉันแค่มาหาเพื่อนค่ะ” คนหน้าหวานอธิบายเหตุผลตนเอง
“เธอเพื่อนเมลเหรอ ชื่ออะไรอ่ะ? พี่ชื่อเซนนะ นี่เพื่อนพี่ชื่อปอ”
“ชื่อรินค่ะ และยังเป็นเจ้าของที่นี่” คนหน้าหวานตอบแทนเพื่อน
“ว้าววว มานั่งด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่จะมาประจำที่นี้ทุกครั้งเลย” คนหน้าคมชวนรินนภา
“เอาสิคะ เมลมานั่งเลย” รินนภาผลักเพื่อนให้นั่งลงข้างคนหน้าคม
“สั่งเลยๆ พี่เลี้ยงเอง” คนหน้าคมบอกทั้งสองสาว เมื่อเพื่อนตัวแสบที่กำลังสนใจรินนภาที่เซ็กซี่ไม่แพ้คนหน้าหวาน ทำให้คนหน้าคมจับมือเพื่อนตัวแสบแล้วจึงลากไปยังหน้าห้องน้ำ
“ลากมาทำไมเนี่ยกำลังดีเลย” เพื่อนตัวแสบที่เริ่มมึนๆโวยวาย
“อย่าลืมสิที่มาผับกันเพราะฉันมีเรื่องจะปรึกษา”
“เรื่องไรว่ะ ว่ามาๆ จะได้รีบกลับโต๊ะ”
“ฉันคิดว่าฉันชอบเมลว่ะ ทำไงดีว่ะ” คนหน้าคมทำน่ากังวล
“เฮ้ย! เพื่อนฉันได้รู้จักความรักแล้วเหรอ จีบสิรอไร” เพื่อนตัวแสบถึงกับตกใจ
“แต่ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องบอก”
“อะไรวะ?”
“ฉันมีคู่หมั้นเป็นพี่มาร์ส พี่ชายเมล”
“หะ!! บ้าน่ะ ตอนไหนวะเนี่ย” เพื่อนตัวแสบตกใจเสียงดัง จนคนรอบๆหันมามองกัน
“อย่าเสียงดังสิวะ เพิ่งรู้เมื่อคืนนั่นแหละ แล้วเมลก็รู้ด้วยว่าฉันเป็นคู่หมั้นพี่เขา” คนหน้าคมทำหน้าจ๋อย
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เขาก็ยังไม่ได้ชอบแกใช่มั๊ย?”
“อืม”
“งั้นยังมีโอกาสจีบ”
“จีบเหรอ” คนหน้าคมลองคิดตามที่เพื่อนพูด มันก็จริง พี่มาร์สก็ดูไม่มีใจให้ฉันเลย เอาวะ ต้องจีบ
เมื่อตัดสินใจได้คนหน้าคมจึงรีบกลับไปยังโต๊ะที่เดินออกมากัน
แต่ว่า!!
เมื่อคนหน้าคมเดินมาระยะที่เห็นโต๊ะ มีไอ้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้กำลังจูบกับคนหน้าหวานอยู่
ใครกันกำลังทำอะไรกับเมลน่ะ!!?
รอติดตามตอนต่อไปกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ