หวานใจสาวนักดริฟ
เขียนโดย ไอติมโคนนี่
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 รู้ตัวว่าชอบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 รู้ตัวว่าชอบ
“แด๊ด สวัสดีค่ะ” คนหน้าคมแสดงสีหน้าสงสัยให้แด๊ด
“ไงลูกสาวแด๊ด”
“แด๊ดรู้จักกับคุณกิตติด้วยเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันกับคุณกิตติเขากัน”
“มาๆ อาหารพร้อมแล้ว เชิญนั่งรับประทานอาหารกันก่อนนะครับ” คุณกิตติกล่าว
“นี่จ้ะอาหารเยอะแยะเลยนะ” คุณหญิงที่ยกอาหารมาเสิร์ฟพูด
“สวัสดีค่ะคุณหญิง” คนหน้าคมยกมือไหว้
ในขณะที่ทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อย อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับทุกคน” ชายหนุ่มกล่าว
“จะแนะนำให้รู้จัก นี่ มาร์ส ลูกชายผมเอง” คุณกิตติยืนขึ้นแนะนำลูกชาย
“หล่อไม่เบาเลยนะเนี่ย” โจนาธารกล่าว (แด๊ด)
“ขอบคุณครับ” วรภพหรือมาร์สส่งยิ้มให้โจนาธาร จากนั่นจึงเดินไปนั่งข้างคุณหญิง
นั่งรับประทานอาหารไปก็พูดคุยเรื่องชีวิตกันไป พอรับประทานเสร็จจึงย้ายกันไปนั่งโซนนั่งเล่น คนหน้าคมนึกสงสัย ‘ทำไมยังไม่เข้าเรื่องกันซะที เรื่องมันใหญ่โตมากเลยหรือไงกัน’
ระหว่างที่รอผู้ใหญ่เข้าเรื่องที่จะพูดคุยด้วย ก็หันไปมองรอบ ก็สะดุ้งนิดนึงกดคิ้วเข้าหากัน “เรายังไม่เห็นเมลเลยนิ่ ไปไหนกันนะ”
คนหน้าคมที่กำลังพึมพำกับตัวเองก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ คุณกิตติก็พูดเรื่องหมั้นหมายฉันกับพี่มาร์สขึ้นมา ไม่มีปีมีขลุ่ย
“ถึงเวลาแล้วนะที่จะให้ลูกของเราหมั้นหมายกัน ดูเป็นคู่ที่เหมาะกันดีนะหนูเซนกับมาร์ส” คุณหญิงกล่าว
“เอิ่ม เดี๋ยวนะคะ นี่คือเรื่องที่จะคุยด้วยใช่มั๊ยคะ?” หันไปมองหน้าคุณกิตติ คุณหญิง แล้วหันไปหาแด๊ด แล้วหันไปมองอีกคนที่ถูกกล่าวถึง
ดูเหมือนว่าฝ่ายนั่นก็เพิ่งรู้เหมือนกัน นั่งหน้าเหวอซะขนาดนั้น เก็บอาการไม่เก่งสินะ ดูเหมือนจะเป็นคนแก้ปัญหาได้ดีนะ แต่ก็มีอีกด้านที่เป๋อๆ
“ใช่จ้ะ” คุณหญิงยิ้มอย่างดีใจ
“เดี๋ยวสิครับ เราเพิ่งรู้จักกันเองนะครับ” วรภพกล่าวท้วงขึ้น
“ใช่ค่ะ จะดีเหรอคะ” คนหน้าคมทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“ยังไงทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครในใจนิ ใช่มั๊ย” คุณกิตติพูดขึ้นอย่างรู้มาก่อน
“ก็ไม่เชิงค่ะ/ครับ” ทั้งคู่ต่างพูดพร้อมกัน จึงหันไปมองหน้ากัน
“แด๊ดก็ไม่เห็นหนูจะมองใครเลยนะ” โจนาธารหันไปพูดกับเซน
“งั้นเอาอย่างนี้นะครับ เราลองคุยๆ กันไปก่อน ถ้าไม่โอเค พวกเราขอยกเลิกการหมั้นนะครับ” วรภพที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ทำให้คนหน้าคมพอสบายใจขึ้นมาหน่อย ที่อีกฝ่ายแก้ปัญหาไปได้ด้วยดี
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่พ่อเชื่อว่าพวกเราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแน่นอน” คุณกิตติหันไปพูดกับลูกชายแล้วหันไปมองหน้าคนหน้าคม
“เอาล่ะๆ นี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะกิตติ”
“ได้ครับๆ” คุณกิตติหันมาหยอกฉันน้อยๆ
“เซนจะนอนที่นี่ก็ดีนะ อยู่คุยกับตามาร์สเขาก่อนก็ได้”
“พ่อก็พูดไป” คุณหญิงตวาดคุณกิตติ “นอนนี่แหละจ้ะ ดึกแล้ว อันตราย”
“จะดีเหรอคะ” คนหน้าคมรู้สึกเกรงใจกับการต้องมารบกวน
“เอางี้แหละครับ เรามาคุยกันก่อนดีกว่า” วรภพขยิบตาให้คนหน้าคม
“โอเคค่ะ ยอมแล้วๆ คืนนี้ขอรบกวนค้างที่นี่คืนนึงนะคะ”
“ตามสบายเลยนะหนูเซน” คุณกิตติกล่าว
หลังจากคนหน้าคมกล่าวลาแด๊ดเสร็จ ก็ยังนั่งคุยกับมาร์สต่อสักแปป มีการแลกเบอร์กันแล้วจึงแยกย้ายเข้าห้องไป
คนหน้าคมเดินตามสาวใช้ขึ้นมายังห้องพัก แต่ปรากฏว่า แอร์ไม่ทำงาน คุณหญิงจึงพามาอีกห้องนึง ทั้งๆ ที่ก็บอกไปแล้วว่านอนได้ แต่คุณหญิงก็ไม่เชื่อ
ก๊อกๆ ๆ
สักพักบานประตูก็เปิดออก ร่างคนหน้าหวานโผล่ออกมา ทำให้คนหน้าคมตกใจเล็กน้อย กับการเจอครั้งที่สอง แต่เป็นการเจอที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว ดูการแต่งตัวสิ ซีทรู สีดำ ถึงกับต้องรีบหันหน้าหนีเลยละ
ส่วนคนหน้าหวานที่เปิดประตูออกมาตกใจมากกว่าเมื่อเห็นคนหน้าคมอยู่หน้าประตูห้อง จึงรีบนำมือมาปิดส่วนสำคัญ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หันไปถามผู้เป็นมารดาที่เอามือปิดปากแอบหัวเราะอยู่
“แม่จะให้หนูเซนมานอนกับลูกด้วย” คนหน้าหวานทำตาโตตกใจกับคำที่แม่พูดออกมา คุณหญิงจึงรีบอธิบายต่อ
“คือห้องที่เตรียมไว้ให้พัก แอร์เสีย เลยมาให้นอนห้องลูกน่ะ” คนหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจ
คนหน้าคมจากที่กำลังเขินอยู่หันมาปฏิเสธอีกที
“เซนนอนห้องเดิมก็ได้ค่ะคุณหญิง เซนเกรงใจค่ะ” ส่งยิ้มให้คนหน้าหวาน หากได้นอนด้วยกันมีหวังฉันไม่หลับแน่ๆ ไอ้หัวใจบ้านี่ ทำไมมันเต้นแรงยังนี้นะ แค่นี้จะตื่นเต้นทำไม ก็เคยเห็นคนอื่นใส่แบบนี้ ไม่เห็นใจจะเต้นแรงแบบนี้เลย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เชิญค่ะ” คนหน้าหวานเชิญเข้าห้อง ก่อนจะหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องก่อนแล้ว คนหน้าคมจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์คุณหญิง แล้วจึงรีบตามคนหน้าหวานเข้าห้อง
พอคนหน้าคมปิดประตู ปุ๊บ เสียงคนหน้าหวานดังขึ้นให้ได้ยิน
“ฉันเตรียมชุดให้แล้วนะ อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าค่ะ” คนหน้าหวานที่นอนหันหลังให้พูดบอก
“ขอบคุณนะเมล” ตนหน้าคมเดินมาหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำ
อาบเสร็จจึงรีบเดินไปยังเตียง ค่อยๆ ก้าวขาขึ้นเตียงนอนอย่างช้าๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจเสียงคนหน้าหวาน
“ฉันยังนอนไม่หลับหรอกค่ะ ไม่ต้องกลัวฉันตื่น” คนหน้าหวานที่นอนหันหลังให้บอก
คนหน้าคมจึงก้าวขาขึ้นเตียงรีบห่มผ้า ปิดไฟหัวเตียง ตาก็มองบนเพดาน นอนไม่หลับ
แย่ละ ตื่นเต้นทำไมล่ะ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใครซะหน่อย จริงสิลองถามเรื่องพี่มาร์สดีกว่า เมลจะหลับยังนะ ลองเรียกดูดีกว่า มีหวังไม่ได้หลับกันพอดี
“เมล หลับยัง?” คนหน้าคมหันไปหาคนหน้าหวานที่ยังนอนหันหลังให้อยู่
“ยังค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” คนหน้าหวานตอบกลับมาแต่ก็ยังคงนอนหันหลังให้อยู่ คงจะอายสินะที่ถูกเห็นร่างกายในชุดซีทรู
“คือพี่นอนไม่หลับ ขอคุยด้วยหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ เมลก็นอนไม่หลับค่ะ”
“ทำไมเมื่อเย็นไม่ลงไปทานข้าวด้วยกันล่ะ?”
“ฉันเหนื่อยน่ะค่ะ เลยขึ้นมานอนเลยจะดีกว่า”
“แล้วเมลรู้เรื่องการหมั้นของพี่กับพี่มาร์สหรือเปล่า”
“อ่อ รู้สิคะ”
“พี่เพิ่งรู้จักกันเอง พี่ไม่โอเคเลย”
“ลองออกไปเดทกันบ่อยๆ ก็คงสนิทมากขึ้นเองค่ะ!”
คนหน้าคมได้ยินก็นึกแปลกใจ เสียงแบบนี้โกรธหรือหงุดหงิดฉันหรือเปล่า อาการหวงพี่ชายสินะ น่ารักดีอ่ะ
“พี่มั่นใจว่าพี่คงไม่หมั้นกับพี่มาร์สหรอก” คนหน้าคมพูดด้วยเสียงหนักแน่น
คนหน้าหวานที่นอนหันหลังให้ตั้งแต่ฉันเดินเข้าห้องมา เพิ่งจะหันหน้ามาหาฉัน ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน ไม่ยอมกัน
“ทำไมจ้องพี่งั้นคะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันจะนอนแล้วค่ะ” คนหน้าหวานพูดจบ ก็หลับตาลง
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์” คนหน้าคมจึงหลับตาลงบ้าง
เช้าวันถัดมา
คนหน้าคมลืมตาตื่นขึ้นกับไม่พบคนหน้าหวาน จึงคว้าโทรศัพท์ดูนาฬิกา หน้าจอบ่งบอกว่า 09.09 น. สายตาหันไปเห็นเสื้อผ้าตัวเองแขวนอยู่หน้าตู้ จึงค่อยๆ ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ
คนหน้าคมเดินลงมาก็เจอคุณหญิงเดินออกมาจากห้องครัวพอดี
“หลับสบายเลยนะหนูเซน” คุณหญิงส่งยิ้มให้
“ค่ะ” คนหน้าคมยิ้มกลับ หลับสบายซะเมื่อไหร่ล่ะ อยากจะบอกว่านอนไม่หลับเลยซะมากกว่า ก็เมื่อคืนคนหน้าหวานดิ้นมากอดฉัน เล่นนอนไม่หลับเลยสิ
“มาทานข้าวต้มก่อนกลับนะจ๊ะ” คุณหญิงเรียกสาวใช้ให้ตักข้าวต้มมาให้
หลังจากนั้นคนหน้าคมขับรถกลับมาที่คอนโดด้วยความเร็วสมกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ ไม่นานก็ถึงคอนโด
เมื่อถึงห้อง คนหน้าคมเช็คตารางงานที่กดไว้บนบอร์ด ลากนิ้วดูไปสักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
Rrrrrrrrr
‘ทำไมยังไม่มาซ้อมแข่ง?’ ผู้จัดการสาวกรอกเสียงผ่านสายอย่างเส้นตรง
“ขอโทษค่ะ เซนเพิ่งกลับมาจากบ้านคุณกิตติ” คนหน้าคมจากการที่ชอบเย้าแหย่ผู้จัดการสาว กลายเป็นว่าต้องทำเสียงสำนึกผิดทันที
‘ไม่เป็นไรจ้ะ รีบมาล่ะ วันนี้ประธานสปอนเซอร์หลักของเรามาดู’ ผู้จัดการสาวทำเป็นเร่งคนหน้าคม
“หะ คุณกิตติน่ะเหรอคะ!?” คนหน้าคมที่ตกใจสงเสียงดัง ทำให้ผู้จัดการสาวตะคอกสวนกลับมา
‘เออ! จะเสียงดังทำไม ประเด็นมันอยู่ตรงที่ลูกชายเขามาด้วยยย~’ ผู้จัดการสาวทำเสียงกระดี๊กระด๊า
“หะ!! ค่ะๆ จะรีบไป” คนหน้าคมพูดจบจึงรีบตัดสายทิ้ง ผู้จัดการสาวที่ยังไม่ทันพูดจบ นึกอารมณ์เสีย กะจะบอกว่าน้องเมลกำลังโดนปอหลีอยู่ซะหน่อย
คนหน้าคมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า คว้ากุญแจรถอีกคันที่ไม่ใช่คันเมื่อเช้า แต่เป็น McLaren 570S Coupe สีส้ม
ในขณะที่คนหน้าคมขับออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปสนามซ้อม ต่างมีสายตาจับจ้องมาที่รถคันนี้ ไม่แปลกใจหรอก ก็เพราะความสวยของมันนี่แหละ และเพราะความเร็ว จึงมีบางคนที่ไม่พอใจกับการขับขี่แบบนี้พอสมควร
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะมาถึงสนาม คนหน้าคมรีบวิ่งเข้าไปทักทายคุณกิตติ
“สวัสดีค่ะ ไม่บอกเซนเลยนะคะว่าจะมา” คุณกิตติหันมายิ้มให้แล้วส่งสายตาไปทางพี่มาร์ส
“พี่มาร์ส มาด้วยเหรอคะเนี่ย” คนหน้าคมทำตีเนียนว่าเพิ่งเห็น
“ครับ พ่อเขาชวนมาด้วยต่างหา..ก อุ๊ก!” คุณกิตติศอกเข้าที่ท้องลูกชายอย่างแรง
“ฮ่าๆ ๆ ค่ะๆ” คนหน้าคมหัวเราะกับการเย้าแหย่พ่อลูก
“เซนขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” คนหน้าคมรีบขอตัว เพราะเลยเวลาซ้อมมาเยอะแล้ว
กำลังวิ่งไปตามทางผ่านห้องเพื่อนตัวแสบ ได้ยินเสียงคุ้นๆ จึงหยุดวิ่ง เอาหูแนบประตูห้อง ‘เมลผิวสวยจัง’ ไอ้บ้าปอเอ๊ย ทำบ้าอะไรวะเนี่ย ไม่กลัวโดนฆ่าตายเลยหรือไง
คนหน้าคมรีบเคาะประตูห้องอย่างแรง ตุ๊บๆ ๆ ๆ ๆ !! สักพักประตูก็เปิดออกมากับ หน้าคนที่รอพร้อมรับแรงกระแทกจากนิ้วมือคนหน้าคม เป๊ะ! ดีดหน้าผากเข้าให้ คนโดนดีดถึงกับโอดควรออกมาอย่างดัง
“โอ๊ยย~ เจ็บนะเว้ยไอ้เซน! ดีดมาทำไมเนี่ย” เพื่อนตัวแสบมองค้อนใส่คนหน้าคม
“ใครอยู่ข้างในบอกมา?” คนหน้าคมทำหน้าจริงจังถามกับเพื่อนตัวแสบ
“แกจะอยากรู้ไปทำไมเล่า” เพื่อนตัวแสบถึงกับทำหน้าเจื่อน
“เมลอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?!?!?!” คนหน้าคมตะโกนถามเข้าไปข้างในห้อง ‘อยู่ค่ะคุณเซน!’
เพื่อนตัวแสบถึงกับทำหน้าพร้อมรับโทษ คุกเข่าลง ยกมือไหว้เหนือหัว
“ฉันไม่ได้ทำอะไรน้องเขาเลยนะเว้ย แกเชื่อฉันนะ” เพื่อนตัวแสบทำหน้าอ้อนวอนเป็นหมาขออาหารทันที
“เมลไปห้องพี่ดีกว่าค่ะ!” คนหน้าคมตะโกนเรียกคนหน้าหวานก่อนจะก้มลงต่อว่าเพื่อนตัวแสบ
“แกไม่รู้เหรอว่าเมลเป็นใคร นั่นลูกคุณกิตตินะ” เพื่อนตัวแสบถึงกับทำตาโต อ้าปากเหวอค้างอยู่อย่างนั้น
คนหน้าหวานเดินออกมาก็เห็นคุณปณิธานนั่งอยู่ที่พื้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปห้องพี่ดีกว่าค่ะ” คนหน้าคมรีบคว้ามือคนหน้าหวานให้เดินตามไป ก่อนไปส่งสายตาคาดโทษใส่เพื่อนตัวแสบอีกที
เข้ามายังห้องต่างคนก็ต่างเงียบอยู่อย่างนั้น จนคนหน้าคมทนกับความเงียบไม่ไหวจึงถามคนหน้าหวานขึ้น
“เมลเข้าไปทำอะไรในห้องนั้นคะ?”
“คุณปอเขาจะสอนวิธีดูแลผิวน่ะค่ะ มีอะไรเหรอคะ” คนหน้าหวานทำหน้างง
“พี่แค่สงสัยน่ะ นั่งรอพี่ก่อนนะ ขอเปลี่ยนชุดก่อน” คนหน้าคมทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ให้มีการถามกลับมา
ระหว่างรอ คนหน้าหวานเดินดูรอบๆ ห้อง ที่มีแต่ถ้วยรางวัลเต็มไปหมด นึกภูมิใจที่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้ เดินดูของต่างๆ ในห้องก็ต้องตกใจกับคนที่เอานิ้วมาจิ้มเอวข้างหลัง คนหน้าหวานสะดุ้งหันไปหา ทำให้หน้าทั้งสองใกล้ชิดกันมาก คนหน้าหวานเป็นฝ่ายถอยออกมาก่อน
“ขอโทษค่ะ คุณเซนเล่นไรคะเนี่ย” คนหน้าหวานหัวเราะกับการโดนแกล้งแบบเด็กๆ
“พี่แค่อยากแกล้งน่ะค่ะ” คนหน้าคมยิ้มกลบเกลื่อนความเขินตัวเอง ไปแกล้งเขาแล้วมาเขินซะงั้น
“ออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ”
“ค่ะ” คนหน้าหวานเดินนำหน้าไปทางประตู
แต่!!
เกิดการเดินสะดุดพรม
คนหน้าคมพุ่งตัวไปรวบคนหน้าหวานเพื่อไม่ล้ม
แต่กลายเป็นกอดชิดกัน
คนหน้าคมที่จมูกอยู่ใกล้จึงได้กลิ่นลูกอมหอมหวานจากตัวคนหน้าหวาน ยิ่งรู้ตัวว่าชอบคนหน้าหวานเข้าให้แล้ว ทำให้เคลิ้มม~ จึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปเรื่อยๆ คนหน้าหวานที่ยืนงงกับการกระทำของคนหน้าคมอยู่ ก็ต้องตกใจกับใครบางคนที่อยู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามา
“ทำอะไรกันน่ะ!”
ทำให้คนหน้าคมรีบผลักคนหน้าหวานออกทันที รีบแก้ตัวทันควัน
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ!”
ใครกันนะที่เข้ามาขัดจังหวะสาวหน้าคม
รอติดตามตอนต่อไปนะ
คอมเมนต์ติชมได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊า~
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ