หวานใจสาวนักดริฟ

-

เขียนโดย ไอติมโคนนี่

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 พบเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตอนที่ 1 พบเจอ

 

          สนามแข่ง XX

“เอาละครับ คันที่นำอยู่ตอนนี้เป็นใครไปไม่ได้เลยครับ นอกจากแชมป์ผู้ที่ไม่เคยแพ้ให้กับใครนั่นเอง อีกไม่กี่วินาทีก็เข้าเส้นชัยแล้วครับ!”

เสียงเชียร์ดังก้องทั่วสนามแข่งเมื่อรถของเซนได้เข้าสู่เส้นชัยเป็นที่เรียบร้อย และมาจอดหยุดอยู่ข้างอัศจรรย์

เอี๊ยดดดดด!!!

เมื่อคนหน้าคมลงมาจากรถพร้อมโบกมือให้แฟนๆ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นมาไม่หยุด นักข่าวต่างวิ่งมาเก็บภาพพร้อมสัมภาษณ์ผู้ชนะ

“ต้องขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ที่เซนชนะได้เพราะกำลังใจของทุกคนค่ะ และขาดไม่ได้ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ค่อยสนับสนุน” โบกมือให้กับแฟนๆ พร้อมแจกยิ้มเสน่ห์

ปอ ผู้แข่งรองชนะเลิศเพื่อนเซน พอแฟนคลับเห็นต่างก็ส่งเสียงกรี๊ด ปอเดินมาแสดงความยินดีกับเซน

“ยินดีด้วยนะเว้ย ฉันไม่เคยชนะแกได้เลยว่ะ” ต่างส่งยิ้มให้กัน ก่อนจะโบกมือให้แฟนๆ จากนั้นเพื่อนตัวแสบก็เดินกลับห้องพักไป

คนหน้าคมพอหันมาให้สัมภาษณ์ต่ออีกสักพักก็จึงขอตัวไปพักผ่อน พร้อมกล่าวลา และโบกมือให้แฟนๆ อีกครั้ง

ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องพัก เซนได้รับช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากพวกสปอนเซอร์มาเยอะแยะ และหนึ่งในนั้นยังมีชายหนุ่มจอมตื๊อตามจีบที่ถือช่อดอกไม้อันเบ้อเร่อมาแสดงความยินดีอีก

พอมาถึงห้อง คนหน้าคมจึงวางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะแล้วจึงล้มตัวนอนบนโซฟา มองไปยังดอกไม้ที่ชายหนุ่มให้มา จึงนึกย้อนไปยังวันที่เขาสารภาพรัก แต่คนหน้าคมก็ไม่เคยสนใจ ปฏิเสธก็หลายครั้ง หงุดหงิดไม่ใช่น้อย

คนหน้าคมรู้สึกตัวจากการเหม่อ เมื่อผู้จัดการสาว สิริกาญ เข้ามาเรียก

“เซน!”

“หะ! ว่าไงคะ?”

“เหม่ออะไรเนี่ย จะบอกว่าอีก 2 วัน มีงานการกุศลนะ ของสปอนเซอร์เราน่ะจ้ะ”

“ค่ะๆ ว่าแต่...”

“คะ?”

“การกุศลอะไรคะ?”

“อ่อ เป็นการช่วยเหลือเด็กจากสถานสงเคราะห์จ้ะ”

“มีนักข่าวไปมั๊ยเนี่ย เซนไม่อยากถูกจับตามองอ่า”

“ก็ต้องมีสิ ทำตัวดีๆล่ะ พี่ไม่อยากวิ่งแก้ปัญหาให้”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” คนหน้าคมยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว

“ธรรมดาพอจ้ะ เดี๋ยวนัดหมายส่งให้นะ”

“พี่กาญ เห็นปอป่ะ?”

“ไม่รู้สิ พี่ว่าคงอยู่ห้องนั่นแหล่ะ ไม่พ้นเรื่องเดิมๆ หรอก”

“ก็คงจะอย่างนั้น” คนหน้าคมจึงขอตัวไปอาบน้ำ แต่งตัวใหม่ ถ้าไปหามันทั้งสภาพไม่อาบน้ำ เดี๋ยวจะโดนวีนอีก อาบน้ำเสร็จค่อยไปหาละกันจะได้สดชื่นด้วย

ผู้จัดการสาวจึงเตรียมชุดให้กับเซนแล้วนั่งรอเจ้าตัวออกมา

พอทำอะไรเสร็จทุกอย่าง คนหน้าคมจึงขอตัวลาจากผู้จัดการสาวสวยที่อายุห่างกันเพียง 2 ปี

คนหน้าคมเดินมาหยุดหน้าห้องปอ หยิบโทรศัพท์เข้าโปรแกรมไลน์ส่งข้อความไปหาเพื่อนตัวแสบ รัวๆ ว่า ‘ถ้าไม่อยากโดนเผยความลับก็มาเปิดประตูซะ’ รอสัก 30 วินาที ประตูก็เปิดออก พร้อมกับเสียงโวยวาย

“ไอ้เซน! ทำไมชอบขัดจังหวะจังว่ะ!” เพื่อนตัวแสบเดินมาเปิดประตูทั้งๆ ที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่

“โทษที จะมาบอกว่า....” คนหน้าคมเงียบไป

“จะบอกอะไรก็รีบบอกมาสิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ถึงกับทำหน้าขรึมมองหน้า

“จะบอกว่ากลับละนะ” คนหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ปอ

“ส่งไลน์มาก็ได้ป่ะ นี่แกล้งกันเหรอหะ”

“ฮ่าๆ ๆ แค่อยากขัดอ่ะ ไปแล้วนะ”

“เออ ไปเร็วๆ เลย”

“ไปเร็วๆ เลย ทำไม ฉันจะกลับคอนโดฉัน”

“หึ! กวนตลอด”

“ฉันเปล่ากวนอยู่” คนหน้าคมจึงแบมือให้ “ดูสิ”

“ตลกป่ะ” เจ้าเพื่อนตัวตัวดีถึงกับท้าวเอวมองค้อนใส่

“ฮ่าๆ ๆ ไปแล้วๆ” คนหน้าคมโบกมือลาเพื่อตัวดี พร้อมกับพูดเสียงดังๆ เป็นเสียงหวานเข้าไปในห้อง “ที่รัก อย่าลืมนัดเรานะคะ” เจ้าเพื่อนตัวดีทำท่าจะทุบใส่ คนหน้าคมจึงรีบวิ่งหนีไปที่รถตัวเอง

ขับรถมาถึงคอนโดก็เกือบมืดแล้ว เพราะแข่งเสร็จเมื่อบ่าย 3 สนามก็ห่างกับคอนโดก็หลายกิโล

คนหน้าคมจึงรีบขึ้นไปยังห้องตัวเอง คอนโดที่อยู่ใช้เงินตัวเองซื้อมาทั้งนั้น ที่ทำงานได้เงินมาก็ไม่เคยใช้ฟุ่มเฟือย

พอเปิดประตูเข้ามาเท่านั่นแหละ

“พี่เซน! ช้ามาก! แซนมารอตั้งนานแล้วนะ” น้องสาวที่อายุห่างกัน 6 ปี หน้าตาไปทางยุโรป เสียงดังใส่

“ก็ปกตินิ แล้วมานี่ทำไม แด๊ดให้มาทำอะไรอีกเนี่ย” คนหน้าคมปิดประตูปุ๊บ จึงเดินตรงไปนั่งที่โซฟา

“แด๊ดอยากให้กลับไปบ้านบ้าง” คนเป็นน้องเดินมานั่งใกล้ๆ พี่สาว

“ไม่เห็นต้องมาเลย โทรมาบอกก็ได้”

“ก็ใช่ แต่แซนคิดถึงพี่ก็เลยมาหาไง”

“เชื่อได้ป่ะ? ” เวลาน้องสาวมาจะมีปัญหาให้ช่วยตลอด ไหนจะเรื่องเงิน เที่ยว และอีกอย่าง แด๊ดชอบให้แซนมาตรวจว่าฉันมีแฟนหรือยัง

“ได้สิ มากอดที คิดถึง” พูดจบก็อ้าแขนจะกอด

“ไม่ต้องเลย กลับไปได้แล้ว หมดธุระแล้ว” มือก็ดันหัวน้องไว้

“ค่ะๆ พี่คงเหนื่อย งั้นแซนกลับแล้วนะ”

“อ่า ขับรถดีๆนะ วันนี้ไม่ต้องเที่ยวนะกลับบ้าน ถึงแล้วก็บอกพี่ด้วย” คนหน้าคมเดินมาส่งหน้าประตู “ฝากบอกแด๊ดด้วย เดี๋ยวกลับไปหาถ้าว่างนะ”

เมื่อน้องสาวกลับไปแล้ว คนหน้าคมจึงเดินเข้าครัวทำอาหารจานเดียว เสร็จก็เดินเข้าห้องนอน เปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อเช็คตารางงาน

กริ้งงงงง

เห็นชื่อแสดงบนหน้าจอ ไม่อยากจะรับเลย

“ว่าไงคะ ที่รัก” คนหน้าคมทำเสียงล้อเลียนใส่คนในสาย

“หยุดเลย! เพราะแกฉันเลยไม่ได้เล่น หมดสนุกเลย”

“ฮ่าๆ ๆ ก็ดี”

“ฉันแค่หาความสุขใส่ตัวเอง ความรักถึงเวลาก็มาเอง แต่ขอสนุกก่อน”

“ฉันไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้วก็ได้ อย่าหาว่าไม่เตือนละกัน”

“เออน่ะ ฉันรู้หรอก งั้นวางนะจะไปสนุกต่อ”

“เชิญเถอะ” หลังจากวางสายเพื่อนตัวดี คนหน้าคมจึงปิดโน๊ตบุ๊ค เดินตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายอีกรอบ เสร็จก็ออกมาแต่งตัวก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง พอหลับตาก็เข้าสู่นิทราทันที

ก่อนถึงงานการกุศล คนหน้าคมก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ไปไหน เป็นพวกไม่ชอบใช้เงินมากหรือฟุ่มเฟือย เพราะพ่อสอนให้ทำงานแต่เด็ก อย่างการเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหาร หรือทำความสะอาด เวลาทำงานพ่อจะให้ลูกน้องคอยดูแลห่างๆ การทำงานหาเงินมันยากมาก โตมาก็เลยติดการใช้เงินแบบประหยัด ถ้าต้องใช้เงินจ่ายจริงๆ ก็ยอม เพราะเงินเก็บมีก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยอะไร

พอถึงวันงานการกุศล คนหน้าคมตื่นแต่ตี 5 แต่งตัวด้วยชุดคล่องตัว สวมแจ๊คเกตทับเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนดำขาดเข่า รองเท้าบูดดำ เสร็จก็ขับรถออกไปตามที่ผู้จัดการนัดไว้

จากนั้นก็ลงจากรถตัวเองเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่ผู้จัดการสาวรออยู่บนรถ เพื่อความสะดวกการจอดรถ เพราะสถานที่ๆ จะไปมีเส้นทางแคบ ระหว่างทางผู้จัดการสาวก็ชี้แนะว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง

เมื่อมาถึง คนหน้าคมก้าวขาลงมาจากรถเท่านั้นแหละ กล้องทุกตัวต่างส่งแสงแฟลชออกมา คนหน้าคมต้องหยิบแว่นขึ้นมาใส่ ผู้จัดการสาวต้องรีบพาเดินแหวกทางออกมาจากตรงนั้น

“เดี๋ยวเซนจัดการหาข้าวเองเลยนะ พี่ไปหาสปอนเซอร์เราก่อน”

“โอเคค่ะ เดี๋ยวตามไปนะคะ”

ผู้จัดการสาวเดินหายเข้าไปในตัวอาคารเรียน คนหน้าคมจึงรีบไปหยิบข้าวกล่องมาทานซะ พออิ่มมือก็คว้าขวดน้ำมากระดกดื่ม หางตาเห็นเด็กสาวคนนึงกำลังทำหน้าบึ้งเตรียมจะร้องไห้

คนหน้าคมจึงรีบเคลียของบนโต๊ะทิ้ง เตรียมจะเดินไปหาเด็กสาว แต่ทว่ามีผู้หญิงเดินตรงเข้าไปหาเด็กซะก่อน คนหน้าคมจึงยืนมองอยู่ห่างๆ

“หนูน้อยเป็นอะไรคะ? ” คนหน้าหวานพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ขณะที่นั่งย่องๆ คุยด้วย

“หนูหิวข้าวจังเลยค่ะ”

“งั้นเอาเป็นว่าพี่สาวจะให้ลูกอมนะคะ”

“ก็ได้ค่ะ” หนูน้อยพยักหน้ารับ

“เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาทานข้าวพี่เลยยังให้หนูทานข้าวไม่ได้ ทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ถึงเวลาแล้ว” คนหน้าหวานลูบหัวหนูน้อยพร้อมแกะลูกอมยื่นให้

“ขอบคุณค่ะ” หนูน้อยยิ้มหวานให้พร้อมกับยกมือไหว้ แล้วจึงรีบวิ่งเข้าอาคารเรียนไป คนหน้าหวานจึงเดินตามเข้าไปบ้าง

คนหน้าคมที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ถึงกับอมยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นถึงความอ่อนโยนตะกี้ “คนอะไรน่ารักและยังใจดีอีก”

ตึกตัก..

ตึกตัก..

คนหน้าคมเอามือทาบที่หน้าอกข้างซ้าย รู้สึกแปลกใจกับตนเองมาก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ชื่นชมสักพัก คนหน้าคมก็เดินตามเข้าไปยังตัวอาคารบ้าง

คนหน้าคมจึงเดินไปทักทายกับประธานที่เป็นสปอนเซอร์ที่ยืนคุยกันอยู่กับผู้จัดการสาว

“สวัสดีค่ะ คุณกิตติ” ยื่นมือไปจับทำความทักทาย

“ไง แมตที่แข่งล่าสุดชนะมานิ” คุณกิตติยิ้มปลื้ม

“ค่ะ ก็เซนเก่งนิคะ” คนหน้าคมชมตัวเองพร้อมยิ้มกว้างส่งให้

“ไม่เปลี่ยนเลยนะหนูเซน” คุณกิตติยิ้มส่ายหน้าให้คนหน้าคม

คนหน้าหวานตะกี้เดินมายืนข้างๆ คุณกิตติ ส่งสายตาสงสัยมาทางฉัน ที่หันไปมองด้วยความสงสัยปนความรู้สึกแปลกในใจที่หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ความสงสัยแรกก็กระจ่างขึ้น เมื่อคุณกิตติแนะนำให้รู้จัก

“นี่ลูกสาวผมเอง ชื่อเมล เพิ่งเรียนจบมาเลย”

“สวัสดีค่ะ” คนหน้าหวานกล่าวจะยกมือไหว้ แต่คนหน้าคมยื่นมือมาจะจับทักทายเก้อ

“สวัสดีค่ะ” คนหน้าคมต้องยื่นมือกลับ พยักหน้ารับพร้อมกล่าวทักทายแทน

“เซน ผมจะยกหน้าที่ประธานบริษัทให้กับเมลแล้วนะ ช่วยดูแลเมลด้วยนะ”

“คะ? ทำไมละคะ ก็เห็นคุณกิตติแข็งแรงดีนิคะ”

“ผมอยากให้เมลมาดูแลแทนน่ะ ผมต้องดูแลอีกบริษัทด้วย”

“อ่อ ค่ะๆ” หันไปยิ้มให้คนหน้าหวาน

“ผมไปทางนู้นก่อนนะ” คุณกิตติพูดกับคนหน้าคมแล้วหันไปพูดกับคนหน้าหวาน “อยู่คุยกับคุณเซนไปก่อนนะ”

“ค่ะ” คนหน้าหวานรับปากพ่อ

“เมลนี่ดูหน้าเด็กมากเลยนะเนี่ย” นี่ทำไมฉันต้องพูดอย่างนี้ออกไปกัน

“คงเพราะฉันเพิ่งเรียนจบละมั้งคะ” คนหน้าหวานยิ้มให้” อีกอย่างฉันเรียนหลักสูตร 2 ปีจบค่ะ”

“ว้าววว! เก่งจังค่ะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่ๆ ฉันเก่งกว่าเยอะ” คนหน้าหวานหันมาพูดอย่างภูมิใจ

“หืมมม แล้วไหงพี่ไม่มาบริหารบริษัทแทนละเนี่ย? ” คนหน้าคมทำหน้าสงสัยมองหน้าคนหน้าหวาน

“ก็พี่ๆ เมลเขาต้องบริหารบริษัทอีกเยอะแยะ” คนหน้าหวานยิ้มส่งให้คนหน้าคม

ตึกตัก!!

ตึกตัก!

นี่ฉันเป็นอะไรกันนะ ทำไมหัวใจเต้นแรงอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน หรือว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลซะหน่อยดีมั๊ยนะ

คนหน้าคมที่กำลังคุยกับตัวเองในใจ ทำให้คนหน้าหวานสงสัยที่อยู่ๆ ก็เงียบไป

“คุณเซนคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ”

“อ่อ พอดีรู้สึกร่างกายแปลกๆ ก็เลยคิดว่าหน้าจะไปหาหมอซะหน่อย”

“ค่ะ ดีแล้ว อย่างคุณเป็นอะไรขึ้นมาคงแย่เลย”

หืมมมม นี่เมลเป็นห่วงเราเหรอ รู้สึกดีจัง เอ่ะ! ไมต้องรู้สึกดีละ บ้าละเรา

หลังจากพิธีการเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาแจกข้าวให้เด็กๆ คนหน้าหวานเดินไปนั่งข้างเด็กๆ คอยเทคแคร์เด็กแต่ละคน จนมาถึงคนหน้าคมที่นั่งอยู่ข้างเด็กคนหนึ่งที่ดูจะแก่แดด

“พี่เซนสวยจังครับ” คนหน้าคมยิ้มส่งให้เจ้าเด็กแก่แดด ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลุกไปไหนซะที หางตาเห็นคนหน้าหวานที่ยืนมองอยู่ จึงส่งสายตาอ้อนวอนให้ช่วยที

“พี่เซนถ้าผมโต ผมจะแต่งงานกับพี่ครับ นะครับๆ ๆ”

“จ้ะ พ่อหนุ่ม โตให้ทันพี่ก่อนเถอะ รีบทานข้าวได้แล้ว” คนหน้าคมยิกแก้มเจ้าเด็กแก่แดดเบาๆ

“ถ้าผมทานหมด ต้องให้ผมจุ๊บแก้มนะครับ” คนหน้าคมถึงกับนิ่ง นี่ถ้าเด็กประมาณ 2-9 ปี คงให้ละ แต่นี่ 12 ปี โอ้ววว!

“พ่อหนุ่มครับ รีบทานนะครับ แล้วไปรับขนมหวานต่อได้เลยนะ” คนหน้าหวานเดินเข้ามาขัดก่อนที่ฉันจะรับปาก

“ครับ ว้าววว พี่คนสวยชื่ออะไรครับเนี่ย” คนหน้าหวานชี้ที่ตัวเอง

“พี่ชื่อเมลจ้ะ รีบทานเข้านะ พี่ไปละ” คนหน้าหวานพูดเสร็จจึงรีบเดินหนีออกมาก่อนจะโดนดึงไว้ซะก่อน

คนหน้าคมที่หนีออกมาก่อนตอนเจ้าเด็กแก่แดดหันไปมองคนหน้าหวานที่เดินเข้ามาทัก ทำให้หนีมาได้

คนหน้าคมเห็นคนหน้าหวานเดินออกมาห่างจากเจ้าเด็กแก่แดดแล้วจึงเดินไปหา

“เมล ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วยทันพอดีเลย” คนหน้าคมทำมือแนบอกโล่งใจ

“คุณเสน่ห์แรงนะเนี่ย” คนหน้าหวานทำเสียงล้อเลียน

“เมลก็ไม่ต่างกันหรอก” คนหน้าคมจึงสวนกลับไปบ้าง ตอนเดินออกมาได้ยินเจ้าเด็กแก่แดดถามพอดี

“แต่ฉันก็รับมือได้ดีกว่าคุณนะ”

“สนิทกันเร็วจังนะ” คุณกิตติที่เดินผ่านมาจึงเข้ามาคุยด้วย

“พอดีเจอเรื่องนิดหน่อยที่คุณเซนเขาแก้ไม่ได้ เลยแซวเล่นกับเขาค่ะคุณพ่อ” คนหน้าหวานเอ่ยบอก

“หืมมม เรื่องอะไรกันนะ? ” คุณกิตติ ทำเสียงคล้ายจะแซว

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แหะๆ” คนหน้าคมเกาหัวแก้เขิน

“เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านผมนะเซน มีเรื่องคุยด้วยน่ะ”

“รับทราบค่ะ เดี๋ยวเสร็จจากนี่เซนขอกลับไปก่อนนะคะ”

“ได้ครับๆ”

หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จ คนหน้าคมจึงรีบขึ้นรถตู้กลับไปเอารถตัวเองขับไปบ้าน ตระกูลกาจสกุล

ระหว่างทางที่ขับรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้คนหน้าคมละจากการมองทางหันไปมองหน้าจอที่ขึ้นชื่อว่า แด๊ด จึงรีบรับทันที

“ว่าไงคะแด๊ด”

“แด๊ดว่าจะชวนลูกไปทานข้าวน่ะ ว่างมั๊ย”

“ไม่ว่างหรอกค่ะ มีนัดแล้ววววว อดค่ะ” คนหน้าคมทำเสียงลากยาว

“อ่อ ไม่เป็นไรหรอก งั้นแด๊ดวางแล้วนะ”

“ค่ะๆ”

พอวางสายก็ขับมาถึงบ้านกาจสกุลพอดี คนหน้าคมเหลือบตาไปเห็นรถแด๊ดที่จอดอยู่โรงจอดรถ

“เอ่ะ! นั่นรถแด๊ดนิ่ อย่าบอกนะว่ารู้อยู่แล้วว่าจะมานี่ แล้วทำไมไม่บอกกันนะ มีเรื่องอะไรกันนะ รู้จักกับคุณกิตติก็ไม่เห็นเคยพูดถึงเลย”

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ต้องรอติดตามตอนต่อไปกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา