สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  41.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) คำมั่นลูกผู้ชาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“อาชา เปิดประตูให้แด๊ดหน่อย แด๊ดมีเรื่องสำคัญ อาชา”
จวนเจียนจะเสียท่าอยู่รอมร่อแต่กลับมีเสียงสวรรค์ดังขึ้นขัดจังหวะสองร่างที่กำลังคลุกเคล้านัวเนียกันอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ให้ชะงักเสียก่อน อาชาวินสะบัดศีรษะขึ้นจากอกอวบอิ่มแสนหวานพลางสบถด้วยถ้อยคำหยาบคายไปหลายประโยคเมื่อได้ยินเสียงบิดาพร้อมเสียงเคาะประตูระรัวดังอยู่ที่หน้าห้องนอนของตัวเอง อารมณ์กำลังได้ที่อีกทั้งตัวตนที่แข็งขืนดุดันเตรียมพร้อมอีกไม่กี่อึดใจก็จะได้ออกศึก แต่กลับถูกขัดขวางจนเจ้าลูกชายตัวร้ายปวดร้าวอารมณ์ค้างเติ่งเมื่อแน่ชัดแล้วว่ามันจะชวดได้ฝ่าฟันสู่ความคับแคบรัดรึงที่มันโปรดปราน
‘แด๊ดจะมาทำไมตอนนี้วะ!’
กำปั้นสีแทนทุบลงบนเตียงนอนหนักๆติดกันหลายครั้งเพื่อระบายโทสะที่ถูกขัดจังหวะ ใบหน้ามู่ทู่ซุกลงกับอกอวบอีกครั้งแล้วอ้าปากงับยอดอกสีชมพูสวยเข้าปากดูดดื่มหนักหน่วงหวังใช้ความหวานหอมช่วยบรรเทาความตึงเครียดมวลใหญ่ที่พวยพุ่งอยู่ในร่างกายตอนนี้ แต่ดูท่าจะเกินเลยความตั้งใจ เพราะเมื่อได้ลิ้มรสชาติหวานกลมกล่อมแสนอร่อย อาชาวินก็เพลิดเพลินจนลืมเลือนบิดาที่มาเคาะประตูเรียกอยู่หน้าห้องเสียสนิท  และหากไม่มีเสียงของอัลเฟรดตะโกนเรียกเข้ามาอีกครั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอาชาวินจะหยุดตัวเองไว้ที่ตรงไหน
“อาชา ได้ยินที่แด๊ดเรียกไหม เปิดประตู แด๊ดมีเรื่องจะคุยด้วย เดี๋ยวนี้!”
“คุณ! นายใหญ่เรียก”
ช่ออัญชันที่ยังพอมีสติหลงเหลือพยายามพลิกกายหันหนีแล้วเตือนสติคนตัวโตดื้อรั้น จำได้ดีว่าเสียงผู้ชายที่ดังอยู่หน้าประตูห้องนอนคือเสียงของนายใหญ่แห่งไร่ดวงหทัยแน่นอน และตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มที่กำลังรังแกร่างกายของตัวเองอย่างคนหัวเสียคือลูกชายของเจ้าของบ้านหลังนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เธอจะต้องไม่ยอมให้เหตุการณ์มันเกิดซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง
“โถ่เว๊ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าฉันจะทบต้นทบดอกให้เธอคลานลงจากเตียงไม่ไหวเลย คอยดู!”
คนถูกขัดจังหวะสำคัญยอมเงยหน้าขึ้นจากอกอิ่มสีเรื่ออย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดแล้วสบถหยาบคายอีกครั้ง เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนส่งสายตาอำมหิตมาทางช่ออัญชันพร้อมทั้งขู่คาดโทษเสียงหนักจนร่างบางรู้สึกเย็นเยือกกับวาจาที่อาชาวินบอกเป็นนัยว่านี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำเช่นนี้กับร่างกายของเธอ
 อาชาวินโยนความผิดครั้งนี้ให้ช่ออัญชันเป็นผู้รับผิดชอบทั้งที่รู้ดีว่าหญิงสาวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เป็นอัลเฟรดต่างหากที่มาขัดขวางทางเดินสู่ดินแดนสวรรค์ แต่ในเมื่อเขาลงโทษผู้เป็นบิดาอย่างที่ทำกับช่ออัญชันไม่ได้ เพราะฉะนั้นช่ออัญชันนั่นแหละที่จะต้องตกเป็นจำเลยในความผิดครั้งนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“เอ้า! ใส่ซะ แล้วก็ไม่ต้องเสนอหน้าออกไปล่ะ ฉันจะออกไปคุยกับแด๊ดเอง”
เสื้อคลุมกายสีขาวสะอาดถูกโยนตามลงมาหลังจากที่อาชาวินยอมผละออกจากร่างบอบบางด้วยใบหน้าหงิกงออย่างคนถูกขัดใจแล้วลุกขึ้นเดินโทงๆอวดหุ่นกำยำแน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อตึงเปรี๊ยะสวยงามเข้าไปหยิบเสื้อคลุมในห้องน้ำมาสวมคลุมกายก่อนออกไปพบอัลเฟรด โดยไม่ลืมหยิบติดมือมาเผื่อช่ออัญชันด้วยอีกหนึ่งตัว เพราะไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะสามารถสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเองได้อีกหรือเปล่า ก็เมื่อคืนเขาเมาเลยกลัวว่าเขาอาจจะเผลอฉีกทึ้งจนเสื้อผ้าพวกนั้นขาดวิ่น และหากเป็นอย่างที่กลัว ก็แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้แม่คนตาใสสวมมันไปพบใครหน้าไหนทั้งนั้น
ส่วนคนที่ถูกสั่งให้นั่งรออยู่บนเตียงได้แต่กำเสื้อคลุมไว้แน่นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตขี้หงุดหงิด ด้วยเกรงว่าจะทำให้เขาเห็นสายตาไม่เชื่อฟังของเธอเข้าเสียก่อน แน่นอนว่าเธอไม่กล้ามีปากเสียงกับคนตัวโตแถมหน้าดุอย่างกับยักษ์แบบเขา แต่เธอคงไม่สามารถอยู่ในห้องนี้เพื่อรอให้อาชาวินกลับมาย่ำยีเธอได้อีกเป็นหนที่สองเช่นกัน พอกันทีกับความผิดพลาดที่ทำลายชีวิตเธอจนย่อยยับ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“มีธุระอะไรกับผมแต่เช้าเหรอครับแด๊ด”
ประตูห้องนอนแง้มออกเล็กน้อย ก่อนใบหน้าที่ลดความหล่อลงไปนิดเพราะมีอาการหงิกงอจะโผล่ออกมาถามคนที่ยืนเคาะประตูด้วยสีหน้าเป็นกังวลของคุณอัลเฟรด นอกจากจะหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะสำคัญ อาชาวินยังคงไม่ลืมที่บิดาพาผู้หญิงตาใสที่เขายังไม่รู้จักชื่อคนนั้นใส่พานประเคนยัดเยียดให้เขาถึงในบ้าน นี่คงจะมาดูผลงานให้เห็นกับตากระมังว่าผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นทำสำเร็จหรือไม่ อาชาวินจึงมีอาการมึนตึงใส่บิดา ไม่คุยหยอกล้อคุณอัลเฟรดเหมือนเคย แล้วยังไม่ยอมออกมาจากห้องนอนทำเหมือนกำลังซ่อนอะไรอยู่ด้านใน แต่ในเวลานี้อัลเฟรดไม่ทันได้สังเกตท่าทีของบุตรชายที่เปลี่ยนไป เพราะในใจมีแต่ความกังวลเรื่องเด็กผู้หญิงที่เขาช่วยเหลือเอาไว้อย่างช่ออัญชันมากกว่า แม้แต่ป้าเนียมที่ตามขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังของอัลเฟรดยังแอบลุ้นด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน
“อาชา แกกลับมานอนที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนใช่ไหม”
นั่นเป็นคำถามแรกจากปากของอัลเฟรดเพื่อปูทางสู่คำถามต่อไปที่เขาเป็นกังวล อีกนัยหนึ่งคืออัลเฟรดต้องการซื้อเวลาตั้งสติทำใจเพราะรู้สึกหวาดหวั่นกับข้อสันนิษฐานที่มาจากลางสังหรณ์ส่วนตัว
“ครับแด๊ด ผมกลับมาเมื่อคืน”
ส่วนอาชาวินที่ทำเพียงแค่ยื่นหน้าออกมาคุยกับบิดาตอบรับเสียงเรียบพลางมองจ้องตากับอัลเฟรดด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ในความเฉยชากลับมีพลังงานของความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆแผ่กระจายออกมา อยากจะรู้เหมือนกันว่าพ่อของเขาจะมาไม้ไหนอีก หลังจากที่เมื่อคืนส่งผู้หญิงมาให้ท่าเขาถึงในบ้านแบบนั้น เช้านี้จะมาโวยวายแล้วจับเขาคลุมถุงชนยัดเยียดแม่ตาใสนั่นให้เขารับผิดชอบทำเมียหรือมีข้อเสนออื่นมานำเสนอหรือไม่
“แล้วแกเห็น…”
“นายใหญ่!”
ยังไม่ทันที่อัลเฟรดจะได้ถามลูกชายตัวดีว่าเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆผิวขาวผมยาวประบ่าบ้างหรือไม่ เสียงแหบพร่าของคนที่นายใหญ่แห่งไร่ดวงหทัยตามหาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน สองพ่อลูกแมคคานน์จึงหันกลับไปมองทางด้านหลังพร้อมกันโดยอัตโนมัติ
“หนูอัญชัน!”
เพียงเท่านั้นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนจนอัลเฟรดไม่ต้องเปิดปากถามอะไรออกมาอีก เมื่อสองตามากประสบการณ์มองข้ามไหล่กว้างของอาชาวินแล้วเห็นช่ออัญชันในชุดเสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาวตัวใหญ่วิ่งร้องห่มร้องไห้จนดวงตาทั้งสองข้างบวมช้ำออกมาจากห้องนอนของลูกชาย สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาบวมเป่ง อีกทั้งสองมือที่จับเสื้อคลุมตัวโคร่งตรงช่วงคอที่อาจเปิดกว้างเพราะไม่ใช่ไซซ์ของตัวเองนั้นไม่สามารถทำให้อัลเฟรดคิดเป็นอื่นได้เลย
นี่แสดงว่าเมื่อคืน...เกิดเรื่องอย่างที่เขากลัวจริงๆ
ตั้งแต่ที่ให้แม่เนียมขึ้นไปตามช่ออัญชันลงมารับประทานข้าวเช้าพร้อมเขาแล้วหัวหน้าแม่บ้านวิ่งตึงๆลงมาบอกว่าช่ออัญชันไม่ได้อยู่ในห้องนอน วินาทีแรกยอมรับว่าเกิดความคิดอกุศลเล็กน้อยว่าช่ออัญชันอาจริอ่านแปลงร่างเป็นหัวขโมยฉกทรัพย์สินในบ้านเขาแล้วหลบหนีออกไปกลางดึก แต่เมื่อไม่มีข้าวของสูญหาย อีกทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่าของเจ้าตัวยังวางอยู่ในห้องพักเหมือนเดิม ความกังวลใจก็เข้ามาแทนที่เพราะเพิ่งทราบจากป้าเนียมว่าเมื่อคืนอาชาวินกลับมาค้างที่บ้านด้วย แม้ว่าโอกาสที่ทั้งสองคนจะได้เจอกันนั้นมียากเต็มทีเพราะห้องนอนของทั้งสองอยู่คนละฝั่งของบ้าน อีกทั้งช่ออัญชันยังเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ที่เดียวที่แม่บ้านยังไม่ได้เข้าไปค้นหาคือห้องนอนของอาชาวินเท่านั้น ระหว่างที่เดินมายังหน้าห้องนอนของลูกชายจนกระทั่งก่อนลงมือเคาะประตู อัลเฟรดจึงได้แต่สวดมนต์อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่เขากลัวเลย แต่พรที่ขอกลับไม่สมหวังเสียแล้ว
“ฉันสั่งให้รออยู่ที่เตียง แล้วเสนอหน้าออกมาทำไม!” หึ! แม่นี่ชื่ออัญชัน ชื่อโคตรจะโบราณเลย
และเมื่ออาชาวินหันกลับไปมองคนกล้าขัดคำสั่ง ชายหนุ่มจึงตะคอกดุเสียงหนักพร้อมทั้งกางแขนอุดมด้วยกล้ามเนื้อสีแทนสวยขัดขวางไม่ให้คนตาใสวิ่งออกจากห้องนอนของเขาไปหาบิดาที่ยืนอยู่ด้านนอก เมื่อช่ออัญชันดิ้นรนขัดขืน อาชาวินจึงรวบร่างเล็กเข้าหาตัวแล้วกอดรัดเอาไว้แน่นไม่ยอมให้หญิงสาวหลุดออกไปขอความช่วยเหลือจากพ่อเขาได้
“อาชา แกทำแบบนี้กับหนูอัญชันได้ยังไง แกต้องรับผิดชอบ!”
กว่าจะหายตกตะลึง กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ ร่างเล็กๆของช่ออัญชันก็ถูกกักอยู่กับร่างสูงใหญ่ของลูกชายตัวดีเสียแล้ว แถมอาชาวินยังไม่คิดจะปิดบังเลยด้วยว่าเมื่อคืนมันได้มีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับสาวน้อยในอุปการะของเขา ไม่อย่างนั้นมันคงไม่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอีกทั้งยังแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการก้มหน้าพยายามจะจูบช่ออัญชันต่อหน้าเขาคล้ายต้องการเย้ยหยันประชดประชันแบบตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าในเมื่อลูกชายเขาล่วงเกินสาวน้อยชีวิตแสนอาภัพไปแล้ว มันก็ต้อง…รับผิดชอบ!
“แหม! มุกนี้วางแผนกันนานไหมครับ”
คำประกาศิตเสียงเข้มของคุณอัลเฟรดยิ่งทำให้อาชาวินยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงในอ้อมแขนที่ร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจคนนี้ถูกบิดาจับใส่พานมาเป็นภรรยาของเขาโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ส่งให้มาเจอกับเขาเมื่อคืนจนเผลอมีความสัมพันธ์กันและทำทีเป็นถูกจับได้ในตอนเช้า จากนั้นก็จบลงด้วยการแต่งงานเพื่อรับผิดชอบที่เขาได้ย่ำยีสาวน้อยตาใสแต่มากมารยาหน้าเงินคนนี้ เป็นแผนง่ายๆเหมือนในละครน้ำเน่าแต่กลับใช้ได้ผลชะงัด ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงจึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มหยันให้บิดา และมอบสายตาดูแคลนให้ช่ออัญชันรับมันไป
“แผนบ้าแผนบออะไร ฉันสิต้องเป็นฝ่ายถามแกว่าทำแบบนี้กับหนูอัญชันทำไม ผู้หญิงของแกมีเยอะแยะทำไมไม่ไปยุ่ง ฮะ! อาชา แกทำแบบนี้ทำไม”
ถ้อยคำต่อว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณอัลเฟรดคล้ายคนอ่อนแรง นั่นเพราะนายใหญ่แห่งไร่ดวงหทัยกำลังรู้สึกผิดบาปอย่างมหันต์ อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะช่วยเหลือให้สาวน้อยที่มีชีวิตน่าสงสารอย่างช่ออัญชันรอดพ้นเงื้อมมือไม่ต้องเป็นตัวขัดหนี้ของเสี่ยชาญชัยเจ้าของบ่อนพนันแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาพาเด็กสาวมาสังเวยร่างกายให้ลูกชายตัวดีถึงที่ ความหวังดีของเขากลับกลายเป็นการทำลายสาวน้อยนัยน์ตาโศกคนนี้อย่างไม่คาดคิดเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เขาจะชดเชยความสูญเสียที่ช่ออัญชันถูกกระทำได้อย่างไร นอกจากให้เจ้าลูกชายตัวดีรับผิดชอบการกระทำชั่วช้าของมัน
“ไหนๆสิ่งที่แด๊ดต้องการมันก็สำเร็จแล้ว เปิดอกพูดกันตรงๆดีกว่า แด๊ดอยากให้ผมมีเมียมากจนต้องจ้างยายเด็กนี่ให้มานอนกับผมเลยเหรอครับ จ่ายไปเท่าไรล่ะถึงได้ยอม หรือว่ายายนี่ร่านอยากมีผัวอยู่แล้วเลยตามมาง่ายๆ”
ปากได้รูปสวยเอ่ยถามบิดาแต่สายตาดูแคลนกลับก้มมองคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้น้ำตาไหลพรากด้วยความอดสูใจ แต่นั่นไม่ได้ทำให้อาชาวินคิดสงสาร ชายหนุ่มกลับมองว่าช่ออัญชันบีบน้ำตาเพื่อให้แผนการจับเขาทำสามีสมบูรณ์เสียมากกว่า ทุกอย่างมันดูลงตัวเกินไปจนไม่มีอะไรทำให้อาชาวินคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย
“อาชา แกพูดบ้าอะไร แด๊ดอยากให้แกมีเมียก็จริง แต่ไม่เคยคิดจะยัดเยียดใครให้แกทั้งนั้น แล้วที่แด๊ดพาหนูอัญชันมาที่นี่เพราะหนูอัญชันกำลังลำบากต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่พามาให้แกย่ำยีแบบนี้ รู้ไว้ซะด้วย แล้วแกก็ปล่อยหนูอัญชันได้แล้ว อาชา! แด๊ดบอกว่าให้ปล่อยหนูอัญชัน”
อัลเฟรดเอ่ยสั่งลูกชายเสียงเข้มหลังจากอธิบายความจริงจนจบ นึกหมั่นไส้อาชาวินนัก ปากทำเป็นพูดเหมือนไม่พอใจแต่สองแขนกลับกอดร่างบางเอาไว้แน่นอย่างกับกลัวแม่หนูอัญชันจะหาย
“ป้าเนียม ฮึก! ฮือ ฮือ”
“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ โอ๋ๆ เงียบซะ”
เมื่อถูกสายตาเฉียบนิ่งของบิดาจ้องมองมาตาไม่กะพริบ อาชาวินจึงต้องยอมปล่อยร่างบางจากอ้อมแขนอย่างมิอาจขัดคำสั่ง นึกอยากให้แม่คนเจ้าน้ำตายืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน แต่ทันทีที่เขาปล่อย ช่ออัญชันกลับรีบวิ่งโผเข้ากอดร่างท้วมของป้าเนียมที่อ้าแขนออกรับแล้วดึงเข้าไปกอดปลอบขวัญ ท่าทีของทุกคนที่อยู่ตรงนี้ทำให้อาชาวินชักเริ่มไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาเคยมั่นใจมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
“อาชา แกต้องรับผิดชอบหนูอัญชัน”
ยามหันไปมองช่ออัญชันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับอกของหัวหน้าแม่บ้านก็ยิ่งทำให้อัลเฟรดรู้สึกผิดยิ่งนัก ทางเดียวที่จะช่วยเยียวยาความผิดพลาดครั้งนี้ได้คงมีแต่จับเจ้าลูกชายตัวแสบมารับผิดชอบเท่านั้น
“ไม่มีทาง! ผมไม่หลงกลแผนตื้นๆของแด๊ดหรอกนะ”
แม้จะเริ่มเกิดความลังเล แต่อาชาวินยังคงปักใจเชื่อว่านี่คือแผนการของบิดาทั้งหมด จำเลยหนุ่มจึงยืนกอดอกพิงไหล่กับบานประตูมองพ่อกับยายอัญชันจอมมารยาสลับกันไปมาด้วยสายตาไม่เชื่อถือ
“ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าฉันไม่ได้สร้างแผนอะไรทั้งนั้น หนูอัญชันไม่ใช่คนที่ฉันพามาให้แก”
“แล้วแม่นี่เข้ามาอยู่ในบ้านได้ยัง แล้วทำไมเมื่อคืนต้องออกมาให้ท่าผมตอนดึกๆดื่นๆด้วย”
“แด๊ดไปเจอหนูอัญชันในตัวเมือง หนูอัญชันเป็นลูกสาวของคนงานเก่าในไร่ กำพลไง แกพอจะจำได้ไหมล่ะ แด๊ดเห็นว่ากำลังเดือดร้อนเลยพากลับมาด้วยจะได้หางานหาการให้ทำ ส่วนที่หนูอัญชันออกมาเจอกับแกตอนดึก คงต้องให้หนูอัญชันเป็นคนอธิบาย”
อัลเฟรดพยายามอธิบายให้ลูกชายฟังอีกครั้งถึงที่มาที่ไปของสมาชิกใหม่ในบ้าน แต่เรื่องที่อาชาวินยังสงสัยว่าเพราะเหตุใดช่ออัญชันถึงออกมาจากห้องนอนกลางดึก คงต้องให้เจ้าตัวเป็นคนบอกเอง เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าออกตัวเล่าแทนเดี๋ยวเจ้าลูกชายมันจะหาว่าเขาเข้าข้างคนอื่น
“หนู ฮึก ฮึก หนูหิวน้ำค่ะเลยออกมาจากห้องกะว่าจะลงไปกินน้ำที่ห้องครัว แต่ ฮึก! แต่หนูไม่ได้เปิดไฟเพราะไม่รู้ว่าสวิซมันอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วก็กลัวว่าถ้าเปิดจะทำให้คนในบ้านตื่น ก็เลยเดินคลำทางออกมาเรื่อยๆจนมาถึงตรงทางก่อนลงบันไดค่ะ ฮึก ฮึก หนู…หนูเดินชนกับคุณอาชา แล้วก็ถูกคุณอาชา…พาเข้าไปในห้อง ฮือ ฮือ หนูขอโทษค่ะนายใหญ่ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
‘ฉิบหายแล้วไงกู นี่เมาแล้วคิดไปเองเหรอวะ!’
อาชาวินใจหายแว๊บกับคำบอกเล่าปะปนอาการสะอึกสะอื้นพูดแทบไม่เป็นคำของคนเจ้าน้ำตา ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเย่อหยิ่งถือดีซีดเผือดลงไปถนัดตา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรขนาดนี้
“ที่นี้แกคงรู้แล้วนะว่าแด๊ดกับช่ออัญชันไม่ได้รวมหัวกันวางแผนจับแก แล้วแกจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง ฮึ! อาชาวิน แมคคานน์”
นานเท่าไรแล้วนะที่บิดาไม่เคยเรียกชื่อจริงของเขาเต็มยศแบบนี้ และคนเป็นลูกสุดที่รักก็รู้ดีเสียด้วยว่าหากคุณอัลเฟรดเรียกเขาด้วยสรรพนามเต็มครั้งใด นั่นหมายความว่าอารมณ์ของบิดาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของบิดาที่มีอยู่เต็มเปี่ยมผ่านเส้นเสียง และมันกำลังกดดันให้เขาวางตัวลำบาก ไหนจะสายตานิ่งเฉยแต่เฉียบขาดที่มองมานั่นอีก ชักรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทุกที ไม่ชอบเลยจริงๆยามตกอยู่ในสถานการณ์ที่เขาเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเหมือนตอนนี้
“ผมรับผิดชอบแน่ แต่ไม่ใช่การแต่งงานกับทะเบียนสมรส อยากได้ค่าเสียหายเท่าไรก็บอกมา ผมจะได้เขียนเช็คให้ตอนนี้เลย”
“แต่แด๊ดต้องการให้แก…แต่งงาน”
“เรื่องอะไรล่ะแด๊ด นั่นชีวิตผมทั้งชีวิตเลยนะ! อยู่ๆผมจะต้องเอาชีวิตมาผูกติดกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าได้ยังไง นิสัยใจคอเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ โอเค ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ แต่นั่นเป็นเพราะผมเมามาก ถ้ามีสติผมมั่นใจว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นลงไปแน่ ช่างมัน! ในเมื่อผิดพลาดไปแล้วผมก็จะน้อมรับความผิดนั้นโดยดี แต่นั่นต้องอยู่ในขอบเขตที่ผมรับได้ด้วย หวังว่าแด๊ดคงเข้าใจผมนะครับ ให้แต่งงานกับคนที่เราไม่เคยรู้จักกันเลย แด๊ดคิดว่าชีวิตคู่มันจะไปรอดเหรอครับ จากที่ต้องการแก้ไขให้ทุกอย่างมันดีขึ้นด้วยการแต่งงาน มันจะกลายเป็นว่าแด๊ดเอาผู้หญิงคนนี้มาทนทรมานแทนหรือเปล่า เพราะเราสองคนต่างก็ไม่ได้เต็มใจ”
“นายใหญ่คะ อัญผิดเองค่ะที่ไม่ระวัง ให้เรื่องมันแล้วกันไปเถอะนะคะ อัญไม่ต้องการการรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น มันเป็นอุบัติเหตุ อัญขอร้องนะคะนายใหญ่ อัญคงไม่สบายใจหากเข้ามาวันแรกก็ทำให้คนที่นี่เดือดร้อนเพราะความโง่เขลาคิดน้อยของอัญ นะคะนายใหญ่ อัญขอร้อง”
สายตาเว้าวอนทุกข์ใจของช่ออัญชันทำให้อัลเฟรดถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ไม่อยากให้เรื่องมันลงเอยแบบนี้เลย เพราะช่ออัญชันเป็นผู้หญิง เกิดเรื่องแบบนี้ก็เป็นฝ่ายเสียหายเต็มๆ แม้ไม่ได้อยู่ตอนที่สองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีอย่างเขาดูออกว่าแม่หนูน้อยดวงตาแดงก่ำคนนี้ยังสะอาดไร้เดียงสายิ่งนัก แต่กลับต้องมามีมลทินแปดเปื้อนเพียงเพราะเจอกับเจ้าลูกชายปากร้ายของเขา น่าเสียดายผู้หญิงดีๆแบบนี้จริงๆ
แน่นอนว่าหากเขายังยืนยันจะให้อาชาวินรับผิดชอบช่ออัญชันด้วยการแต่งงานก็ย่อมได้ แต่เมื่อเจอสายตาทุกข์ระทมของเด็กสาว กอปรกับเหตุผลที่อาชาวินยกขึ้นมาอ้างเมื่อครู่ อัลเฟรดจึงต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง คนไม่รักกันต้องมาอยู่ด้วยกันจะมีความสุขได้หรือไม่เขาไม่อาจคาดเดาอนาคตข้างหน้า แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือหากเขาบังคับอาชาวินล่ะก็ เจ้าลูกชายต้องแผลงฤทธิ์อะไรใส่ช่ออัญชันในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ เพราะสิ่งที่อาชาวินไม่ชอบมากๆเลยก็คือการถูกบีบบังคับนี่แหละ หากเขาทำแบบนั้นช่ออัญชันคงกลายเป็นคนที่ต้องมารับเคราะห์เป็นที่รองรับอารมณ์ร้ายกาจของลูกชายเขาแน่นอน
“ก็ได้ ถ้าสองคนยืนยันตรงกันว่าต้องการแบบนั้น ฉันจะยอมรับความต้องการของแกกับหนูอัญชัน แต่อาชา แกต้องรับปากกับแด๊ดมาก่อนว่าต่อจากนาทีนี้ไป แกต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับหนูอัญชันอีก เด็ดขาด!”
แว่บหนึ่งหลังจากสิ้นคำประกาศิตของอัลเฟรด ดวงตาคู่คมของอาชาวินเหลือบไปมองหญิงสาวที่ยังซุกอยู่กับอกของหัวหน้าแม่บ้าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันใบหน้ากลับมามองบิดาอีกครั้ง ยักไหล่กว้างขึ้นและยอมรับข้อตกลงของบิดาไม่มีอิดออด แถมยังทิ้งท้ายด้วยวาจาเสียดแทงหัวใจคนฟังอย่างช่ออัญชันยิ่งนัก
“ตอนนี้ผมมีสติ แด๊ดมั่นใจเถอะว่าผมไม่มีทางลดตัวลงไปคลุกวงในกับแม่นี่หรอก จืดชืด!”
“ก็ดี งั้นฉันจะถือว่านี่คือคำมั่นสัญญาของลูกผู้ชาย แต่ถ้าฉันรู้ว่าแกยังเข้ามายุ่มย่ามกับหนูอัญชันอีกล่ะก็ ครั้งหน้าแกเตรียมปากกาไว้เซ็นชื่อในทะเบียนสมรสได้เลย จำคำของแด๊ดไว้นะอาชา…อย่ายุ่งกับช่ออัญชันอีกเป็นอันขาด!”
“จบเรื่องแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมไปอาบน้ำเข้าไร่ได้แล้วสินะ วันนี้มีนัดตัดสับปะรดส่งให้พวกแม่ค้าหลายตัน ผมขอตัวก่อนแล้วกัน อ้อ! ส่วนค่าเสียหาย อยากได้เท่าไรก็ให้คนดีของแด๊ดกรอกตัวเลขลงในเช็คเอาเองก็แล้วกัน เดี๋ยวผมให้ไอ้เปี๊ยกมันเอามาให้”
พูดจบอาชาวินจึงหันหลังกลับเข้าไปในห้องนอนเตรียมตัวไปอาบน้ำเข้าไร่ ทำเหมือนเรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องไร้สาระที่เขาไม่คิดจะให้ความสำคัญ แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตูห้อง ชายหนุ่มกลับหมุนตัวกลับมาแล้วมองไปที่หัวหน้าแม่บ้านเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“ป้าเนียมครับ เย็นนี้ไม่ต้องเตรียมข้าวเย็นเผื่อผมนะ เสร็จจากเข้าไร่ผมจะไปค้างที่โรงแรมสักสองสามวัน”
หลังจากสั่งงานป้าเนียมแต่แอบแฝงคำบอกกล่าวถึงบิดา จากนั้นอาชาวินจึงตั้งท่าจะปิดประตูห้อง หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิดก็มีเหตุให้อกด้านซ้ายของชายหนุ่มกระตุกขึ้นมาเสียก่อน
“อืม ถ้าตกลงกันได้แล้วก็แยกย้าย หนูอัญชันเตรียมตัวไว้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาหนูไปอยู่ที่เกาะจันทร์ฉาย ที่นั่นมีโรงงานทำกะทิ ฉันจะพาหนูไปทำงานแล้วก็พักอยู่ที่นั่นเลย”
***********************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา