สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  42.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คืนหวาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

 

“จุ๊ๆๆ ตัวนิดเดียว แต่ตรงนี้เบอเริ่มเลย”

‘ตรงนี้’ ที่อาชาวินพูดถึงคืออกอวบกลมกลึงที่ยังมีเสื้อยืดคอกลมสีเทาซีดปิดคลุมเอาไว้ แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพ่อหนุ่มนักรักอย่างอาชาวินเลยสักนิด ชายหนุ่มรวบข้อมือเล็กๆของช่ออัญชันไว้เหนือศีรษะแล้วใช้ฝ่ามือใหญ่ข้างเดียวกดตรึงเอาไว้ไม่ให้คนตัวเล็กดิ้นหนี มืออีกข้างจึงว่างและมันก็ทำตัวไม่ว่างด้วยการนวดคลึงอกอวบนูนเด่นให้เห็นรำไรๆฝ่าความมืดสลัว เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส อาชาวินก็หยักยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ เพราะแม้ว่าสตรีใต้ร่างจะตัวเล็กจิ๋วเหมือนเด็กมัธยมต้น แต่หน้าอกหน้าใจนั้นมีขนาดเหลือกินเหลือใช้ประหนึ่งสาวมหา’ลัยเลยทีเดียว

นี่สินะที่โบราณว่า ‘สิบตาเห็นหรือจะสู้มือคลำ’ อวบอุ่นนุ่มมือดีแท้!

“ปล่อยนะ! หยุดทำบ้าๆกับฉันสักที ฉันไม่ใช่คนที่คุณรู้จัก ปล่อยสิ! ปล่อยยยย”

เมื่อมีโอกาสที่อาชาวินละริมฝีปากออกเล็กน้อยเพื่อเอ่ยชมขนาดหน้าอกที่เธอไม่ค่อยจะชอบมันเท่าไร ช่ออัญชันจึงใช้โอกาสนี้ผงกศีรษะขึ้นมาแล้วตะโกนสั่งเสียงดังให้คนเมาปล่อยเธอไปเสียที แต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้มือของอาชาวินเริ่มยุ่มย่ามกับชายเสื้อของเธอแล้ว

“กรี๊ด! ไอ้บ้า! ปล่อย”

ช่ออัญชันกรีดร้องลั่นเมื่อเสื้อยืดตัวโคร่งสีซีดที่เธอเอาไว้ใส่นอนถูกรูดออกทางศีรษะอย่างง่ายดาย และนั่นก็ทำให้ร่างขาวโพลนปรากฏแก่สายตาของอาชาวินทันที เพราะหญิงสาวไม่ได้สวมชุดชั้นในเวลานอน เนื่องจากช่ออัญชันมีชุดชั้นในเพียงสองชุดเท่านั้น หญิงสาวจึงเลือกที่จะโนบราเพื่อจะได้ซักและตากมันให้แห้งทันใช้งานในวันต่อไป

“อืม ใหญ่มากจริงๆด้วย จุ๊บ!”

และสิบมือคลำก็ยังไม่เท่าหนึ่งริมฝีปากได้รูปที่ก้มลงจูบหนักๆบนเนื้อนูนเต่งตึงแห่งวัยสาวนั่นอย่างมันเขี้ยวในความอร้าอร่ามของมันจนช่ออัญชันรู้สึกสะท้านวูบเสียวปลาบในท้องน้อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าหล่อแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราผงกใบหน้าขึ้นจากอกอวบเพื่อมองเจ้าของของมันเล็กน้อยก่อนฉกริมฝีปากเข้าครอบครองยอดอกอิ่มที่หากมีแสงไฟสว่างอีกนิดคงเห็นว่ามันเป็นสีชมพูสดสวย

“อื้อ! ไอ้บ้า ปล่อยนะ ปล่อยสิ! ฮือ ฮือ ปล่อย อ๊ะ!”

ช่ออัญชันร้องครางเสียงหลงกับความรู้สึกวูบวามที่วิ่งพล่านไปตามกระแสเลือดในร่างกาย อยู่ๆเนื้อตัวก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อๆ แผ่นท้องน้อยหดเกร็ง ลมหายใจขาดช่วง ปลายเท้าเล็กๆจิกงอเมื่อริมฝีปากรุมร้อนเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์ดูดดึงยอดอกงามคล้ายเด็กน้อยดูดดื่มน้ำนมมารดา ความรู้สึกแปลกๆจู่โจมเข้าสู่ร่างกายจนคล้ายคนเสียสติ ปากร้องห้ามโวยวาย ใจหนึ่งอยากจะต่อต้านผลักไสศีรษะของคนเมาออกห่างแต่กลับทำไม่ได้ สิ่งที่ช่ออัญชันทำได้ตอนนี้คือแอ่นอกอวบเข้าหา หยัดกายขึ้นสูงเพื่อให้ริมฝีปากของผู้ชายที่เธอไม่รู้ว่าเขาคือใครแนบชิดกับความนุ่มหยุ่นของซาลาเปาคู่งามให้มากที่สุด

“ปล่อย!”

การกระทำกับคำพูดสวนทางกันสิ้นเชิงเพียงเพราะปลายลิ้นสากที่ลากไล้วนเวียนสร้างความชื้นแฉะบนอกอวบนั่น และดูท่าว่าคนเมาจะไม่ยอมหยุดมันง่ายๆ เพราะตอนนี้ริมฝีปากรุมร้อนดูดดึงยอดอกสีเรื่อทั้งสองข้างสลับกันไปมาอย่างเมามันในอารมณ์จนร่างเล็กด้อยประสบการณ์ร้อนวูบวาบพลางหยัดตัวขึ้นตามจังหวะที่ฟันคมกัดดึงยอดอกเบาๆ ฝ่ามือหนาที่เคยกักข้อมือบางไม่ให้ผลักไสจับสองแขนเรียวให้โอบรอบลำคอแกร่ง ก่อนที่มือข้างเดียวกันนั้นจะกอบกุมบีบขยำอกอวบอย่างมันเขี้ยวจนมันขึ้นเป็นรอยนิ้วมือแดงเถือก

“ทำไม ‘ตรงนี้’ ใหญ๊ใหญ่ แต่ทำไม ‘ตรงนี้’ เล็กจัง ถ้าฉันโถมตัวแรงๆแล้วมันจะหักไหมเนี่ย”

เสียงอ้อแอ้แหบพร่าเอ่ยถามเมื่อมือซุกซนลูบเรื่อยไปทั่วร่างบางเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ในกายสาวให้ลุกโชน จนเมื่อเลื่อนต่ำลงมาจากสองอกอวบลากไล้กรีดปลายนิ้วลงมาตามแผ่นท้องแบนราบและสัมผัสได้ถึงความโค้งเว้ากลางลำตัวที่มันคอดกิ่วจวนเจียนจะขาดเสียเหลือเกิน จากนั้นอาชาวินจึงขยับตัวขึ้นให้ใบหน้าเสมอหน้าอกอิ่มเพื่อสำรวจว่ามันมีเจ้าของคนเดียวกัน ความสงสัยเกิดขึ้นท่ามกลางสติน้อยนิด แต่คิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะต่อให้เอวเล็กหรือใหญ่กว่านี้ ขอแค่สามารถรองรับตัวตนแข็งแกร่งของเขาได้ อาชาวินก็สะดวกทั้งนั้น

“คุณ! ปล่อย!”

เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระอีกครั้ง ช่ออัญชันจึงพยายามถีบขาให้พ้นจากร่างสูงที่ทาบทับจนกระดิกตัวหนีไม่ได้พร้อมทั้งทุบมือไปบนไหล่หนาหวังให้คนเมาเจ็บและยอมปล่อยเธอไป แต่ผิดคาด! อาชาวินไม่ได้เจ็บ ไม่รู้สึกสะเทือนหนังหนาๆของเขาเลยด้วยซ้ำ แถมการกระทำของช่ออัญชันยังชวนให้คนสติไม่สมประดีคิดไปว่าหญิงสาวใต้ร่างต้องการเร่งเร้าให้เขาเติมเต็ม ซึ่งเป็นสิ่งที่อาชาวินต้องการมากที่สุดอยู่แล้วนับตั้งแต่ได้สูดกลิ่นหอมละมุนจากแก้มนุ่ม ชายหนุ่มจึงยืดตัวขึ้นตรงแต่ท่อนขาแข็งแรงทั้งสองยังคงคร่อมทับร่างบางไม่ให้หนีไปไหน ก่อนที่ปลายแขนล่ำจะหยัดขึ้นเหนือศีรษะแล้วไพล่มือลงมาดึงเสื้อยืดเนื้อนุ่มสีดำราคาแพงให้พ้นไปจากร่างอย่างง่ายดาย

“อย่านะ ไม่! อย่าทำแบบนี้กับฉัน ปล่อยฉันเถอะนะ ขอร้องนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ ฮือ”

ช่ออัญชันดิ้นรนเอาเป็นเอาตายเมื่อมือหนาตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเธอเหนือศีรษะอีกครั้ง ก่อนที่คนเมาจะใช้มืออีกข้างปลดเข็มขัดและถอดกางเกงยีนส์เนื้อหนาพ้นไปจากร่างของเขา ตามด้วยชั้นในชายสีขาวสะอาดที่ลอยหวือขึ้นในอากาศแล้วตกลงที่ปลายเตียง จากนั้นมือข้างเดิมรูดเกี่ยวกางเกงผ้ายืดขายาวของเธอพ้นจากสะโพกไปกองอยู่ที่หัวเข่า เปิดเปลือยความอ่อนนุ่มที่ไม่เคยมีใครได้เห็นให้ปรากฏแก่สายตา มาถึงนาทีนี้ช่ออัญชันรู้ตัวแล้วว่าเรี่ยวแรงน้อยนิดของตัวเองคงไม่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากการถูกข่มเหงครั้งนี้ได้แน่ๆ  หญิงสาวจึงได้แต่เบี่ยงหน้ามองไปด้านข้างมิอาจทนเห็นความอดสูที่กำลังจะเกิดกับร่างกายของตัวเอง แล้วปล่อยเสียงร้องไห้ที่บอกความรู้สึกในใจไปตามที่ต้องการ

“ฉันจะกินเธอแล้วนะ แม่คนแก้มหอม จุ๊บ!”

จูบซับบีบเคล้นร่างบางอย่างเมามันจนเนื้อตัวร้อนผ่าวพร้อมพลั่ก อาชาวินจึงยืดตัวขึ้นทาบทับร่างบางอีกครั้ง แล้วก้มจูบผิวแก้มเนียนหอมละมุนที่เขาหลงใหล จากนั้นจึงขยับตัวให้เข้าที่เข้าทางแล้วสอดประสานกายแกร่งดุดันเข้าสู่ความอ่อนนุ่มที่ปลดปล่อยความอ่อนหวานออกมาต้อนรับ

“กรี๊ด เจ็บ! เอาออกไป ฮือ ฮือ เจ็บ เจ็บ เอาออกไปเดี๋ยวนี้ คนใจร้าย ฮือ ฮือ”

ช่ออัญชันดิ้นพล่านอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บร้าวกลางกายเหมือนถูกมีดคมกริบกรีดแยกร่างกายให้ขาดออกจากกัน สองขาพยายามยกขึ้นถีบร่างหนาที่ทาบทับอยู่ด้านบนออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะถูกท่อนขาแข็งแรงของคนเมากดทับจนดิ้นไม่ออก มือบางพยายามผลักไหล่หนาออกห่างแต่ก็เหมือนเช่นเคยที่เรี่ยวแรงเท่ามดตัวน้อยไม่สามารถงัดคนตัวโตราวยักษ์ปักหลั่นให้หลุดพ้น ช่ออัญชันจึงเลือกที่จะกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่มันเพิ่มทวีคูณยามเมื่อร่างหนาดึงดันความแข็งแกร่งเข้าหาจนสุดปลายทางปล่อยน้ำตาไหลพรากๆอย่างอดสูใจกับชะตาชีวิตของตัวเองที่รอดพ้นจากเสี่ยเจ้าของบ่อนหวุดหวิดแต่กลับต้องมาเสียความสาวให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้

‘ฮือ ฮือ แม่จ๋า ช่วยอัญด้วย อัญเจ็บ!’

ความเจ็บทรมานที่กำลังได้รับนอกจากจะทำให้น้ำตาไหลรินเป็นทาง เนื้อตัวสั่นเทาเหมือนนกเปียกฝน มันยังทำให้ช่ออัญชันคร่ำครวญหามารดาอย่างแสนเจ็บปวด หากเป็นเมื่อก่อนช่ออัญชันคงเรียกหามารดาทั้งน้ำตานองหน้ายามเมื่อถูกพ่อแท้ๆทุบตีเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอไม่สามารถหาเงินมาให้ผู้เป็นพ่อนำไปซื้อเหล้าหรือเข้าบ่อนพนัน ตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลายมักมีเหตุการณ์ให้เธอพร่ำเรียกหาอ้อมกอดของมารดาปลอบโยนความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่ถูกพ่อทำร้ายได้ไม่เว้นแต่ละวัน

แต่ในวันนี้ ตอนนี้ ความเจ็บที่เธอกำลังได้รับมันหนักหนาสาหัสกว่าที่เธอเคยโดนกำพลทารุณกรรมมาตลอดทั้งชีวิตเสียอีก ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตที่จะทำให้เธอเจ็บปวดจนแทบขาดใจตายอย่างที่กำลังถูกชายที่เธอไม่รู้จักโจนจ้วงอาวุธร้ายเข้าหาอย่างที่เป็นอยู่อีกแล้ว มันเจ็บจนร่างกายตรงจุดที่ถูกรุกรานเหมือนกำลังฉีกขาดออกจากกัน มันทรมานกับความอึดอัดที่เหมือนจะทำให้ร่างกายเธอหายใจไม่ออก หมดสิ้นกันแล้วความสาวที่เธอเก็บรักษาติดกายมานานถึงยี่สิบเอ็ดปีไม่เคยคิดให้ผู้ชายคนไหนแตะต้อง แต่กลับมาเสียมันให้กับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก ไม่แม้จะรู้หน้าตาของเขาคนนี้

“อา…เธอรัดฉันแน่นดีเหลือเกิน ทูนหัว”

มือหนาทั้งสองข้างจับเอวคอดกิ่วเข้าหาตัวเมื่อคนใต้ร่างพยายามดิ้นรนหนี จากนั้นจึงค่อยๆยกสะโพกดึงตัวตนที่ถูกบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกออกมาช้าๆ แต่มันช่างทรมานยิ่งนัก เพราะดูเหมือนความอ่อนนุ่มจะหวงแหนตัวตนของเขามากจนไม่ยอมให้มันถอนกายออกมาง่ายๆ อาชาวินกัดฟันสูดปากกับความเสียวซ่านที่ได้รับ พยายามฝืนตัวทำใจแข็งไม่ยอมให้ตัวเองปลดปล่อยเพียงเพราะถูกโอบรัดเอาไว้แนบแน่นทั้งที่บทรักพิศวาสเพิ่งเริ่มต้น ก่อนค่อยๆดึงตัวตนออกห่างจนเกือบสุดทาง แล้วถาโถมกลับเข้าไปอีกครั้งให้ความอ่อนนุ่มคุ้นเคยกับความอลังการแข็งขันของเขา

“อืม เธอรัดแน่นจนฉัน…อยากจะบ้า!”

อาชาวินเปล่งเสียงครางโหยหวนอย่างทรมานปะปนความสุขสมจนแยกไม่อออกว่าอย่างไหนมันมีมากกว่ากันเมื่อสะโพกสอบขยับดันกายแกร่งเข้าหาความอ่อนนุ่มที่เริ่มคุ้นชินจนเตียงนอนสั่นไหวตามแรงขยับ สติพร่าเลือนจากฤทธิ์น้ำเมาทำให้อาชาวินไม่รู้ตัวว่ากำลังพล่าผลาญพรหมจรรย์ของสาวน้อยวัยแรกแย้มคนหนึ่งให้สูญสิ้นอย่างโหดเหี้ยม

มือหนาปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระเพื่อช้อนใต้แผ่นหลังเนียนของช่ออัญชันให้แอ่นหยัดขึ้นสูง ก่อนฉกริมฝีปากครอบครองอกอวบอิ่มดูดดื่มรสชาติหอมหวานที่โปรดปราน ในขณะที่สะโพกสอบสีแทนยังส่ายไหวเป็นจังหวะจนขนอ่อนทั่วเรือนกายของช่ออัญชันลุกฮือ รู้สึกเนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับมีกองไฟฝังอยู่ใต้ผิวหนัง

“อ๊ะ! คุณ…”

 เวลาผ่านไปชั่วครู่ความรู้สึกเจ็บๆที่กลางกายค่อยๆจางหาย และกลายเป็นความซ่านหวิวเสียวปลาบที่เข้ามาแทนที่จนร่างบางบิดกายเร่าๆอย่างห้ามไม่อยู่ ปลายนิ้วเท้าจิกเกร็งหงิกงอ สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งโดยอัตโนมัติยามอาชาวินโจนจ้วงร่างกายเข้าใส่รุนแรง แต่ริมฝีปากบางกลับต้องเม้มไว้แน่นเพราะอับอายที่เธออยากปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาทั้งที่ตอนแรกดิ้นรนหนีจะเป็นจะตาย

“อาชา เรียกฉันว่าอาชา!”

ม้าหนุ่มที่ควบตะลุยอยู่เหนือร่างร้องสั่งเสียงแหบพร่า ไม่รู้ทำไมอาชาวินถึงอยากได้ยินเสียงหวานสั่นระริกของหญิงสาวใต้ร่างครวญเรียกชื่อของเขาออกมานัก รู้แค่เพียงว่านอกจากความอ่อนนุ่มคับแคบที่รัดแน่น ความหอมละมุนของผิวแก้มและผิวกายที่เขาหลงใหล เสียงหวานกังวานใสก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งจากผู้หญิงแสนหวานใต้ร่างคนนี้ที่อาชาต้องการครอบครอง

“อา ชา”

เสียงหวานครางเรียกชื่อของคนเหนือร่างตามคำสั่งกระท่อนกระแท่นขาดช่วง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความซ่านที่แผ่ขยายกินวงกว้างไปทั่วร่างจนสติสัมปชัญญะรางเลือน อีกส่วนเป็นเพราะร่างกายของเธอตอนนี้ขยับโยกสั่นไหวไปตามแรงถาโถมที่อาชาวินกระหน่ำสาดซัดเข้าหาที่แม้แต่เตียงนอนหลังใหญ่ยังขยับยวบยาบ ขนาดจะหายใจยังติดๆขัดๆเพราะฉะนั้นจะหวังให้เธอพูดครบจบประโยคในคราวเดียวกันคงเป็นเรื่องยากเกินไป

และไม่น่าเชื่อว่าเพียงเสียงเรียกเดียวที่ช่ออัญชันเอ่ยเรียก จะทำให้พลังหนุ่มที่ฝังอยู่ในกายแกร่งนั้นรู้สึกพองโตฮึกเหิมได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรี่ยวแรงที่เคยคิดว่ามีล้นเหลือยิ่งเพิ่มพูนเหมือนได้รับสารกระตุ้นชั้นดี คิดไปเองว่าคำว่า ‘อาชา’ ที่คนใต้ร่างเอ่ยเรียกนั้นสื่อแทนความเสียวซ่านระคนสุขสมมากกว่าเป็นการเรียกชื่อ สะโพกสอบจึงกระหน่ำถาโถมเข้าหาร่างบางไม่ยั้งจนช่ออัญชันไม่สามารถทนกักเก็บเสียงร้องแห่งความทรมานไว้แค่เพียงในลำคอได้อีก

“อาชา คุณอาชา อื้อ…อื้มมม”

“เรียกอีก เรียกให้ดังกว่านี้ เรียก!”

“คุณอาชา ฮึก อื้ออออ”

ริมฝีปากได้รูปเอ่ยสั่งเสียงดุดัน มือหนาตบลงบนสะโพกตึงหนักๆไปทีจนเกิดรอยแดงพร้อมกับเร่งจังหวะถาโถมเข้าหา ตัวตนแข็งแกร่งที่ขยับโยกฝ่าความอ่อนนุ่มสุดแสนคับแคบก่อให้เกิดการเสียดสีที่แสนทรมาน แต่ทั้งสองร่างกลับยิ่งกว่าเต็มใจที่จะจับมือกันบุกตะลุยฝ่าความทรมานที่ว่านั้นไปสู่ดินแดนที่ไหนสักแห่งที่มีความสุขสมรอคอยอยู่ข้างหน้า และความพยายามก็เป็นอันสำเร็จ อาชาวินเร่งจังหวะโจนจ้วงกายแกร่งเข้าหาเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งกระตุกของความอ่อนนุ่มที่บีบรัดจนใบหน้าหล่อคมคายบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน จากนั้นไม่นานร่างสองร่างก็เกร็งกระตุกในเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมลาวาอุ่นร้อนที่หลั่งไหลไปตามเส้นทางสู่ดินแดนสวรรค์ที่อาชาวินเพิ่งพาช่ออัญชันไปเยี่ยมเยือนมาหมาดๆ เรือนกายสูงทิ้งร่างนอนทาบทับอยู่บนเนื้อตัวชื้นเหงื่อของสตรีใต้ร่างพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่หากมีแสงสว่างสาดส่องคงทำให้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขสมบนเรียวปากได้รูปของอาชาวินที่น้อยครั้งนักจะเกิดขึ้น

ความอ่อนเพลียจากบทรักแสนหวานบวกกับอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ทำให้อาชาวินทิ้งตัวลงมานอนบนเตียงนุ่มแล้วพริ้มตาหลับเข้าสู้ห้วงนิทราในเวลาเข้าวันใหม่อย่างเป็นสุข จะด้วยสัญชาตญาณหรือเหตุผลใดไม่อาจคาดเดา เมื่อร่างหนาสีแทนเปลือยเปล่าตะแคงตัวเข้าหาช่ออัญชันที่นอนหันหลังคู้ตัวกัดริมฝีปากแน่นสะอื้นไห้เงียบๆอยู่ข้างๆกายเข้าไปกอดจนแผ่นหลังเนียนแนบชิดกับอกกว้างแข็งกระด้าง ปลายคางที่มีตอเคราสั้นๆขึ้นครึ้มก่ายเกยอยู่บนกระหม่อมบางของคนที่ยังข่มตานอนไม่หลับ ท่อนแขนล่ำสันสีแทนอย่างคนใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งเป็นประจำสวมกอดเอวคอดเข้าหาตัวแน่นอย่างแหนหวง

“ฮึก ฮึก”

เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าอาชาวินหลับสนิทไปแล้ว แถมยังเป็นการหลับไปพร้อมรอยยิ้มสุขสมบนใบหน้า แต่ช่ออัญชันกลับไม่สามารถข่มตาหลับได้ลง หญิงสาวยังคงนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจกับความสาวที่สูญเสียมิทันได้ตั้งตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนใจร้ายที่พรากพรหมจรรย์ไปจากร่างกายของเธอคือใคร รู้เพียงแค่เขาได้สร้างรอยราคีและทิ้งความอดสูไว้ทั่วร่างของเธอจนร่างกายปวดร้าวระบม เจ็บจนไร้เรี่ยวแรงขยับกาย จำต้องปล่อยให้คนใจร้ายโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและเข้าสู่ห้วงนิทราในค่ำคืนที่แสนโหดร้ายเมื่อความอ่อนเพลียเข้ามาเยี่ยมเยือน

***************************************************************************************-

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา