สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
40) มารผจญ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“โรสอยากไปงานกับผมเหรอครับ”
“ค่ะอาชา โรสอยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“งั้นก็ตามใจโรสเลยครับ เราจะไปงานด้วยกัน”
แล้วสิ่งที่ร่ายยาวมาทั้งหมดก็ไม่เสียเปล่า เมื่อในตอนนี้อาชาวินยอมให้เธอไปร่วมงานกับเขาแล้ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตอนแรกที่เธอขอไปเขาไม่เต็มใจและมีแววว่าจะถูกปฏิเสธให้แต่งตัวเก้อ แต่แน่นอนว่าคนสวยเริ่ดอย่างเรนุกาคนนี้ไม่มีวันยอม ในเมื่ออาชาวินไม่ยอมอนุญาตเสียที เธอเลยทำที่เป็นคุยกับช่ออัญชันเรื่องของชิต ที่พูดไปทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาทั้งนั้น ช่ออัญชันไม่ได้พูดเลยว่าจะทำอาหารไปเยี่ยมชิตที่โรงพยาบาล
ที่ทำแบบนี้เป็นเพราะเธอรู้ว่าอาชาวินยังคงคลางแคลงใจเรื่องของทั้งคู่ เลยคิดว่าหากอาชาวินรู้ว่าเมียสาวเป็นห่วงเป็นใยชิตออกนอกหน้าแล้วเขาจะต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เธอจึงลองใช้วิธีนี้ซึ่งได้ผลเกินคาด เพราะเพียงแค่ได้ยิน อาชาวินก็มีอาการเหมือนปล่องภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ใบหน้าของเขาบึ้งตึง เนื้อตัวของเขาร้อนรุ่มด้วยแรงโทสะจนเธอที่ยืนกอดแขนเขาเอาไว้สัมผัสได้ และก็มั่นใจว่ามองออกว่าคนรักศักดิ์ศรีอย่างเขาคงต้องการกู้หน้าคืนด้วยการควงเธอประชดเมีย และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนการของเธอเป๊ะ!
สะใจจริงๆ งานนี้กลายเป็นว่าเมียตัวจริงอย่างช่ออัญชันต้องแต่งตัวคอยเก้อ สมน้ำหน้า!
สมน้ำหน้าไอ้แก่ด้วย เจ้ากี้เจ้าการดีนัก เป็นไงล่ะ ลูกชายตัวเองไม่เหลียวแลลูกสะใภ้เลยสักนิด สะใจชะมัด!
“อาชา แด๊ดต้องการให้แกพา ‘เมีย’ ไปเท่านั้น”
ก่อนที่อาชาวินจะควงแขนผู้หญิงยอดร้ายไปขึ้นรถ อัลเฟรดจำต้องเอ่ยเตือนลูกชายเสียงเข้มถึงจุดประสงค์ที่เขาต้องการ อันที่จริงงานเปิดตัวร้านอาหารไม่ได้สำคัญมากจนต้องส่งลูกชายไปงานด้วยตัวเองอย่างที่อ้าง แต่เป็นเพราะเขาได้รับรายงานเรื่องความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่กำลังไปได้ดีแต่กลับต้องมาหยุดชะงักด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อัลเฟรดจึงต้องการหาโอกาสให้ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน ประจวบเหมาะกับมีงานที่เสี่ยธงรบเชิญมาพอดี อัลเฟรดจึงสั่งให้อาชาวินพาลูกสะใภ้ของเขาไปเปิดตัวเสียเลย
“ก็อย่างที่โรสพูดนั่นแหละครับ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน แด๊ดอย่ายึดติดนักเลย”
พูดกับบิดาแต่สายตาของอาชาวินกลับมองไปทางช่ออัญชัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ต่อมโมโหในร่างสูงกระตุกรุนแรงพร้อมทำงาน เพราะหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอีกแล้ว ทำให้อาชาวินรู้สึกโกรธกรุ่นจนอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อบรรเทาความรู้สึก เพราะเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้ช่ออัญชันกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอยากให้เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วอธิบายเรื่องที่เรนุกาพูดเมื่อครู่ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า
ใจจริงไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำพูดของเรนุกามากมายขนาดนั้น แต่พอนึกถึงความเป็นห่วงที่ช่ออัญชันมีให้ไอ้ชิตมันก็ทำให้อาชาวินเกิดความระแวงไม่มั่นใจ อยากให้ช่ออัญชันเป็นคนเฉลยความจริง แต่หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าทำเหมือนกำลังยอมรับสิ่งที่เรนุกาบอกทุกถ้อยคำ
“ถ้าแกควงผู้หญิงคนนั้นไปด้วย แล้วหนูอัญชันล่ะ”
“ก็ให้อยู่บ้านไปสิครับ บ้านนอกขนาดนั้นพาออกงานใหญ่ด้วยคงได้อับอายขายขี้หน้า ไปกันเถอะครับโรส เดี๋ยวเราสองคนไปงานไม่ทัน”
ดวงตาคู่คมเหลือบสายตากลับมามองบิดาเมื่อถูกถาม จากนั้นจึงตวัดสายตากลับมามองช่ออัญชันอีกครั้ง อยากเห็นปฏิกิริยาของเจ้าหล่อนสักนิดว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่ต้องพูดก็ได้ ขอแค่ให้ช่ออัญชันยอมเงยหน้าส่งสายตาบอกว่าอยากไปงานพร้อมกับเขาก็ยังดี แต่รออยู่ชั่วอึดใจก็ยังไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ ทำให้อาชาวินรู้สึกผิดหวังไม่น้อย ด้วยความน้อยใจที่ช่ออัญชันไม่ใยดีเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มจึงเลือกจะประชดด้วยการควงเรนุกาไปร่วมงานแทนที่เมียสาวเสียเลย เผื่อจะทำให้ช่ออัญชันได้รู้สำนึกบ้างว่าคนอย่างเขาไม่เคยต้องง้อใครเหมือนกัน
“เดี๋ยว! อาชา”
ก่อนที่อาชาวินจะเดินผ่านหน้าไป อัลเฟรดกลับวางมือบนบ่าของลูกชายแล้วบีบเบาๆเป็นการเรียกชายหนุ่มเอาไว้ให้อยู่คุยกันก่อน นึกเสียดายว่าก่อนหน้านี้ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกันทำไมเขาไม่ยอมคุยบางอย่างกับอาชาวินให้รู้เรื่อง เพราะหากถ้าเขาเปิดปาก เหตุการณ์มันอาจไม่เป็นอย่างตอนนี้ก็ได้ ยิ่งหันไปมองแล้วเห็นลูกสะใภ้ยืนก้มหน้าหม่นเศร้ามองปลายเท้า อัลเฟรดก็คิดว่าเขาควรจะเตือนเจ้าลูกชายตัวดีให้รู้ตัว เพราะหากเขาปล่อยให้มันประชดประชันอยู่แบบนี้ อีกหน่อยเขาคงไม่มีลูกสะใภ้ที่ช่อช่ออัญชัน
“คิดให้ดีนะก่อนจะทำอะไร แด๊ดแค่อยากจะเตือนว่าผู้หญิงน่ะ ถ้าเธอเหนื่อย อดทน ถูกทำร้ายหรือเสียใจกับอะไรมากๆ พอถึงจุดๆหนึ่งที่มันอิ่มตัวจนเกินจะรับไหว เชื่อไหมว่าเธอจะไปแบบไม่คิด ไม่ฟัง ไปแล้วไม่ย้อนกลับมาอีกไม่ว่าเราจะยอมปรับปรุงตัวเองหรืออ้อนวอนขนาดไหน ถ้าไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลัง จงดูแลเธอให้ดีที่สุด ก่อนที่แกอาจไม่มีโอกาสนั้นตลอดไป”
“ผมไปงานก่อนนะครับแด๊ด”
ยอมรับว่าคำสอนแฝงนัยยะของอัลเฟรดที่กระซิบข้างหูทำให้อกข้างซ้ายกระตุกวูบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในแววตาของบิดาบอกได้ดีเชียวล่ะว่ากำลังต้องการตักเตือนเขาเรื่องช่ออัญชัน แต่แล้วยังไงล่ะ จะให้เขาหันหลังกลับไปคว้ามือบางของคนที่ไม่เคยสนใจเขา เอาแต่ยืนก้มหน้าจนปลายคางเกยหน้าอกแล้วจูงไปขึ้นรถหรือ ในเมื่อเขาพูดออกไปแล้วว่าคืนนี้เป็นเรนุกาที่ได้รับสิทธิ์ไปร่วมงานกับเขา จะให้เขากลืนน้ำลายตัวเองจนต้องเสียหน้าหรืออย่างไร
ไม่ล่ะ! เขาเองก็มีศักดิ์ศรีมากพอ ไม่จำเป็นต้องงอนง้อคนที่ไม่เคยสนใจเขาอย่างช่ออัญชัน
ทิฐิทำให้คนถูกตักเตือนเลือกที่จะเมินเฉยเหมือนไม่ได้ยิน จากนั้นอาชาวินก็เดินควงแขนเรนุกาออกไปขึ้นรถหน้าบ้าน ปล่อยทิ้งให้อัลเฟรดยืนมองตามไปด้วยสายตาที่หากอาชาวินหันกลับมามองคงหนาวไปถึงกระดูกกับความเยือกเย็นแน่วแน่ในแววตาสีขุ่น
‘แล้ววันหนึ่งแกจะต้องเสียใจ และขอโทษที่วันนี้แกไม่เชื่อคำเตือนของแด๊ด อาชาวิน’
ส่วนช่ออัญชันที่หายไปจากวงสนทนาก็ยังคงยืนก้มหน้านิ่งพลางเม้มปากสกัดกลั้นเสียงสะอื้นของความน้อยเนื้อต่ำใจไม่ให้เล็ดลอด มีเพียงหยดน้ำใสๆเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ไหลรินจากดวงตาแดงช้ำหยดลงสู่พื้นระบายความเจ็บปวดกลัดหนองที่ค่อยๆเติบโตอยู่ในอกด้านซ้ายและกระจายตัวไปทั่วร่างจนความเจ็บช้ำครอบคลุม
“งั้นอัญขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วกับความงามที่บรรดาช่างแต่งหน้าเพียรพยายามสร้างมันขึ้นมานานนับชั่วโมงแต่กลับไม่สามารถสะกิดต่อมความรู้สึกของอาชาวินให้ปลื้มปริ่มได้เลยสักนิด มือบางปาดน้ำตาที่รินไหลเลอะแก้ม สูดน้ำมูกน้ำตาเบาๆแล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ไม่อยากร้องไห้แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถเก็บกักเสียงสะอื้นที่ถูกกักกั้นไว้ได้อีกนานแค่ไหน เธอจึงอยากกลับไปยังห้องนอนแล้วโถมตัวลงบนหมอนนอนร้องไห้ปลดปล่อยหยดน้ำตาให้มันรินไหลออกมาให้เพียงพอกับความเสียใจที่กำลังเกาะกินหัวใจในตอนนี้
*********************************************************************
มาๆ มุงๆ พาหนูอัญชันมาส่งแล้ว ช่วงนี้ได้ยินเสียงบ่น เสียงกร่นด่าความโง่ของอิพี่อาชาที่ไม่ยอมไล่ยัยโรสออกจากบ้านหนาหูเหลือเกิน ไม่เป็นไร ภัคเข้าใจว่าคนอ่านคงเบื่อความร้ายของยัยโรสเต็มทน อยากเห็นแต่ความหวานความมุ้งมิ้งของพระนางมากกว่า แต่ก็อย่างที่อธิบายไปก่อนหน้าว่ายัยนี่น่ะคือตัวปัญหา ที่คอยสร้างเรื่อง นางจึงได้อยู่ต่อ อย่าลืมว่าเนื้อเรื่องมันยังไม่จบ จะให้เล่าทั้งหมดก็ไม่ได้อีก เอาเป็นว่าภัคคงทิ้งท้ายได้เพียงแค่... "สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" ค่ะ
และอีกเรื่องที่สอบถามกันมาหลังไมค์กันหลายข้อความคือเรื่องหนังสือ แจ้งไว้ตรงนี้นะคะว่าหนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
หากสนใจหนังสือ สามารถติดต่อได้ที่ เพจ "พิจักขณา พิชามญชุ์" หรือ เฟซบุ๊ก "พิจักขณา พิชามญชุ์ นักเขียน"
ตอนนี้หนังสือเหลือ 14 เล่มเท่านั้น ราคาเล่มละ 390 บาท รับของที่ระลึกเป็นกระเป๋าใส่เหรียญ พร้อมส่งฟรีเคอร์รี่ค่ะ
หรือหากใครถนัดแบบ E-book สามารถดาวน์โหลดได้แล้วที่เว็บ Meb หรือเว็บ Hytexts ค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ