สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
41) คนจะโดนทิ้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
‘เสียงผู้ชาย ใครวะ!’
เจ้าของใบหน้าตูมอย่างคนไม่ค่อยสบอารมณ์ที่กำลังเดินเอื่อยๆลงมาจากบันไดหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆของผู้ชายสักคนดังอยู่ในบ้าน นึกไปเองตอนแรกว่าหูแว่วเพราะนาฬิกาเรือนสวยบนข้อมือบอกเวลาแค่เจ็ดโมงกว่าๆเท่านั้นคงยังไม่มีแขกคนไหนมีธุระกับเขาหรือใครในบ้านหรอกมั้ง แต่พอลองเงี่ยหูฟังดีๆคิ้วหนาก็ต้องขมวดมุ่น เพราะมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ต้องมีผู้ชายสักคนมาที่บ้านของเขาแน่ อีกทั้งเสียงที่ได้ยินช่างคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ขายาวๆจึงก้าวลงบันไดมุ่งหน้าไปทางห้องรับประทานอาหารที่เสียงดังมาจากที่นั่นชัดเจน
‘นายหัววรินทร มาทำไมแต่เช้าวะ!’
อาชาวินชะงักค้างอยู่หน้าห้องรับประทานอาหารเมื่อเดินมาตามเสียงแล้วพบว่าที่นั่นมีบิดากับเมียของเขานั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าหากสมาชิกที่โต๊ะไม่มีชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างวรินทรที่เป็นเจ้าของสวนยางพาราที่อยู่ไม่ไกลกับไร่ดวงหทัยร่วมวงอยู่ด้วย
วรินทรเป็นเจ้าของไร่ยางพาราพื้นที่กว่าร้อยไร่อายุมากกว่าเขาประมาณสามสี่ปี จะเรียกว่าสนิทคงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ความสัมพันธ์ของเขากับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคมคายคนนี้ก็จัดว่าเป็นเพื่อนบ้านเรือนเคียงที่อยู่ในเกณฑ์ดี เคยคุยเคยทักทายกันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนมากจะเป็นตามงาน แต่ถ้าจะให้ไปมาหาสู่กันแบบนี้เห็นจะไม่บ่อยนักหากไม่มีธุระสำคัญจริงๆ
แต่วันนี้นายหัวแห่งไร่จักรพันธ์กลับมาเยือนบ้านเขาแต่เช้าตรู่ แถมกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากับบิดาและภรรยาเขาอย่างครื้นเครง หัวคิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อคิดหาเหตุผลที่วรินทรมานั่งกินข้าวเช้าถึงบ้านเขาแบบนี้ มั่นใจว่านายหัวหนุ่มไม่ได้ตั้งใจมาหาเขาแน่นอน เพราะหากเป็นอย่างนั้นสาวใช้คงรีบไปตามเขาลงมานานแล้ว
ถ้าไม่ได้มาหาเขา แล้ววรินทรมาหาใครล่ะ?
“จะว่าๆผมตะกละก็ได้นะครับ แต่แกงเขียวหวานปลากรายฝีมือคุณอัญชันนี่อร่อยมากจริงๆ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ผมไม่เคยกินแกงเขียวหวานที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อนอร่อยจนผมชักติดใจอยากจะขอรบกวนมาทานข้าวบ้านคุณลุงบ่อยๆ คุณลุงอัลเฟรดจะว่าอะไรไหมครับ”
‘ว่า! ข้าวบ้านมึงไม่มีให้แดกรึไงวะ!’
ตอนแรกเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเจ้าของไร่จักรพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดี แต่มาตอนนี้อาชาวินชักไม่มั่นใจเสียแล้วเมื่อได้ยินถ้อยคำที่นายหัวหนุ่มพูดออกมา เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าวรินทรกำลังเกี้ยวเมียเขาอยู่อารมณ์กรุ่นโกรธไม่พอใจที่คั่งค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนจึงกำเริบขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“แล้วแต่พ่อทรเลย ไร่ดวงหทัยยินดีต้อนรับพ่อทรเสมอ”
‘แด๊ด! จะมาใจดีอะไรตอนนี้เล่า ดูไม่ออกรึไงว่าไอ้นี้มันจะมาจีบลูกสะใภ้!’
นอกจากคำพูดของวรินทรที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำ คำตอบรับที่มีความพอใจแฝงอยู่ในกระแสเสียงของอัลเฟรดก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของอาชาวินหงิกงอ เมื่ออัลเฟรดไม่พยายามที่จะห้ามปรามไอ้หน้าเข้มที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเลยสักนิด อีกทั้งมือหนายังกำเป็นหมัดแน่นๆอย่างคนที่อะดรีนาลีนกำลังพุ่งสูงเมื่อรู้สึกได้ว่าบิดาเหมือนกำลังเปิดทางทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้วรินทรไปมาหาสู่ช่ออัญชัน ไม่เข้าใจเลยว่าสองคนนี้ไปสนิทสนมถึงขั้นชวนกันมากินข้าวคุยเรื่องไร้สาระกันตั้งแต่ตอนไหน
“งั้นผมต้องรบกวนคุณอัญชันบ่อยๆแล้วนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
‘เป็นสิ! บ้าเอ๊ย! ทำไมยายตาใสต้องทำให้มันกินด้วยวะ บอกมันไปเลยว่าให้ไปหาแดกเอาข้างนอก บ้านนี้ไม่ใช่ร้านอาหาร ไม่ต้องเสนอหน้ามาบ่อยๆไม่ต้อนรับ!’
ความรู้สึกเดือดดาลมากมายที่เกิดขึ้นจากคำพูดของวรินทรกับอัลเฟรดยังเทียบไม่ติดเมื่อได้ยินคำตอบรับบางเบาจากเมียตัวดี ยายตาใสทำเหมือนชอบที่มันมานั่งมองหน้าพูดคำหวานโอ้โลม รู้อยู่หรอกว่าช่ออัญชันเป็นพวกไม่โต้ตอบไม่กล้าปฏิเสธใคร แต่กับบางเรื่องหญิงสาวควรใช้สมองนิ่มๆคิดได้ไม่ใช่หรือว่าไม่ควรตอบรับ โดยเฉพาะกับไอ้ผู้ชายที่กำลังทำตาหวานเยิ้มเหมือนคนเมากาวมองเมียเขาอย่างมีความหมายนั่น ทำไมช่ออัญชันไม่ปฏิเสธหักหน้าแล้วเอาส้อมในมือจิ้มลูกตาแพรวพราวของมันให้บอดไปเลยวะ ไม่ได้ดั่งใจเลยทั้งพ่อทั้งเมีย!
‘ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย!’
มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปน ฟันคมๆบดเข้าหาแน่นจนกลัวว่ามันจะแหลกละเอียด ความอดทนน้อยนิดที่มีอยู่ในตัวขาดผึงเมื่อเห็นวรินทรตักอาหารใส่จานของช่ออัญชันหน้าตาเฉย นายหัวหนุ่มทำเหมือนไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าหวานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว อาชาวินจึงคิดว่าถึงเวลาที่เขาควรแสดงสิทธิ์ความเป็นผัวที่มีอยู่เต็มเปี่ยม วรินทรจะได้หยุดพฤติกรรมหาเรื่องนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ฝ่าเท้าเขาสักที คนกันเองเขาไม่อยากมีปัญหาด้วยแต่ถ้ามันไม่เลิกจีบช่ออัญชัน เขาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้!
“ปลาสามรสครับคุณอัญชัน”
“ขอบคุณค่ะคุณทร”
“เป็นง่อยหรือไง ถึงตักกับข้าวกินเองไม่ได้!”
เสียงห้วนห้าวอย่างตั้งใจพาลหาเรื่องดังขึ้นจากทางด้านหลังเมื่อเห็นวรินทรตักปลาสามรสเนื้อแน่นใส่จานของภรรยา เสียงนั้นทำเอาช่ออัญชันสะดุ้งโหยง มือบางกำช้อนส้อมที่อยู่ในมือเข้าหากันอัตโนมัติเมื่อรู้ดีว่าถ้อยคำเมื่อสักครู่อาชาวินต้องการแดกดันตัวเธอ ความอึดอัดกดดันกลับคืนสู่ร่างกายอีกครั้งจนร่างบางนั่งตัวเกร็งแข็งทื่อ ยิ่งเมื่อรู้สึกได้ว่าเก้าอี้ข้างตัวถูกลากเข้ามานั่งใกล้ๆพร้อมทั้งร่างสูงกรุ่นกลิ่นน้ำยาโกนหนวดผสมกับโคโลญช์ชั้นดี ร่างเล็กๆของช่ออัญชันก็ยิ่งสั่นสะท้านเหมือนถูกความเยียบเย็นของน้ำแข็งก้อนโตนาบลำตัวไม่มีผิด ความหวาดกลัวปะปนความน้อยใจครอบคลุมหัวใจจนทำให้ช่ออัญชันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนที่นั่งลงเคียงข้าง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณอาชา ทานข้าวเช้าด้วยกันครับ”
‘ประทานโทษนะครับไอ้คุณนายหัวทร! เจ้าของบ้านคือกู กูต้องเป็นคนพูดประโยคนั้นสิวะ!’
“ขอบคุณครับนายหัวทร มานานแล้วเหรอครับ”
วรินทรเอ่ยทักทายเมื่อสมาชิกใหม่ที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย ซึ่งในสถานการณ์ตอนนี้ที่ยังไม่ร้ายแรงมากนักจึงทำให้อาชาวินจำต้องเก็บอารมณ์สุดความสามารถแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะใจจริงอยากจะตอบกลับไปอย่างที่ใจคิดมากกว่าแต่ก็รู้ว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง อาชาวินจึงต้องระงับโทสะที่กำลังพลุ่งพล่านให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แล้วตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนแลดูเป็นมิตร
“สักพักแล้วครับ เมื่อคืนนอนไม่หลับ เช้านี้เลยรีบลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าแล้วตรงดิ่งมาที่นี่”
“เมื่อคืน? ตรงดิ่งมาที่นี่?”
คำพูดมีนัยแอบแฝงของวรินทรทำเอาหางตาข้างขวาของอาชาวินกระตุกรุนแรง หากเป็นดั่งโบราณว่านั่นคือขวาร้ายซ้ายดี ใจชักหวั่นๆว่าเมื่อคืนอาจมีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้ ดวงตาคู่คมจึงหรี่มองวรินทรอย่างประเมินท่าทีทั้งที่ตอนนี้คิดว่าเข้าใจวัตถุประสงค์ของไอ้นายหัวหนุ่มนี่ชัดเจน แต่ดูท่าคนถูกมองจับผิดจะยังไม่รู้ตัวกระมัง เพราะวรินทรเอาแต่ส่งสายตาหวานฉ่ำให้ช่ออัญชันที่นั่งก้มหน้าก้มตาอย่างต้องการเปิดเผยความรู้สึกเหมือนเดิม หมอนั่นไม่ได้ปรึกษาซินแสก่อนก้าวขาออกจากบ้านเลยใช่ไหมถึงไม่รู้เลยว่าชะตาชีวิตตัวเองใกล้ถึงฆาตเต็มแก่
“ครับ ‘อยากมาหา’ น่ะครับ เมื่อคืนผมคุยกับคุณอัญชันค้างไว้”
คำว่า ‘อยากมาหา’ จากปากของวรินทรทำไมถึงต้องนุ่มทุ้มฟังแล้วรู้สึกอ่อนหวานจนขนลุกชวนสะอิดสะเอียน อีกทั้งดวงตาสีเข้มคู่นั้นทำไมต้องหวานเยิ้มเหมือนคนเมากาวสักสิบขวดแบบนั้นด้วย และที่สะดุดใจคนฟังเป็นที่สุดคือคำว่า ‘เมื่อคืน’ เพราะมันทำให้อาชาวินรู้ได้ทันทีว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันได้อย่างไร
อาชาวินคิดถึงเรื่องเมื่อคืนในใจอย่างเคืองๆ หลังจากที่เขาควงเรนุกาไปงาน คิดว่าช่ออัญชันคงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่เหย้าเฝ้าบ้านอย่างที่เขาต้องการให้เป็น ก็เมื่อคืนเมียเขาสวย สวยบาดตาซะจนเขาไม่อยากให้มีหนุ่มๆคนไหนได้เห็น แม้ผิวกายขาวนวลช่วงไหล่ที่โผล่พ้นชุดเดรสจะไม่ถือว่าโป๊เปลือยอะไรหนักหนา แต่เขาก็ไม่ชอบ ไม่อยากเห็นว่ามีสายตาของผู้ชายคนอื่นแอบมองผิวขาวๆของช่ออัญชัน เลยถือโอกาสเอาความโมโหเรื่องไอ้ชิตมาผสมแล้วพาลไม่ให้ช่ออัญชันออกไปอวดโฉมให้ผู้ชายคนอื่นได้ยล
แต่แด๊ดนี่สิดันทำแสบ คุณอัลเฟรดเล่นแก้ลำเขาด้วยการพาช่ออัญชันออกไปงานกับตัวเอง ไม่ยอมขออนุญาตเขาที่เป็นสามีสักคำ หนำซ้ำกว่าจะพากลับมาคืนก็ดึกดื่น ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายนั่งเกาะหน้าต่างชะเง้อคอมองทุกๆห้านาที เขาอุตส่าห์รีบเผ่นกลับจากงานของเสี่ยธงรบตั้งแต่งานเริ่มได้ไม่เท่าไรเพราะอยากกลับมานอนฟัดเมีย แต่กลายเป็นว่านั่งรอจนเกือบเที่ยงคืนคุณอัลเฟรดกับช่ออัญชันถึงได้กลับมา แถมแด๊ดเขายังร้ายกาจ สั่งให้ช่ออัญชันขึ้นมานอนบนบ้านใหญ่อยู่ใกล้มือเขาแต่กลับส่งป้าเนียมกับบัวมานอนเฝ้า ทำให้เขาไม่สามารถบุกไปขโมยยายแก้มหอมมานอนกอดได้อย่างที่ใจต้องการ ส่งผลให้เขานอนไม่หลับพลิกตัวกระสับกระส่ายตลอดคืนด้วยความคิดถึงเมียสุดจะบรรยาย
“เรื่องสำคัญมากเหรอครับถึงต้องตามมาคุยกันต่อตั้งแต่เช้าแบบนี้”
“คุณอาชาอยากได้เรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่นล่ะครับ”
‘เรื่องจริงสิวะไอ้ห่า! หน้าตากูเหมือนคนชอบดูตลกรึไง!’
“แล้วแต่นายหัวทรจะสะดวกเลยครับ”
อยากจะงับหัววรินทรจะแย่ แต่อาชาวินกลับต้องพยายามสงบสติอารมณ์ที่ค่อยๆเพิ่มจุดเดือดไม่ให้พลุ่งพล่านจนเกินไปแล้วแสดงออกให้เป็นปกติ วรินทรอาจไม่รู้เพราะไม่สนิทสนมกันมากนัก หรือไม่ก็เป็นเพราะนายหัวหนุ่มกำลังพุ่งความสนใจไปที่ช่ออัญชันเพียงคนเดียว จะมีก็แต่อัลเฟรดที่มองออกตั้งแต่แรกว่าลูกชายตัวดีกำลังร้อนเป็นไฟ แต่นายใหญ่ไร่ดวงหทัยกลับไม่คิดจะห้ามปรามหรือแก้ไขสถานการณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าอาชาวินจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่ามีผู้ชายคนอื่นมาสนใจภรรยาของตัวเองสมน้ำหน้ามัน!
“งั้นเอาเรื่องจริงดีกว่านะครับ จะได้ถือโอกาสบอกให้คุณอัญชันรู้ตัวไปด้วยเลย”
วรินทรยอมละสายตาหันหน้ามามองอาชาวินเพียงครู่ เมื่อพูดจบก็หันกลับไปมองเป้าหมายที่ทำให้เขามานั่งอยู่ที่ไร่ดวงหทัยอีกครั้งอย่างมีความหมาย
“คือเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนมันไม่ได้สำคัญอะไรหรอกครับ ก็แค่เรื่องทั่วไปที่ผมสรรหามาคุยกับคุณอัญชันเพื่อสร้างความคุ้นเคยแต่ที่ผมรีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ เป็นเพราะผมอยากมาเห็นหน้าใสๆของคุณอัญชันต่างหาก”
สิบ… เก้า… แปด… เจ็ด…
อาชาวินพยายามนับตัวเลขอยู่ในใจช้าๆพลางผ่อนลมหายใจเข้าออกลึกๆอย่างต้องการระงับอารมณ์ร้อนระอุใกล้แตะจุดเดือดของตัวเองเต็มที ผู้ชายด้วยกันมองออกตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าวรินทรกำลังสินใจภรรยาของเขาอย่างออกนอกหน้าจนน่ากระทืบให้นอนแผ่หลาเป็นหมาถูกรถทับอยู่กลางถนน ยิ่งเจ้าตัวส่งยิ้มหวานหยดพร้อมสายตาสื่อความหมายให้ช่ออัญชันที่เงยหน้าขึ้นมองหลังจากได้ยินคำสารภาพ แม้ทั้งคู่จะได้สบตากันเพียงแค่เสี้ยววินาทีเพราะช่ออัญชันรีบก้มหน้ามองพื้นเหมือนตอนแรก แต่เพียงแค่นั้นก็มากเกินพอที่จะทำให้เขา…
ห้า… สี่… สาม… สอง…
“ผมขออนุญาตจีบน้องสาวคุณอาชาไว้ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ”
“น้องสาว?”
ยังไม่ทันนับจนถึงเลขตัวสุดท้ายอันหมายถึงต่อมควบคุมอารมณ์ของอาชาวินกำลังจะระเบิดออกมาเหมือนลาวาร้อนๆที่พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟจากคำสารภาพชวนเลือดกลบปากของวรินทร หัวคิ้วเข้มๆของอาชาวินกลับกระตุก ดวงตาคู่คมหรี่มองวรินทรด้วยความสงสัยก่อนหันไปมองคุณอัลเฟรดที่นั่งเงียบเชียบอย่างคนสังเกตการณ์อยู่หัวโต๊ะ ดวงตาของคนเป็นลูกบอกชัดว่าต้องการคำตอบจากเรื่องนี้ อยากรู้นักว่าใครเป็นคนบอกวรินทรว่าช่ออัญชันคือน้องสาวของเขา พี่น้องบ้าอะไรถึงได้นอนฟัดกันจนเตียงสั่นเตียงคลอนขนาดนั้น
แต่พอคิดๆดูคนที่บอกว่าช่ออัญชันเป็นน้องสาวของเขาคงไม่พ้นคุณอัลเฟรดแน่ๆ เพราะแด๊ดเขาเป็นคนควงลูกสะใภ้ไปออกงานเมื่อคืน ถึงว่าสิ! ไอ้นายหัวมันถึงกล้ามาจีบช่ออัญชันถึงถิ่น ไม่ได้เกรงใจผัวอย่างเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลย ที่แท้มันไม่รู้นี่เอง ฮึ่ม! รอดตัวไปนะมึง!
“แด๊ดครับ ผมต้องการคำอธิบาย”
บรรยากาศในห้องอาหารที่เคยครื้นเครงก่อนหน้าหายวับไปในพริบตาหลังจากอาชาวินหันไปมองอัลเฟรดเต็มตา ท้องฟ้าด้านนอกสดใสแต่ภายในบ้านกลับมืดดำราวกับกำลังจะมีพายุทอร์นาโดลูกโตมาเยี่ยมเยือน น้ำเสียงของอาชาวินที่เอ่ยถามว่าเยียบเย็นจนคนกลางอย่างช่ออัญชันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง แต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับดวงตาคู่คมที่นอกจากจะมีความไม่เข้าใจสงสัยอยู่มากมาย ในแววตาสีดำสนิทคู่นั้นยังมีความผิดหวังและต้องการต่อว่าบิดาอยู่เต็มเปี่ยม เป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ใจตั้งแต่แรกใช่หรือเปล่า เขารู้สึกว่าอัลเฟรดกำลังทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้วรินทรเข้ามาจีบช่ออัญชัน ทั้งที่อัลเฟรดก็รู้ดีว่าผู้หญิงที่นั่งก้มหน้าซีดๆมองพื้นคือเมียของเขา แด๊ดทำกับลูกชายตัวเองแบบนี้ได้ยังไง!
“มีอะไรค่อยไปคุยกันในห้องทำงาน ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวก็กินซะให้เรียบร้อย”
อัลเฟรดเลือกที่จะตัดบทไว้เพียงแค่นั้นแล้วนั่งรับประทานอาหารต่อไปเรื่อยๆด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนคล้ายเมื่อครู่ไม่ได้มีเรื่องชวนวางมวยเกิดขึ้น ผิดกับสมาชิกที่ร่วมโต๊ะอีกสามคนที่ความหิวอาหารหดหาย แต่ละคนได้แต่เขี่ยข้าวในจานไปมารู้สึกฝืดคอจนไม่มีกระใจจะตักอาหารเข้าปากสักคำ
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอหว่านเสน่ห์หลอกผู้ชายคนอื่น ฉันเอาเธอตายแน่!”
ช่ออัญชันก้มหน้างุดเมื่อถูกอาชาวินก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบขู่ข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน อยากอธิบายออกไปเหลือว่าเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยที่อัลเฟรดบอกคนที่เข้ามาทักทายว่าเธอเป็นหลานสาว แต่หากบอกออกไปอย่างนั้นก็กลัวว่าจะเป็นการโยนความผิดให้นายใหญ่เพียงลำพัง ช่ออัญชันจึงเลือกจะนั่งเงียบคล้ายยอมรับความผิดทุกอย่างที่อาชาวินยัดเยียดให้มา
ส่วนสองหนุ่มก็ไม่มีใครยอมเปิดปาก อาชาวินกับวรินทรทำเพียงเอนตัวกับพนักเก้าอี้แล้วนั่งมองหน้ากันนิ่งๆวัดความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยสัญชาตญาณ การกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศที่กำลังอึมครึมคุกรุ่นจนขยับเข้าใกล้จุดระเบิดไปทุกขณะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังจบจากอาหารมื้อเช้าที่แสนจะอึดอัด อัลเฟรดจึงเรียกอาวินกับช่ออัญชันเข้ามานั่งคุยในห้องทำงาน ส่วนวรินทรรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนนอกจึงขอตัวกลับไปดูแลงานในไร่อย่างรู้มารยาท แต่อาชาวินไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ชายหนุ่มเดินตามวรินทรมาถึงหน้าบ้านและบอกความจริงเสียงดังฟังชัดว่าช่ออัญชันไม่ใช่น้องสาวแต่เป็นภรรยา หากวรินทรไม่เชื่อชายหนุ่มจะขึ้นไปหยิบทะเบียนสมรสมายืนยัน วรินทรได้รู้ความจริงจึงขอโทษและจับมือกันไม่ติดใจอะไรกันอีก เคลียร์กับวรินทรเรียบร้อยก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เหลือบิดาที่ล่วงหน้าไปรอที่ห้องทำงานนี่แหละที่ทำให้อาชาวินเป่าปากกับความหนักอึ้งในสมอง เพราะสัญชาตญาณร้องเตือนว่าการกระทำของคุณอัลเฟรดครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่นอน
“ตกลงว่าแด๊ดจะบอกผมได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแด๊ดต้องบอกนายหัวทรว่าอัญชันเป็นน้องสาวผม”
จากนั้นอาชาวินก็รีบตามเข้าไปในห้องทำงานของบิดาอีกคน ทันทีที่ประตูห้องทำงานของอัลเฟรดปิดสนิท คนที่นั่งไม่เป็นสุขตั้งแต่ในห้องอาหารและหงุดหงิดกับสถานการณ์ที่เดาใจบิดาไม่ออก รู้สึกหวาดหวั่นกับลางสังหรณ์บางอย่างจนกลืนอะไรไม่ลงสักคำก็เปิดปากถามอัลเฟรดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ไม่ใช่แค่พ่อทรคนเดียวหรอก ไม่ว่าใครที่ถาม แด๊ดก็บอกเหมือนกันหมดว่าหนูอัญชันคือหลานสาว”
“แด๊ด!” นี่แสดงว่าเมื่อคืนมีผู้ชายให้ความสนใจช่ออัญชันหลายคนเลยใช่ไหมเนี่ย!
“แกอย่ามาขึ้นเสียงใส่แด๊ดแบบนี้นะอาชา เพราะแกนั่นแหละที่ทำตัวเองจนแด๊ดต้องตัดสินใจแบบนั้น ที่ต้องบอกคนอื่นว่าหนูอัญชันเป็นหลานสาว เพราะแด๊ดต้องการเปิดโอกาสให้หนูอัญชันได้เจอคนดีๆไง อ่ะ! เซ็นเอกสารนี่ซะ จะได้จบเรื่องสักที”
“นี่มัน…ใบหย่า!”
อาชาวินยื่นมือรับกระดาษสองใบมาจากบิดาด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด และเพียงสองตาไล่อ่านไปตามตัวอักษร เนื้อความบนกระดาษนั้นทำเอาอาชาวินถึงกับเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ชายหนุ่มหลับตาลงกลั้นหายใจแล้วค่อยๆเปิดเปลือกตาก้มหน้ามองบนกระดาษอีกครั้ง เมื่อทุกสิ่งที่เห็นยังคงเหมือนเดิม อยู่ๆร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับดูอ่อนล้า เรียกสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ว่ามันคืออาการ ‘ช็อก’ ถึงขีดสุดก็เป็นได้ เพราะคล้ายๆหัวใจมันจะหยุดเต้น ทุกระบบในร่างกายพากันหยุดทำงาน ในตอนนี้ร่างสูงจึงอ่อนแรงจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของอัลเฟรดที่นั่งมองปฏิกิริยาของลูกชายด้วยสายตาเฉียบขาด
“ใช่ ใบหย่า แด๊ดจะให้แกกับหนูอัญชันหย่ากัน หนูอัญชันจะได้เป็นอิสระซักที”
ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเพื่อให้สมองของอาชาวินได้ปรับตัวกับความจริงที่คงจะบั่นทอนความรู้สึกของเจ้าตัวไปเกือบสิ้น อัลเฟรดจึงเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงเป็นการยืนยันให้อาชาวินรู้ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือว่าหูแว่วไปเองแน่นอน เขาต้องการให้อาชาวินหย่าขาดจากช่ออัญชันให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ไม่อยากได้หญิงสาวเป็นลูกสะใภ้ แต่เขาต้องการดัดนิสัยของลูกชายที่มันมองไม่เห็นค่าของเมียตัวเองเอาเสียเลย
คำยืนยันเสียงชัดเจนจากปากของอัลเฟรดทำให้คู่สามีภรรยาตามกฎหมายและกำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าหันหน้ามองกันโดยมิได้นัดหมาย แววตาของทั้งสองมีความตกใจปะปนความอาลัยอาวรณ์อยู่เต็มเปี่ยม อย่าว่าแต่อาชาวินเลยที่ตั้งรับไม่ทัน เพราะช่ออัญชันเองก็มีอาการไม่ต่างกัน เนื่องจากอัลเฟรดไม่ได้บอกเรื่องนี้ล่วงหน้า ในตอนนี้สองสามีภรรยาจึงรู้สึกจุกกับสิ่งที่นายใหญ่ของบ้านประกาศกร้าวจนพูดอะไรไม่ออก แม้แต่สมองยังตื้อตันไม่สั่งการใดๆได้แต่นั่งมองหน้ากันตาปริบๆ
“ทำไมต้อง…หย่า?”
กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมไปหลายนาที เมื่อพอจะตั้งสติได้บ้างอาชาวินจึงรวบรวมสติแล้วถามหาเหตุผลจากบิดาเสียงแผ่วเบาไร้ความหนักแน่นเหมือนเคย แต่ในขณะที่ถาม ดวงตาคู่คมกลับเลือกที่จะมองใบหน้าซีดเซียวของช่ออัญชันตาไม่กะพริบราวกับกลัวว่าหากเผลอหลับตาเพียงเศษเสี้ยววินาทีแล้วหญิงสาวจะหายไป และหากสังเกตสักนิดจะรู้ว่าคำว่า ‘หย่า’ ที่พ้นออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั้นแผ่วเบาและปิดซ่อนความสะเทือนใจไว้ไม่มิดเอาเสียเลย
“เพราะแด๊ดสงสารหนูอัญชันน่ะสิ แด๊ดไม่อยากได้ยินหรือรับรู้เรื่องระยำตำบอนที่แกทำกับลูกสะใภ้ของแด๊ดอีก กี่ครั้งแล้วที่แกทำเหมือนหนูอัญชันไม่มีค่า ถึงแด๊ดไม่อยู่บ้านแต่แด๊ดก็รู้ว่าแกทำอะไรไว้บ้างอาชาวิน”
เป็นเรื่องที่คนเป็นลูกรู้ดีว่าเมื่อใดที่บิดาเรียกชื่อจริงด้วยน้ำเสียงแข็งๆแบบนี้ แสดงว่าคุณอัลเฟรดกำลังโมโหอย่างหนัก และเหตุผลที่คุณอัลเฟรดพูดมาก็เป็นเรื่องที่อาชาวินไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยเพราะวีรกรรมที่เขาเคยทำเลวไว้กับช่ออัญชันนั้นมันมากมายจนเถียงไม่ออก ชายหนุ่มจึงได้แต่กัดฟันพลางถอนหายใจหนักๆระบายความอึดอัดในใจ
“โดยเฉพาะเมื่อคืน แด๊ดสั่งให้แกพา ‘เมีย’ ไปงาน อุตส่าห์ย้ำกับแกแล้วว่าคนที่แกควงไปจะต้องเป็นเมียของแกเท่านั้น แล้วแกก็เลือกที่จะควงผู้หญิงคนอื่นไปแล้วปล่อยหนูอัญชันทิ้งไว้ที่บ้าน นั่นก็หมายความว่าแกไม่เคยคิดที่จะยกย่องหนูอัญชันเลย ในเมื่อแกรัก แกเห็นผู้หญิงคนอื่นเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่า แด๊ดก็จะตามใจ แกจะได้อยู่กับผู้หญิงที่แกเลือก ส่วนหนูอัญชันก็จะเป็นอิสระ ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปนี้หากใครมีคนใหม่เข้ามาในชีวิตจะได้ไม่ต้องมีบ่วงผูกคอ ซึ่งเท่าที่ดูจากเมื่อคืน…”
อัลเฟรดเว้นคำพูดแกล้งทอดเวลาเพื่อทรมานใครบางคนที่นั่งหน้าซีดสลับแดงก่ำอย่างคนมีโมโหให้กระวนกระวายเล่น ใบหน้าที่ยังคงเค้าความหล่อของอัลเฟรดเรียบเฉยติดจะบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ใครเลยจะรู้ว่าเวลานี้หนุ่มใหญ่กำลังรู้สึกสะใจกับท่าทางไม่สบอารมณ์ของลูกชายตัวดียิ่งนัก พลางนึกขำในใจว่าหากเขาไม่ใช่พ่อมันป่านนี้คงโดนหมัดหนักๆต่อยจนน็อก เพราะอาชาวินเล่นกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปนอย่างคนที่กำลังโกรธจัด และคนเป็นพ่อก็รู้ดีถึงภาวะอารมณ์ของลูกชาย อัลเฟรดจึงพูดประโยคที่ติดค้างไว้ให้อาชาวินได้รับรู้ในวินาทีถัดมา
“อีกไม่นานหนูอัญชันคงมีคนดูแล เมื่อคืนมีแต่คนเข้ามาถามว่าหนูอัญชันเป็นใคร พอแด๊ดบอกว่าเป็นหลานสาว เชื่อไหมว่าหนุ่มๆในงานนี้รีบฝากเนื้อฝากตัวเข้ามาสมัครเป็นหลานเขยเป็นทิวแถว ก็อย่างว่าล่ะนะ หนูอัญชันทั้งสวยทั้งน่ารัก เรียบร้อย แถมยังขยันขันแข็งขนาดนี้ ผู้ชายฉลาดๆที่ไหนก็อยากได้ไปเป็นแม่ของลูกกันทั้งนั้น ส่วนไอ้ผู้ชายที่มันโง่ มีตาแต่หามีแววไม่ ก็ปล่อยให้มันได้ผู้หญิงตีสองหน้ามาทำพันธุ์ต่อไป เขาเรียกว่าศีลเสมอกัน!”
เนื้อตัวของอาชาวินสั่นสะท้านร้อนรุ่มไปด้วยไฟโทสะ ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มกำลังถูกครอบงำด้วยความโกรธเกรี้ยวขนาดมหึมา ลมหายใจเข้าออกหนักหน่วงจนอกกว้างกระเพื่อมรุนแรง ไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่ถูกบิดาหลอกด่าว่าเป็นคนโง่ แต่อาชาวินกำลังโกรธจัดจนควันออกหูที่รู้ว่านอกจากนายหัววรินทรแล้วยังมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาจีบเมียเขา ไม่รู้ว่าจีบกันไปถึงไหน แจกเบอร์แลกไลน์กันไหม หรือนัดแนะจะไปเจอที่ไหนหรือเปล่า ยิ่งแด๊ดเขาออกหน้าสนับสนุนก็ยิ่งกังวล เพียงแค่จินตนาการว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้วมีผู้ชายคนอื่นได้สิทธิ์ดูแลช่ออัญชันแทนเขา ไม่รู้เลยว่ากองเพลิงลูกโตนับร้อยมันมาสุมอยู่ในร่างกายเขาได้อย่างไร รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาแทบนั่งไม่ติด ทุกอย่างมันพลุ่งพล่านร้อนรน สับสน และกระวนกระวายไปหมด
“อืม หนูอัญชันเซ็นเสร็จแล้ว ทีนี้ก็แก เซ็นซะอาชา”
‘ทำไมเมียกูถึงเซ็นง่ายๆแบบนั้นวะ ไม่คิดจะยื้อไว้หน่อยเหรอ ลังเลสักนิดก็ยังดี’
ปลายปากกาในมือของช่ออัญชันนั้นไม่ต่างอะไรไปจากมีดปลายแหลมคมเลยสักนิด เพราะทันทีที่หญิงสาวใช้มันเซ็นชื่อลงบนใบหย่า อาชาวินก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเขามันถูกจ้วงแทงอย่างรุนแรงจนเลือดทะลักเจ็บร้าวไปทั่วทั้งอกที่เห็นช่ออัญชันจรดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษทั้งสองอย่างว่าง่าย สองมือกำเป็นหมัดแน่นเมื่ออัลเฟรดเลื่อนแผ่นกระดาษเจ้าปัญหาที่ว่ามาตรงหน้าเขา บอกตรงๆว่าตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าเขาจะไม่เซ็นชื่อลงในกระดาษบ้าๆสองแผ่นนี่เด็ดขาด แด๊ดก็นั่งกดดันอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้มันทำให้เขาเครียดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว หัวใจเต้นตึกตัก สมองได้แต่คิดวนไปเวียนมาว่า…ทำไงต่อดีวะ!
“แด๊ดอย่าลืมสิว่ายายนี่ยังต้องอยู่ทำงานใช้หนี้อีกตั้งหลายแสน จะให้ผมปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง ขาดทุนตายชัก”
“แกก็อย่าลืมสิว่าเงินก้อนนั้นน่ะของแด๊ดไม่ใช่แก แด๊ดเป็นเจ้าหนี้ เพราะฉะนั้นแกไม่มีสิทธิ์มาทวงหนี้กับหนูอัญชันแบบนี้ อัญชัน ไปเก็บกระเป๋า เดี๋ยวอาชาเซ็นเสร็จเราจะออกเดินทางไปจากที่นี่ทันที”
“แด๊ด! แต่ว่า…”
“แกไม่มีสิทธิ์โต้แย้งนะอาชา ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้เพราะแก ไปเถอะหนูอัญชัน แด๊ดจะพาหนูไปอยู่ที่เกาะจันทร์ฉาย หนูจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”
จากนั้นอาชาวินก็ได้แต่ฮึดฮัดระบายลมหายใจหนักๆไปตามแรงอารมณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่อสองตาแดงๆเห็นว่าช่ออัญชันพยักหน้ารับคำสั่งแล้วก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากห้องทำงานของบิดาอย่างว่าง่าย ยิ่งคนแก้มหอมเดินห่างออกไปเท่าไร ก็เหมือนหญิงสาวขโมยหัวใจเขาออกห่างไปไกลเท่านั้น ตอนนี้ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าที่อกข้างซ้ายของเขามันหวิวโหวงว่างเปล่า ร่างกายของเขาเหลือแต่ตัวที่ไร้จิตวิญญาณเข้าไปทุกที
************************************************************************************
มาแล้วๆ มาดูหน้าคนถูกเมียทิ้งกันให้เต็มตาเลยจร้า เป็นไงล่ะ ไหนใครบอกว่าแด๊ดไร้น้ำยาไม่เด็ดขาด สมน้ำหน้าคนถูกเมียทิ้งจริงจริ๊ง ฮ่าๆๆ
วันนี้อัพให้อ่านเยอะหน่อยเพราะอย่างที่แจ้งไว้แล้วว่าวันนี้จะอัพให้อ่านในเว็บเป็นตอนสุดท้าย แต่ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่า 'สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร' ต่อจากนี้เรื่องราวของอาชาวินกับยัยนุ่มนิ่มช่ออัญชันจะดำเนินไปอย่างไร สามารถติดตามได้ในรูปเล่ม ซึ่งเหลือที่ภัคแค่ 5 เล่มนะคะ (สั่งซื้อได้ที่เพจ พิจักขณา พิชามญชุ์ หรือ เฟสบุ๊ก พิจักขณา พิชามญชุ์ นักเขียน)
หรือ ในรูปแบบ E-book จากเว็บ Meb และ Hytexts
สุดท้ายนี้อยากขอบคุณนักอ่านทุกๆท่านจริงๆที่ติตาม เข้ามาอ่าน กดให้กำลังใจ และส่งคอมเม้นต์ชื่นชอบ ติชม และอีกหลายๆความคิดเห็นเข้ามา ขอบคุณที่รักและเอ็นดูพี่อาชากับหนูอัญชัน ภัคอ่านทุกข้อความและจะนำทุกๆความคิดเห็นไปแก้ไขและปรับปรุงสำหรับงานเขียนเรื่องต่อไปของภัคค่ะ
ตอนนี้กำลังตั้งใจเขียนเรื่องใหม่อยู่ค่ะ แต่ยังได้ไม่ถึงไหน เลยยังไม่กล้าลงรายละเอียดเยอะ กลัวมันล่ม ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเสร็จเรียบร้อยสัญญาค่ะว่าจะนำมาลงให้อ่านกันที่นี่เหมือนเดิมค่ะ
ถ้าไม่เป็นการรบกวนกันเกินไป ภัคฝากติดตามผลงานเรื่องอื่นๆของภัคทั้งเก่าและใหม่ด้วยนะคะ
รักคนอ่านที่สุด
ภัค/พิจักขณา/พิชามญชุ์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ