สยบรักเมียบำเรอ
7.2
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
41 ตอน
3 วิจารณ์
41.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
36) ไม่ไว้ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ทำอะไรกัน!”
ร่างสองร่างที่กำลังกอดประคองกันสะดุ้งเฮือกแล้วรีบผละออกห่างเมื่อได้ยินเสียงดังลั่นดั่งฟ้าฟาดตะคอกถาม เสียงว่าดุดันน่ากลัวแต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับดวงตาสีดำทะมึนที่กำลังมองมา ในดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์เหมือนมีลูกไฟดวงโตซุกซ่อนอยู่นับสิบและดวงไฟร้อนระอุที่ว่าก็พร้อมที่จะแผดเผาหญิงร้ายชายชั่วที่ลักลอบพบกันลับหลังเขาให้มอดไหม้ไม่เหลือเศษซาก
“คุณอาชา!”
“นายน้อย!”
“เออ! กูเอง บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ชิตว่ามึงกับเมียกูทำอะไรกัน!”
“ปะ..ปะ..เปล่าครับนายน้อย”
ชิตปฏิเสธเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว สองมือพยายามยกขึ้นไหว้ขอความเมตตาเมื่อคอเสื้อยืดอยู่กับบ้านถูกมือใหญ่ของอาชาวินกระชากเข้ามากระแทกกับร่างสูงแรงๆ ด้วยความโกรธจัดถึงขีดสุด ใบหน้าแดงคล้ำถมึงทึงที่จ้องมองทำเอาคนป่วยที่ร่างกายแทบไร้เรี่ยวแรงจากพิษไข้ยิ่งอ่อนล้าจนยืนแทบไม่อยู่ อาการของคนงานหนุ่มที่แสดงออกบ่งบอกได้ดีถึงความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย แต่ในเวลานี้อาชาวินถูกความโมโหครอบงำจนหน้ามืดเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงมองข้ามเหตุผลทั้งปวง คิดเพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้เขาต้องจัดการคนที่กล้าคิดทรยศเขาให้แหลกละเอียดคามือ
อารมณ์กรุ่นโกรธครอบงำจิตใจตั้งแต่ได้ยินป้าแม้นเอ่ยบอกว่าช่ออัญชันไปหาชิตที่ห้อง ในเวลานั้นหูอื้อตาลายจนแทบไร้การรับรู้โลกภายนอก ในสมองสั่งการเพียงอย่างเดียวว่าเขาต้องไปดูให้เห็นด้วยตาว่าช่ออัญชันทำอย่างที่ป้าแม้นบอกจริงหรือไม่ ระหว่างที่ขับรถมาด้วยความเร็วสูง พยายามภาวนาว่าขอให้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ขอให้เขาไม่เจอว่าช่ออัญชันอยู่ในห้องพักของไอ้ชิต แต่เพียงพารถกระบะมาจอดอยู่หน้าห้องพักคนงาน รองเท้าสวมทรงบัลเล่ต์สีน้ำตาลที่เขาเป็นคนซื้อให้ช่ออัญชันก็เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมว่าเฟื่องฟ้าไม่ได้โกหกเขา ขายาวๆ จึงไม่รอช้ารีบกระโดดลงมาจากรถเพื่อเข้าไปดูให้เห็นข้างใน หัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็วด้วยความหวาดกลัวความจริงข้างหน้า ยิ่งก้าวเท้าเข้าใกล้ประตูห้องมากขึ้นเท่าไร ระดับการเต้นของหัวใจก็ยิ่งระทึกรุนแรง กระทั่งเข้ามายืนอยู่ตรงประตูที่เปิดอ้าทิ้งไว้ วินาทีนั้นเหมือนแผ่นฟ้าทั้งผืนถล่มลงมาทาบทับจนร่างกายเจ็บปวดร้าวระบมโดยเฉพาะตรงอกด้านซ้ายที่คล้ายจะแหลกเหลวด้วยแรงกระแทกหนักหน่วง เพราะร่างบางของเมียสาวที่กำลังกอดประคองร่างของไอ้ชิตมันชัดเจนตำตา ไม่คิดมาก่อนว่าแม่คนตาใสที่ดูไร้เดียงสาแท้จริงจะกล้าหักหลังเขาได้ถึงเพียงนี้
“คุณอาชาคะ อัญกับพี่ชิตไม่ได้…”
“หุบปาก! เห็นอยู่ตำตาว่าเธอกับมันกำลังกอดกันแน่น เธอยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ ฮะ! ช่ออัญชัน!”
มือหนาสะบัดร่างของชิตทิ้งอย่างไม่ใยดี ทำให้ร่างอ่อนปวกเปียกด้วยพิษไข้เซถลาล้มลงไปกองอยู่บนพื้นห้อง ช่ออัญชันที่รู้ว่าชิตกำลังไม่สบายอย่างหนักเห็นแบบนั้นจึงเกิดความเป็นห่วง ด้วยสัญชาตญาณ หญิงสาวจึงโผเข้าไปตั้งใจจะช่วยประคองไม่ให้คนป่วยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำของเมียสาวยิ่งยกระดับความเดือดดาลของอาชาวินพุ่งทะลุถึงขีดสุด มือหนากระชากแขนเรียวของช่ออัญชันดึงเข้าหาตัวก่อนที่หญิงสาวจะทันได้แตะต้องร่างของคนงานหนุ่ม ท่อนแขนสีแทนโอบรัดร่างบางไว้กับตัวอย่างหวงแหนป้องกันไม่ให้ช่ออัญชันเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นให้เกิดภาพบาดใจจนทำให้ระดับความอดทนนั้นหมดลง เพราะอาชาวินก็ไม่อยากเสี่ยง ด้วยรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนโมโหร้ายได้มากมายเกินจะคาดเดาในยามโกรธจัดเหมือนเช่นตอนนี้
“คุณอาชา อัญเจ็บ”
แรงบีบจากมือหนาที่กำรอบต้นแขน อีกทั้งท่อนแขนแข็งแรงที่กอดรัดเอวบางไว้แนบแน่นทำเอาช่ออัญชันจำต้องร้องอุธรณ์ขอความปรานี เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนร่างจะหักเป็นสองท่อนอยู่รอมร่อด้วยแรงโอบรัดแนบแน่นจากอาชาวิน
“อย่ามาสำออย แค่นี้มันยังน้อยไปที่เธอกล้าคบชู้!” ฉันเจ็บมากกว่าเธอไม่รู้กี่ร้อยเท่า ช่ออัญชัน!
“อัญเปล่าค่ะ อัญไม่ได้คบชู้ อัญกับพี่ชิตไม่…”
“ไม่งั้นเหรอ แล้วเธอแอบมาทำอะไรที่ห้องของมัน แล้วที่ฉันเห็นล่ะ เธอกับมันกอดกันทำไม ฮะ! บอกฉันมาซิ กอดมันทำไม!”
น้ำเสียงห้วนกระด้างคำรามถามเสียงลั่นพลางเขย่าร่างบางสั่นเทาในอ้อมแขนรุนแรงตามอารมณ์รวดร้าวเจ็บลึกในอก ยิ่งภาพที่เห็นตำตาว่าช่ออัญชันกำลังโอบกอดผู้ชายคนอื่นมันย้อนกลับเข้ามาในสมอง ความรู้สึกเหมือนโดนหอกดาบแหลมคมหลายสิบเล่มที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าเสียบขั้วหัวใจพร้อมๆ กันจนเจ็บปวดเกินทานรับไหว ร่างสูงใหญ่ที่เคยแข็งแกร่งประดุจหินศิลาแทบไร้เรี่ยวแรงจะยืนเพียงแค่คิดว่าเมียสาวรักผู้ชายคนอื่นไม่ใช่เขา แต่ที่ยังทรงตัวอยู่ได้นั้นเป็นเพราะแรงทิฐิและศักดิ์ศรีที่จะไม่ยอมอ่อนแอให้ใครได้เห็นมันจากผู้ชายที่ชื่อ อาชาวิน แมคคานน์ คนนี้
“อัญไม่ได้ตั้งใจค่ะ พี่ชิตไม่สบายมากต้องรีบพาไปหาหมอ แต่ไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลยสักคน อัญเลยต้องช่วยประคองพี่ชิตเพราะพี่ชิตแทบไม่มีแรงเดิน แล้ว…แล้วคุณอาชาก็เข้ามาพอดีค่ะ เราสองคนไม่ได้ทำอะไรไม่ดีจริงๆ นะคะ คุณอาชา อัญพูดจริงๆ ค่ะ ไม่ได้โกหก”
ช่ออัญชันละล่ำละลักแก้ไขความเข้าใจผิดของอาชาวินเสียงสั่นพร่า ดวงตากลมเอ่อน้ำตาช้อนมองสบตาชายหนุ่มอย่างวิงวอนขอความเมตตา หญิงสาวรู้สึกทนไม่ได้เอาเสียเลยที่อาชาวินเข้าใจการกระทำของเธอผิดไปร้ายแรงถึงขนาดนั้น เธอทนเห็นสายตาผิดหวังดูแคลนที่ชายหนุ่มมองมาไม่ได้จริงๆ หัวใจดวงน้อยมันเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อได้รับความรังเกียจเดียดฉันท์ผ่านดวงตาของอาชาวินอีกครั้งทั้งที่หลายวันมานี้ไม่เคยปรากฏให้เห็น และถ้าให้พูดกันตรงๆ หากทำได้ เธอก็อยากให้ความชิงชังที่เคยได้รับจากเขาจางหายไปตลอดกาลด้วยซ้ำ
‘เป็นเรื่องจริง? ’
ถ้อยคำจากปากของเมียสาวทำให้ดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของปีศาจดุร้ายหันไปมองร่างของคนงานหนุ่มที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งท่าทางอ่อนแรงที่นอนอยู่บนพื้นห้อง ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด และอาการหอบหายใจทางปากเหมือนคนหายใจไม่ออกแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นจากคนที่แข็งแรงดีอย่างชิตทำให้หัวคิ้วหนาๆ ของอาชาวินกระตุก ดวงตาคู่คมหรี่มองชิตอย่างสงสัยพลางประเมินท่าที เมื่อดูแล้วมีความสอดคล้องกับข้อมูลของช่ออัญชัน ลมหายใจร้อนระอุที่อัดแน่นไปด้วยแรงโทสะร้ายจึงถูกระบายออกมาหนักๆ จนร่างกายที่เคยตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง
“แกเป็นอะไร ไอ้ชิต”
พออารมณ์โกรธเริ่มเย็นลงจนสติค่อยๆ กลับคืนที่ อาชาวินจึงยอมเอ่ยปากถามอาการของลูกน้องที่ไม่เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมเข้มมองชิตนิ่งๆ อย่างรอคำตอบ
“ปวด…ปวดหัวครับนายน้อย ปวดเมื่อยไปทั้งตัว แล้วก็หนาวไปถึงกระดูกเลยครับ”
แม้แต่บอกเล่าอาการ น้ำเสียงของชิตยังอ่อนระโหยจนคนฟังสัมผัสได้ อาชาวินยืนเท้าเอวเงยหน้าขึ้นมองเพดานพลางถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เพราะแม้ว่าตอนนี้จะรู้แล้วว่าไอ้ชิตมันป่วยจริง แต่อาการห่วงใยที่ช่ออัญชันมีให้มันก็เป็นเรื่องที่อาชาวินยังเกิดความขัดข้องในใจเต็มเปี่ยม
ทำไมช่ออัญชันต้องห่วงมัน แล้วช่ออัญชันรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ชิตป่วย สองคนนี้แอบติดต่อกันงั้นหรือ?
“คุณอาชา พาพี่ชิตไปหาหมอหน่อยได้ไหมคะ อาการพี่ชิตไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยค่ะ”
น้ำเสียงเดือดร้อนของช่ออัญชันปลุกอาชาวินออกจากภวังค์ความคิดกังวลที่กำลังครอบงำ ชายหนุ่มเหลือบสายตาคมมองคนงานทีมองช่ออัญชันทีอย่างประเมินความรู้สึก จากนั้นร่างสูงจึงถอนหายยาวๆ อีกครั้งแล้วปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ อาชาวินเดินตรงเข้าไปหาร่างของชิตแล้วโน้มตัวลงประคองเนื้อตัวอุ่นร้อนด้วยพิษไข้ขึ้นจากพื้น
“ไม่ต้อง! ฉันประคองมันเอง เธอรีบไปเปิดประตู จะพามันไปโรงพยาบาล”
อาชาวินรีบตวาดเสียงลั่นเมื่อหางตาเห็นว่าช่ออัญชันกำลังจะเข้ามาช่วยหิ้วปีกอีกข้างของคนป่วย จะว่าเขาเป็นคนงี่เง่าคิดเล็กคิดน้อยไม่เข้าท่าก็ได้ เขายอมรับ เพราะเขาทนไม่ได้จริงๆ หากเห็นตำตาอีกครั้งว่าช่ออัญชันแตะต้องร่างกายของผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะการประคองอย่างที่หญิงสาวทำให้เห็นตอนเขามาถึง เพราะภาพนั้นยังติดตาว่าเรือนร่างอรชรของเมียสาวแนบชิดกับเนื้อตัวของผู้ชายที่ไม่ใช่เขา
แม้มันจะเป็นเหตุสุดวิสัยเขาก็ไม่ชอบ เขาหวง! ช่ออัญชันเป็นเมียเขา เขาแตะได้คนเดียว!
จากนั้นทั้งสามก็รีบขึ้นรถเมื่อร่างของชิตถูกอาชาวินประคองขึ้นไปนอนที่เบาะด้านหลัง กระบะคันเก่งขับควบด้วยความเร็วเพื่อพาคนป่วยไปโรงพยาบาล อาชาวินไม่คิดเรียกปาล์มเรขามาดูอาการเพราะค่อนข้างมั่นใจว่าชิตเป็นหนักเกินกว่าตัวยาและอุปกรณ์ในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์จะเพียงพอ ความเร่งรีบทำให้อาชาวินกับช่ออัญชันไม่ทันมองเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งแอบลอบสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มอย่างสาแก่ใจที่ทำให้อาชาวินเกิดความคลางแคลงใจในตัวของช่ออัญชันได้สำเร็จอย่างที่ต้องการ
‘นี่แค่เริ่มต้น แกยังต้องเจออะไรอีกเยอะ นังอัญชัน!’
**************************************************************
อัญชันยังต้องเจออะไรอีกเย๊อะ...... เพราะฉะนั้นรักอัญ สงสารอัญ อย่าลืมส่งกำลังใจให้นางเอกของเราด้วย ส่วนอิพี่อาชา เราจะไม่พูดถึง เพราะแค่มันโผล่หน้ามายังไม่ทันอ้าปาก สาวๆ ก็รุมด่ามันด้วยความเอ็นดูแล้ว ฮ่าๆ ๆ
***************************************************************
และนี่คือ E-book พี่ อย่าลืมโหลดกันเยอะๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ