สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
35) ตัวปัญหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเม็ดดินฟุ้งกระจายเกลื่อนเมื่อรถกระบะสีดำของอาชาวินขับมาจอดตรงขอบรั้วปากทางเข้าไร่ดวงหทัยด้วยความเร็วสูง หลังจากไปส่งช่ออัญชันที่โรงอาหาร ชายหนุ่มก็ขับรถมุ่งหน้าตามไปสบทบกับคนงานที่กำลังหักหน่อสับปะรดในไร่ แต่ขับไปได้ไม่เท่าไรก็ได้รับโทรศัพท์จากยามว่ามีผู้ชายวัยกลางคนมายืนอาละวาดอยู่หน้าป้อมจะเข้าไปที่บ้านใหญ่ ทีแรกไม่สนใจเพราะคิดว่าคงเป็นคนสติไม่ดี แต่ที่ทำให้อาชาวินต้องหักพวงมาลัยตีรถกลับกะทันหันเป็นเพราะคำพูดที่ชายคนนั้นบอกว่าเป็นพ่อตาของคุณอัลเฟรด!
คุณตาของเขาเสียไปหลายปีแล้ว แล้วไอ้คนที่ยืนแหกปากปาวๆอยู่ตอนนี้ มันคือใคร!
“ปล่อยกูสิวะไอ้พวกกระจอก มัดกูไว้ทำไม พวกมึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร”
“เป็นใครล่ะ”
พออาชาวินลงจากรถมายืนกอดอกมอง ชายหนุ่มจึงลงความเห็นว่าผู้ชายอายุน่าจะสักห้าสิบปีแต่งตัวมอมแมมเนื้อตัวและหน้าตามีรอยช้ำบวม อีกทั้งยังมีกลิ่นเหล้าโชยมาจากเรือนกายเปื้อนฝุ่นคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จัก อาจเป็นคนเมาก็เลยสติฟั่นเฟือนก็เป็นได้ แต่ยังๆก็ไม่ใช่คุณตาเขากลับชาติมาเกิดแน่ ส่วนคนถูกจับมัดมือไพล่หลังที่กำลังเตะขาไปมาสะเปะสะปะอย่างคนถูกขัดใจก็โวยวายเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถกระบะไม่ใช่คนที่ต้องการเจอ จากนั้นก็เบ่ง บารมีเพราะเข้าใจว่าก่อนหน้านี้คุณอัลเฟรดไถ่ตัวช่ออัญชันมาเป็นเมีย พอไม่เห็นลูกสาวโผล่หัวไปให้เห็นจึงมั่นใจว่านายใหญ่คงเลี้ยงดูช่ออัญชันเป็นเรื่องราว
“กูเป็นพ่อตาของคุณอัลเฟรด นายใหญ่ของพวกมึงไง รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อยกูซะ เอารถเก๋งมารับกูไปหานายใหญ่ด้วย”
“เลอะเทอะ เอาตัวมันออกไป”
“ปล่อยกูนะ กูเป็นพ่อของนังอัญชันเมียนายใหญ่ พวกมึงจะทำอย่างนี้กับกูไม่ได้นะโว๊ย ปล่อยกูสิวะ ปล่อย!”
กำพลดิ้นรนอย่างทุลักทุเลเมื่อมือทั้งสองข้างยังไม่ถูกปลดเชือกที่มัดไว้ แต่กลับถูกลูกน้องตัวใหญ่ของอาชาวินสองคนจับปลายแขนปลายขายกร่างท้วมขึ้นเตรียมนำไปโยนทิ้งให้พ้นเขตไร่ดวงหทัยตามคำสั่ง เมื่อร่างกายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงเหลือเพียงปากที่จะใช้ตะโกนเพื่อเรียกสิทธิ์ของตัวเอง ซึ่งก็ได้ผลชะงัด เพราะเมื่อได้ยินชื่อช่ออัญชัน ใบหน้าเบื่อหน่ายของอาชาวินก็หันขวับไปมองคนพูดทันทีพลางกวาดสายตาประเมินผู้ชายที่โวยวายอยู่ตรงหน้า
“ปล่อย!”
พอได้ยินคำสั่งจากเจ้านายเหนือหัว ลูกน้องของอาชาวินก็สุดแสนจะเชื่อฟัง ทั้งสองคนพร้อมใจกันปล่อยมือจากการจับแขนและขาของคนเลอะเลือนจนร่างของกำพลร่วงลงกระแทกพื้นดังตุ๊บ
“โอ๊ย! ไอ้ฉิบหาย พวกมึงทำกับกูแบบนี้ กูจะให้นังอัญชันฟ้องนายใหญ่ให้ไล่พวกมึงออกทุกคน”
“แกมาที่นี่ทำไม”
อาชาวินไม่ได้ให้ความสนใจคำขู่ไร้สาระของกำพลเลยสักนิด ในตอนนี้เขาอยากรู้ว่าผู้ชายขี้เมาตรงหน้ามาที่นี่ทำไมมากกว่าเท่าที่รู้มาผู้ชายคนนี้ไม่เคยสนใจใยดีเมียกับลูก วันๆเอาแต่ขลุกอยู่ที่บ่อน บ้านช่องของตัวเองยังไม่ค่อยจะกลับ แต่วันนี้กลับดั้นด้นมาหาช่ออัญชันถึงไร่เขา เดาว่าผู้ชายสารเลวคนนี้ต้องนำพาความเดือดร้อนมาฝากช่ออัญเป็นแน่
“คนที่กูจะคุยด้วยมีแค่นายใหญ่คนเดียว อืม นังอัญชันอีกคนก็ได้”
“เอามันไปโยนไว้ข้างถนน”
“อย่าๆๆ กูบอกก็ได้ คือ…กูต้องการค่าเลี้ยงดูนังอัญชันจากนายใหญ่สัก…เก้าแสน”
ทำหยิ่งได้แป๊บเดียวกำพลก็จำเป็นต้องยอมอ่อนข้อให้ผู้ชายรุ่นลูกที่ยืนกอดอกมองมาด้วยแววตาดุดันตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ถึงแม้มันจะไม่ใช่คุณอัลเฟรดผู้เป็นนายใหญ่ของไร่ดวงหทัย แต่คนงานก็ดูจะเชื่อฟังมันเหลือเกิน สั่งให้จับก็จับทันที พอสั่งให้ปล่อยก็ปล่อยเขาร่วงทันทีเช่นกัน แสดงว่าไอ้ฝรั่งคนนี้ต้องมีตำแหน่งในไร่ใหญ่พอควรและเพราะปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายมีมาก กำพลจึงนึกไม่ออกว่าใบหน้าของอาชาวินมีส่วนคล้ายคนที่ตัวเองต้องการเจอ
“อัญชันไม่ได้เป็นเมียนายใหญ่” แต่ยายตาใสเป็นเมียนายน้อยอย่างกูต่างหาก
“จะเป็นไปได้ยังไงวะ ในเมื่อกูขายมันให้นายใหญ่เองกับมือนังอัญชัน อีลูกทรพี”
พอเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่คิด กำพลจึงรู้สึกหมดหวังจนทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิกับพื้นคล้ายคนหมดแรง ปัดมือเตะขาไปมากับพื้นดินด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่ลูกสาวช่างโง่เง่าไม่สามารถจับนายใหญ่ให้อยู่หมัดจนเขาอดเกาะใบบุญของมัน มืดแปดด้านคิดไม่ออกว่าเขาจะหาเงินจำนวนเก้าแสนไปใช้หนี้พนันให้เสี่ยชาญชัยได้อย่างไร
“แล้วนังอัญชันล่ะ มันซุกหัวอยู่ที่ไหน ยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
แม้จะรู้สึกผิดหวังรุนแรงที่ช่ออัญชันไม่ใช่เมียนายใหญ่อย่างที่ต้องการแต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียว นั่งครุ่นคิดหาทางออกอยู่ครู่หนึ่งกำพลจึงเงยใบหน้าฉายแววร้ายกาจขึ้นมองอาชาวินอีกครั้ง แววตามากเล่ห์คู่นั้นเปล่งประกายชั่วร้ายยามเอ่ยถามหาบุตรสาวจนคนฟังอย่างอาชาวินกัดฟันแน่นเพราะรู้ดีว่าไอ้พ่อตาที่เขาไม่ชอบขี้หน้ามันต้องคิดไม่ดีกับเมียเขาแน่นอน
“ถามทำไม”
“ถามโง่ๆ ในเมื่อมันจับนายใหญ่ไม่ได้ กูก็จะเอาตัวมันไปปลดหนี้กับเสี่ยชาญชัยน่ะสิ ตกลงมันอยู่ไหน เรียกตัวมันออกมาเดี๋ยวนี้ บอกว่ากำพล พ่อมันสั่ง ให้มันรีบออกมาเร็วๆ ไม่งั้นกูจะเข้าไปจิกหัวมันออกมาเอง”
“ไสหัวไปซะ!”
คำพูดเลวๆจากพ่อที่คิดว่าชั่วที่สุดแห่งปีของกำพลทำเอาอาชาวินอารมณ์เดือดพล่านแทบอยากเดินไปค้นปืนในรถมายิงกรอกปากกำพลให้สิ้นเรื่องจะได้ไม่อยู่เป็นภัยร้ายกับเมียเขา รู้มาบ้างว่าพ่อของช่ออัญชันไม่ใช่คนดีอะไรนักแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะสารเลวสุดกู่ถึงเพียงนี้ โชคดีแค่ไหนที่วันนั้นแด๊ดเขาบังเอิญเจอจึงช่วยช่ออัญชันพ้นจากการถูกขายได้ทัน และโชคดีแค่ไหนที่วันนี้เป็นเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ หากเป็นช่ออัญชัน เขายังนึกไม่ออกเลยว่าหญิงสาวจะมีปัญญาเอาตัวรอดจากความเห็นแก่ตัวของพ่อสารเลวคนนี้ได้หรือเปล่าและสาบานเลยว่าหากผู้ชายใจทรามคนนี้ทำร้ายเมียเขาแม้แต่ปลายผิวสัมผัส เขากระทืบมันตายคาฝ่าเท้าแน่!
“กูไม่ไป ตราบใดที่กูยังไม่ได้ตัวนังอัญชันไปด้วย กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ส่งปืนมา!”
ว่าจะไม่แล้วเชียว เพราะอย่างน้อยกำพลคือบิดาของเมียเขา แต่ความหน้าทนปะปนความชั่วเกินทนรับของกำพลกำลังกวนโทสะร้ายของอาชาวินให้ลุกโชน เมื่อคนถูกไล่ทำหน้ามึนเหมือนตัวเองมีอำนาจต่อรองเสียเต็มประดา อาชาวินจึงสั่งให้ลูกน้องส่งปืนคาดเอวประจำตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัยมาให้เขา เพียงแค่นั้นกำพลก็หน้าซีดเผือด รู้สึกถึงความสั่นของแขนขาเมื่อตอนนี้มือของอาชาวินหันปลายกระบอกปืนมาทางตัวเองในระยะประชิด
“ยะ..อย่ายิง อย่ายิงนะโว๊ย ปะ..ไปแล้ว กูยอมแล้ว กูไปจริงๆ”
น่ากลัวไม่น้อยไปกว่าปืนคือแววตาเหี้ยมโหดของอาชาวินที่มองมา แม้ยังไม่ได้เจอลูกสาวและพลาดการเจรจากับคุณอัลเฟรดตามที่หวังไว้ แต่เห็นท่าทางน่ากลัวเยี่ยงฆาตกรอย่างนั้นของอาชาวิน คนตาขาวอย่างกำพลจึงไม่คิดเอาชีวิตมาทิ้งเป็นผีเฝ้าไร่ดวงหทัย นักพนันตัวเอ้จึงยกมือไหว้ท่วมหัวขอชีวิตพร้อมวิ่งออกมาให้ไกลจากกระบอกปืนมากที่สุด แต่ก็เป็นไปด้วยความทุลักทุเลอยู่มาก เนื่องจากก่อนหน้านี้กำพลเพิ่งถูกลูกน้องของเสี่ยชาญชัยรุมซ้อมก่อนปล่อยตัวให้ไปหาเงินเก้าแสนมาใช้หนี้พนัน
“สวัสดีครับเสี่ยชาญชัย ผมอาชาวิน แมคคานน์ ผมมีเรื่องสำคัญต้องการแจ้งให้เสี่ยรับทราบว่าช่ออัญชัน ลูกสาวของกำพล เธอเป็นภรรยาของผม!”
คล้อยหลังกำพล อาชาวินจึงส่งปืนคืนลูกน้องแล้วล้วงโทรศัพท์กดโทร.หาเสี่ยชาญชัยเป็นการด่วน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้กำพลตกลงอะไรเรื่องช่ออัญชันกับเจ้าของบ่อนไว้หรือไม่ เพราะเสี่ยชาญชัยคือหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลของจังหวัด เขาจึงไม่ต้องการให้มีเรื่องผิดพลาด การโทร.ไปย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นครั้งนี้จึงเป็นการบอกให้เสี่ยชาญชัยรับรู้ว่าช่ออัญชันเป็นคนของตระกูลแมคคานน์ จงอย่าได้คิดแย่งชิงหรือร่วมมือกับกำพลทำเรื่องชั่วร้ายลับหลังเขาเด็ดขาดหากไม่อยากให้เกิดการปะทะถึงขั้นเอาชีวิต
และเสี่ยชาญชัยก็อยู่เป็นยิ่งนัก เพราะเมื่อได้ยินคำบอกเล่าเชิงข่มขู่ของอาชาวิน ฝ่ายนั้นก็รีบรับปากรับคำเป็นอย่างดีว่าจะไม่มีการแตะต้องผู้หญิงของตระกูลแมคคานน์ให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันแน่นอน ได้ยินอย่างนั้นอาชาวินจึงโล่งใจและตอบแทนความดีของเสี่ยชาญชัยด้วยการจ่ายหนี้เก้าแสนไม่ให้เงินก้อนนั้นของเสี่ยสูญเปล่า แต่ก็ไม่ลืมเน้นย้ำว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เขาจะชดใช้หนี้แทนกำพล
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“นี่นังขวัญ ได้ยินว่าวันนี้พี่ชิตไม่ได้ไปทำงานเหรอวะ”
“เออ ลุงเจิดบอกว่าไม่สบาย นอนซมอยู่ที่ห้องตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว สงสัยเป็นเพราะโดนฝนเมื่อวานซืนตอนฉีดปุ๋ยมะม่วงละมั้ง”
“สงสัยอาการจะหนักมากเนอะ ปกติพี่ชิตแกดื้อจะตาย ขนาดครั้งก่อนแกบ่นว่าปวดหัวแทบระเบิด แกยังฝืนไปทำงานเลย แต่วันนี้กลับลา ถ้าไม่เป็นหนักมากจริงๆแกคงไม่ยอมนอนอยู่เฉยๆหรอก แกว่าไหม”
“ฉันคิดเหมือนแกเลยนังเปิ้ล ตัวคนเดียวด้วย ตั้งแต่เช้ากินข้าวกินปลาหรือยังก็ไม่รู้เนอะ หยูกยาที่ห้องจะมีติดไว้บ้างไหมล่ะเนี่ย”
“เป็นห่วงรึไงนังเฟื่อง ถ้าเป็นห่วงแกก็เอาข้าวเอายาไปให้พี่ชิตที่ห้องสิวะ ข้าว่าพี่ชิตแกเดินออกมาหาอะไรกินเองไม่ไหวหรอก ป่วยหนักขนาดนั้น”
“ธุระไม่ใช่ ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ชิตมันสักหน่อย เรื่องอะไรต้องเดินตากแดดร้อนๆเอาข้าวเอายาไปประเคนมันถึงห้องด้วยล่ะ ไม่ไปหรอก ตัวใครตัวมัน ข้าไปนั่งกินข้าวดีกว่า”
แก๊งสามสาวที่เดินมาถึงโรงอาหารเป็นกลุ่มแรกหยิบจานข้าวเปล่าที่แม่ครัวตักวางไว้รอขึ้นมาคนละจาน จากนั้นเดินไปหยิบถ้วยกับข้าวที่ตักวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ถัดไป แล้วพากันไปนั่งกินข้าวอย่างสบายใจทั้งที่ทราบว่ามีเพื่อนคนงานในไร่เดียวกันไม่สบายอย่างหนักนอนซมอยู่ในห้องพัก
กลับกลายเป็นมือบางของแม่ครัวตัวเล็กที่หยุดชะงักไม่สามารถตักข้าวสวยใส่จานได้อีก ช่ออัญชันได้ยินที่แก๊งสามสาวคุยกันชัดเจน ความเป็นห่วงเกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าชิต คนงานชายมีน้ำใจที่เคยช่วยเธอยกกระสอบปุ๋ยขี้แพะไม่สบายมากจนลุกไม่ไหว ได้ยินว่ามีอาการป่วยตั้งแต่เมื่อวานด้วย จนป่านนี้พี่ชิตจะได้กินข้าวกินยาหรือยัง อาการจะเป็นอย่างไรบ้าง ความกังวลบงการให้ช่ออัญชันเร่งมือตักข้าวสวยใส่จานให้คนงานที่กำลังทยอยมากินข้าวที่โรงครัว ตักเสร็จเรียบร้อยก็ตักข้าวสวยพร้อมกับข้าวอีกชุดใส่ถุง จากนั้นจึงขออนุญาตป้าทั้งสามเอากับข้าวไปให้ชิตที่ห้องพักและฝากให้บอกอาชาวินหากเขามาถึงโรงอาหารก่อนเธอกลับมาถึง ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่ที่ถูกอาชาวินคาดโทษ ป้าสามแม่ครัวก็ไม่เคยมีปากเสียงหรือคิดทำอะไรให้ช่ออัญชันไม่พอใจอีกเลย คนขี้กังวลจึงเดินถือถุงกับข้าวไปทางบ้านพักคนงานอย่างรีบเร่งจนทำให้คลาดกับใครบางคนที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จแล้วรีบบึ่งรถกระบะคู่ใจมายังโรงครัวจนฝุ่นตลบ
“อัญชันล่ะ”
“เอ่อ...ไม่อยู่ค่ะ”
เพียงก้าวแรกที่เดินมาถึงโต๊ะสำหรับวางจานข้าวสวยแล้วไม่เห็นแม่ครัวที่ทำหน้าที่ประจำตรงนี้ อาชาวินก็รีบเบี่ยงหน้าไปมองป้าๆที่กำลังตักกับข้าวให้คนงาน ทำเอาป้าทั้งสามสะดุ้งเฮือกกับสายตากล่าวหาพร้อมเอาเรื่องของอาชาวิน
“ไปไหน!” ถ้ารู้ว่าป้าสามคนนี้แกล้งใช้เมียเขาไปทำอะไรอีกล่ะเห็นดีกันแน่
“ไปห้องพี่ชิตค่ะ”
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของป้าแม้น ป้าปลิก หรือป้าวงศ์ แต่เป็นเสียงของเฟื่องฟ้าที่รีบวางช้อนส้อมทันทีที่เห็นอาชาวินเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วปรี่เข้ามาใกล้ เพราะคนงานสาวรอเวลานี้ด้วยใจจดจ่อ เวลาที่จะสร้างความร้าวฉานให้ชีวิตที่กำลังมีความสุขของช่ออัญชันให้พังทลาย ในเมื่อเธอไม่ได้อาชาวินมาเป็นสามี นังอัญชันก็ต้องไม่ได้ด้วย
“ห้องไอ้ชิต!”
คำตอบที่ได้ฟังทำเอาเส้นประสาทในร่างสูงใหญ่กระตุกรุนแรง อะดรีนาลีนวิ่งพล่านไปทั่วร่างจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ อาชาวินเม้มปากเข้าหากันเมื่อส่งสายตาคาดคั้นมองที่ป้าแม่ครัวทั้งสามเพื่อขอคำยืนยัน และสตรีสูงวัยก็พยักหน้ารับพร้อมกันว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้ยินคือเรื่องจริง ไม่ทันได้บอกกล่าวเหตุผลร่างสูงก็หันหลังเดินกระแทกเท้าตึงๆกลับไปที่รถกระบะคู่ใจแล้วขับฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงออกไปทันที
“ฮัลโหล คุณโรสคะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนค่ะ รอดูผลงานได้เลย”
พออาชาวินหันหลังออกไปจากโรงอาหารด้วยโทสะจนใบหน้าเครียดเขม็งดูน่ากลัวยิ่งนัก เฟื่องฟ้าก็เดินนวยนาดกลับมานั่งที่โต๊ะสมทบกับสองเพื่อนสาวพร้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เรนุกาซื้อให้เป็นค่าแรงชิ้นแรกขึ้นกดโทร.ออกเพื่อรายงานผล นอกจากความสะใจที่กำลังจะได้เห็นความพินาศของช่ออัญชัน เฟื่องฟ้ากับเพื่อนอีกสองคนก็ยิ้มหน้าบานเมื่อเรนุกาบอกว่าจะมอบเงินให้อีกหนึ่งหมื่นบาทเป็นรางวัล
***********************************************************************
...ช่วงเม้ามอยท้ายนิยาย...โดยพี่อาชาคนหล่อ
เมื่อวานแกล้งทิ้งคำถามว่ารักพี่กันบ้างไหม? อยากรู้ว่าพี่ขี้อ้อนและแสนดีขนาดนี้จะพอมัดใจสาวๆได้หรือยัง คือไอ้ที่ถามน่ะเพราะต้องการหลอกให้สาวๆตายใจไง ถ้าสาวๆหลงรักพี่เข้าแล้ว พี่จะได้สบายใจว่าหลังจากนี้ต่อให้พี่เผลอทำตัวไม่ดีสาวๆก็คงให้อภัย (มั้ง)
แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าสาวๆยังไม่เทใจให้พี่ เพราะคำตอบกลับมาเกือบ 99.99% คือ ยังไม่รัก! พี่เสียใจร้องไห้หนักมาก ทำไมสาวๆถึงใจแข็งกับพี่นัก
และสิ่งที่พี่ต้องการหลังจากนี้นอกจากความเมตตาก็คือ...เสื้อเกราะ รู้ชะตาเลยว่าหลังจากสาวๆอ่านบทนี้จบแล้ว ทุกคนจะต้องกร่นด่า สาปแช่ง และขู่จะวางระเบิดใส่หัวพี่อีกครั้งแน่ๆ หน้าหล่อๆ เคราเฟิ้มๆ และซิกแพ็คแน่นๆ ไม่ได้ช่วยให้สาวๆใจอ่อนกับพี่เล๊ยยยยย เมื่อสาวๆไม่รักพี่ก็จะไป ไปตรวจการบ้านเมียต่อ ฮ่าๆๆ
ปล.อย่าลืมโหลด E-book พี่เยอะๆนะครับ
จาก...พี่อาชา คนหล่อ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ