สยบรักเมียบำเรอ
7.2
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
41 ตอน
3 วิจารณ์
41.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ร่องรอยน้ำตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อื้อ”
“คุณอัญชันคะ คุณอัญชัน”
กลิ่นเหม็นฉุนของแอมโมเนียที่จ่อปลายจมูกทำให้ร่างที่นอนแน่นิ่งเนื้อตัวเย็นเฉียบประหนึ่งซากศพอยู่บนโซฟานุ่มค่อยๆขยับตัว แพขนตางอนยาวขยับยุกยิกทำให้ชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกลเริ่มใจชื้น เห็นอย่างนั้นปาล์มเรขาที่นั่งอยู่ตรงขอบโซฟาตัวเดียวกันกับที่ช่ออัญชันนอนพักอยู่จึงส่งเสียงปลุกเบาๆที่ข้างหู หวังให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาสักที เพราะนับเวลาตั้งแต่ที่เธอวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงบ้านของอาชาวินเมื่อสิบนาทีก่อนจนป่านนี้ ช่ออัญชันยังนอนนิ่งไม่ไหวติงจนอาการน่าเป็นห่วงหากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป
“คุณหมอ”
“ค่ะ หมอเอง ค่อยๆลุกค่ะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวหน้ามืดไปอีก”
เปลือกตาบางค่อยๆเปิดกว้างทีละนิดๆ ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าเลือนรางของคุณหมอใจดีที่เจอเมื่อไม่กี่วันก่อน ดวงตาสะลึมสะลือหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่ คราวนี้ภาพที่เห็นชัดเจนกว่าตอนแรก ช่ออัญชันจึงตั้งท่าจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งแต่ถูกปาล์มเรขาปรามเอาไว้ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆรับรู้ว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ในห้องรับแขกของบ้านแมคคานน์ ระหว่างนี้ก็พยายามทบทวนว่าเธอกลับมาที่นี่ได้อย่างไร ยังไม่ทันที่สมองจะได้ประมวลผลหาคำตอบ ช่ออัญชันกลับมองเห็นร่างสูงพร้อมทั้งดวงตาคมดุของอาชาวินที่ยืนมองอยู่ตรงปลายเท้าเสียก่อน เพียงเท่านั้นภาพเหตุการณ์โหดร้ายก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำเป็นฉากๆทำเอาดวงตากลมเบิกค้างตื่นตกใจ
“กรี๊ดดดด ไม่ๆ อัญไม่ไป อัญไม่รับแขก ไม่เข้าไป ฮือ ฮือ อย่าให้อัญเข้าไป อัญกลัว ฮือ คุณหมอช่วยอัญด้วย อัญกลัว กลัว ไม่เข้าไป ฮือ ฮือ”
“ค่ะๆ ไม่ไปนะคะ ไม่ไป หมออยู่กับคุณอัญชันตรงนี้ไม่ยอมให้ใครพาคุณอัญชันไปไหนเด็ดขาด ไม่ต้องกลัวนะคะ นิ่งซะๆ หมออยู่นี่ค่ะ ไม่ไปๆ”
ทันทีที่เห็นใบหน้าของอาชาวิน ร่างเล็กกระตุกเฮือกแล้วรีบโผตัวเข้ากอดร่างของปาล์มเรขาแน่น ใบหน้าเปื้อนน้ำตาซุกกับอกนุ่มไม่ยอมมองไปทางที่อาชาวินยืนอยู่ ปาล์มเรขาเห็นอาการตื่นกลัวรุนแรงของช่ออัญชันแบบนั้นก็ได้แต่กอดตอบ สองมือลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบประโลม แต่อาการสั่นเทาของร่างเล็กก็ยังไม่ลดลงจนคุณหมอสาวต้องหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาเป็นคำถาม อยากรู้นักว่าอาชาวินทำอะไรภรรยา ช่ออัญชันถึงได้มีอาการหวาดกลัวคล้ายคนสติหลุดแบบนี้
‘แกออกไปก่อน’
นั่นคือคำสั่งที่ปาล์มเรขาสั่งอาชาวินผ่านดวงตา เพราะถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว แต่อาการตื่นกลัวของช่ออัญชันกลับไม่ลดระดับลงเลย สองมือของหญิงสาวกำแน่นอยู่กับต้นแขนเหมือนต้องการยึดเธอเป็นที่พึ่งพิง เดาว่าสาเหตุคงเป็นเพราะอาชาวินยังยืนทำหน้าตึงอยู่ในห้องให้เห็น
“คุณอัญชันไม่ต้องกลัวนะคะ อาชาไม่อยู่แล้ว”
คำบอกเล่าของคุณหมอใจดีทำให้ช่ออัญชันยอมเงยหน้าขึ้นจากอกอุ่นเล็กน้อย ดวงตาช้ำบวมเหลือบสายตามองไปตรงที่ที่อาชาวินยืนอยู่ก่อนหน้า เมื่อเห็นจริงว่าชายหนุ่มไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวจึงยอมผละออกจากการกอดรัดปาล์มเรขาแต่อาการสะอื้นยังรุนแรงตามระดับความกลัวที่เกาะกินหัวใจ
“ชู้วว์ ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง หมออยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำอะไรคุณอัญชันได้ทั้งนั้น”
ปาล์มเรขาเอ่ยปลอบพลางกรีดปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาจากดวงตากลมหม่นแผ่วเบา ดวงตากลมคู่นั้นไม่สามารถเล่าเรื่องราวเลวร้ายที่เจอมาแต่ความเศร้าเสียใจที่ฉายชัดในดวงตาสามารถบอกเธอได้ว่าสภาพจิตใจของหญิงสาวกำลังย่ำแย่ขั้นรุนแรง เธอจึงได้แต่ลอบถอนหายใจหนักหน่วง รู้สึกสงสารผู้หญิงตรงหน้ายิ่งนัก นี่คงถูกอาชาวินทำอะไรให้สะเทือนใจหนักมากแน่ๆ สาวน้อยคนนี้ถึงยังตัวสั่นไม่หาย อีกทั้งน้ำตาก็ยังรินไหลออกมาไม่หยุดหย่อน
“อัญไม่อยากรับแขก ฮือ ฮือ ช่วยอัญด้วยค่ะ”
“ค่ะๆ”
ปาล์มเรขากอดตอบร่างสั่นเทาที่โผเข้ากอดเธออีกครั้ง ตบมือเบาๆที่แผ่นหลังเล็กให้ช่ออัญชันสงบอารมณ์พลางคิดในใจว่า ‘รับแขก’ งั้นหรือ? นี่อย่าบอกนะว่าอาชาวินจับช่ออัญชันไปขายซ่อง อาชาวินมันกล้าทำกับเมียถึงขนาดนี้เชียวหรือ เล่นแรงเกินไปแล้ว เธอเป็นเพื่อนกับมัน เธอรู้ว่ามันคงไม่ได้คิดทำแบบนั้นจริงๆ แต่ช่ออัญชันไม่รู้ ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงไม่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเนื้อตัวสั่นเทาเป็นเจ้าเข้าทรงแบบนี้หรอก
“ใจเย็นๆนะคะ อาชาคงไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ฮึก ฮึก แต่..แต่คุณอาชาบอกว่าจะให้ผู้หญิงที่ชื่อเชอร์รี่มาอยู่ที่นี่ แล้ว..ฮึก ฮึก แล้วให้อัญอยู่รับแขกที่แองเจิ้ลคลับ แทน ฮือ ฮือ อัญกลัวค่ะคุณหมอ อัญกลัว”
ช่ออัญชันเงยหน้านองน้ำตาพูดติดๆขัดๆ อาการสะอึกสะอื้นตัวโยนยังไม่คลาย เพราะยิ่งนึกถึงความโหดร้ายของอาชาวิน ความหวาดกลัว ความน้อยเนื้อต่ำใจก็ยิ่งประดังถาโถมเข้าใส่จนหัวใจเปราะบางตั้งรับแทบไม่ไหว
“เชื่อหมอสิคะ หมอเป็นเพื่อนกับอาชามานาน อาชาไม่ใช่คนเลวร้ายแบบนั้น”
“แต่คุณอาชา…ฮึก เกลียดอัญ คุณอาชาเคยบอกว่าไม่ต้องการให้อัญอยู่ที่นี่”
“แต่หมอว่า…”
“ถ้ายังไม่ตายก็กลับห้องเธอไปซะ อย่ามานั่งคร่ำครวญจะเป็นจะตายแถวนี้ หนวกหู!”
เพราะไม่มั่นใจว่าคุณหมอเพื่อนซี้จะพูดอะไรออกมา อาชาวินที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงหน้าประตูห้องนั่งเล่นจึงรีบโพล่งขัดขึ้นมาก่อนที่ปาล์มเรขาจะได้พูดแก้ไขความเข้าใจของช่ออัญชัน อีกทั้งยังต้องใช้น้ำเสียงเข้มดุกล่าวคำร้ายๆเพื่อปิดบังความรู้สึกในใจตอนนี้
“ฮึกฮึก”
ทันทีที่อาชาวินปรากฏตัวในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ช่ออัญชันที่กำลังสวมกอดปาล์มเรขาร้องไห้ถึงกับสะดุ้งเฮือกม่านตาเบิกขยาย จากนั้นน้ำตาก็ทะลักทลายออกมาฟ้องความรู้สึกหวาดกลัวมากมายที่อยู่ในใจก่อนก้มหน้าซุกอกนุ่มอย่างตั้งใจใช้ร่างของคุณหมอแสนสวยเป็นเกราะกำบัง ทำเอาอาชาวินตาขุ่นหน้าตึงที่เห็นช่ออัญชันอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตาม
‘อาชา พอได้แล้ว’
เป็นอีกครั้งที่ปาล์มเรขาออกคำสั่งกับอาชาวินผ่านดวงตา เพราะในเวลาที่สภาพจิตใจของช่ออัญชันอ่อนแอเปราะบางขนาดนี้ บอกตามตรงว่าแม้แต่พูดเสียงดังไปนิดปาล์มเรขายังไม่กล้า กลัวหญิงสาวจะตกใจจนช็อกไปอีกครั้ง อีกอย่างหากเธอตอบโต้กับอาชาวินตามปกติ เธอก็กลัวใจเจ้าเพื่อนตัวดีเหลือเกินว่ามันจะปากหมาพูดอะไรร้ายๆให้ช่ออัญชันรู้สึกแย่ยิ่งไปอีก ให้อาชาวินมันหุบปากไปอย่างนี้น่ะดีแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้วนะคะไม่ต้องกลัว อันนี้ยานะคะ เดี๋ยวคุณอัญทานแล้วรีบกลับไปนอนพัก ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวหมอจัดการให้”
“แต่คุณหมอคะ อัญกลัว”
ช่ออัญชันตอบเสียงเบาอู้อี้เพราะหญิงสาวยังไม่ยอมเงยหน้าจากอกอุ่นของปาล์มเรขา แถมสองแขนยังโอบกอดร่างของคุณหมอแสนสวยไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแม้ถุงยาจะถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้ปาล์มเรขารู้ว่านอกจากจะตัวสั่น ร่างเล็กๆของผู้หญิงที่กอดเธออยู่ตอนนี้เนื้อตัวเย็นเฉียบเหมือนคนไม่มีเลือด
“รีบกลับไปที่ห้องของเธอ!”
น้ำเสียงเข้มตะคอกเสียงลั่น เห็นท่าทางกอดแนบแน่นเป็นลูกหมีโคอาล่าที่ช่ออัญชันกอดปาล์มเรขา อาชาวินก็รู้สึกขัดหูขัดตานัก รู้หรอกว่ากลัวเขา แต่ช่ออัญชันก็ไม่จำเป็นต้องกอดคนอื่นแน่นขนาดนี้เลยนี่นา นี่ถ้าเจ้าหล่อนยังดื้อดึงไม่ยอมปล่อยแขนออกจากร่างของปาล์มเรขาสักทีเดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่
“ป้าเนียม พาแม่นี่ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เมื่อคนขวัญอ่อนยังดื้อดึง อาชาวินจึงตะโกนเรียกหัวหน้าแม่บ้านที่เตร็ดเตร่อยู่ไม่ไกลด้วยความเป็นห่วงนายหญิงน้อยให้เข้ามาพาตัวช่ออัญชันกลับไปเสียที บอกตามตรงว่าหากยังเห็นเจ้าหล่อนโอบกอดแนบชิดกับคนอื่นแบบนี้ต่อไปอีกสักสองสามนาที อารมณ์ของเขาที่มันร้อนเร่ากำลังจะเดือดพล่านจนควบคุมไม่อยู่ และคนที่ดวงซวย ซวยซ้ำซวยซ้อนก็คงไม่พ้นช่ออัญชันนั่นแหละที่ต้องคอยรองรับ ซึ่งเขาไม่อยากทำ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ร้องไห้กระซิกๆยังไม่หยุดเลย
“อาชา ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เสียงเรียกของปาล์มเรขาดึงสติของชายหนุ่มที่เหล่ตามองตามช่ออัญชันที่กำลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นให้หันกลับมามอง ก่อนที่ร่างสูงจะถอนหายใจหนักๆแล้วยอมเดินไปหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ร้อนจะตายห่า แต่แม่นี่ดันนอนห่มผ้า บ้ารึเปล่าวะ!”
อาชาวินสบถกับตัวเองพลางดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจเอาเสียเลย แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่อุณหภูมิในช่วงหน้าร้อนก็รู้ๆกันอยู่ว่าร้อนตับแตกไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน แต่ดูยายใจเสาะสิกลับนอนห่มผ้าคลุมถึงคอหน้าตาเฉย นั่นทำให้อาชาวินนึกสงสัยกลัวว่าเจ้าหล่อนจะเป็นไข้ ชายหนุ่มที่ตอนแรกแอบซุ่มมองอยู่แค่ด้านนอกจึงอดรนทนไม่ไหวค่อยๆเปิดประตูห้องเก็บของที่ตอนนี้กลายเป็นห้องนอนน้อยๆของช่ออัญชันออกกว้างอย่างง่ายดายเพราะประตูไม่ได้ล็อกไว้ หญิงสาวใช้เชือกฟางผูกตรงลูกบิดคล้องกับที่ลงสลักโดยใช้กระป๋องใส่น้ำกั้นกลางให้เกิดช่องว่างระบายอากาศ เพราะห้องนี้ตั้งใจทำเป็นห้องเก็บของตั้งแต่แรก เขาจึงไม่ต่อสวิซไฟเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
“ยายตาใสนอนห้องนี้ได้จริงๆเหรอวะ”
แม้ช่ออัญชันจะย้ายมานอนที่ห้องเก็บของตามคำสั่ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีเท่าที่ควร เพราะเมื่อประตูถูกเปิดออก ภาพตรงหน้ากลับทำให้อาชาวินกัดฟันแล้วถอนหายใจหนักหน่วง เพราะพื้นที่แคบๆในห้องแทบไม่เหลือเมื่อมีคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ ลำพังแค่ช่ออัญชันคนเดียวก็ทำเอาแทบไม่เหลือที่ว่าง เมื่อมีคนตัวใหญ่ๆมาแบ่งปันพื้นที่ในตอนนี้อาชาวินจึงต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อหาพื้นที่ให้ตัวเอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆขยับเข้าไปนั่งยองๆอยู่ตรงข้างตู้เสื้อผ้า พลางกวาดสายตามองว่าช่ออัญชันสามารถนอนในห้องที่แคบพอๆกับโลงศพแบบนี้ได้จริงๆน่ะหรือ เจ้าหล่อนไม่อึดอัดเลยหรือไง
‘ชิท! ที่แท้ช่ออัญชันไม่ได้หนาว แต่ร้อนมากจนต้อง…’
ความจริงปรากฏแก่สายตาเมื่ออาชาวินขยับตัวเข้าไปนั่งยองๆใกล้ร่างที่นอนหลับสนิทของช่ออัญชัน มือหนาค่อยๆวางทาบบนหน้าผากเนียนแผ่วเบาเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย ทุกอย่างดูปกติดี แต่พอชายหนุ่มเลื่อนมือลงมาดึงผ้าห่มช่วงคอออกตั้งใจจะวัดอุณหภูมิตรงนั้น กลับทำให้อาชาวินพบว่าผ้าห่มที่ช่ออัญชันห่มตัวนั้นเปียกน้ำทั้งผืน วินาทีนั้นเหมือนมีก้อนลมลูกโตๆกระแทกเข้าที่อกข้างซ้ายอย่างรุนแรงจนหัวใจเจ็บหนึบ ที่แท้ช่ออัญชันร้อนมากจนต้องใช้ผ้าห่มชุบน้ำมาคลุมกายเพื่อคลายความร้อนอบอ้าว ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นก่อนดวงตาคู่คมจะหันกลับไปมองตรงประตู มิน่าล่ะ! ตรงนั้นถึงมีกระป๋องใส่น้ำเอาไว้ คงเอาไว้ชุบผ้าซ้ำหากผ้าห่มหมาดน้ำกลางดึก หรือไม่ก็เอาน้ำไว้ลูบเนื้อลูบตัวคลายร้อนสินะ
เรียวปากสีเข้มเป่าลมออกจากปากระบายความอึดอัดใจ จากนั้นมือหนาจึงค่อยๆเลิกผ้าห่มออกจากร่างบางช้าๆด้วยกลัวจะทำให้ช่ออัญชันตื่น ทั้งที่จริงคงเป็นไปได้ยาก เพราะก่อนหน้านี้ปาล์มเรขาจัดยานอนหลับให้ช่ออัญชันกินไปสองเม็ด เนื่องจากอาการตื่นกลัวของหญิงสาวมีมากจนปาล์มเรขากังวลว่าคืนนี้หญิงสาวคงเอาแต่หวาดผวาจนหลับตาไม่ลง ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุให้เขาถูกเพื่อนสนิทต่อว่าไปหลายอย่าง เพราะทันทีที่ป้าเนียมพาช่ออัญชันออกไปจากห้องนั่งเล่น ปาล์มเรขาก็สวดเขายับ ด่าแล้วด่าอีก ด่าเหมือนมันเป็นคนถูกเขาแกล้งเสียเอง เล่นเอาเขาหูอื้อหูชาไปพักใหญ่
“บ้าเอ๊ย! แดงไปทั้งตัว มีตรงไหนที่ไม่โดนกัดบ้างวะเนี่ย”
เมื่อผ้าห่มเปียกน้ำถูกมือใหญ่ดึงไปกองไว้ตรงช่วงเอวบาง ลมก้อนโตก็ถูกเป่าออกมาจากปากอีกครั้ง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเป็นแบบไหน เมื่อได้เห็นเต็มตาว่าท่อนแขนของช่ออัญชันมีแต่ตุ่มแดงๆเต็มท่อนแขน ตอนกลางวันช่ออัญชันใส่เสื้อแขนยาวที่ป้าเนียมให้เข้าไร่เขาจึงไม่เห็น จนกระทั่งปาล์มเรขาบอกหลังจากด่าเขาไปหลายยก ว่าตามตัวของช่ออัญชันมีตุ่มแดงๆเหมือนมดเหมือนยุงกัดเต็มไปหมด คำบอกเล่าของปาล์มเรขาทำให้เขานั่งไม่ติด จากที่ตอนแรกตั้งใจจะไม่สนใจ พอกินข้าวเย็นกับเรนุกาเสร็จแล้วก็แยกย้ายขึ้นนอนห้องใครห้องมัน
แต่สุดท้ายเขากลับนอนไม่หลับ อยากเห็นด้วยตาว่าที่ปาล์มเรขาบอกมานั้นจริงเท็จแค่ไหน หรือว่าเพื่อนเขามันพูดให้ดูโอเวอร์ไปอย่างนั้น แม้จะมีเพียงแสงไฟเลือนลางจากด้านนอกให้พอมองเห็นรำไร แต่มาตอนนี้เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว จึงรู้ว่าที่ปาล์มเรขาบอกมันน้อยกว่าหลักฐานตรงหน้าเสียอีก คงเป็นเพราะไม่ได้ปิดประตู เวลาผ้าห่มเลื่อนหล่นจากตัวยุงจึงเข้ามากินเลือดของยายตาใสได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ อยากจะต่อว่าแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอันที่จริงช่ออัญชันเองก็คงรู้ และก็รู้ด้วยว่าถ้าเลือกปิดประตูป้องกันไม่ให้ยุงเข้า เจ้าตัวก็คงนอนขาดอากาศหายใจตายในห้อง เพราะห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง เมื่อไม่อยากขาดอากาศหายใจตายก็เลยต้องยอมแลกกับการโดนยุงกัดแบบนี้
“ฉันไม่อยากให้เธอมาป่วยตายในบ้านฉันหรอกนะ ไม่ได้เป็นห่วง”
มือหนากำของที่อยู่ในมือแน่นอย่างกำลังตัดสินใจเพราะภายในใจกำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรง ไม่นานอาชาวินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจคลายมือออก สะกดจิตตัวเองว่าที่เขาทำแบบนี้ไม่ได้เกิดจากความเป็นห่วงแต่อย่างใด เขาแค่ไม่อยากฟังปาล์มเรขาต่อว่าว่าเขาเป็นคนใจร้ายใจดำ ไม่อยากให้ช่ออัญชันมาป่วยตายในบ้านเขาก็เท่านั้น จากนั้นจึงหยิบตลับบาล์มทารอยยุงกัดออกมาเปิดฝา ปลายนิ้วเรียวป้ายยาแล้วค่อยๆแต้มรอยแดงบนเรียวแขนของช่ออัญชันทีละจุดๆอย่างใจเย็น ยิ่งทาชายหนุ่มก็ยิ่งเม้มปากเข้าหากัน พลางคิดในใจว่าคนหลับจะเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า เพราะรอยยุงกัดที่แขนทั้งสองข้างว่าเยอะแล้ว แต่พอเปิดผ้าห่มดูที่ขากลับมีมากกว่าหลายเท่า นึกเสียดายผิวขาวๆของเจ้าหล่อนหากมันต้องด่างพร้อยเพราะเจ้ายุงตัวร้าย นั่งถอนหายใจหนักๆทิ้งไปหลายรอบกว่าที่อาชาวินจะทาบาล์มทั้งแขนและขาของช่ออัญชันจนครบทุกรอย
“ม่ายยยยย กรี๊ดดดด อัญไม่ไป ไม่เอา อัญไม่ไป ฮือ ฮือ แม่จ๋า ช่วยอัญด้วย อัญกลัว ฮือ ฮือ แม่จ๋า”
ในขณะที่อาชาวินตั้งท่าจะลุกขึ้นเพื่อเดินกลับไปเอาสเปรย์ฉีดกันยุงมาฉีดตามเนื้อตัวของช่ออัญชันป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดระลอกใหม่ อยู่ๆเสียงกรีดร้องโหยหวนของคนตัวเล็กกลับดังขึ้นมาจนอาชาวินสะดุ้งเฮือกหัวใจเต้นรัวแรง ใบหน้าเผือดสีหันขวับกลับไปมองช่ออัญชันอัตโนมัติ ชายหนุ่มจึงได้เห็นว่าท่อนแขนเรียวที่เขาเพิ่งทายาเมื่อครู่ไขว่คว้าอยู่ในอากาศ เรียวปากซีดเซียวร่ำร้องหาแม่เหมือนเด็กถูกรังแกต้องการความอบอุ่นจากอกแม่คอยปลอบโยน
‘นี่ความกลัวตามไปหลอกหลอนเธอถึงในฝันเชียวหรือ?’
เห็นแบบนั้นอาชาวินจึงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วคว้าไหล่บางขึ้นมากอดปลอบให้หญิงสาวสงบ แม้ดวงตาทั้งสองข้างจะปิดสนิท แต่กลับมีหยดน้ำใสๆไหลรินเป็นทาง ใบหน้าซีดขาวมีเหงื่อเม็ดโตๆผุดล้อมกรอบหน้า อีกทั้งเนื้อตัวของช่ออัญชันยังสั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำ อาชาวินจึงทำได้เพียงกัดริมฝีปากเข้าหากันแน่น แน่นพอๆกับอ้อมแขนที่กอดรัดร่างสั่นๆเอาไว้แนบอกหวังให้ช่ออัญชันคลายความหวาดกลัวที่ตามหลอกหลอน นึกขอบคุณปาล์มเรขาที่จัดยานอนหลับให้คนใจเสาะกิน เพราะหากไม่มีฤทธิ์ยาคอยกดประสาท ป่านนี้ยายตาใสคงเอาแต่หวาดผวานอนร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ
“ให้คืนนี้แค่คืนเดียวนะ”
สงสัยช่ออัญชันคงนึกว่าอ้อมแขนอุ่นๆที่โอบกอดเอาไว้คือมารดากระมัง หญิงสาวถึงได้กอดรัดร่างหนาของอาชาวินไว้แน่น แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาผ่านไปไม่นาน อาการตัวสั่นของหญิงสาวจะค่อยๆทุเลาลง เห็นอย่างนั้นอาชาวินจึงขยับตัวให้แผ่นหลังพิงกับตู้เสื้อผ้าพลางยกร่างบางขึ้นมาพิงอกในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน พักเดียวลมหายใจของช่ออัญชันก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอ หยดน้ำตาเหือดแห้ง พร้อมๆกับร่างน้อยที่นอนสงบนิ่ง อาการของคนกลัวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่มือหนาของอาชาวินกลับไม่หยุดที่จะลูบแผ่นหลังเนียนแผ่วๆ
************************************************
พาผู้ชายใจร้ายมาส่งแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ถูกด่ามาเย๊อะ เจ็บมาเย๊อะ พี่เค้าก็เลยเอามุมดีๆมาฝากบ้าง
แต่ก็อย่างเพิ่งวางใจ เพราะนี่คืออาชาวิน แมคคานน์
ถ้าอยากรู้ลึก ล้วงลับความเป็นอาชาวิน และเหตุผลที่ทำให้หนูอัญชันไม่เคยสู้ใคร จองหนังสือเลยค่ะ
จองพร้อมโอนภายใน 15 กุมภาพันธ์ 2561
ได้ของถูก ของแถมติดไม้ติดมือกันแน่นอน
ฝากเอ็นดูและอุดหนุนพี่อาชากันเยอะๆนะคะ
*******************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ