THE EYES นัยน์ตาแห่งรัก
10.0
เขียนโดย เรื่อยเปื่อย
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.39 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
6,515 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 10.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 คำเตือนที่เป็นจริงครั้งที่สอง ("เพราะฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE EYES นัยน์ตาแห่งรัก
ตอนที่ 2
"ฉันเตือนเธอแล้ว! ฉันเตือนเธอแล้ว! มันไม่ใช่ความผิดฉัน! ไม่ใช! ฉันเตือนเธอแล้ว ฉันเตือนเธอแล้ว เธอไม่เชื่อฉันเอง.%$&^@*&%$@#$%^*&^%$##$%% " มีร่าเอามือปิดหูของเธอเอาไว้แล้วพ่นคำพูดของเธอออกมาแบบรัวๆจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง...
มีร่าเห็นข่าวการตายของผู้หญิงคนนั้นแล้ว มันช่างน่ากลัวเสียจริง ก่อนตายเธอคงจะเจ็บปวดและทรมานมาก...แต่ทว่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับนั้น มีร่าเห็นมันทุกอย่าง เธอถึงได้หวั่นกลัวและเสียใจที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในใจของเธอพรำบอกว่าเป็นความผิดของเธอ...แต่อีกใจเธอก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่..ไม่ใช่ความผิดของเธอ...เธอเตือนผู้หญิงคนนั้นแล้วแต่เธอคนนั้นไม่เชื่อมีร่าเอง เธอหาว่ามีร่าเสียสติซะด้วยซ้ำ...
"ฉันไม่ผิดนะ ฉันเตือนเธอแล้ว....." น้ำเสียงของเธอสั่นเครือมาก เธอขังตัวเองเอาไว้ในห้องเพราะไม่อยากรับรู้ข่าวที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้
ในห้องของเธอมืดสนิทหน้าต่างทุกบานถูกปิดแน่นผ้าม่านสีเทาเข้มช่วยปดปังแสงแดดได้เป็นอย่างดี มีร่านั่งขดตัวอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ...เธอกลัวมากจริงๆร่างกายของเธอสั่นเทาเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบโชกทั่วตัว...ความรู้สึกตอนนี้มันแย่มาก
ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด ตื้ดดดดดด
อยู่ๆเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวผวาตกใจเล็กน้อย....ก่อนที่เธอจะพยายามตั้งสติแล้วชะโงกขึ้นไปมองมือถือที่วางอยู่บนเตียง....มีร่าค่อยๆเอื้อมไปหยิบมือถือมาดูว่าเป็นเบอร์ของใคร เมื่อหญิงสาวเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเธอก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก....เธอรีบกดรับทันที...
"ฮัลโหล....."
"(ฮัลโหล มีร่าเป็นไงบ้าง)" ปลายสายเอ่ยทักทายทันทีที่เธอกดรับ น้ำเสียงของเธอคนนั้นสดใสมาก
"มิริน ขอบคุณจริงๆที่แกโทรมาาาาาาา...ฮืออออๆๆๆๆๆ" มีร่าปล่อยโฮออกมาทันที...
"(เฮ้ยยยย แกเป็นอะไรรึเปล่า ร้องไห้ทำไม)"
"มิริน ฉันเห็นอีกแล้ว เธอคนนั้น อึกๆ เธอคนนั้นน่ะ ฮือๆๆ อึกๆ เธอตายจริงๆ อึกๆ ฉันเตือนเธอแล้วแต่เธอ อึก ฮืออๆๆ แต่เธอไม่เชื่อฉัน ฮืออออออๆๆๆ เธอหาว่าฉันบ้า แต่ฉันเตือนเธอแล้ว ฮืออๆๆๆ อึก เธอไม่ยอมเชื่อฉันนนนนนนน ฮือออออออออออออ...." มีร่ายิงคำพูดออกมาแทบจะไม่หยุดหายใจ...
"(เดี๋ยวนะเดี๋ยวนะ ฉันฟังไม่ทัน แกใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆก่อน หายใจเข้าลึกกกกๆ แล้วค่อยๆพูด ฉันอยู่คุยกับแกได้ทั้งวัน ใจเย็นๆก่อนนะ)" มิรินพยายามดึงสติเพื่อนสาวของเธอ เพราะฟังจากน้ำเสัยงของมีร่าแล้วเธอดูลนลานแต่ตื่นกลัวมาก
"อึกๆ อึก อึกๆๆๆ อึกๆ อึก เฮ้อออออ เฮ้อออออ เฮ้อออออ" มีร่าพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆตามที่มิรินบอก
"(เอาละ ถ้าแกตั้งสติได้แล้ว ทีนี่ค่อยๆเล่าให้ฉันนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น)"
"คะ คือ อึก คือว่าเมื่อวานฉันเผลอไปโดนมือผู้หญิงคนหนึ่งเข้า และฉันก็เห็น อึกๆ"
"(เห็นอะไร)"
"ฉันเห็นเธอถูกฆ่าตาย แต่ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว ฉันบอกเธอแล้วแต่เธอหาว่าฉันบ้า เธอไม่ยอมเชื่อฉัน ฮือออๆๆๆๆๆ"
"(อืม แล้วยังไงต่อ)"
"วะ วันนี้ ธะ เธอคนนั้น ตะ ตาย แล้ว...อึกๆ ฮือออๆๆ แต่ฉันเตือนเธอแล้วนะ เธอไม่ยอมฟังฉันเลย ฉันจะทำยังไงดีมิริน ฮือออๆๆๆ อึกๆๆ ฮือออๆๆๆ"
"(มีร่าาาา แกใจเย็นๆก่อนนะ ไม่เอาสิอย่าร้องไห้ มันไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย)"
"แต่ฉันเห็น ฉันรู้ทั้งรู้แต่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้ ฮืออออๆๆๆ"
"(มีร่าแกฟังนะ แกไม่ผิดเลย แกเตือนเธอแล้วแต่เธอไม่เชื่อแกเอง เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ความผิดของแกเลย...)"
"แกคิดแบบนั้นจริงๆหรอ..."
"(ใช่ ก็มันจริงนี้....มีร่า การที่แกมองเห็นเรื่องอะไรพวกนี้มันไม่ใช่ความผิดของเเกเลยนะ แล้วอีกอย่างชะตาคนเราถ้าถึงคราวตายอะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอก ถึงแกไม่เห็นภาพพวกนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าแกยังเอาแต่คิดแบบนี้แกจะอยู่ต่อไปได้ยังไงห๊ะ ถ้าทุกครั้งที่แกเห็นแล้วแกก็คอยโทษตัวเองแบบนี้ฉันว่าอีกไม่นานแกจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ)"
"อึกๆ ใช่ ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะเป็นบ้า อึก ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว"
"(แกต้องรู้สึกปล่อยวางซะบ้างนะ)"
"ฉันทำไม่ได้นี่"
"(อย่าคิดมากสิ ถ้าแกเป็นแบบนี้ฉันเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน)"
"ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แตว่า......."
"(อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจมากนักสิ แค่เรื่องของแกก็แย่พออยู่แล้ว หัดเห็นแก่ตัวซะบ้าง...ไหนจะน้าของแกอีกหัดปฏิเสธให้เป็นซะบ้างสิ...แกก็เป็นซะแบบนี้)"
"ก็ฉันทำไม่ได้"
"(ถ้าแกไม่ขี้ใจอ่อนและรู้จักเห็นแกตัวมากกว่านี้ ฉันว่าชีวิตแกป่านนี้อะไรอะไรคงง่ายขึ้นเยอะเลย เที่ยวเห็นอกเห็นใจสงสารคนอื่นเขาไปทั่ว...ฉันละเชื่อแกเลย)"
"ง่ายขึ้นหรอ...สำหรับฉันไม่เคยมีอะไรง่ายหรอกนะ....แค่หายใจยังยาก" น้ำเสียงของมีร่าเศร้าลงทันทีเมื่อมิรินพูดจบ
"(เฮ้ยแก ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดให้แกเศร้านะ)"
"ฉันรู้ ขอบใจมากนะที่แกโทรมา มันช่วยฉันได้มากเลย...อยู่ที่โน้นเป็นยังไงบ้าง"
"(ก็เรื่อยๆ ฉันย้ายมาอยู่อังกฤษจะสามปีแล้วนะ ตอนนี้ก็เฉยๆแล้ว...ตอนนี้เดือนมิถุนา ที่นี่เป็นหน้าร้อนส่วนที่บ้านเราคงจะช่วงหน้าฝนสินะ)"
"อืม ช่วงนี้บ้านเราเป็นช่วงหน้าฝน"
"(แกไม่ชอหน้าฝนนิ โอเครึเปล่า)"
"อืม ก็พยายามที่จะโอเคอยู่นั้นแหละ ฉันโตเกินกว่าจะกลัวอะไรแบบนี้แล้ว"
"(อืมมมม ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย ย้ายออกมาอยู่คนเดียวสบายใจขึ้นมั๊ย น้าสาวของแกยังมากวนอยู่รึเปล่า)"
"น้าก็มีมาหาบ้าง แต่ก็สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะเพราะไม่ต้องเจอกับพวกขี้เหล้าขี้ยาที่เทียวมาหาน้า...ก็โอเคดี"
"(เออ แกโอเคฉันก็ดีใจ ฉันเองก็คิดถึงแกมาก ไว้จะขอพ่อแม่กลับไปเยี่ยมนะ)"
"อืม ฉันก็คิดถึงแกมากเหมือนกัน แกก็รู้ว่าฉันมีแกแค่คนเดียว "
"(โอ๊ยยยยย เลี่ยนอ่าาาาา อย่างกะแฟนบอกคิดถึงกัน ฮึ๋ย ขนลุก ฮ่าๆๆๆๆๆ)"
"ก็มันจริงนี่"
"(เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว คิดถึงนะไว้เจอกัน)"
"จ๊ะ ไว้เจอกัน"
"บาย"
"อืม"
จากนั้นมิรินก็วางสายไป มิรินเป็นเพื่อนคนเดียวที่มีร่ามี เธอเป็นลูกสาวของคนที่คอยอุปการะบ้านเด็กกำพร้าที่มีร่าเคยอยู่..ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก และถูกชะตากันมากก็เลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา..มิรินนิสัยดีมากเธอไม่เคยถือตัวเลยแม้ว่าเธอจะรวยมากแค่ไหน...เธอเป็นฝ่ายเข้ามาคุยและขอเป็นเพื่อนกับมีร่า.....มิรินรักมีร่ามากส่วนมีร่าเองก็รักมิรินมากเหมือนกัน
"ขอบใจนะมิรินที่ยังไม่ลืมฉัน..." มีร่าพึมพำแล้วยิ้มใส่มือถือของเธอ
คฤหาสน์ของคาร์เรย์
"เจ้านายครับพร้อมแล้วครับ" ภาคินเดินเข้ามาหาคาร์เรย์ที่แต่งตัวพึ่งเสร็จ เขากำลังจะไปงานเลี้ยงที่ถูกเชิญเมื่อวาน
"อืม เสร็จแล้วก็ไปกันเลย"
"ครับ"
จากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นรถไปด้วยกันโดยมีคนขับรถให้ และยังมีรถติดตามอีกสี่คัน ขับนำหน้าสองคันและคอยขับตามหลังอีกสองคัน....
ในรถ
"เจ้านายครับ เจ้านายต้องระวังตัวให้มากนะครับ" ภาคินยังอดเป็นห่วงเจ้านายหนุ่มของเขาไม่ได้...
"นายยังคิดว่าเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดจะเป็นจริงอยู่อีกหรอ"
"ผมก็แค่เป็นห่วง"
"ไม่ต้องห่วงฉันจะระวังตัว" คาร์เรย์ยิ้มเบาๆให้กับภาคิน
งานเลี้ยง
เวลา 19:30 นาที
คาร์เรย์นั่งรถมาประมาณ30นาทีก็มาถึงโรงแรมที่ไอ้เกนนิสจัดงานเลี้ยงขึ้น เขากับภาคินพร้อมลูกน้องอีกสี่คน เดินเข้าไปในงานด้วยกัน และเมื่อเจ้าของงานเหลือบมาเห็นคาร์เรย์ก็ตรงดิ่งเข้ามาหาทันที
"อ้าวววว มาถึงแล้วหรอนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว....." เกนนิสนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาจากการค้าของเถื่อนแต่ทำธุระกิจขนส่งสินค้าบังหน้า...มันทั้งร้ายและเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเทียบมันเป็นที่รู้จักของคนหลายกลุ่มทั้งพวกมีสีคนใหญ่คนโต และพวกมีอำนาจ...และยังเป็นอริกับคาร์เรย์อีกด้วย เนื่องจากคาร์เรย์ไม่ยอมให้มันขนสินค้าผิดกฏหมายผ่านเข้ามาให้เขตของเขา จึงทำให้มันไม่พอใจมากเพราะสินค้าล็อตนั้นถูกตำตวรจับยึดได้ทั้งหมด มูลค่าความเสียหายมากกว่าร้อยล้าน...มันจึงตั้งตัวเองศัตรูกับคาร์เรย์ตั้งแต่นั้นมา
"ก็ต้องมาสิ แกอุตสาส่งบัตรเชิญไปให้ แสดงว่าต้องอยากให้ฉันมา" คาร์เรย์ตอบเสียงเรียบ
"ฮ่าๆๆๆ ดีๆงั้นก็เชิญข้างในเลยแล้วกันเต็มทีนะ วันนี้ฉันอารมณ์ดี เพราะวันนี้เป็นวันเกิดฉันเอง"
"อ๋อ วันเกิดหรอ ขอโทษทีนะฉันไม่รู้เลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่แกมา ฉันก็ดีใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ เชิญๆๆ" เกนนิสหัวเราะร่าผายมือให้คาร์เรย์เข้าไปในงาน...คาร์เรย์พร้อมลูกน้องจึงไปนั่งที่โต๊ะที่เกนนิสจัดเตรียมเอาไว้ให้
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงสำคัญนั่นก็คือการตัดเค้กฉลองงานวันเกิด เค้กที่มีขนาดกว่า100ปอนด์ เป็นเค้กที่ใหญ่มากอลังการยิ่งกว่างานแต่งงานซะอีก
"เอาละครับ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงของการร้องเพลงฉลองงานวันเกิดของคุณเกนนิสกันแล้ว เราจะปิดไฟที่นี่ให้มืดสนิท และจะจุดเทียนตามอายุของคุณเกนนิสกันนะครับ แต่ทว่ากรุณาอย่าถามนะครับว่าเทียนนั้นมีกี่เล่ม เพราะเจ้างานแอบกระซิบมาว่าขอให้เก็บเป็นความลับ ฮ่าาาาๆๆๆ" พิธีกรกำลังพูดอยู่บนเวที ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนในงานนับร้อยๆชีวิต
"เอาละครับ เรากำลังเตรียมทุกอย่างใกล้จะเสร็จแล้ว ในอีกสิบนาทีเราจะดับไฟที่นี่ให้มืดสนิทกันแล้วนะครับ....ทุกคนพร้อมกันรึยางงงงงงงง....." พิธีกรพยายามพูดปลุกเร้าให้เเขกในงานสนุกสนาน
"พร้อมแล้วววววว...." แขกในงานก็ตอบรับด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน...
"ถ้าอย่างนั้นขอให้ทุกคนยืนขึ้นด้วยครับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีให้กับเจ้าของงานวันนี้"
ทุกคนในงานยืนขึ้น....
และในจังหวะนั่นเองที่คาร์เรย์เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ดูเหมือนว่าเขาจะจ้องมาที่คาร์เรย์สักพักแล้ว...สายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมาค่อนข้างที่จะไม่เป็นมิตรเอาซะเลย.....คาร์เรย์ฉุดคิดเรื่องที่ถูกเตือนขึ้นมาทันที...รึว่าจะเป็นเรื่องจริง!!!!!!
คาร์เรย์เพ่งมองชายคนนั้นตาเขม็ง....เขาคนนั้นสวมชุดสูทสีดำทั้งตัวมีรูปร่างสูงผิวสีเข้มมีรอยแผลเป็นที่หางตาอีกด้วย และที่น่าแปลกใจที่สุดคือ เขา ใส่ถุงมือสีดำ...และเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นพยายามที่จะแทรกฝนชนเข้ามาใกล้คาร์เรย์อีกต่างหาก
"นี่มันอะไรกันเนี่ย........." คาร์เรย์พูดกับตัวเองเบาๆด้วยความแปลกใจ
และแล้วอยู่ๆไฟในห้องจัดงานก็ถูกปิดลงจนมือสนิท เห็นเพียงเงาลางๆของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากเท่านั้น....คาร์เรย์กำไม้เท้าของเขาแน่และระวังตัวมาก...
ในระหว่างนั้นเทียนก็ถูกจุดขึ้น และพิธีกรก็บอกให้เริ่มร้องเพลงอวยพรวันเกิดของไอ้เกินนิสพร้อมกัน
ในจังหวะนั้นเองที่คาร์เรย์ถูกจู่โจม ผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้าหาเขาโดยที่ลูกน้องของคาร์เรย์ไม่ทันได้ตั้งตัว...แต่ด้วยความที่คาร์เรย์รู้ตัวก่อนเขาจึงเลี่ยงการถูกทำร้ายได้ทันท้วงที....คาร์เรย์มองเห็นความเงาของใบมีดที่พุ่งเข้ามาหา...เขาปัดมือมีดออกได้ทันก่อนที่คมของมีดเล่มนั้นจะปักเข้ามาที่ตัวของเขา..จากนั้นคาร์เรย์ก็ชักดาบของเขาออกมาแล้วแทงสวนไปที่ผู้ชายคนนั้น ปลายดาบปักโดนที่ไหล่ของเขาเลือดไหลอาบมีด....มันเผลอร้องเสียงดัง อ๊าก ก่อนที่จะรีบถอยหนีออกไปท่ามกลางฝูงชน ภาคินที่พึ่งรู้ตัวกำลังจะวิ่งตามมันไปแต่ถูกคาร์เรย์ห้ามเอาไว้ก่อน....
"ไม่ต้อง"
"ทำไมละครับเจ้านาย!!!"
"ปล่อยมันไปก่อน ฉันไม่เป็นไร"
"แต่ว่า!!!!!"
"เอาน่า นิ่งๆไว้ก่อน...."
"เฮ้อ ครับ" ภาคินและลูกน้องทำตามที่คาร์เรย์บอก...จนการร้องเพลงจบลง ไฟในงานถูกเปิดให้สว่างอีกครั้ง....ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกที่มาร่วมงาน...ทุกคนนั่งลงและทานอาหารพูดคุยกันต่อ...
ส่วนคาร์เรย์เดินตรงไปหาเกนนิสทันที พร้อมดาบเปื้อนเลือด และยังมีเม็ดเลือดที่กระเด็นมาโดนหน้าของเขาสามสี่หยุดเกนนิสเห็นเช่นนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที...
"ฉันประทับใจในการต้อนรับของแกนะเกินนิส" คาร์เรย์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"......................" ไอ้เกินนิสนิ่งและไม่ตอบอะไร
"แต่เผอิญว่า...ฉันเผลอทำมีดหล่นไปโดนอะไรบางอย่างเข้า แต่มันมืดมากฉันมองไม่ถนัดว่าเป็นคนรึอะไร...แกรู้มั๊ยว่าเป็นตัวอะไร...." คาร์เรย์ใช้ผ้าค่อยๆเช็ดเลือดที่ดาบของเขาแล้วจ้องไอ้เกนนิสตาเขม็ง
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง " เกนนิสพยายามปั้นสีหน้าให้นิ่ง
"หึ หรอ แต่ฉันพอจะรู้นะ............ก็ตัวที่ชอบลอบกัดยังไงละ"
"........................" เกนนิสกัดฟังดังกรอด
"ถ้าแกบังเอิญเจอมันฝากบอกมันด้วย ว่าครั้งนี้ฉันจะปล่อยมันไปก่อน แต่ถ้าฉันเจอมันอีกละก็.....ฉันจะจับมันตัดแขนตัดขาแล้วเอาดินกลบหน้ามันให้มิด..." คาร์เรย์เค้นเสียงออกมาด้วยความดุดัน
"........................." ไอ้เกนนิสได้แต่ข่มอารมณ์ กำมือแน่น
"งานเลี้ยงสนุกมากแต่ฉันมีที่ที่ต้องไปต่อขอตัวเลยแล้วกันนะ หวังว่าจะไม่เป็นการเสียมารยาทที่อยู่ไม่ถึงงานเลี้ยงเลิก..."
"ไม่เป็นไร เชิญแกตามสบาย....."
"ขอบใจ....อ๋อ....แล้วคราวหน้าฉันขอเป็นฝ่ายเชิญแกบ้างนะ รับรองว่าจะต้อนรับแกอย่างดี " คาร์เรย์พูดด้วยสีหน้าดุดันก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย เหมือนเป็นการประกาศให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่กลัวมันเลยแม้แต่น้อย...
คาร์เรย์ออกมาจากงานก็ตรงดิ่งจะกลับบ้านทันที...แต่ในระหว่างที่เขานั่งอยู่ในรถและกำลังจอดติดไฟแดงอยู่..สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเข้า...เขาจำเธอได้ทันที...คาร์เรย์ไม่รอช้าเขารีบลงจากรถจนทำเอาภาคินตกใจรีบวิ่งตามลงไป....
มีร่ากำลังยืนอยู่ที่หน้าร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังร้านหนึ่ง...หน้าร้านเป็นกระจกใส มีกระเป๋าสวยๆหลายใบตั้งโชว์อยู่ พร้อมกับป้ายราคา...
"เหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย กระเป๋าใบเท้าฝามือแต่ราคาหลักแสนเหอะ...อันนั้น130,000บาท ใบนั้นโฮ้!!! 250,000!!!! ห๊าาาาาาา!!!! ส่วนใบนั้น500,000 บาท กระเป๋าบ้าบออะไรจะแพงขนาดนี้เนี่ย เท่ากับหนี้ของฉันเลย ฉันว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะซื้อของอะไรพวกนี้...."
มีร่าพึมพำกับตัวเองแต่อยู่ๆกระเป๋าใบละ 500,000 ก็ถูกหยิบไปแล้วถูกยื่นให้ผู้หญิงที่แต่งตัวดี สวย และดูสง่ามากคนหนึ่งดู และจากท่าทางดูเหมือนว่าเธอต้องการจะซื้อมัน ทำเอามีร่าอ้างปากเหวอไปเลย
"ยัยนั้นต้องบ้าแน่ๆ ใช่เธอต้องบ้าแน่ๆ"
"แต่ฉันว่าคนที่บ้าน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ...."
เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลังมีร่ารีบหันขวับไปมองยังต้นเสียงทันที
"นะ นาย O_O" มีร่าดูตกใจมาก
"จำฉันได้ด้วยหรอ....."
"อืม ละ แล้ว นั่นเลือดนายหรอ ถูกแทงจริงๆหรอ O_o!!!!"
"ไม่ ฉันแทงมันก่อนตามที่เธอบอก"
"นี่นายเชื่อที่ฉันพูดหรอ!!!!"
"ไม่...."
"อ้าว"
"เพราะฉันมีเรื่องที่ต้องรู้อีก ตามมานี่" คาร์เรย์คว้าข้อมือของมีร่าแล้วลากให้เธอเดินตามไป
"เฮ้ยยยยย นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ปล่อยฉันนะ!!!!"
".........................."
"นี่!!! นายทำแบบนี้มันเข้าข่ายลักพาตัวแล้วนะ ฉันจะแจ้งตำตวรจริงๆนะ ฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย ปล่อยฉันนะ!!!!"
"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ตอบคำถามที่ฉันอยากรู้ก็พอ"
"ก็ถามมาสิจะลากฉันไปไหน!!!"
"ขึ้นรถ"
"ไม่!!"
"ฉันบอกให้ขึ้นรถ"
"ม่ายยยยยย!!!!!"
"ได้....." คาร์เรย์เปิดประตูรถแล้วรีบยัดตัวของมีร่าเข้าไปทันที มีร่าสู้แรงเขาไม่ได้เลยแม้จะพยายามสู้จนสุดกำลัง
"ม่ายนะ ไม่เอา ไม่ไป ปล่อยฉันนะ!!!!"
มีราพยายามจะดิ้นไปเปิดประตูอีกฝั่งแต่ทว่ากลับถูกภาคินขว้างเอาใว้....ภาคินเข้ามานั่งในรถดักทางหนีเธอเอาไว้มีร่าจะหันกลับมาที่ทางเดิมก็ถูกคาร์เรย์ดักเอาไว้เหมือนกัน เขาเข้ามานั่งในรถแล้วปิดประตูทันที...
"ออกรถ" คาร์เรย์สั่งคนขับรถ
"ครับ"
"อ๊ายยยยยย ปล่อยฉันนะ พวกนายเป็นแก๊งค้ามนุษย์หรอ จะเอาฉันไปไหน จะพาไปไหนห๊ะ"
รถแล่นออกไปแล้ว มีร่าถูกพาตัวไปจนได้ คาร์เรย์พาเธอมาที่แห่งหนึ่งที่เงียบสงบและห่างไกลจากผู้คนมาก มีร่าจะเจออะไรกันแน่หน้ออออออ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 2
"ฉันเตือนเธอแล้ว! ฉันเตือนเธอแล้ว! มันไม่ใช่ความผิดฉัน! ไม่ใช! ฉันเตือนเธอแล้ว ฉันเตือนเธอแล้ว เธอไม่เชื่อฉันเอง.%$&^@*&%$@#$%^*&^%$##$%% " มีร่าเอามือปิดหูของเธอเอาไว้แล้วพ่นคำพูดของเธอออกมาแบบรัวๆจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง...
มีร่าเห็นข่าวการตายของผู้หญิงคนนั้นแล้ว มันช่างน่ากลัวเสียจริง ก่อนตายเธอคงจะเจ็บปวดและทรมานมาก...แต่ทว่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับนั้น มีร่าเห็นมันทุกอย่าง เธอถึงได้หวั่นกลัวและเสียใจที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในใจของเธอพรำบอกว่าเป็นความผิดของเธอ...แต่อีกใจเธอก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่..ไม่ใช่ความผิดของเธอ...เธอเตือนผู้หญิงคนนั้นแล้วแต่เธอคนนั้นไม่เชื่อมีร่าเอง เธอหาว่ามีร่าเสียสติซะด้วยซ้ำ...
"ฉันไม่ผิดนะ ฉันเตือนเธอแล้ว....." น้ำเสียงของเธอสั่นเครือมาก เธอขังตัวเองเอาไว้ในห้องเพราะไม่อยากรับรู้ข่าวที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้
ในห้องของเธอมืดสนิทหน้าต่างทุกบานถูกปิดแน่นผ้าม่านสีเทาเข้มช่วยปดปังแสงแดดได้เป็นอย่างดี มีร่านั่งขดตัวอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ...เธอกลัวมากจริงๆร่างกายของเธอสั่นเทาเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบโชกทั่วตัว...ความรู้สึกตอนนี้มันแย่มาก
ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด ตื้ดดดดดด
อยู่ๆเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวผวาตกใจเล็กน้อย....ก่อนที่เธอจะพยายามตั้งสติแล้วชะโงกขึ้นไปมองมือถือที่วางอยู่บนเตียง....มีร่าค่อยๆเอื้อมไปหยิบมือถือมาดูว่าเป็นเบอร์ของใคร เมื่อหญิงสาวเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเธอก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก....เธอรีบกดรับทันที...
"ฮัลโหล....."
"(ฮัลโหล มีร่าเป็นไงบ้าง)" ปลายสายเอ่ยทักทายทันทีที่เธอกดรับ น้ำเสียงของเธอคนนั้นสดใสมาก
"มิริน ขอบคุณจริงๆที่แกโทรมาาาาาาา...ฮืออออๆๆๆๆๆ" มีร่าปล่อยโฮออกมาทันที...
"(เฮ้ยยยย แกเป็นอะไรรึเปล่า ร้องไห้ทำไม)"
"มิริน ฉันเห็นอีกแล้ว เธอคนนั้น อึกๆ เธอคนนั้นน่ะ ฮือๆๆ อึกๆ เธอตายจริงๆ อึกๆ ฉันเตือนเธอแล้วแต่เธอ อึก ฮืออๆๆ แต่เธอไม่เชื่อฉัน ฮืออออออๆๆๆ เธอหาว่าฉันบ้า แต่ฉันเตือนเธอแล้ว ฮืออๆๆๆ อึก เธอไม่ยอมเชื่อฉันนนนนนนน ฮือออออออออออออ...." มีร่ายิงคำพูดออกมาแทบจะไม่หยุดหายใจ...
"(เดี๋ยวนะเดี๋ยวนะ ฉันฟังไม่ทัน แกใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆก่อน หายใจเข้าลึกกกกๆ แล้วค่อยๆพูด ฉันอยู่คุยกับแกได้ทั้งวัน ใจเย็นๆก่อนนะ)" มิรินพยายามดึงสติเพื่อนสาวของเธอ เพราะฟังจากน้ำเสัยงของมีร่าแล้วเธอดูลนลานแต่ตื่นกลัวมาก
"อึกๆ อึก อึกๆๆๆ อึกๆ อึก เฮ้อออออ เฮ้อออออ เฮ้อออออ" มีร่าพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆตามที่มิรินบอก
"(เอาละ ถ้าแกตั้งสติได้แล้ว ทีนี่ค่อยๆเล่าให้ฉันนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น)"
"คะ คือ อึก คือว่าเมื่อวานฉันเผลอไปโดนมือผู้หญิงคนหนึ่งเข้า และฉันก็เห็น อึกๆ"
"(เห็นอะไร)"
"ฉันเห็นเธอถูกฆ่าตาย แต่ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว ฉันบอกเธอแล้วแต่เธอหาว่าฉันบ้า เธอไม่ยอมเชื่อฉัน ฮือออๆๆๆๆๆ"
"(อืม แล้วยังไงต่อ)"
"วะ วันนี้ ธะ เธอคนนั้น ตะ ตาย แล้ว...อึกๆ ฮือออๆๆ แต่ฉันเตือนเธอแล้วนะ เธอไม่ยอมฟังฉันเลย ฉันจะทำยังไงดีมิริน ฮือออๆๆๆ อึกๆๆ ฮือออๆๆๆ"
"(มีร่าาาา แกใจเย็นๆก่อนนะ ไม่เอาสิอย่าร้องไห้ มันไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย)"
"แต่ฉันเห็น ฉันรู้ทั้งรู้แต่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้ ฮืออออๆๆๆ"
"(มีร่าแกฟังนะ แกไม่ผิดเลย แกเตือนเธอแล้วแต่เธอไม่เชื่อแกเอง เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ความผิดของแกเลย...)"
"แกคิดแบบนั้นจริงๆหรอ..."
"(ใช่ ก็มันจริงนี้....มีร่า การที่แกมองเห็นเรื่องอะไรพวกนี้มันไม่ใช่ความผิดของเเกเลยนะ แล้วอีกอย่างชะตาคนเราถ้าถึงคราวตายอะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอก ถึงแกไม่เห็นภาพพวกนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าแกยังเอาแต่คิดแบบนี้แกจะอยู่ต่อไปได้ยังไงห๊ะ ถ้าทุกครั้งที่แกเห็นแล้วแกก็คอยโทษตัวเองแบบนี้ฉันว่าอีกไม่นานแกจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ)"
"อึกๆ ใช่ ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะเป็นบ้า อึก ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว"
"(แกต้องรู้สึกปล่อยวางซะบ้างนะ)"
"ฉันทำไม่ได้นี่"
"(อย่าคิดมากสิ ถ้าแกเป็นแบบนี้ฉันเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน)"
"ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แตว่า......."
"(อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจมากนักสิ แค่เรื่องของแกก็แย่พออยู่แล้ว หัดเห็นแก่ตัวซะบ้าง...ไหนจะน้าของแกอีกหัดปฏิเสธให้เป็นซะบ้างสิ...แกก็เป็นซะแบบนี้)"
"ก็ฉันทำไม่ได้"
"(ถ้าแกไม่ขี้ใจอ่อนและรู้จักเห็นแกตัวมากกว่านี้ ฉันว่าชีวิตแกป่านนี้อะไรอะไรคงง่ายขึ้นเยอะเลย เที่ยวเห็นอกเห็นใจสงสารคนอื่นเขาไปทั่ว...ฉันละเชื่อแกเลย)"
"ง่ายขึ้นหรอ...สำหรับฉันไม่เคยมีอะไรง่ายหรอกนะ....แค่หายใจยังยาก" น้ำเสียงของมีร่าเศร้าลงทันทีเมื่อมิรินพูดจบ
"(เฮ้ยแก ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดให้แกเศร้านะ)"
"ฉันรู้ ขอบใจมากนะที่แกโทรมา มันช่วยฉันได้มากเลย...อยู่ที่โน้นเป็นยังไงบ้าง"
"(ก็เรื่อยๆ ฉันย้ายมาอยู่อังกฤษจะสามปีแล้วนะ ตอนนี้ก็เฉยๆแล้ว...ตอนนี้เดือนมิถุนา ที่นี่เป็นหน้าร้อนส่วนที่บ้านเราคงจะช่วงหน้าฝนสินะ)"
"อืม ช่วงนี้บ้านเราเป็นช่วงหน้าฝน"
"(แกไม่ชอหน้าฝนนิ โอเครึเปล่า)"
"อืม ก็พยายามที่จะโอเคอยู่นั้นแหละ ฉันโตเกินกว่าจะกลัวอะไรแบบนี้แล้ว"
"(อืมมมม ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย ย้ายออกมาอยู่คนเดียวสบายใจขึ้นมั๊ย น้าสาวของแกยังมากวนอยู่รึเปล่า)"
"น้าก็มีมาหาบ้าง แต่ก็สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะเพราะไม่ต้องเจอกับพวกขี้เหล้าขี้ยาที่เทียวมาหาน้า...ก็โอเคดี"
"(เออ แกโอเคฉันก็ดีใจ ฉันเองก็คิดถึงแกมาก ไว้จะขอพ่อแม่กลับไปเยี่ยมนะ)"
"อืม ฉันก็คิดถึงแกมากเหมือนกัน แกก็รู้ว่าฉันมีแกแค่คนเดียว "
"(โอ๊ยยยยย เลี่ยนอ่าาาาา อย่างกะแฟนบอกคิดถึงกัน ฮึ๋ย ขนลุก ฮ่าๆๆๆๆๆ)"
"ก็มันจริงนี่"
"(เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว คิดถึงนะไว้เจอกัน)"
"จ๊ะ ไว้เจอกัน"
"บาย"
"อืม"
จากนั้นมิรินก็วางสายไป มิรินเป็นเพื่อนคนเดียวที่มีร่ามี เธอเป็นลูกสาวของคนที่คอยอุปการะบ้านเด็กกำพร้าที่มีร่าเคยอยู่..ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก และถูกชะตากันมากก็เลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา..มิรินนิสัยดีมากเธอไม่เคยถือตัวเลยแม้ว่าเธอจะรวยมากแค่ไหน...เธอเป็นฝ่ายเข้ามาคุยและขอเป็นเพื่อนกับมีร่า.....มิรินรักมีร่ามากส่วนมีร่าเองก็รักมิรินมากเหมือนกัน
"ขอบใจนะมิรินที่ยังไม่ลืมฉัน..." มีร่าพึมพำแล้วยิ้มใส่มือถือของเธอ
คฤหาสน์ของคาร์เรย์
"เจ้านายครับพร้อมแล้วครับ" ภาคินเดินเข้ามาหาคาร์เรย์ที่แต่งตัวพึ่งเสร็จ เขากำลังจะไปงานเลี้ยงที่ถูกเชิญเมื่อวาน
"อืม เสร็จแล้วก็ไปกันเลย"
"ครับ"
จากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นรถไปด้วยกันโดยมีคนขับรถให้ และยังมีรถติดตามอีกสี่คัน ขับนำหน้าสองคันและคอยขับตามหลังอีกสองคัน....
ในรถ
"เจ้านายครับ เจ้านายต้องระวังตัวให้มากนะครับ" ภาคินยังอดเป็นห่วงเจ้านายหนุ่มของเขาไม่ได้...
"นายยังคิดว่าเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดจะเป็นจริงอยู่อีกหรอ"
"ผมก็แค่เป็นห่วง"
"ไม่ต้องห่วงฉันจะระวังตัว" คาร์เรย์ยิ้มเบาๆให้กับภาคิน
งานเลี้ยง
เวลา 19:30 นาที
คาร์เรย์นั่งรถมาประมาณ30นาทีก็มาถึงโรงแรมที่ไอ้เกนนิสจัดงานเลี้ยงขึ้น เขากับภาคินพร้อมลูกน้องอีกสี่คน เดินเข้าไปในงานด้วยกัน และเมื่อเจ้าของงานเหลือบมาเห็นคาร์เรย์ก็ตรงดิ่งเข้ามาหาทันที
"อ้าวววว มาถึงแล้วหรอนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว....." เกนนิสนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาจากการค้าของเถื่อนแต่ทำธุระกิจขนส่งสินค้าบังหน้า...มันทั้งร้ายและเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเทียบมันเป็นที่รู้จักของคนหลายกลุ่มทั้งพวกมีสีคนใหญ่คนโต และพวกมีอำนาจ...และยังเป็นอริกับคาร์เรย์อีกด้วย เนื่องจากคาร์เรย์ไม่ยอมให้มันขนสินค้าผิดกฏหมายผ่านเข้ามาให้เขตของเขา จึงทำให้มันไม่พอใจมากเพราะสินค้าล็อตนั้นถูกตำตวรจับยึดได้ทั้งหมด มูลค่าความเสียหายมากกว่าร้อยล้าน...มันจึงตั้งตัวเองศัตรูกับคาร์เรย์ตั้งแต่นั้นมา
"ก็ต้องมาสิ แกอุตสาส่งบัตรเชิญไปให้ แสดงว่าต้องอยากให้ฉันมา" คาร์เรย์ตอบเสียงเรียบ
"ฮ่าๆๆๆ ดีๆงั้นก็เชิญข้างในเลยแล้วกันเต็มทีนะ วันนี้ฉันอารมณ์ดี เพราะวันนี้เป็นวันเกิดฉันเอง"
"อ๋อ วันเกิดหรอ ขอโทษทีนะฉันไม่รู้เลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่แกมา ฉันก็ดีใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ เชิญๆๆ" เกนนิสหัวเราะร่าผายมือให้คาร์เรย์เข้าไปในงาน...คาร์เรย์พร้อมลูกน้องจึงไปนั่งที่โต๊ะที่เกนนิสจัดเตรียมเอาไว้ให้
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงสำคัญนั่นก็คือการตัดเค้กฉลองงานวันเกิด เค้กที่มีขนาดกว่า100ปอนด์ เป็นเค้กที่ใหญ่มากอลังการยิ่งกว่างานแต่งงานซะอีก
"เอาละครับ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงของการร้องเพลงฉลองงานวันเกิดของคุณเกนนิสกันแล้ว เราจะปิดไฟที่นี่ให้มืดสนิท และจะจุดเทียนตามอายุของคุณเกนนิสกันนะครับ แต่ทว่ากรุณาอย่าถามนะครับว่าเทียนนั้นมีกี่เล่ม เพราะเจ้างานแอบกระซิบมาว่าขอให้เก็บเป็นความลับ ฮ่าาาาๆๆๆ" พิธีกรกำลังพูดอยู่บนเวที ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนในงานนับร้อยๆชีวิต
"เอาละครับ เรากำลังเตรียมทุกอย่างใกล้จะเสร็จแล้ว ในอีกสิบนาทีเราจะดับไฟที่นี่ให้มืดสนิทกันแล้วนะครับ....ทุกคนพร้อมกันรึยางงงงงงงง....." พิธีกรพยายามพูดปลุกเร้าให้เเขกในงานสนุกสนาน
"พร้อมแล้วววววว...." แขกในงานก็ตอบรับด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน...
"ถ้าอย่างนั้นขอให้ทุกคนยืนขึ้นด้วยครับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีให้กับเจ้าของงานวันนี้"
ทุกคนในงานยืนขึ้น....
และในจังหวะนั่นเองที่คาร์เรย์เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ดูเหมือนว่าเขาจะจ้องมาที่คาร์เรย์สักพักแล้ว...สายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมาค่อนข้างที่จะไม่เป็นมิตรเอาซะเลย.....คาร์เรย์ฉุดคิดเรื่องที่ถูกเตือนขึ้นมาทันที...รึว่าจะเป็นเรื่องจริง!!!!!!
คาร์เรย์เพ่งมองชายคนนั้นตาเขม็ง....เขาคนนั้นสวมชุดสูทสีดำทั้งตัวมีรูปร่างสูงผิวสีเข้มมีรอยแผลเป็นที่หางตาอีกด้วย และที่น่าแปลกใจที่สุดคือ เขา ใส่ถุงมือสีดำ...และเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นพยายามที่จะแทรกฝนชนเข้ามาใกล้คาร์เรย์อีกต่างหาก
"นี่มันอะไรกันเนี่ย........." คาร์เรย์พูดกับตัวเองเบาๆด้วยความแปลกใจ
และแล้วอยู่ๆไฟในห้องจัดงานก็ถูกปิดลงจนมือสนิท เห็นเพียงเงาลางๆของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากเท่านั้น....คาร์เรย์กำไม้เท้าของเขาแน่และระวังตัวมาก...
ในระหว่างนั้นเทียนก็ถูกจุดขึ้น และพิธีกรก็บอกให้เริ่มร้องเพลงอวยพรวันเกิดของไอ้เกินนิสพร้อมกัน
ในจังหวะนั้นเองที่คาร์เรย์ถูกจู่โจม ผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้าหาเขาโดยที่ลูกน้องของคาร์เรย์ไม่ทันได้ตั้งตัว...แต่ด้วยความที่คาร์เรย์รู้ตัวก่อนเขาจึงเลี่ยงการถูกทำร้ายได้ทันท้วงที....คาร์เรย์มองเห็นความเงาของใบมีดที่พุ่งเข้ามาหา...เขาปัดมือมีดออกได้ทันก่อนที่คมของมีดเล่มนั้นจะปักเข้ามาที่ตัวของเขา..จากนั้นคาร์เรย์ก็ชักดาบของเขาออกมาแล้วแทงสวนไปที่ผู้ชายคนนั้น ปลายดาบปักโดนที่ไหล่ของเขาเลือดไหลอาบมีด....มันเผลอร้องเสียงดัง อ๊าก ก่อนที่จะรีบถอยหนีออกไปท่ามกลางฝูงชน ภาคินที่พึ่งรู้ตัวกำลังจะวิ่งตามมันไปแต่ถูกคาร์เรย์ห้ามเอาไว้ก่อน....
"ไม่ต้อง"
"ทำไมละครับเจ้านาย!!!"
"ปล่อยมันไปก่อน ฉันไม่เป็นไร"
"แต่ว่า!!!!!"
"เอาน่า นิ่งๆไว้ก่อน...."
"เฮ้อ ครับ" ภาคินและลูกน้องทำตามที่คาร์เรย์บอก...จนการร้องเพลงจบลง ไฟในงานถูกเปิดให้สว่างอีกครั้ง....ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกที่มาร่วมงาน...ทุกคนนั่งลงและทานอาหารพูดคุยกันต่อ...
ส่วนคาร์เรย์เดินตรงไปหาเกนนิสทันที พร้อมดาบเปื้อนเลือด และยังมีเม็ดเลือดที่กระเด็นมาโดนหน้าของเขาสามสี่หยุดเกนนิสเห็นเช่นนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที...
"ฉันประทับใจในการต้อนรับของแกนะเกินนิส" คาร์เรย์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"......................" ไอ้เกินนิสนิ่งและไม่ตอบอะไร
"แต่เผอิญว่า...ฉันเผลอทำมีดหล่นไปโดนอะไรบางอย่างเข้า แต่มันมืดมากฉันมองไม่ถนัดว่าเป็นคนรึอะไร...แกรู้มั๊ยว่าเป็นตัวอะไร...." คาร์เรย์ใช้ผ้าค่อยๆเช็ดเลือดที่ดาบของเขาแล้วจ้องไอ้เกนนิสตาเขม็ง
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง " เกนนิสพยายามปั้นสีหน้าให้นิ่ง
"หึ หรอ แต่ฉันพอจะรู้นะ............ก็ตัวที่ชอบลอบกัดยังไงละ"
"........................" เกนนิสกัดฟังดังกรอด
"ถ้าแกบังเอิญเจอมันฝากบอกมันด้วย ว่าครั้งนี้ฉันจะปล่อยมันไปก่อน แต่ถ้าฉันเจอมันอีกละก็.....ฉันจะจับมันตัดแขนตัดขาแล้วเอาดินกลบหน้ามันให้มิด..." คาร์เรย์เค้นเสียงออกมาด้วยความดุดัน
"........................." ไอ้เกนนิสได้แต่ข่มอารมณ์ กำมือแน่น
"งานเลี้ยงสนุกมากแต่ฉันมีที่ที่ต้องไปต่อขอตัวเลยแล้วกันนะ หวังว่าจะไม่เป็นการเสียมารยาทที่อยู่ไม่ถึงงานเลี้ยงเลิก..."
"ไม่เป็นไร เชิญแกตามสบาย....."
"ขอบใจ....อ๋อ....แล้วคราวหน้าฉันขอเป็นฝ่ายเชิญแกบ้างนะ รับรองว่าจะต้อนรับแกอย่างดี " คาร์เรย์พูดด้วยสีหน้าดุดันก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย เหมือนเป็นการประกาศให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่กลัวมันเลยแม้แต่น้อย...
คาร์เรย์ออกมาจากงานก็ตรงดิ่งจะกลับบ้านทันที...แต่ในระหว่างที่เขานั่งอยู่ในรถและกำลังจอดติดไฟแดงอยู่..สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเข้า...เขาจำเธอได้ทันที...คาร์เรย์ไม่รอช้าเขารีบลงจากรถจนทำเอาภาคินตกใจรีบวิ่งตามลงไป....
มีร่ากำลังยืนอยู่ที่หน้าร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังร้านหนึ่ง...หน้าร้านเป็นกระจกใส มีกระเป๋าสวยๆหลายใบตั้งโชว์อยู่ พร้อมกับป้ายราคา...
"เหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย กระเป๋าใบเท้าฝามือแต่ราคาหลักแสนเหอะ...อันนั้น130,000บาท ใบนั้นโฮ้!!! 250,000!!!! ห๊าาาาาาา!!!! ส่วนใบนั้น500,000 บาท กระเป๋าบ้าบออะไรจะแพงขนาดนี้เนี่ย เท่ากับหนี้ของฉันเลย ฉันว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะซื้อของอะไรพวกนี้...."
มีร่าพึมพำกับตัวเองแต่อยู่ๆกระเป๋าใบละ 500,000 ก็ถูกหยิบไปแล้วถูกยื่นให้ผู้หญิงที่แต่งตัวดี สวย และดูสง่ามากคนหนึ่งดู และจากท่าทางดูเหมือนว่าเธอต้องการจะซื้อมัน ทำเอามีร่าอ้างปากเหวอไปเลย
"ยัยนั้นต้องบ้าแน่ๆ ใช่เธอต้องบ้าแน่ๆ"
"แต่ฉันว่าคนที่บ้าน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ...."
เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลังมีร่ารีบหันขวับไปมองยังต้นเสียงทันที
"นะ นาย O_O" มีร่าดูตกใจมาก
"จำฉันได้ด้วยหรอ....."
"อืม ละ แล้ว นั่นเลือดนายหรอ ถูกแทงจริงๆหรอ O_o!!!!"
"ไม่ ฉันแทงมันก่อนตามที่เธอบอก"
"นี่นายเชื่อที่ฉันพูดหรอ!!!!"
"ไม่...."
"อ้าว"
"เพราะฉันมีเรื่องที่ต้องรู้อีก ตามมานี่" คาร์เรย์คว้าข้อมือของมีร่าแล้วลากให้เธอเดินตามไป
"เฮ้ยยยยย นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ปล่อยฉันนะ!!!!"
".........................."
"นี่!!! นายทำแบบนี้มันเข้าข่ายลักพาตัวแล้วนะ ฉันจะแจ้งตำตวรจริงๆนะ ฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย ปล่อยฉันนะ!!!!"
"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ตอบคำถามที่ฉันอยากรู้ก็พอ"
"ก็ถามมาสิจะลากฉันไปไหน!!!"
"ขึ้นรถ"
"ไม่!!"
"ฉันบอกให้ขึ้นรถ"
"ม่ายยยยยย!!!!!"
"ได้....." คาร์เรย์เปิดประตูรถแล้วรีบยัดตัวของมีร่าเข้าไปทันที มีร่าสู้แรงเขาไม่ได้เลยแม้จะพยายามสู้จนสุดกำลัง
"ม่ายนะ ไม่เอา ไม่ไป ปล่อยฉันนะ!!!!"
มีราพยายามจะดิ้นไปเปิดประตูอีกฝั่งแต่ทว่ากลับถูกภาคินขว้างเอาใว้....ภาคินเข้ามานั่งในรถดักทางหนีเธอเอาไว้มีร่าจะหันกลับมาที่ทางเดิมก็ถูกคาร์เรย์ดักเอาไว้เหมือนกัน เขาเข้ามานั่งในรถแล้วปิดประตูทันที...
"ออกรถ" คาร์เรย์สั่งคนขับรถ
"ครับ"
"อ๊ายยยยยย ปล่อยฉันนะ พวกนายเป็นแก๊งค้ามนุษย์หรอ จะเอาฉันไปไหน จะพาไปไหนห๊ะ"
รถแล่นออกไปแล้ว มีร่าถูกพาตัวไปจนได้ คาร์เรย์พาเธอมาที่แห่งหนึ่งที่เงียบสงบและห่างไกลจากผู้คนมาก มีร่าจะเจออะไรกันแน่หน้ออออออ
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ