ถ้าอีก10วันโลกจะหายไป ผมจะทำยังไงงั้นเหรอ?
-
เขียนโดย Hachitobu
วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.43 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,549 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 15.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แฮกเกอร์อัจฉริยะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในโลกปี 2035
สิ่งของส่วนใหญ่ยกเว้น สิ่งมีชีวิต,อาหาร,ยา,สิ่งก่อสร้างและบางอย่างที่สำคัญจริงๆ ล้วนไม่มีอยู่จริง
เป็นเพียงภาพจำลองที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรม เพราะแค่สร้างกระดาษแผ่นเดียวก็ยังต้องใช้เงินมหาศาล
มนุษย์จึงสร้าง ‘ของปลอม’ ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ต่างจาก ‘ของจริง’ ขึ้นมา
ปืนและกระสุนที่สร้างมาจากโปรแกรมสามารถฆ่าคนได้จริง
และพวกที่สามารถเข้าถึงโปรแกรมพวกนั้นนอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก็คือ ‘แฮกเกอร์’
หรือที่ยุคนี้ทุกคนจะเรียกพวกนั้นว่าเป็น ‘อาชญากร’
เขาเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของโปรแกรมนั้นได้
เปลี่ยนกระดาษธรรมดาๆให้กลายเป็นปืนได้ แน่นอนว่าสามารถทำอันตรายอันใหญ่หลวงได้ง่ายๆ
หากถูกจับได้ก็จะมีโทษเพียงหนึ่งเดียว คือ ตาย
และสำหรับคนที่ถูกเรียกว่า ‘แฮกเกอร์อัจฉริยะ’ อย่างผมแล้วสามารถฆ่าคนทั้งประเทศได้สบายๆเลยล่ะ
โตเกียว 19/01/2035 8.47 น.
“…”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพบว่าตนเองกำลังนั่งพิงบางอย่างอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ซากของบ้านผมเองเหรอ
เมื่อวานเกิดแผ่นดินไหวน่าจะรุนแรงมากด้วยถึงทำให้ตึกใหญ่ๆพังได้มากมายขนาดนี้
เอ๊ะ?
ทำไมรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้เคยตื่นขึ้นมาแล้วครั้งนึงล่ะ
นึกยังไงก็นึกไม่ออก
เหมือนเคยเจอเด็กผู้หญิงคนนึงด้วย แต่จำลักษณะของเธอไม่ได้ คำพูดของเธอที่พูดกับผมก็จำไม่ได้ ภาพของเธอเลือนลางสุดๆ
ตัวผมก็ไม่ใช่คนความจำแย่ขนาดนั้น แต่ก็จำได้แค่คำถามสุดท้ายที่เธอพูดไว้ก่อนจะจากไป
ไม่ไหวแฮะยิ่งพยายามนึกเรื่องอื่นนอกจากคำถามนั่นยิ่งจะรู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิดเอาให้ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกก็คือทั้งๆที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนั้นแต่ตัวผมกลับไม่บาดเจ็บอะไรเลย
มันดูแปลกเกินไปหน่อยปกติถ้าเป็นผมก็น่าจะตายไปแล้ว
“เฮ้!!! มีใครอยู่ใหมคะ! ถ้าได้ยินก็ตอบด้วย!”
เสียงแหลมสูงพร้อมลงท้ายคะ/ค่ะมาจากด้านหลังซากที่ผมนั่งพิงอยู่ ผู้หญิงเหรอ? น่าจะเป็นคนที่รอดสินะ หรือ หน่วยช่วยเหลือกันล่ะ?
ผมก็ไม่ค่อยอยากไปพบปะกับผู้คนสักเท่าไหร่หรอก ทั้งพูดไม่เก่งสีหน้าก็เหมือนเดิมแทบจะตลอดเวลา ง่ายๆก็ผมเข้าสังคมไม่เป็น
ถ้าเป็นเรื่องแฮกผมก็คง ใช้เวลาแค่ 30วินาทีในการแฮก 1-2นาทีถ้าระบบความปลอดภัยมันแน่นหนาสุดๆ แต่ถ้าเป็นกับผู้คนนั้นไม่ใช่
บางทีผมอาจจะใช้เวลานานกว่า2นาทีในการคิดคำพูดที่จะมาโต้ตอบกับบางคนแต่บางทีผมก็ตอบกลับไปแบบทันทีแต่จะเป็นไม่อยู่ในเรื่องที่กำลังคุยกันแถมชอบพูดโดยไม่คิดให้ดีก่อน ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนอื่นอีก ไม่รวมชอบทำเรื่องแปลกอย่างการพังกระจกเล่นๆอะไรแบบนั้นอีก นั่นทำให้พวกเขาคิดว่าผมแปลกและไม่ค่อยมาคุยกับผมมากนัก
แต่ตอนนี้ควรจะเดินออกไปแล้วขานรับสินะ
“ครับ!!! ผมอยู่ตรงนี้”
ผมเดินออกจากหลังที่พิงแล้วก็หันหน้าไปหาต้นตอของเสียง
“อ๊ะ!! ทุกคนคะ!! ตรงนั้นมีคนรอดคนนึงค่ะ!!”
เจ้าของเสียงนั่นคือ นาคางะวะ ฮานะ เพื่อนร่วมชั้นของผมเอง
ผมอายุ 17 ปีดังนั้นตอนนี้ก็จะอยู่ ม.ปลาย ปี 2 ห้ามเข้าใจผิดว่าผมเป็นนีทเชียว
ผู้คนประมาณ30คนก็ยืนอยู่แถวๆนั้นเช่นกัน
กลุ่มคนที่รอดสินะ
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?”
เธอวิ่งตรงมาหาผมพร้อมกับจับมือแล้วก็มองสำรวจทั่วร่างกาย
ตรงนี้ผมควรจะพูดว่ายังไงดี? มือเธอนุ่มดีงั้นเหรอ? ไม่รู้จะพูดอะไรดีแฮะ
ผมได้แต่นิ่งเงียบรอเธอสำรวจร่างกายผมเสร็จ
“อ๊ะ! นายคือคาโต้คุงนี่? คนที่ชอบไปนั่งเล่นเกมในที่แปลกๆแถมโดนอาจารย์ลากมาเข้าห้องเรียนทุกเช้าด้วยนี่”
พอเธอเช็คร่างกายผมเสร็จเธอหันหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วก็พูดเหมือนพึ่งนึกออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อนร่วนชั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะจำผมได้แบบนั้นเพราะวันแรกที่เปิดเรียนผมก็ไปนั่งเล่นเกมอยู่ที่โต๊ะผอ.ซะแล้ว
แถมเกือบโดนไล่ออกเพราะผมดันใช้วิธีพังกระจกเข้าไปด้วย ก็ผมไม่รู้นี่ว่านั่นห้องผอ.
อ๊ะรู้แล้วว่าจะพูดอะไรดี ถามเรื่องคนที่มากับเธอดีกว่า
“พวกนี้คือคนที่รอดจากแผ่นดินไหวเหรอ? คุณนาคางะวะ”
เธอหันไปหาคนด้านหลัง ที่มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ทั้งชาย-หญิง
“อื้ม! หลายๆคนก็บาดเจ็บแต่โชคดีที่เรามีคนที่ปฐมพยาบาลเป็นอยู่ด้วยน่ะ”
ในสถานการณืแบบนี้เธอยังพูดได้แบบเป็นธรรมชาติดีแฮะ ผมก็อยากพูดให้ได้แบบนั้นบ้างจัง
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรวมกลุ่มกับพวกเขาก่อนนะเธอก็จะหาพวกผู้รอดชีวิตคนอื่นต่อไปใช่ไหมล่ะ”
เธอหันมมองหน้าผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา บางทีเธอก็ทำตัวแปลกๆเหมือนกันสินะ
แต่ช่างมันเหอะ ถึงจะบอกว่าจะไปรวมกับคนอื่นๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเขาอยู่ดี
“งั้นเล่นเกมคงจะง่ายที่สุด รู้สึกว่าเครื่องเกมจะยังอยู่ในกระเป๋าสินะงั้นหาที่เงียบๆนั่งเล่นดีกว่า”
ผมเป็นคนติดนิสัยพูดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ บ่อยกว่าคนปกติทั่วไป นั่นคงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผู้คนไม่ค่อยอยากมาเข้าใกล้ผม
แต่พอผมหยิบเครื่องเกมออกมาเท่านั้นแหละ ทุกคนกลับมองมาที่ผมคนเดียวซะงั้น แค่เล่นเกมมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?
“เอ่อ..คาโต้คุง นั่นเธอเอามาจากไหนเหรอ?”
“เธอหมายถึงเครื่องเกมนี่น่ะเหรอ?”
ผมพูดพลางเปิดเครื่องเกมไปด้วย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็น นาคางะวะพยักหน้า ดูเหมือนเธอเข้ามาใกล้ขึ้น
“เป็นแฮกเกอร์ไง ของแค่นี้สร้างง่ายจะตายไป”
เอ๊ะ? ผมพูดอะไรออกไป เมื่อกี๊ไม่ใช้ว่าผมพึ่งบอกว่าตัวเองเป็นอาชญากรใช่ไหม?
“นี่งั้นนายก็สร้างของได้หลายๆอย่างเลยเหรอ?”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้วตอนนี้กังวลสุดๆ เมื่อกี๊พึ่งบอกว่าตัวเองเป็นอาชญากรไปด้วย
“ตอบสิ คาโต้คุง”
“ด-เดี๋ยวสิ!!”
เธอจับไหล่ผมแล้วเขย่าอย่างรุนแรงทำเอาผมรู้สึกเจ็บอยู่หน่อยๆเหมือนกัน
“ด-ได้สิ ฉันบันทึกข้อมูลของทุกอย่างไว้แล้ว จำลองออกมาได้หมดนั่นแหละ ว่-“
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ จู่ๆเธอก็เข้ามากกอดผมแล้วตะโกนเสียงดัง
“ฉันรักคาโต้คุงที่สุดเลย!! แบบนี้เราก็สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยแล้-“
เธอหยุดพูดแล้วหน้าแดงไป
“เป็นอะไรน่ะ นาคางะวะ?”
“เมื่อกี๊ฉัน…”
ตอนนี้เธอหน้าแดงขึ้นกว่าเดิมสะอีก จู่ๆเป็นอะไรล่ะเนี่ย?
“อ-เอาเป็นว่าช่วยลืมเรื่องที่พูดไปเมื่อกี๊ ล-แล้วมาร่วมมือกับฉันช่วยคนพวกนี้ได้ไหม?”
“เรื่องนั้นมันก็ได้อยู่หรอก”
อีกอย่างถ้าทำแบบนี้พวกเขาน่าจะลืมเรื่องที่ผมเป็นแฮกเกอร์ไปได้ง่ายขึ้น
“งั้นเรามาหาคนที่รอดกันเถอะ”
เธอพูดแล้วจับมือผมวิ่งออกไป
โตเกียว 19/02/2035 9.56น.
เหลือเวลาอีก 9วัน 14ชั่วโมง 4นาที
ถึงจะรู้สึกยังไง ผมก็ยังไม่แสดงออกทางสีหน้าเหมือนเดิม
สิ่งของส่วนใหญ่ยกเว้น สิ่งมีชีวิต,อาหาร,ยา,สิ่งก่อสร้างและบางอย่างที่สำคัญจริงๆ ล้วนไม่มีอยู่จริง
เป็นเพียงภาพจำลองที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรม เพราะแค่สร้างกระดาษแผ่นเดียวก็ยังต้องใช้เงินมหาศาล
มนุษย์จึงสร้าง ‘ของปลอม’ ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ต่างจาก ‘ของจริง’ ขึ้นมา
ปืนและกระสุนที่สร้างมาจากโปรแกรมสามารถฆ่าคนได้จริง
และพวกที่สามารถเข้าถึงโปรแกรมพวกนั้นนอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก็คือ ‘แฮกเกอร์’
หรือที่ยุคนี้ทุกคนจะเรียกพวกนั้นว่าเป็น ‘อาชญากร’
เขาเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของโปรแกรมนั้นได้
เปลี่ยนกระดาษธรรมดาๆให้กลายเป็นปืนได้ แน่นอนว่าสามารถทำอันตรายอันใหญ่หลวงได้ง่ายๆ
หากถูกจับได้ก็จะมีโทษเพียงหนึ่งเดียว คือ ตาย
และสำหรับคนที่ถูกเรียกว่า ‘แฮกเกอร์อัจฉริยะ’ อย่างผมแล้วสามารถฆ่าคนทั้งประเทศได้สบายๆเลยล่ะ
โตเกียว 19/01/2035 8.47 น.
“…”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพบว่าตนเองกำลังนั่งพิงบางอย่างอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ซากของบ้านผมเองเหรอ
เมื่อวานเกิดแผ่นดินไหวน่าจะรุนแรงมากด้วยถึงทำให้ตึกใหญ่ๆพังได้มากมายขนาดนี้
เอ๊ะ?
ทำไมรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้เคยตื่นขึ้นมาแล้วครั้งนึงล่ะ
นึกยังไงก็นึกไม่ออก
เหมือนเคยเจอเด็กผู้หญิงคนนึงด้วย แต่จำลักษณะของเธอไม่ได้ คำพูดของเธอที่พูดกับผมก็จำไม่ได้ ภาพของเธอเลือนลางสุดๆ
ตัวผมก็ไม่ใช่คนความจำแย่ขนาดนั้น แต่ก็จำได้แค่คำถามสุดท้ายที่เธอพูดไว้ก่อนจะจากไป
ไม่ไหวแฮะยิ่งพยายามนึกเรื่องอื่นนอกจากคำถามนั่นยิ่งจะรู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิดเอาให้ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกก็คือทั้งๆที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนั้นแต่ตัวผมกลับไม่บาดเจ็บอะไรเลย
มันดูแปลกเกินไปหน่อยปกติถ้าเป็นผมก็น่าจะตายไปแล้ว
“เฮ้!!! มีใครอยู่ใหมคะ! ถ้าได้ยินก็ตอบด้วย!”
เสียงแหลมสูงพร้อมลงท้ายคะ/ค่ะมาจากด้านหลังซากที่ผมนั่งพิงอยู่ ผู้หญิงเหรอ? น่าจะเป็นคนที่รอดสินะ หรือ หน่วยช่วยเหลือกันล่ะ?
ผมก็ไม่ค่อยอยากไปพบปะกับผู้คนสักเท่าไหร่หรอก ทั้งพูดไม่เก่งสีหน้าก็เหมือนเดิมแทบจะตลอดเวลา ง่ายๆก็ผมเข้าสังคมไม่เป็น
ถ้าเป็นเรื่องแฮกผมก็คง ใช้เวลาแค่ 30วินาทีในการแฮก 1-2นาทีถ้าระบบความปลอดภัยมันแน่นหนาสุดๆ แต่ถ้าเป็นกับผู้คนนั้นไม่ใช่
บางทีผมอาจจะใช้เวลานานกว่า2นาทีในการคิดคำพูดที่จะมาโต้ตอบกับบางคนแต่บางทีผมก็ตอบกลับไปแบบทันทีแต่จะเป็นไม่อยู่ในเรื่องที่กำลังคุยกันแถมชอบพูดโดยไม่คิดให้ดีก่อน ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนอื่นอีก ไม่รวมชอบทำเรื่องแปลกอย่างการพังกระจกเล่นๆอะไรแบบนั้นอีก นั่นทำให้พวกเขาคิดว่าผมแปลกและไม่ค่อยมาคุยกับผมมากนัก
แต่ตอนนี้ควรจะเดินออกไปแล้วขานรับสินะ
“ครับ!!! ผมอยู่ตรงนี้”
ผมเดินออกจากหลังที่พิงแล้วก็หันหน้าไปหาต้นตอของเสียง
“อ๊ะ!! ทุกคนคะ!! ตรงนั้นมีคนรอดคนนึงค่ะ!!”
เจ้าของเสียงนั่นคือ นาคางะวะ ฮานะ เพื่อนร่วมชั้นของผมเอง
ผมอายุ 17 ปีดังนั้นตอนนี้ก็จะอยู่ ม.ปลาย ปี 2 ห้ามเข้าใจผิดว่าผมเป็นนีทเชียว
ผู้คนประมาณ30คนก็ยืนอยู่แถวๆนั้นเช่นกัน
กลุ่มคนที่รอดสินะ
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?”
เธอวิ่งตรงมาหาผมพร้อมกับจับมือแล้วก็มองสำรวจทั่วร่างกาย
ตรงนี้ผมควรจะพูดว่ายังไงดี? มือเธอนุ่มดีงั้นเหรอ? ไม่รู้จะพูดอะไรดีแฮะ
ผมได้แต่นิ่งเงียบรอเธอสำรวจร่างกายผมเสร็จ
“อ๊ะ! นายคือคาโต้คุงนี่? คนที่ชอบไปนั่งเล่นเกมในที่แปลกๆแถมโดนอาจารย์ลากมาเข้าห้องเรียนทุกเช้าด้วยนี่”
พอเธอเช็คร่างกายผมเสร็จเธอหันหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วก็พูดเหมือนพึ่งนึกออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อนร่วนชั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะจำผมได้แบบนั้นเพราะวันแรกที่เปิดเรียนผมก็ไปนั่งเล่นเกมอยู่ที่โต๊ะผอ.ซะแล้ว
แถมเกือบโดนไล่ออกเพราะผมดันใช้วิธีพังกระจกเข้าไปด้วย ก็ผมไม่รู้นี่ว่านั่นห้องผอ.
อ๊ะรู้แล้วว่าจะพูดอะไรดี ถามเรื่องคนที่มากับเธอดีกว่า
“พวกนี้คือคนที่รอดจากแผ่นดินไหวเหรอ? คุณนาคางะวะ”
เธอหันไปหาคนด้านหลัง ที่มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ทั้งชาย-หญิง
“อื้ม! หลายๆคนก็บาดเจ็บแต่โชคดีที่เรามีคนที่ปฐมพยาบาลเป็นอยู่ด้วยน่ะ”
ในสถานการณืแบบนี้เธอยังพูดได้แบบเป็นธรรมชาติดีแฮะ ผมก็อยากพูดให้ได้แบบนั้นบ้างจัง
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรวมกลุ่มกับพวกเขาก่อนนะเธอก็จะหาพวกผู้รอดชีวิตคนอื่นต่อไปใช่ไหมล่ะ”
เธอหันมมองหน้าผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา บางทีเธอก็ทำตัวแปลกๆเหมือนกันสินะ
แต่ช่างมันเหอะ ถึงจะบอกว่าจะไปรวมกับคนอื่นๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเขาอยู่ดี
“งั้นเล่นเกมคงจะง่ายที่สุด รู้สึกว่าเครื่องเกมจะยังอยู่ในกระเป๋าสินะงั้นหาที่เงียบๆนั่งเล่นดีกว่า”
ผมเป็นคนติดนิสัยพูดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ บ่อยกว่าคนปกติทั่วไป นั่นคงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผู้คนไม่ค่อยอยากมาเข้าใกล้ผม
แต่พอผมหยิบเครื่องเกมออกมาเท่านั้นแหละ ทุกคนกลับมองมาที่ผมคนเดียวซะงั้น แค่เล่นเกมมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?
“เอ่อ..คาโต้คุง นั่นเธอเอามาจากไหนเหรอ?”
“เธอหมายถึงเครื่องเกมนี่น่ะเหรอ?”
ผมพูดพลางเปิดเครื่องเกมไปด้วย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็น นาคางะวะพยักหน้า ดูเหมือนเธอเข้ามาใกล้ขึ้น
“เป็นแฮกเกอร์ไง ของแค่นี้สร้างง่ายจะตายไป”
เอ๊ะ? ผมพูดอะไรออกไป เมื่อกี๊ไม่ใช้ว่าผมพึ่งบอกว่าตัวเองเป็นอาชญากรใช่ไหม?
“นี่งั้นนายก็สร้างของได้หลายๆอย่างเลยเหรอ?”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้วตอนนี้กังวลสุดๆ เมื่อกี๊พึ่งบอกว่าตัวเองเป็นอาชญากรไปด้วย
“ตอบสิ คาโต้คุง”
“ด-เดี๋ยวสิ!!”
เธอจับไหล่ผมแล้วเขย่าอย่างรุนแรงทำเอาผมรู้สึกเจ็บอยู่หน่อยๆเหมือนกัน
“ด-ได้สิ ฉันบันทึกข้อมูลของทุกอย่างไว้แล้ว จำลองออกมาได้หมดนั่นแหละ ว่-“
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ จู่ๆเธอก็เข้ามากกอดผมแล้วตะโกนเสียงดัง
“ฉันรักคาโต้คุงที่สุดเลย!! แบบนี้เราก็สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยแล้-“
เธอหยุดพูดแล้วหน้าแดงไป
“เป็นอะไรน่ะ นาคางะวะ?”
“เมื่อกี๊ฉัน…”
ตอนนี้เธอหน้าแดงขึ้นกว่าเดิมสะอีก จู่ๆเป็นอะไรล่ะเนี่ย?
“อ-เอาเป็นว่าช่วยลืมเรื่องที่พูดไปเมื่อกี๊ ล-แล้วมาร่วมมือกับฉันช่วยคนพวกนี้ได้ไหม?”
“เรื่องนั้นมันก็ได้อยู่หรอก”
อีกอย่างถ้าทำแบบนี้พวกเขาน่าจะลืมเรื่องที่ผมเป็นแฮกเกอร์ไปได้ง่ายขึ้น
“งั้นเรามาหาคนที่รอดกันเถอะ”
เธอพูดแล้วจับมือผมวิ่งออกไป
โตเกียว 19/02/2035 9.56น.
เหลือเวลาอีก 9วัน 14ชั่วโมง 4นาที
ถึงจะรู้สึกยังไง ผมก็ยังไม่แสดงออกทางสีหน้าเหมือนเดิม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ