ย้อนรอยรักที่ต้นซากุระ
-
3) นางจากเดินไกล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในยามเช้านั้นเช้าที่ถัดจากวันอันแสนวุ่นวายของนี้นั้นอากาศนั้นมืดครึ่ม เช้าวันนี้โฮมุระนั่งรถม้ามารับทั้งสองเพื่อไปที่ปราสาทของโชกุนเซนริว เรื่องน่าแปลกคือโฮมุระบอกกับโคจิมะว่า “เมื่อคืนเจ้าคงฝันร้ายสินะ” เสียงแก่ๆของโฮมุระพูดขทักขึ้นและหัวเราะเบาๆ “ทะ...ทะ...ท่านรู้ได้ยังไง” โคจิมะแปลกใจและถามกลับไป “ฮ่าๆๆๆ เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไม เอาเถอะรีบไปจะดีกว่านะเดียวจะผิดเวลาตามสารที่ส่งไป” โฮมุระหัวเราะอีกครั้ง ทั้งสองเดินขึ้นรถม้าไปทั้งๆที่มีโฮมุระขับรถม้าไป “โมชิยะ เธอรู้รึเปล่าว่าทำไมท่านโฮมุระถึงทำได้น่ะ” โคจิมะยังคงสงสัยต่อไป “ท่านน่ะเป็นทั้งนักพรต นักปราชน์ หมอดู องเมียวจิ แถมยังสามารถทำนายอนาคตในบางครั้งได้ด้วย เพราะแบบนี้ถึงได้เป็นองเมียวจิประจำราชวงศ์ของท่านเซนริวด้วย” โมชิยะยังคงนิ่งนอนใจต่อไปเหมือนกัน
เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง แต่ถึงแม้เวลาเที่ยงตรงแทน ที่แสงอาทิตย์จะสาดส่องเหมือนดังเคยแต่กลับเต็มไปด้วยเมฆฝน และอาจด้วยเหตผลทางความเชื่อเล็กน้อย และจากนั้นเสียงเอะอะเสียงดังขึ้น ทั้งสองได้ยินเสียงนั้นจึงทำให้ โมชิยะพูดขึ้นว่า “ถึงแล้วงั้นหรือ ก็หมายถึงต้องรออีกนานงั้นหรือ” เสียงเธอแสดงถึงความน่าเบื่อหนาย “ไม่จำเป็นหรอกนะ โมชิยะจัง” เสียงเสียงหนึ่งที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าหล่อเหล่า เสียงไม่ดูแก่เลย ทันใดนั้นเสียงเอะอะก็ดังกว่าเดิม มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาปัดผ้าม่านและเจ้าของมือนั้นพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรอหรอกนะ” เมื่อผ้าม่านเปิดออกแสดงให้เห็นหน้าของโชกุนที่ดูไม่แก่เหมือนดังความคิดของโคจิมะ และนั้นก็ทำให้โมชิยะถึงกับอ่ำอึ่ง เสียงของทหารพูดขึ้นมาว่า “ทะ...ทะ...ท่านโชกุนขอรับ ท่านจะมาเดินเล่นแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ” นายทหารถึงกับออกปากพูด แต่โชกุนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด “มาเถอะทั้งสองคน ข้าถึงกับปลอมตัวเป็นชาวบ้านเพื่อมารับพวกเจ้าเลยละ” โชกุนในชุดของชาวบ้านก็ได้เชิญชวนทั้งสองลงมา โมชิยะจึงถามว่า “แล้วท่านโฮมุระ ละท่านอยู่ไหน” โชกุนหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ข้าน่ะบอกให้ท่านโฮมุระแอบลงไปรอข้าก่อนเองละ เราเองก็รีบไปกันเถอะ” เมื่อทั้งสามเดินเข้าที่ปราสาท โชกุนได้เริ่มถามโคจิมะ “เจ้านี้มีชื่อว่าอะไรนะ” โชกุนถามประโยคยอดนิยม “อะ..เออ..คือ...กระผมมีนามว่าโคจิมะ เซนริวขอรับ” โคจิมะพูดด้วยสำเนียงและภาษาที่สำหรับเขานั้นยากที่จะพูด “ฮ่ะๆๆ เจ้าน่ะไม่จำเป็นต้องใช้คำที่โบราณเช่นนี้ก็ได้เพราะข้ารู้แล้วว่าเจ้ามาจากต่างแดนน่ะ” โชกุนยังคงพูดอย่างสบายใจและยังพูดต่ออีกว่า “ฟังดูแล้ว มันก็น่าประหลาดนัก เพราะข้าเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกพันหรือหมื่นปีข้าจะเป็นบรรพบุรุษของใครเข้าน่ะ อีกอย่างเรียกข้าว่า ชิโรจิ เถอะข้าเองก็ไม่ชอบให้คนในรุ่นอายุเท่ากันมาเรียกข้าในยศสูงสงขนาดนั้นหรอก” ชิโรจิ บอกกับโคจิมะ เมื่อไปถึงห้องประชุมมีซามุไร นักรบ และข้าราชการมากมายมาเข้าเฝ้าโชกุนมากมายแม้แต่องเมียวจิหลวงโฮมุระเช่นกัน “เอาล่ะเรามาเริ่มงานประชุมกันเลยดีกว่านะส่วนหัวข้อการประชุมตามดังสารที่ข้าส่งให้ทุกท่านเลยนะ” ชิโรจินั่งลงที่เบาะประมาณ3ชั้น และด้านข้างมีโคจิมะ และ โมชิยะนั่งอยู่ด้านข้างโชกุน “เออ...ท่านโชกุนขอรับ ข้าว่าเรื่องนี้มันน่าแปลกใจนะขอรับมันเป็นเรื่องที่ไม่เชื่อนะขอรับ ข้าว่าเด็กชายผู้นี้คงจะเป็นก็ได้นะขอรับ” ข้าราชการนายหนึ่งกล่าวขึ้น “ทำไมละ ท่านมาสากิ ทั้งๆที่เขามากับท่านองเมียวจิหลวงโฮมุระ ข้าคิดว่าเขาคงมิอาจจะมาช่วงชิงตำแหน่งเหมือนที่พวกเจ้าบางคิดการเช่นนั้นแน่” โชกุนชิโรจิมองด้วยหางตา “ในเรื่องนี้นั้นคง
พิสูทธิ์มิได้แน่เขาถ้าหากเขามีเชื้อสายของท่านโชกุนจริงๆนะขอรับ เขาต้องตอบคำถามนี้ได้แน่เพราะนั้นเป็นลักษณะของเด็กชายของตระกูลเซนริว นะขอรับถ้าจำไม่ผิดท่านเองยังหาคำตอบของถามนี้ได้ไม่สมบูรณ์พอตามที่ที่โชกุนรุ่นก่อนเลยนะขอรับ” ซามุไรมาสากิที่ดูเลิสนัย “ฉันไม่ต้องการอะไรหรอก!!!!! ฉันแค่ต้องการที่จะกลับไปที่บ้าน บ้านที่อยู๋ในยุคของฉันเท่านั้น” โคจิมะยอมไม่ได้ที่ต้องเห็นบรรพบุรุษของตน และตะโกนออกมาจนได้ยินกันชัดเจน “จะ..จะ...เจ้าเป็นใครกันคิดว่ามีเชื้อสายของโชกุนแล้วจะทำนิสัย ไม่เคารพที่ต่ำที่สูง นี้หรือคือสิ่งที่เรียกว่าผู้สืบต่อจากโชกุนน่ะ” ซามุไรมาสากิได้เริ่มโต้วาทีกับโคจิมะบ้าง จนทำให้ซามุไรชั้นสูงอีกคนที่ดูสุขุมและมีตำแหน่งสูงกว่าได้พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังก่องกังวาล “พอเถิดเจ้ามาสากิ จากสิ่งที่เจ้าหนุ่มนั้นพูด บอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนในยุคนี้เป็นแน่แท้ ด้วยสำเนียงภาษา และนามทีใช้ตนเองและผู้อื่น และอีกอย่างนี้น่ะเป็นนิสัยของคนในตระกูลของเซนริวแน่นอน ขอยินดีเอาศักดิ์ศรีของตนเป็นประกัน” ซามุไรนายนั้นสามารถผู้โน้มน้าวจิตใจของคนที่เข้าประชุมได้เกือบทั้งหมด
ภายหลังการประชุมสรุปว่า โคจิมะเป็นคนในตระกูลเซนริวจริง แต่จะไม่มีสิทธิ์ในการเข้าครองราชย์แน่นอน จนในห้องเหลือ เพียงแค่ โมชิยะ,โคจิมะ,ชิโรจิและ โฮมุระเท่านั้น “ท่านโฮมุระ ใครจะเป็นผู้สอนวิชาดาบกับโคจิมะกันล่ะ” โชกุนชิโรจิเริ่มอีกครั้ง “ยังไม่มีใครสอน ขอรับ” องเมียวจิโฮมุระ ตอบคำถามและพูดต่ออีก “จริงๆ ข้าจะสอนเขาเองแต่ด้วยสังขารแล้ว ข้าลงสอนไม่แน่ ขอรับ” โฮมุระก้มหัวลงอีกที “ฮ่ะๆๆ งั้นหรืองั้นข้าจะสอนวิชาดาบให้เจ้านี้ให้ ก็ได้นะ เจ้าว่าไงละโคจิมะ” โชกุนชิโรจิ ถามโคจิมะ ในตอนนั้นก่อนที่โคจิมะจะตอบ โฮมุระพูดขัดขึ้น “ขะ...ข้าเกรงว่าคงจะมิได้ขอรับ เพราะเจ้าหนุ่มต้องไปช่วยงานที่โรงอาบน้ำขอรับ” “ฮ่ะๆๆๆ เรื่องนั้นมิใช่ปัญหาหรอกนะ ให้วันที่โคจิมะ ว่างเจ้าก็มาเถอะ อีกอย่างข้าว่าจะไปที่แถวๆ เขตชูบู อยู่พอดีเลยเพราะงั้นถ้าจะไปฝึกกับข้าเจ้าก็ต้องไปที่วัดของท่านโฮมุระละนะ” ชิโระจิพูดขึ้นและพูดต่อว่า “อีกอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดภาษาสำเนียงเดียวกับเราหรอก ไม่ต้องถือข้าเป็น ใหญ่อันใดหรอก อายุของเจ้ากับข้าก็อายุเท่ากัน ใช้คำสรรพนามตามใจ เจ้าเองก็เป็นในครอบครังข้า คิดประดั่งว่าปราสาทหลังนี้เป็นบ้านของเจ้าเถอะ” หลังชิโระริวพูดเสร็จ โฮมุระพูดขึ้นอีกครั้ง “คืนจากการดูทิศทางของดวงดาวและอื่นๆแล้วนั้น วันนี้คือวันร้อยอสูร ขอรับ” “วันร้อยอสูร นี้ท่านโฮมุระท่านคงไม่ดูผิดไปหรือเจ้าคะ” โมชิยะที่ดูแข็.กระด่างกับพูดด้วยคำพูดที่อ่ออนหวานลงไปมากผิดหูผิดตา “งั้นคืนนี้คงกลับไม่ได้แน่ พวกเจ้าก็นอนพักกันอยู่ที่นี้ก่อนแล้วกัน” ชิโระริวกล่าวชักชวน “คงมิจำเป็นขอรับเพราะ โมชิยะ และ ข้าเองก็ต่างมีวิชาเรื่องขบวนอสูรพวกเราไม่โดนคำสาปแน่นอน” ทั้งสามต่างพูดคุยกันเรื่องการระวังตัวในคืนร้อยอสูร ปล่อยให้โคจิมะนั่ง งง ว่าคุยเรื่องอะไรกัน จนได้ข้อสรุปว่า โชกุนชิโระริวจะให้รถม้าขนาดใหญ่ที่จะใช้เครื่องจักรประหลาดจากต่างชาติควบคุมเดินทางแทนคนขับและม้า และจะให้โคจิมะ ที่ไร้วิชาต่างๆหลับไปส่วนองเมียวจิทั้งสองคอยผลัดกันสวดมนต์จนไปถึงอีกเมือง
เช้าวันต่อมาวันที่แสนจะมืดมนผ่านไปแม้ในคืนนั้นจะไร้ฝนตกแต่กลับรู้สึกว่าเย็นกว่ามาก ถึงจะปิดหน้าต่างไว้ ก็เย็นมากอยู่ดี โคจิมะพยายามที่ถามไถ่เรื่องมนต์ตราต่างๆ แต่โมชิยะกลับบ่ายเบี่ยงไปให้ไปช่วยทำงานบ้านบ้าง ให้ใช้ไปทำนู่นทำนี้บ้าง แต่ก็ย่อมแพ้ความอยากจะรู้ของโคจิมะอยู่ดี นางพูดสั้นๆเพียงแค่ว่า “ถ้าเจ้าอยากรู้ถึงขนาดนั้น ก็ศึกษาด้วยตัวเองสิ ข้าสอนเจ้าเหมือนท่านโฮมุระไม่ได้หรอก” แต่ถึงนางจะพูดแบบนั้นต่นางก็ยัง แอบอธิบายใบ้ความเล็กๆ ให้โคจิมะอยู่ดี จนถึงเวลางานที่โรงอาบน้ำ โมชิยะห้ามปรามว่าอย่าเอาเรื่องการฝึกเป็นองเมียวจิ ฝึกวิชาดาบ หรือแม้แต่เรื่องการที่
โชกุนชิโระริว มาพักผ่อนที่วัดของโฮมุระ ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่เคล่วคลาดต้องโดนคำถามที่โคจิมะเกี่ยวข้องอะไรกับท่านโชกุน แต่ก็มักจะโดนเถ้าแก่ประจำร้านเอ็ดบ้าง โดนยามะดะด่าทอและขู่ทำร้ายบ้าง แต่ก็มักจะโดนสายตาที่ชื่นชมบ้าง เหยียดด้วยความเกลียดชั่งบ้าง แต่โคจิมะกลับไม่รู้สึกอะไรเลย และยังคงเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนลูกค้าคนหนึ่งที่มิน่าจะใช่คนญี่ปุ่นแน่แท้ เพราะด้วยผมสีทองสดใส ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย เธอนั้นเดินตรงเข้ามาหาเถ้าแก่โรงอาบน้ำ ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากมาใช้บริการโรงอาบน้ำเพียงเท่านั้น แต่เธอนั้นมีท่าทีจะสนใจในโคจิมะ เธอส่งยิ้มเล็กน้อยให้แก่โคจิมะก่อนจะเดินผ่านไปเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ยามะดะนั้นมีสีหน้าที่แดงก่ำและสะกิดที่โคจิมะแล้วกระซิบว่า “เจ้าน่ะรู้หรือเปล่าว่านางผู้นั้นเป็นใคร” โคจิมะส่ายหัวเบาทันที ยามะดะกระซิบต่อว่า “ข้าก็มิรู้หรอกว่านางชื่ออะไร ช่วยถามแทนข้าทีสิ” จากนั้นยามะดะก็หัวเราะแหะๆกลบเกลื่อนประมาณว่าฝากด้วยนะ แล้วเดินฉิวไปทางอื่น ทันใดนั้นนางคนนั้นก็เดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ และเธอก็ให้โคจิมะเข้าไปใส่กลิ่นของน้ำ เธอเริ่มบทสนทนาก่อนว่า “เจ้าชื่ออะไรหรือ” สำเนียงที่ส่อได้ว่ามาจากแดนไกลแน่(นั้นคือยุโรปนั้นเอง) “โคจิมะครับ” โคจิมะตอบไปนิ่งๆ “งั้นหรอข้าชื่อว่า
โดโรธี เดอ บีโอวอล์ฟ เป็นชาวอังกฤษหรือชาวบริเตนนั้นแล” เธอนั้นไม่สงสัยในสำเนียงในยุคสมัยใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่โคจิมะนั้นขัดใจต่อภาษาญี่ปุ่นโบราณที่สำเนี่ยงเป็นสำเนียงชาวอังกฤษโบราณแบบสุดๆ ตัดกลับมาที่ด้านนอกโมชิยะเมื่อรู้ว่าโคจิมะตามโดโรธีไปที่ห้องอาบน้ำเธอถามเถ้าแก่ด้วยอารมณ์รุนแรง “เจ้าหมอนั้นเข้าไปกับแม่ฝรั่งนั้น ข้าไม่ยอมนะใครๆก็ล่ำลื่อว่าชนชาตินางนิสัยเป็นอย่างไร” โมชิยะที่ดูจะห่วงโคจิมะมะจนออกหน้าออกตา “คิกๆ เจ้าดูจะห่วงหนุ่มนั้นละสินะ” โอยาโกะแซวโมชิยะให้นางโกรธเล่น แต่ยามะดะนั้นไม่เชื่อตามคำล่ำลื่อที่โมชิยะว่า “นี้ เถ้าแก่มันตามที่
โมชิยะว่าจริงหรือขอรับ” เถ้าแก่ไม่พูดอะไรแต่ก็ตอบคำถามเขามาว่า “ข้าเองก็มิรู้หรอกเป็นอย่างไร แต่ข้าคิดว่าตอนนี้............โคจิมะเป็นของนางแล้วละมั้ง”
เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง แต่ถึงแม้เวลาเที่ยงตรงแทน ที่แสงอาทิตย์จะสาดส่องเหมือนดังเคยแต่กลับเต็มไปด้วยเมฆฝน และอาจด้วยเหตผลทางความเชื่อเล็กน้อย และจากนั้นเสียงเอะอะเสียงดังขึ้น ทั้งสองได้ยินเสียงนั้นจึงทำให้ โมชิยะพูดขึ้นว่า “ถึงแล้วงั้นหรือ ก็หมายถึงต้องรออีกนานงั้นหรือ” เสียงเธอแสดงถึงความน่าเบื่อหนาย “ไม่จำเป็นหรอกนะ โมชิยะจัง” เสียงเสียงหนึ่งที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าหล่อเหล่า เสียงไม่ดูแก่เลย ทันใดนั้นเสียงเอะอะก็ดังกว่าเดิม มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาปัดผ้าม่านและเจ้าของมือนั้นพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรอหรอกนะ” เมื่อผ้าม่านเปิดออกแสดงให้เห็นหน้าของโชกุนที่ดูไม่แก่เหมือนดังความคิดของโคจิมะ และนั้นก็ทำให้โมชิยะถึงกับอ่ำอึ่ง เสียงของทหารพูดขึ้นมาว่า “ทะ...ทะ...ท่านโชกุนขอรับ ท่านจะมาเดินเล่นแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ” นายทหารถึงกับออกปากพูด แต่โชกุนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด “มาเถอะทั้งสองคน ข้าถึงกับปลอมตัวเป็นชาวบ้านเพื่อมารับพวกเจ้าเลยละ” โชกุนในชุดของชาวบ้านก็ได้เชิญชวนทั้งสองลงมา โมชิยะจึงถามว่า “แล้วท่านโฮมุระ ละท่านอยู่ไหน” โชกุนหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ข้าน่ะบอกให้ท่านโฮมุระแอบลงไปรอข้าก่อนเองละ เราเองก็รีบไปกันเถอะ” เมื่อทั้งสามเดินเข้าที่ปราสาท โชกุนได้เริ่มถามโคจิมะ “เจ้านี้มีชื่อว่าอะไรนะ” โชกุนถามประโยคยอดนิยม “อะ..เออ..คือ...กระผมมีนามว่าโคจิมะ เซนริวขอรับ” โคจิมะพูดด้วยสำเนียงและภาษาที่สำหรับเขานั้นยากที่จะพูด “ฮ่ะๆๆ เจ้าน่ะไม่จำเป็นต้องใช้คำที่โบราณเช่นนี้ก็ได้เพราะข้ารู้แล้วว่าเจ้ามาจากต่างแดนน่ะ” โชกุนยังคงพูดอย่างสบายใจและยังพูดต่ออีกว่า “ฟังดูแล้ว มันก็น่าประหลาดนัก เพราะข้าเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกพันหรือหมื่นปีข้าจะเป็นบรรพบุรุษของใครเข้าน่ะ อีกอย่างเรียกข้าว่า ชิโรจิ เถอะข้าเองก็ไม่ชอบให้คนในรุ่นอายุเท่ากันมาเรียกข้าในยศสูงสงขนาดนั้นหรอก” ชิโรจิ บอกกับโคจิมะ เมื่อไปถึงห้องประชุมมีซามุไร นักรบ และข้าราชการมากมายมาเข้าเฝ้าโชกุนมากมายแม้แต่องเมียวจิหลวงโฮมุระเช่นกัน “เอาล่ะเรามาเริ่มงานประชุมกันเลยดีกว่านะส่วนหัวข้อการประชุมตามดังสารที่ข้าส่งให้ทุกท่านเลยนะ” ชิโรจินั่งลงที่เบาะประมาณ3ชั้น และด้านข้างมีโคจิมะ และ โมชิยะนั่งอยู่ด้านข้างโชกุน “เออ...ท่านโชกุนขอรับ ข้าว่าเรื่องนี้มันน่าแปลกใจนะขอรับมันเป็นเรื่องที่ไม่เชื่อนะขอรับ ข้าว่าเด็กชายผู้นี้คงจะเป็นก็ได้นะขอรับ” ข้าราชการนายหนึ่งกล่าวขึ้น “ทำไมละ ท่านมาสากิ ทั้งๆที่เขามากับท่านองเมียวจิหลวงโฮมุระ ข้าคิดว่าเขาคงมิอาจจะมาช่วงชิงตำแหน่งเหมือนที่พวกเจ้าบางคิดการเช่นนั้นแน่” โชกุนชิโรจิมองด้วยหางตา “ในเรื่องนี้นั้นคง
พิสูทธิ์มิได้แน่เขาถ้าหากเขามีเชื้อสายของท่านโชกุนจริงๆนะขอรับ เขาต้องตอบคำถามนี้ได้แน่เพราะนั้นเป็นลักษณะของเด็กชายของตระกูลเซนริว นะขอรับถ้าจำไม่ผิดท่านเองยังหาคำตอบของถามนี้ได้ไม่สมบูรณ์พอตามที่ที่โชกุนรุ่นก่อนเลยนะขอรับ” ซามุไรมาสากิที่ดูเลิสนัย “ฉันไม่ต้องการอะไรหรอก!!!!! ฉันแค่ต้องการที่จะกลับไปที่บ้าน บ้านที่อยู๋ในยุคของฉันเท่านั้น” โคจิมะยอมไม่ได้ที่ต้องเห็นบรรพบุรุษของตน และตะโกนออกมาจนได้ยินกันชัดเจน “จะ..จะ...เจ้าเป็นใครกันคิดว่ามีเชื้อสายของโชกุนแล้วจะทำนิสัย ไม่เคารพที่ต่ำที่สูง นี้หรือคือสิ่งที่เรียกว่าผู้สืบต่อจากโชกุนน่ะ” ซามุไรมาสากิได้เริ่มโต้วาทีกับโคจิมะบ้าง จนทำให้ซามุไรชั้นสูงอีกคนที่ดูสุขุมและมีตำแหน่งสูงกว่าได้พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังก่องกังวาล “พอเถิดเจ้ามาสากิ จากสิ่งที่เจ้าหนุ่มนั้นพูด บอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนในยุคนี้เป็นแน่แท้ ด้วยสำเนียงภาษา และนามทีใช้ตนเองและผู้อื่น และอีกอย่างนี้น่ะเป็นนิสัยของคนในตระกูลของเซนริวแน่นอน ขอยินดีเอาศักดิ์ศรีของตนเป็นประกัน” ซามุไรนายนั้นสามารถผู้โน้มน้าวจิตใจของคนที่เข้าประชุมได้เกือบทั้งหมด
ภายหลังการประชุมสรุปว่า โคจิมะเป็นคนในตระกูลเซนริวจริง แต่จะไม่มีสิทธิ์ในการเข้าครองราชย์แน่นอน จนในห้องเหลือ เพียงแค่ โมชิยะ,โคจิมะ,ชิโรจิและ โฮมุระเท่านั้น “ท่านโฮมุระ ใครจะเป็นผู้สอนวิชาดาบกับโคจิมะกันล่ะ” โชกุนชิโรจิเริ่มอีกครั้ง “ยังไม่มีใครสอน ขอรับ” องเมียวจิโฮมุระ ตอบคำถามและพูดต่ออีก “จริงๆ ข้าจะสอนเขาเองแต่ด้วยสังขารแล้ว ข้าลงสอนไม่แน่ ขอรับ” โฮมุระก้มหัวลงอีกที “ฮ่ะๆๆ งั้นหรืองั้นข้าจะสอนวิชาดาบให้เจ้านี้ให้ ก็ได้นะ เจ้าว่าไงละโคจิมะ” โชกุนชิโรจิ ถามโคจิมะ ในตอนนั้นก่อนที่โคจิมะจะตอบ โฮมุระพูดขัดขึ้น “ขะ...ข้าเกรงว่าคงจะมิได้ขอรับ เพราะเจ้าหนุ่มต้องไปช่วยงานที่โรงอาบน้ำขอรับ” “ฮ่ะๆๆๆ เรื่องนั้นมิใช่ปัญหาหรอกนะ ให้วันที่โคจิมะ ว่างเจ้าก็มาเถอะ อีกอย่างข้าว่าจะไปที่แถวๆ เขตชูบู อยู่พอดีเลยเพราะงั้นถ้าจะไปฝึกกับข้าเจ้าก็ต้องไปที่วัดของท่านโฮมุระละนะ” ชิโระจิพูดขึ้นและพูดต่อว่า “อีกอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดภาษาสำเนียงเดียวกับเราหรอก ไม่ต้องถือข้าเป็น ใหญ่อันใดหรอก อายุของเจ้ากับข้าก็อายุเท่ากัน ใช้คำสรรพนามตามใจ เจ้าเองก็เป็นในครอบครังข้า คิดประดั่งว่าปราสาทหลังนี้เป็นบ้านของเจ้าเถอะ” หลังชิโระริวพูดเสร็จ โฮมุระพูดขึ้นอีกครั้ง “คืนจากการดูทิศทางของดวงดาวและอื่นๆแล้วนั้น วันนี้คือวันร้อยอสูร ขอรับ” “วันร้อยอสูร นี้ท่านโฮมุระท่านคงไม่ดูผิดไปหรือเจ้าคะ” โมชิยะที่ดูแข็.กระด่างกับพูดด้วยคำพูดที่อ่ออนหวานลงไปมากผิดหูผิดตา “งั้นคืนนี้คงกลับไม่ได้แน่ พวกเจ้าก็นอนพักกันอยู่ที่นี้ก่อนแล้วกัน” ชิโระริวกล่าวชักชวน “คงมิจำเป็นขอรับเพราะ โมชิยะ และ ข้าเองก็ต่างมีวิชาเรื่องขบวนอสูรพวกเราไม่โดนคำสาปแน่นอน” ทั้งสามต่างพูดคุยกันเรื่องการระวังตัวในคืนร้อยอสูร ปล่อยให้โคจิมะนั่ง งง ว่าคุยเรื่องอะไรกัน จนได้ข้อสรุปว่า โชกุนชิโระริวจะให้รถม้าขนาดใหญ่ที่จะใช้เครื่องจักรประหลาดจากต่างชาติควบคุมเดินทางแทนคนขับและม้า และจะให้โคจิมะ ที่ไร้วิชาต่างๆหลับไปส่วนองเมียวจิทั้งสองคอยผลัดกันสวดมนต์จนไปถึงอีกเมือง
เช้าวันต่อมาวันที่แสนจะมืดมนผ่านไปแม้ในคืนนั้นจะไร้ฝนตกแต่กลับรู้สึกว่าเย็นกว่ามาก ถึงจะปิดหน้าต่างไว้ ก็เย็นมากอยู่ดี โคจิมะพยายามที่ถามไถ่เรื่องมนต์ตราต่างๆ แต่โมชิยะกลับบ่ายเบี่ยงไปให้ไปช่วยทำงานบ้านบ้าง ให้ใช้ไปทำนู่นทำนี้บ้าง แต่ก็ย่อมแพ้ความอยากจะรู้ของโคจิมะอยู่ดี นางพูดสั้นๆเพียงแค่ว่า “ถ้าเจ้าอยากรู้ถึงขนาดนั้น ก็ศึกษาด้วยตัวเองสิ ข้าสอนเจ้าเหมือนท่านโฮมุระไม่ได้หรอก” แต่ถึงนางจะพูดแบบนั้นต่นางก็ยัง แอบอธิบายใบ้ความเล็กๆ ให้โคจิมะอยู่ดี จนถึงเวลางานที่โรงอาบน้ำ โมชิยะห้ามปรามว่าอย่าเอาเรื่องการฝึกเป็นองเมียวจิ ฝึกวิชาดาบ หรือแม้แต่เรื่องการที่
โชกุนชิโระริว มาพักผ่อนที่วัดของโฮมุระ ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่เคล่วคลาดต้องโดนคำถามที่โคจิมะเกี่ยวข้องอะไรกับท่านโชกุน แต่ก็มักจะโดนเถ้าแก่ประจำร้านเอ็ดบ้าง โดนยามะดะด่าทอและขู่ทำร้ายบ้าง แต่ก็มักจะโดนสายตาที่ชื่นชมบ้าง เหยียดด้วยความเกลียดชั่งบ้าง แต่โคจิมะกลับไม่รู้สึกอะไรเลย และยังคงเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนลูกค้าคนหนึ่งที่มิน่าจะใช่คนญี่ปุ่นแน่แท้ เพราะด้วยผมสีทองสดใส ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย เธอนั้นเดินตรงเข้ามาหาเถ้าแก่โรงอาบน้ำ ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากมาใช้บริการโรงอาบน้ำเพียงเท่านั้น แต่เธอนั้นมีท่าทีจะสนใจในโคจิมะ เธอส่งยิ้มเล็กน้อยให้แก่โคจิมะก่อนจะเดินผ่านไปเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ยามะดะนั้นมีสีหน้าที่แดงก่ำและสะกิดที่โคจิมะแล้วกระซิบว่า “เจ้าน่ะรู้หรือเปล่าว่านางผู้นั้นเป็นใคร” โคจิมะส่ายหัวเบาทันที ยามะดะกระซิบต่อว่า “ข้าก็มิรู้หรอกว่านางชื่ออะไร ช่วยถามแทนข้าทีสิ” จากนั้นยามะดะก็หัวเราะแหะๆกลบเกลื่อนประมาณว่าฝากด้วยนะ แล้วเดินฉิวไปทางอื่น ทันใดนั้นนางคนนั้นก็เดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ และเธอก็ให้โคจิมะเข้าไปใส่กลิ่นของน้ำ เธอเริ่มบทสนทนาก่อนว่า “เจ้าชื่ออะไรหรือ” สำเนียงที่ส่อได้ว่ามาจากแดนไกลแน่(นั้นคือยุโรปนั้นเอง) “โคจิมะครับ” โคจิมะตอบไปนิ่งๆ “งั้นหรอข้าชื่อว่า
โดโรธี เดอ บีโอวอล์ฟ เป็นชาวอังกฤษหรือชาวบริเตนนั้นแล” เธอนั้นไม่สงสัยในสำเนียงในยุคสมัยใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่โคจิมะนั้นขัดใจต่อภาษาญี่ปุ่นโบราณที่สำเนี่ยงเป็นสำเนียงชาวอังกฤษโบราณแบบสุดๆ ตัดกลับมาที่ด้านนอกโมชิยะเมื่อรู้ว่าโคจิมะตามโดโรธีไปที่ห้องอาบน้ำเธอถามเถ้าแก่ด้วยอารมณ์รุนแรง “เจ้าหมอนั้นเข้าไปกับแม่ฝรั่งนั้น ข้าไม่ยอมนะใครๆก็ล่ำลื่อว่าชนชาตินางนิสัยเป็นอย่างไร” โมชิยะที่ดูจะห่วงโคจิมะมะจนออกหน้าออกตา “คิกๆ เจ้าดูจะห่วงหนุ่มนั้นละสินะ” โอยาโกะแซวโมชิยะให้นางโกรธเล่น แต่ยามะดะนั้นไม่เชื่อตามคำล่ำลื่อที่โมชิยะว่า “นี้ เถ้าแก่มันตามที่
โมชิยะว่าจริงหรือขอรับ” เถ้าแก่ไม่พูดอะไรแต่ก็ตอบคำถามเขามาว่า “ข้าเองก็มิรู้หรอกเป็นอย่างไร แต่ข้าคิดว่าตอนนี้............โคจิมะเป็นของนางแล้วละมั้ง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ