I Choose You Baby! ประกาศรักจับใจยัยตัวดี
8.0
เขียนโดย วาเลน
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.20 น.
4 chapter
2 วิจารณ์
8,653 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 22.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) (รีไรต์) Chapter 4 เกียร์นั้นสำคัญไฉน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 4
เกียร์นั้นสำคัญไฉน
“ตอนนี้ก็ถึงกิจกรรมสุดท้ายของพวกเราแล้วนะน้อง ๆ ทีมไหนที่ทำเวลาไม่ดีไว้ในด่านก่อน ๆ ยังมีโอกาสแก้ตัวได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติอีกข้อที่สำคัญที่พวกพี่จะสอนน้องนั่นก็คือ ‘ความกล้าหาญ’ เด็กยานยนต์อย่างพวกเราต้องกล้าหาญ ห้ามปอดแหก! แม้วันนี้น้อง ๆ หลายคนจะปอดแหกไปหน่อยก็เหอะ ฮ่า ๆ”
อีพี่นิดมันซาดิสต์แน่ ๆ ถึงหัวเราะสะใจขนาดนี้ แถมยังมีหน้ามาบอกอย่างภาคภูมิใจว่าอุตส่าห์ไปหาสัตว์โลกทั้งหลายมาเลี้ยงไว้ เพื่อรอใช้มันกับพวกเราโดยเฉพาะ
“มาพูดถึงด่านนี้ดีกว่า ด่านสุดท้ายของการวัดใจความเป็นเด็กวิศวะและมันเป็นด่านสำคัญที่พวกพี่จะให้เกียร์พิเศษกับน้อง ๆ บางคนที่คู่ควรจะได้มันไปก่อนการจบกิจกรรมของมหา’ลัย เพราะฉะนั้นพิสูจน์ให้พวกพี่เห็นหน่อยว่าน้องเหมาะกับการเป็นเด็กยานยนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และสามัคคี อวดความเป็นตัวเองออกมาให้เต็มที่กับด่านนี้ ‘คนอวดพี่’”
ทำไมชื่อมันฟังดูคุ้น ๆ และเสียวสันหลังแปลก ๆ อะ รอยยิ้มโรคจิตของอีพี่นิดก็เรียกเสียงฮือฮาเพราะความกังวลใจของเหล่าเฟรชชี่ได้ดีเยี่ยมเลย
“เอาน่า ๆ อย่าปอดแหกไปเลยน้อง ๆ อันเป็นที่รักของพี่นิด ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่าด่านธงแล้วละ คิดถึงเกียร์รุ่นกันไว้ให้มาก ๆ ก่อนที่จะปอดแหกนะครับเพราะปีนี้พวกพี่อุตส่าห์ไม่โหดเถื่อนถ่อย เนื่องจากเป็นอุดมการณ์ของมหา’ลัยที่ว่าเด็กรุ่นใหม่รับน้องอย่างสร้างสรรค์ไม่นิยมความรุนแรง
ฉะนั้นกิจกรรมรับน้องของเราจึงเป็นกิจกรรมที่สร้างความรักความสามัคคีได้โดยไม่ต้องทำอะไรแผลง ๆ หรือทำร้ายจิตใจน้อง ดังเช่นด่านนี้ที่น้อง ๆ แค่ต้องเดินตามทางป้ายลูกศรที่พวกพี่ทำไว้จนกว่าจะถึงปลายทาง เพื่อฝ่าความมืดไปให้ได้ด้วยความกล้าหาญและสามัคคีโดยทำเวลาให้เร็วที่สุดนะ อ้อ...ไม่ต้องกังวลเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่มีแน่นอน! ไร่พี่นิดซะอย่างปลอดภัยหายห่วง”
เมื่อกลางวันพวกฉันเพิ่งไปเดินเล่นเขาดินมาหรือยังไงกันล่ะ ถึงได้กล้าพูดว่าไร่ตัวเองปลอดภัยจากสัตว์ร้ายเนี่ยไอ้พี่นิด -_-^
“ไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์แต่กังวลเรื่องสิ่งไม่มีชีวิตยามค่ำคืนจะดีกว่า วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
หัวเราะได้ชั่วร้ายมากกกอีพี่นิด!
หลังจากโดนโยนระเบิดแห่งความหวาดกลัวไว้แล้ว พวกเราจึงจำใจต้องกล้าหาญเพื่อฝ่าฟันไปคว้าเอาเกียร์รุ่นมาให้ได้ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาเผชิญกับความมืดมิดยามค่ำคืนในไร่ทัศนาแบบนี้ ตอนนี้ฉันจึงเข้าใจแล้วว่าไอ้ด่านคนอวดพี่มันคงเป็นฝาแฝดรายการดังของคุณปัญญาแน่นอน
การที่ต้องมาเดินอยู่ภายใต้แสงจันทร์มีเพียงโคมไฟสว่างเป็นระยะ ๆ ทำให้ความกล้าหาญหายไปได้ง่าย ๆ แม้แต่ไอ้พวกผู้ชายในกลุ่มก็ยังเดินติดกันเป็นตังเม ไม่สนใจแม้แต่การลวนลามของนังเป้ที่วิ่งไปกอดคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างหื่นกระหาย
สวบ~ สาบ~
“เสียงอะไรวะ!” ว่านเอ่ยถามพวกเราที่หยุดเดินกะทันหันพร้อมกันเพราะเสียงเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่ดังมาจากป่าข้างทางที่มืดสนิท
“มึงจะทักทำไมวะ” อาร์ตผลักหัวเพื่อนและเอ่ยเตือน
“แล้วจะหยุดกันทำไมเล่า” ว่านถามพวกเราที่ตอนนี้หยุดเดินและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
แก๊ก แก๊กกก~
“เสียง...”
“ว้ากกกก!!!” O[]O
ไม่ต้องรอให้ไอ้อาร์ตพูดจบประโยคหรอก ตอนนี้ทุกคนใส่เกียร์หมาวิ่งไม่คิดชีวิตเพราะไอ้ตัวขาวโพลนที่ลอยมาหาพวกเราอย่างเชื่องช้า และฉันก็ไม่อยู่รอพิสูจน์ว่ามันคือตัวอะไรเหมือนกันแหละ
“กรี๊ดดด~ ปะ...ปะ...เปออออร์!”
ตายแล้วววว เล็กน้อยมันลงไปนั่งคุดคู้อยู่ข้างทางทำไมฟะ! แม้ว่าสัญชาตญาณจะบอกให้เอาตัวรอดแต่จะทิ้งเพื่อนที่แหกปากเรียกชื่ออยู่แบบนั้นมันก็ดูชั่วเกินไปอะนะ ฉันก็เลยต้องวิ่งกลับไปดูเพื่อนตัวโตที่เอาแต่ร้องโวยวายโดยไม่ดูรอบข้างเลย
“เล็กน้อยลุกเร็วเข้า!”
“ฮือออ TOT ผะ -- ผี จะ -- จับ -- จับขาอะเปอออร์”
ฉันก้มลงดูขาเล็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีมือผีมีเพียงแต่เชือกเก่า ๆ ที่พันกับรองเท้าอยู่ ฉันจึงเอื้อมมือไปเพื่อจะช่วยดึงเชือกออกให้
แปะ~
“หั้ยยย -- ช่วยยย -- หมายยย~”
O[]O!
“อ๊ายยยย!”
แม้จะช็อกกับการได้ใกล้ชิดกับไอ้ตัวขาวโพลนที่โผล่มายืนจับไหล่ฉันอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ช็อกเท่าการเอาตัวรอดของเล็กน้อยที่ลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้นและวิ่งชนไอ้ตัวเพลี้ยขาวจนกระเด็นไปกองอยู่กับพื้น แถมยังทิ้งฉันไว้กลางทางอยู่กับผีหนึ่งตัว TOT
หมับ!
OMG! พี่จับขาโว้ยยยย!
ผัวะ! พลั่ก!
ฉันยันเท้าใส่ตัวไร้ชีวิตแบบสุดแรงเกิด แม้มันอาจจะทะลุผ่านไปได้แต่ฉันก็ใส่แบบไม่ยั้งเพราะความสิ้นคิดล้วน ๆ
“โอ๊ย! พี่ ๆ นี่พี่นิดเองงงง...น้องเปอออร์!”
=[]=
ตายล้าวววว! ผีอีพี่นิดหรือนี่!
“เฮ้ย! นิดเป็นไงบ้างวะ”
ทันทีที่ฉันหยุดกระทืบผีถังแป้งก็มีผู้ชายร่างสูงวิ่งออกมาจากป่าและตรงรี่มาหาผีถังแป้งที่โดนยำตีนของฉันเต็ม ๆ
“ไอ้ -- นิกซ์ กูว่ากูม้ามแตกแล้วว่ะ YOY” พี่นิดตอบร่างสูงที่วิ่งเข้ามาช่วยพยุงแกให้ลุกขึ้นยืน
“นี่! พี่นิกซ์ตั้งใจมาแกล้งเปอร์ด้วยใช่ไหม!”
“จะบ้าเหรอ! ไอ้นิดมันชวนมาเป็นเพื่อนต่างหากเล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เดินมาเป็นกลุ่มเธอน่ะ”
“เออ ๆ น้องเปอร์ทำไมไปมองไอ้นิกซ์ในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ พี่เป็นคนวางแผนแกล้งเองแหละ น้อง ๆ ต้องโดนทุกฐานที่แยกไปนะ พี่เป็นคนรับผิดชอบจุดนี้เอง”
เออ! ก็คนมันระแวงนี่เว้ย! ไอ้หน้าเลือดมันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
“เธอนี่มันชอบใช้กำลังจริง ๆ เลยนะ มานี่เลย...มาช่วยพยุงไอ้นิดกลับเลย เดี๋ยวทีมอื่นเดินเข้ามาเห็นก็แผนแตกพอดี”
“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ก็คนมันตกใจอะ” ฉันเถียงพลางเข้าไปช่วยพยุงพี่นิดอีกแรง “ขอโทษนะพี่นิด เปอร์ไม่ได้ตั้งใจอะ”
“เออ ไม่เป็นไร ๆ แต่น้องเปอร์นี่เท้าโคตรหนักเลยนะ ที่บ้านเปิดค่ายมวยเหรอคร้าบบบ โชคดีที่แกไม่โดนนะไอ้นิกซ์”
“หึ ไม่ใช่แค่เท้าหรอกที่หนักอะ”
อ๊าย! อย่านะเว้ย อย่ามาแฉวีรกรรมโชกเลือดที่ฉันทำกับแกให้ฉันเสียภาพลักษณ์นะเฟ้ย!
“รู้ได้ไงวะ เคยโดนหรือไง”
“หึ ฉันหมายถึง...หนักทั้งตัวน่ะไม่ใช่แค่เท้าหรอก”
แม่ม! หลอกด่าอีกละแต่ก็ดีกว่าถูกแฉอะนะ ฉันไม่อยากให้อีพี่นิดร่วมหัวมา กลั่นแกล้งฉันด้วยอีกคนหรอก
แม้จะเบื่อหน่ายกับการโดนหลอกด่าและต้องมาเกี่ยวข้องกับไอ้หน้าเลือดตัวแสบขนาดไหน แต่ฉันก็ต้องช่วยพยุงพี่นิดออกมาจากดงหญ้าข้างทางก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นแล้วทำให้แผนรับน้องของพวกรุ่นพี่แตกโพละไม่เป็นท่า
แม้ว่าพี่นิดจะเตี้ยกว่าพวกเราแต่การลากคนร่างหนาอย่างพี่แกที่เดินกะเผลกมาด้วยก็ทำให้ทุลักทุเลไม่น้อย จนพวกเราเดินมาถึงป่าดงกล้วยนั่นแหละถึงโล่งใจขึ้นบ้างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแว่วดังมาจากทางเลี้ยวด้านหน้าที่อยู่ห่างไม่กี่เมตร
พึ่บ!
“เฮ้ย! ไฟดับอีกแล้วเหรอวะ” พี่นิดพูดขึ้นมาเมื่อพวกเราต้องหยุดเดินกะทันหันเพราะเสาไฟข้างทางดับลงทำให้ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว มีแต่เสียงแมลงดังหึ่งออกมาจากดงกล้วย
“ดับบ่อยเหรอวะนิด”
“ก็มีบ้างว่ะ ช่วงใช้ไฟเยอะน่ะแต่ไม่ต้องห่วงที่ไร่มีเครื่องปั่นไฟสำรอง เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ติดทีละโซน”
“เออ...แต่มองอะไรไม่เห็นเลย พกมือถือกันมาหรือเปล่า”
“ไม่ได้พกว่ะ”
“เปอร์ก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน”
“เฮ้อ...งั้นยืนรอตรงนี้กันก่อนแล้วกัน”
“เออ...เฮ้ย! นั่นไงตรงทางเลี้ยวใช่ไหมน่ะ”
พวกเรารีบหันไปมองตรงทางเลี้ยวที่มีแสงนวลเรืองส่องให้เห็นทางข้างหน้าสลัว ๆ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
“ไอ้พวกนั้นคงมีไฟฉายเลยเดินมาตามพวกเราแน่ ๆ”
“เออ งั้นรีบไปกันเหอะ”
พวกเราช่วยกันพยุงพี่นิดเดินไปยังแสงไฟสีส้มนวลที่ส่องแสงให้เราได้พอเห็นจุดหมายปลายทางด้านหน้า
“ใครวะช่างมาได้ถูกเวลาจริง ๆ” พี่นิดบอกอย่างอารมณ์ดีและรีบกะเผลกอย่างไว จนพวกเราเดินเลี้ยวพ้นทางโค้งถึงมองเห็นต้นทางของแสงสลัวนั้นได้อย่างเต็มตา
“ผะ -- ผะ -- ผีหลอกกกก!!” O[]O
ผีถังแป้งเจอผู้หญิงผมยาวแต่งชุดไทยสวมสไบสีเขียวยืนรอพวกเราอยู่กลางทางก็ถึงกลับร้องแหกปากดังลั่น และล้มตัวลงก้มหน้าจูบดินพลางร้องโหวกเหวกอะไรไม่ได้สรรพตัวสั่นเหมือนเด็ก ๆ ส่วนฉันไม่ได้โวยวายอะไร ไม่ใช่เพราะใจแข็งแต่เพราะตัวแข็งเป็นหินไปแล้วต่างหากแถมยังโดนใครบางคนเกาะขาไว้อีก ฉันจึงต้องเปลี่ยนเป็นหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตากับสิ่งตรงหน้า
“ปล่อยขาเปอร์เดี๋ยวนี้นะไอ้พี่นิกซ์!”
“ไม่!”
“เกลียดเปอร์ก็ปล่อยเปอร์ไปดิ!”
“พี่ไม่ได้เกลียดดด ตอนนี้พี่รู้สึกดีที่มีน้องเปอออร์~”
แต่ฉันเกลียดแกกกก ฮือออ ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรดดดด
ฉันหรี่ตาดูเพียงเสี้ยววินาทีและนับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อความมืดยังปกคลุม ขณะที่สิ่งลี้ลับนั่นขยับเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้น ฉันจึงพยายามสลัดขาออกจากการเกาะกุมของไอ้พี่นิกซ์แต่ก็ไร้ผล
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
“อย่า! อย่าดิ้นดิน้องเปอร์!”
โอ๊ยยยย! หนีก็ไม่ได้มันใกล้เข้ามาแล้วนะโว้ย! เอเมนพระเจ้าช่วยลูกด้วยเถิดดด TUT
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เอาแล้วงายยย...มันหัวเราะเยาะด้วยอะ เอ๊ะ!? หัวเราะ?
เสียงหัวเราะหลากหลายที่ดังขึ้นรอบตัวทำให้ฉันลืมกลัวและลืมตาขึ้นเพื่อรับรู้ความจริงที่ว่า...
แผนผีหลอกผีมันทำให้น่าอับอายโคตร ๆ แต่คงไม่น่าอายเท่าพี่ว้ากที่ลงไปก้มหน้าตูดโด่งตัวสั่นหมดท่าอยู่บนพื้น และไอ้พี่หรั่งที่นั่งกอดขาฉันตัวสั่นเทาหลับตาปี๋พึมพำเรียกชื่อฉันไม่ขาดปาก เมื่อผู้ชายแมน ๆ สองคนหมดสภาพขนาดนี้ ฉันที่แม้จะกลัวแค่ไหนจึงดูเป็นปกติมากกว่าไอ้พี่สองคนนี้มากนัก ดังนั้นฉันจึงขยับขาให้ไอ้พี่นิกซ์มันรู้ตัวเสียหน่อยแต่เขากลับกอดขาฉันแน่นกว่าเดิมอีก
“เอ่อ...ปล่อยได้แล้วพี่นิกซ์”
“ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ! พ่อครับแม่ครับช่วยนิกซ์ด้วยยย”
“ฮ่า ฮ่า เป็นหนักว่ะ”
ฉันที่อายตัวเองไม่พอยังต้องมาอายแทนอีพี่นิกซ์อีก จึงก้มลงไปพยายามแกะมือของเขาออกจากขา
“ไม่ ๆ ๆ น้องเปอร์ของพี่อย่าทิ้งพี่นะ!”
=[]=
ฉันเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไรยะ! แถมเขายังกอดขาฉันไว้แน่นกว่าเดิมจนฉันเกือบล้มลงไปนั่งที่พื้นกับเขาด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“นิกซ์ปล่อยขาน้องเปอร์ได้แล้ว ไฟติดแล้วเนี่ย...ลืมตาดิวะ” พี่วินร้องบอกน้องคนสนิทของตัวเองให้มันได้สติ
“ฮะ!?”
เอออออ...แหกตามาดูโลกบ้างอีพี่นิกซ์ อีพี่นิดด้วย!
“เอ่อ...เมื่อกี้...”
แหม...พอเห็นคนเยอะแยะอยู่รอบตัวไอ้พี่หน้าเลือดก็ปล่อยขาฉันอย่างไวและยืนขึ้นอย่างมาดแมน แต่คงไม่ทันแล้วแหละ เขาเห็นความอ่อนของแกกันหมดแล้วย่ะ
“โทษทีว่ะ...เมื่อกี้ฉันเองแหละ แหะ ๆ”
นั่นมัน...โอป้าเปลี่ยนไป๊! จากโอป้าสีชมพูกลายเป็นตานีโอป้าสีเขียวอะ รับม่ายด้ายยยย สยดสยองงงงง
“ไอ้โย!”
“ขอโทษษษ~ ฉันไม่รู้นี่หว่าว่าแกสองคนอยู่ด้วยอะ”
เอ๊า! นี่มันตั้งใจมาแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย
“พอ ๆ ดูไอ้นิดนั่นช็อกจนพูดไม่ออกแล้ว รีบกลับกันเถอะ” พี่วินสรุปให้ทุกคนช่วยกันหันไปสนใจพี่นิดที่ตอนนี้นั่งหน้าขาวตาลอยอยู่ที่เดิม ทำเอาฉันที่แม้จะหงุดหงิดที่ได้รู้แผนการชั่วของไอ้ตานีโอป้าก็ยังต้องหัวเราะออกมา
จากนั้นพวกเราจึงต้องช่วยกันพยุงพี่นิดที่เจ็บกายเพราะแรงควายของฉันไม่พอยังมาเจ็บใจเพราะนางตานีโอป้าอีก คืนนี้น้องคงไม่ได้อวดอะไรให้พี่นิดดูอีกแล้วแหละเพราะแกคงช็อกไปถึงเช้าน่ะ -_-^
แบ๊ะ แบ๊ะ~ มอ มอออ~~
OxO
ต้องทำบุญมาขนาดไหนถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นยี่สิบแล้วไม่ได้ต้องลงมาอีกเนี่ย ทั้งที่เมื่อคืนฉันมีความสุขจนแทบทะลักเพราะได้เห็นความอับอายขายขี้หน้าของไอ้พี่นิกซ์ได้ แถมตัวเองยังเป็นหนึ่งในจำนวนเฟรชชี่ไม่กี่คนที่ได้เกียร์รุ่นมาครองก่อนเพื่อนทำให้ไอ้คู่ดูโอ้ดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
และแม้ว่าการประกาศผลรอบกองไฟเมื่อคืนจะทำให้กลุ่มพวกเราเป็นหนึ่งในสามกลุ่มที่คะแนนน้อยสุดจนต้องรับภารกิจสุดท้ายของการรับน้อง แต่ฉันก็ยังสุขใจราวกับชนะที่หนึ่งของรุ่นเพราะไม่คิดว่าต้องมาเผชิญกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้น่ะสิ
"ไงน้อง ๆ ให้กำลังใจเพื่อนกันพอแล้วนะครับ ถึงเวลาหรรษากับสัตว์โลกน่ารักของพวกน้องแล้วแหละ"
ฉันยืนอึ้งทำตาปริบ ๆ สงสารเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองกลุ่มที่ต้องทำความสะอาดคอกวัวกับคอกแพะที่โคตรเหม็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามพี่นิดไปยังสถานลงทัณฑ์ซึ่งเป็นบริเวณที่ร่มรื่นติดกับทุ่งนาและสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเดินลึกเข้าไปจึงได้เห็นแอ่งโคลนซึ่งเมื่อดูจากสภาพแวดล้อมแล้วคงไม่ใช่ฮิปโปโปเตมัสแน่นอน คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...ไอ้ทุยสามตัวที่นอนเคี้ยวเอื้องอยู่ในคอก
"ยินดีกับกลุ่มน้องเปอร์ด้วยที่เป็นรองของรองบ๊วยอีกทีเพราะงานนี้สบายสุดได้ล้างคอกเจ้ากระทิง"
"กระทิงที่ไหนพี่นิด นี่มันควายชัด ๆ บัฟฟาโล่ ยูโนว์?"
"เออออ...ไอโนว์ครับไอ้น้องนัดว่ามันคือควายยย...แต่กระทิงน่ะมันคือชื่อของไอ้ควายที่ยืนอยู่ในคอกนั่น ส่วนอีกสองตัวที่เคี้ยวเอื้องอยู่ตรงกองฟางโน่นมีนิกเนมว่ากระแตกับกระต่าย เข้าใจไหมครับไอ้น้อง"
จะตั้งชื่อมันให้ต่างสปีชีส์ทำไมฟะ ถึงชื่อมันจะดูมุ้งมิ้งแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้พวกฉันรู้สึกดีขึ้นหรอกเฟ้ย
“เอาน่า...ไม่ต้องกลัวกันหรอก ลุยเลยจะได้เสร็จเร็ว ๆ เช็กผลงานไม่เกินสิบโมงโอเค้? พี่จะไปคุมทีมบ๊วย ส่วนทีมของพวกน้องพี่โยชิอาสามาดูแลให้ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกมันเลย” พี่นิดสั่งงานครั้งสุดท้ายก่อนทิ้งพวกเราให้เผชิญหน้ากับเจ้าถิ่น พ่วงด้วยทีมของไอ้ตานีโอป้าที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้และโบกมือหย็อย ๆ อย่างอารมณ์ดีในชะตากรรมของฉัน
“นี่พวกแกว่าจริงหรือเปล่าที่บอกว่าควายมันไม่ชอบสีแดงน่ะ”
เอาอีกละ...พองานเสร็จนังเป้ก็เริ่มตั้งคำถามโลกแตกเหมือนเคย
“ไม่จริงหรอกเป้”
“แกรู้ได้ไงดิว”
“อ้าว ก็เราอยู่บ้านนอกก็เลี้ยงควายมาก่อนนะเว้ย ไม่เห็นมีตัวไหนไล่ควิดคนใส่เสื้อสีแดงเลย”
“แต่กูเคยเห็นคลิปในยูทูปที่มันไล่ควิดสีแดงก็มีจริงนะ” ว่านแย้ง
“เราว่าไม่เกี่ยวว่ะ มันก็คงควิดทุกอย่างแหละถ้ามันตกใจน่ะ”
แม็กมันควรเรียนแพทย์จริง ๆ ดูมีหลักการมากกว่าเพื่อนเลย
“ก็ไม่แน่หรอกแก แต่ฉันอยากเห็นว่ามันจะเป็นเพราะสีหรือว่าเพราะอะไร...เรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ”
นั่นไง...นังเป้มันเริ่มเล่นพิสดารอีกตามเคย อย่างคราวก่อนมันก็พนันกับนัดแข่งกินโค้กใส่น้ำปลาสุดท้ายขี้แตกทั้งคู่ฮากันทั้งกลุ่ม วันนี้ทฤษฎีสีกับควายก็มาอีกแถมที่หนักสุดก็คือไอ้พวกผู้ชายที่สนับสนุนเห็นเป็นเรื่องสนุก ดู ๆ แล้วกลุ่มฉันนี่มันมีใครปกติบ้างวะเนี่ย -_-”
ฉันนั่งทำใจกับความไม่ค่อยปกติของเพื่อนในกลุ่มและรอดูพวกมันพิสูจน์ทฤษฎีบ้าบอกันโดยที่ไม่ได้เข้าไปช่วย สักพักเปเป้ก็กลับมาพร้อมสีเต็มถังและเศษผ้าสีขาวผืนยาว
“เอาละ เดี๋ยวใครจะเป็นผู้กล้าไปท้าชนกับควายคะ อีดิวแล้วกัน...ในฐานะที่แกคุ้นเคยกับควายที่สุด”
“เฮ้ย! กูแค่เคยเลี้ยงควายนะเป้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับควายทุกตัวบนโลกนี้จะได้กล้าไปกวนโมโหมันน่ะ”
“เอ้า! ก็แกบอกเองว่าทฤษฎีนี้มันไม่จริง เพราะงั้นแกต้องพิสูจน์ดิวะ เดี๋ยวจับผ้ากับฉันคนละข้าง โอเค้?”
“ไม่โอเว้ย! กูแค่เคยใส่เสื้อสีแดงเลี้ยงควาย มันก็ไม่เห็นจะควิดเลยแต่ให้เอาผ้าแดงไปโบกล่อมันเนี่ยกูไม่แน่ใจว่ะ”
“อ้าวเหรอ งั้น...เปลี่ยนจากผ้าแดงเป็นให้คนใส่เสื้อสีแดงแทนแล้วกันเนอะ” นังเป้ไม่ละความพยายามที่จะทดลองโดยจัดการโยนผ้าสีขาวที่เตรียมมาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้
“แล้วแกจะเอาเสื้อสีแดงมาจากไหนล่ะ”
“ก็...นี่ไง” เปเป้บอกพลางชูถังสีที่น้ำสีแดงกระเฉาะออกมาเลอะพื้นแล้วทำท่าจะเทใส่ดิวที่ตั้งตัวทัน รีบใส่ล้อฟรีวิ่งหนีความบ้าระห่ำของตุ๊ดขี้สงสัยได้ทันเวลา
"ใครอยู่ข้างเปเป้ยกมือขึ้นเลย ฝ่ายแพ้เลี้ยงข้าวเว้ย" อาร์ตท้าพวกเราที่เหลือซึ่งไม่มีใครเข้าไปห้ามความบ้าของเพื่อน แต่กลับนั่งหัวเราะดิวที่วิ่งหนีนังตุ๊ดพิเรนทร์ไปทั่ว
"น้องเป้เล่นอะไรกันน่ะ" พี่วินเดินเข้ามาถามพวกเราที่เล่นกันเสียงดังลั่นโดยมีนายคู่หูกล้วยหอมจอมซนยืนมองอยู่ห่าง ๆ ราวกับเป็นองครักษ์ให้พี่ชายประจำกลุ่ม
"มันจะทดลองทฤษฎีควายเกลียดสีแดงรึเปล่าน่ะค่ะพี่วิน" เล็กน้อยเป็นคนไขข้อสงสัย
"เฮ้ย ๆ อย่าวิ่งมาทางนี้!"
พวกเราหันไปมองตามเสียงโวยวายของไอ้นัดและเห็นไอ้เป้วิ่งถือถังสีตามดิวมาติด ๆ แต่จู่ๆ ไอ้ดิวก็สะดุดล้มลงบนพื้นไม่ห่างจากพวกเรานักทำให้นังเป้ที่วิ่งตามมาเบรกไม่ทันจึงสะดุดล้มตามไปด้วยอีกคน แต่ที่น่าตกตะลึงคือถังสีที่อยู่ในมือมันนั้นเหาะตรงมาทางพวกเราที่นั่งหัวเราะมันสองคนอยู่นั่นแหละ
โครม!
O[]O
"ตาเถรถังตก! พี่วินนน...เป้ขอโทษษษ YOY”
ทุกคนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง มีก็แต่พี่วินคนแมนสองพันสิบแปดนั่นแหละ ที่ยังยืนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตัวแดงเถือกเละไปทั้งเสื้อและกางเกง แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกของจริง เมื่อไอ้กระทิงมันร้องขึ้นมาเสียงดังลั่นพลางตะกุยดินจนฝุ่นฟุ้งก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาพี่วิน
"เฮ้ยยยยย!"
วิ่งสิคะรออะไร! นาทีนี้ไม่มีใครห่วงใครเพราะต่างวิ่งหนีกันสุดชีวิต ไม่มีเวลามองว่าใครไปทางไหนบ้าง ส่วนฉันก็วิ่งไปทางต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ริมสระน้ำและไม่รู้ว่าทำไมพี่วินถึงต้องเลือกวิ่งตามฉันมาด้วยนะ!
"เร็ว ๆ น้องเปอร์!"
บอกเฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องจับมือไว้แล้วไปด้วยกันแบบนี้หรอกค่ะพี่ TOT ห่างกันสักพักได้ไหมคะพี่วินนนน
ทั่ก ทั่ก ทั่ก ทั่ก
วิ่งจนขาแทบหลุดอยู่แล้วแต่ไอ้กระทิงบ้าสีแดงก็ยังไม่ยอมละความพยายามที่จะควิดพี่วินให้ไส้แตก อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงสระน้ำอยู่แล้วนะเว้ย
“ทำไงมันถึงจะเลิกบ้าวะเนี่ย!”
"ถอดเสื้อทิ้ง!" ฉันตอบพี่วินแบบไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะดูเหมือนว่าไอ้กระทิงมันต้องการเสื้อสีแดงแปร๊ดของพี่แกนั่นแหละ
"ฮะ!"
"เสื้ออะ มันต้องการเสื้อพี่นั่นแหละ ถอดเสื้อออกดิพี่วิน!"
พี่วินยังคงงุนงงกับคำสั่งของฉันที่ดูหื่นกามมิใช่น้อยเพราะเขามัวแต่ลังเล แต่เพราะตอนนี้เขาของไอ้กระทิงมันแทบจะควิดตูดฉันเป็นรูอยู่แล้ว ฉันก็เลยกล้าบ้าบิ่นดึงพี่วินกระโดดลงสระขนาดใหญ่ตรงหน้าเพื่อหนีควายตกมันอย่างไอ้กระทิง
ตูมมมม!
แม่มมมม! ขุดสระซะใหญ่โตแต่ลึกแค่นิดเดียวเองอะ ขนาดฉันยังลึกถึงแค่เอว ส่วนพี่วินก็เปียกแค่กางเกงเท่านั้นแหละ เสื้อก็ยังคงมีสีแดงซึมลึกอยู่ในเนื้อผ้าซึ่งแน่นอนว่าไอ้ควายตกมันก็เห็นเหมือนกัน เพราะจากที่หยุดอยู่อย่างชั่งใจข้าง ๆ สระน้ำ มันก็เริ่มเอาเท้าตะกุยพื้นดินข้างขอบสระอีกครั้งเหมือนว่าอยากจะลงมาแจมกับพวกเราด้วย
แควกกกก!
"เฮ้ย!"
"ไม่เฮ้ยแล้วพี่! ถอดเสื้อทิ้งเดี๋ยวนี้เลย" ฉันกระชากเสื้อของพี่วินจนกระดุมหลุดทุกเม็ดทำให้เห็นซิกซ์แพ็กกับผิวสีแทนแสนเซ็กซี่ขยี้ใจ และจัดการโยนเสื้อทิ้งลงน้ำไปก่อนที่ไอ้กระทิงมันจะกระโดดลงมาควิดของดีสองพันสิบแปด
จ๋อม~
"เฮ้อออ...โล่งอกไปที"
ฉันส่งยิ้มจนตายี๋ให้พี่วินซึ่งเขาก็หันมาส่งยิ้มตอบรับกับความช่วยเหลือของฉัน เมื่อเห็นเจ้ากระทิงเดินวนรอบสระแต่ไม่มีทีท่าว่าจะกระโดดลงมาแล้ว
"โทษทีนะครับทั้งสองคน"
ฉันหันไปมองตามเสียงทักของคนที่เดินมาอยู่ตรงขอบสระอีกฝั่ง
"จะกอดกันอยู่ในน้ำอีกนานไหม แล้วเธอน่ะ...หยุดลวนลามพี่วินได้แล้ว"
"ไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!" ฉันรีบดึงมือตัวเองที่วางแปะอยู่ที่หน้าท้องเปลือยเปล่าสีแทนของพี่วินออกทันที ขณะที่พี่วินก็ยืนโอบเอวฉันไว้ข้างหนึ่งเพื่อยึดไม่ให้เราล้มลงไปเพราะโคลนใต้น้ำที่ดูดเท้าเราทั้งคู่อยู่
สาบานว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะจริงจริ๊งงง แม้ว่าหน้าท้องพี่วินจะแข็งโป๊กชวน ฟินขนาดไหนก็เหอะ -.,-
"นี่เลิกคิดอะไรลามก แล้วปล่อยมือจากพี่วินเลย!"
"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย!"
"อย่ามาปฏิเสธสายตาเธอหื่นซะขนาดนั้น!"
อ๊ากกก >_< ฉันไม่ได้หื่นนะยะแค่อารมณ์ชั่ววูบเว้ย!
"เฮ้อ...เลิกแกล้งน้องได้แล้วฟีนิกซ์ ขึ้นไปกันเถอะน้องเปอร์...ฟีนิกซ์ช่วยดึงขึ้นไปที"
ฉันลุยน้ำตามพี่วินไปยังขอบสระแต่เพราะดินเฉอะแฉะก้นสระทำให้ฉันล้มลงไปพร้อมอาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้า
"น้องเปอร์!" พี่วินที่หันกลับมาเพื่อรอดึงฉันขึ้นไปยังขอบสระร้องเรียกอย่างตกใจ
"โอ๊ย! ข้อเท้าเปอร์อะพี่วิน"
"รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวพี่ลงไปช่วย"
พี่วินโดดลงน้ำอีกครั้งจัดการอุ้มฉันลุยน้ำเพื่อไปยังขอบสระและดันฉันขึ้นไปโดยมีพี่นิกซ์ช่วยดึงอีกแรง
"เปอร์! พี่วิน! เป็นอะไรรึเปล่า"
"เพราะแกแหละไอ้เป้!"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ยะเล็กน้อย...ไม่ได้ตั้งใจจะเทใส่จริง ๆ ซะหน่อยอะ"
เปเป้กับเล็กน้อยที่กลับมาจากการวิ่งหนีตายเมื่อครู่เดินเข้ามาหาพวกเรา ตอนนี้พากันยืนให้กำลังใจฉันกับพี่วินที่ตัวเปียกโชกหลังจากปีนกลับขึ้นมาจากสระ
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แต่เปอร์คงข้อเท้าแพลงน่ะ"
"แล้วไอ้โยชิกับคนอื่นหายไปไหน ใครเห็นบ้างไหม"
"วิ่งไปตามพี่นิดน่ะค่ะพี่นิกซ์"
"เออดี! ให้มันมาดูแลควายมันหน่อย เดือดร้อนกันไปหมดเลย...พี่วินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ"
"เดี๋ยวพี่พาเปอร์ไปหาหมอก่อนดีกว่า"
"จะไปแบบโป๊ ๆ เปียก ๆ เนี่ยนะ เป็นพวกชอบโชว์หรือไงพี่ เดี๋ยวผมพาเปอร์ไปเอง ส่วนพี่น่ะไปอาบน้ำเหอะ"
"แต่น้องก็เปียกนะ พาไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า"
“เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่ไปจัดการตัวเองเหอะ”
“แต่ว่า --”
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมจัดการเอง"
"งั้น...เปอร์ไปกับฟีนิกซ์นะ พี่ไปอาบน้ำก่อน"
"เอ่อ...ก็ได้ค่ะ"
ฉันตอบอย่างไม่แน่ใจนักแต่พี่วินก็แค่ส่งยิ้มให้ฉันแล้วเดินจากไป
"เฮ้ย! ทำอะไรพี่" ฉันร้องถามทันทีที่จู่ ๆ ไอ้เจ้าหนี้หน้าเลือดก็ก้มตัวลงมาหา
"ก็พาไปหาหมอไง เล็กน้อยช่วยไปเอาเสื้อผ้าของเปอร์ไปให้พี่ที่บ้านรับรองหน้าไร่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่พาเปอร์ตามไป”
“ได้ค่ะ” เล็กน้อยรับคำก่อนวิ่งไปทำตามคำสั่ง
“ไม่ต้องอุ้มก็ได้ ลุกเองไหว” ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเลโดยมีนังเป้เข้ามาช่วยพยุง
“เฮ้ย! นังเปอร์!”
“อะไรของแกวะ! ตกใจหมดเลย” ฉันเกือบล้มลงไปอีกรอบเพราะเสียงโวยวายของเปเป้
“หาย...”
“ฮะ?”
“เกียร์ของแก...หายไปแล้วอะ!”
What!!!
ฉันลูบคลำที่คอของตัวเองอย่างว่องไวแต่สร้อยเกียร์ที่ได้มาเมื่อคืนหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนที่ไอ้เป้บอก
“เวรแล้ว! หายไปได้ไงอะ!” ฉันรีบควานหาตามพื้นโดยมีไอ้เป้ช่วยหาอีกแรง
“อาจจะตกระหว่างทางที่แกวิ่งมาก็ได้นะเว้ย ฉันไปหาให้” ไอ้เป้บอกรีบวิ่งไปตามทางเก่าที่ฉันวิ่งหนีมา
“เลิกหาแล้วไปหาหมอเหอะ” ไอ้พี่นิกซ์ยืนกอดอกมองฉันอย่างไร้น้ำใจ
“ถ้ายังหาไม่เจอก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ” ฉันกระดึ๊บไปทั่วพื้นเพื่อมองหาเกียร์ที่ฉันต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ ถ้าพวกรุ่นพี่รู้ว่าทำเกียร์หายฉันต้องโดนลงโทษตามกฎของวิศวะแน่นอน
“งั้นเธอก็คงต้องลงไปงมในสระด้วยเลยมั้ง มันอาจจะหล่นอยู่ในนั้นตอนที่เธอลงไปลวนลามพี่วินก็ได้”
“เออใช่!” คำถากถางที่ทำให้มีความหวังมากขึ้นจนฉันต้องกระดึ๊บไปทางขอบสระเพื่อจะลงไปงมหาอย่างที่ไอ้หน้าเลือดบอก
“เฮ้ย! จะทำอะไรของเธอฮะ!”
“ก็ลงไปหาเกียร์อะดิ” ฉันพยายามปัดมือไอ้พี่นิกซ์ที่ดึงคอเสื้อด้านหลังฉันไว้แน่น
“จะบ้าหรือไง! หาไปก็ไม่เจอหรอก สระกว้างขนาดนั้นน่ะ”
“มันก็คงตกอยู่แค่ตรงที่โดดลงไปนั่นแหละ ขอลงไปหาหน่อยเหอะ” ฉันทำสายตาอ้อนวอนและยังพยายามแหย่ขาอีกข้างที่ยังใช้การได้ดีลงไปยังขอบสระ
“ลงไปก็ได้ขาหักกันพอดี!”
ไอ้พี่นิกซ์กอดฉันจากด้านหลังเพื่อล็อกไม่ให้ฉันกระโดดลงไปในสระ แต่ฉันก็ดิ้นรนสุดชีวิตเพราะเกียร์มันคือชีวิตของเด็กวิศวะนะยะ ไอ้บ้านี่ไม่มีทางเข้าใจหรอก!
“ปล่อยดิเว้ย เปอร์จะลงไปหาเกียร์!”
“ไม่ได้!”
“ฮือออออ เกียร์จ๋ารอเปอร์ก่อนนนน”
“แค่สร้อยอันเดียวไปขอใหม่ก็ได้ยัยถึกงี่เง่า!”
“นายจะไปเข้าใจอะไรฮะไอ้หน้าเลือด! ถ้ามันขอใหม่ได้ฉันก็ไม่คลั่งขนาดนี้หรอกโว้ย!” ฉันใช้พลังแรงถึกของตัวเองผลักหน้าผลักหัวไอ้พี่นิกซ์ออกจากตัว
“โอ๊ย! เลิกจิกหัวฉันสักทียัยถึก! ไม่งั้นฉันจะผลักเธอให้ร่วงลงไปจนขาหักพิการตลอดชาติเลย!”
“แน่จริงก็ผลักสิย่ะ ฉันก็อยากลงไปหาเกียร์เหมือนกันนั่นแหละ!” ฉันเถียงและไม่ลดละในการดึงทึ้งไอ้หน้าเลือด
“อยากลงไปก็ตาม -- เฮ้ยยยยย!”
“เฮ้ย!!”
ตู้มมมมม!
ฉันยังปลอดภัยดีอยู่บนขอบสระแต่ที่น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างขนาดนั้น ก็เพราะไอ้ผู้ชายสุดแสนจะสะอาดสะอ้านได้ลงไปว่ายโคลนเล่นอยู่ใต้สระแทนแล้ว
“ยัยถึกบึกบึน!”
โผล่หัวจากโคลนขึ้นมาได้ก็แหกปากด่าเลยอะ ฮืออออ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกระชากเขาแรงขนาดนั้นนะ แกอยากปลิวตามแรงเองทำไมอะ
“ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจนะ”
“พ่อเป็นเดอะฮัลค์หรือไงยัยถึกถึงได้แรงควายขนาดนี้เนี่ยฮะ!”
แรงงงงงอะ!
“ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไงเล่า!”
“ฉันจะขึ้นไปฆ่าเธอแน่ยัยถึกสิ้นคิด!”
“เดี๋ยว!” ฉันรีบห้ามปรามคนที่ส่งสายตาเคียดแค้นมาให้เพราะว่าเกียร์นั่นสำคัญกับชีวิตมากเกินกว่าจะมากลัวคำขู่ของไอ้หน้าเลือด ฉันจึงคว้าความหวังที่จะได้มันคืนมา
“อ้อนวอนให้ตายฉันก็จะจัดการเธอแน่ยัยตัวแสบ!”
“เออ! จะทำอะไรก็ได้...ขออย่างเดียว...ช่วยหาเกียร์ให้หน่อยดิ...นะ...พลีสสสส” ฉันยกมือพนมไหว้แนบอกพลางส่งสายตาวิงวอนศัตรูคู่แค้นสุดฤทธิ์
“ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วยฮะ หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระเลยนะยัยถึก!”
“ถ้านายยอมช่วยนะ ฉันจะ...” จะอะไรดีฟะ “จะ...ยอมเป็นหนี้บุญคุณครั้งนึงเลย” เอาแบบกว้าง ๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน จะชดใช้หนี้บุญคุณเมื่อไรก็ไม่ได้บอกนี่ ค่อยชิ่งเอาทีหลังแล้วกัน
“แน่ใจ?”
“เออ สาบาน!” ไขว้นิ้วอย่างไว หวังว่าฟ้าคงไม่ผ่านะ
“ก็ได้”
“จริงเหรอ! ขอบคุณน้า~”
“แต่ถ้ามันไม่มี ฉันจะชำระแค้นเธอเพิ่มเป็นสามเท่าเลยยัยบึ้ก!”
เออ ๆ ขู่ไปเหอะ ฉันไม่อยู่ให้รังแกหรอก ฮิฮิ
ฉันนั่งส่งยิ้มเป็นแรงใจให้นายออร่าที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาเกียร์สุดที่รักของฉันไปทั่วสระ หวังในใจว่าจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน
“นังเปอร์ฉัน -- ว้าย! พี่นิกซ์ลงไปเล่นน้ำทำไมอะคะ”
ไอ้เป้ที่วิ่งกลับมาหาพวกเราด้วยเหงื่อโทรมกายร้องถามไอ้พี่นิกซ์ที่ยังควานหาสร้อยของฉันไปทั่ว
“พี่โดนควายควิดลงมาต่างหาก”
“ไอ้กระทิงมันกลับคอกไปแล้วนะคะพี่นิกซ์”
“พี่นิกซ์ลงไปหาเกียร์ให้อะไอ้เป้” ฉันรีบแถเพราะไม่อยากบอกว่าควายตัวนั้นก็คือฉันเองแหละ
“เออ...ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าหาไม่เจอเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร งั้นมันอาจจะอยู่ในสระนั่นแหละ” ฉันพูดอย่างมีหวังขึ้นมาเป็นร้อยเท่า
“แม่ง! หาให้ตายก็ไม่เจอหรอกยัยถึก! ฉันไม่หาให้เธอแล้ว เมื่อยเป็นบ้า โคลนก็เหม็นจะตายชัก!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิพี่นิกซ์ หาอีกหน่อยนะ ๆ ๆ ๆ”
“ไม่! ไปให้ไอ้นิดมันมาดูดน้ำออกจากสระให้เธอเองเหอะ เป้มาช่วยดึงพี่หน่อย”
ม่ายยยย ทำไมแล้งน้ำใจขนาดนี้ฟะ!
ฉันได้แต่นั่งมองไอ้เป้วิ่งไปช่วยดึงไอ้พี่นิกซ์ขึ้นจากสระเพราะคงไม่มีใครจะลงไปงมให้หรอก
“พี่นิกซ์ระวัง -- ว้าย!”
ก๊ากกกกก!
สมน้ำหน้าไอ้ออร่าแล้งน้ำใจที่ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นแฉะ ๆ ข้างสระ
“แม่ง! ซวยจริง -- นี่มัน...”
“เกียร์นังเปอร์!”
“ฮะ!”
ไอ้พี่นิกซ์ชูสร้อยที่หยิบขึ้นมาจากพื้นข้างขอบสระให้ดู และมันก็คือเกียร์ที่เปื้อนโคลนแฉะ ๆ เต็มไปหมด
“เกียร์ของช้านนนน” ฉันกรีดร้องและคลานดึ๊บ ๆ เข้าไปหาไอ้พี่นิกซ์
“เจอแล้วนังเปอร์ แกรอดจากบทลงโทษมหาโหดแล้วแกกกก”
“เออดิ”
“เจอของสำคัญก็ดีแล้ว พี่คงต้องพาเปอร์ไปหาหมอก่อนนะ เป้ไปรายงานไอ้นิดให้หน่อยว่าพวกเราคงกลับมาไม่ทันกิจกรรมสุดท้ายนะ”
“ให้เป้ช่วยพยุงไอ้เปอร์ไปที่รถไหมพี่นิกซ์”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“โอเค งั้นฉันไปรายงานพี่นิดก่อนนะแก”
“เออ ๆ” ฉันโบกมือลาเปเป้และหันมาดีอกดีใจกับของรักที่เพิ่งหาเจอ
“ขอบคุณนะพี่นิกซ์” ฉันส่งยิ้มขอบอกขอบใจไอ้หน้าเลือดแบบจริงใจสุด ๆ และยื่นมือสองข้างไปขอคืนจากเขา
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มากอะ”
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“สุด ๆ”
“ถ้าไม่มีมันถึงกับตายเลยเหรอ”
“แหงแก๋เลยแหละ”
“ต้องรักษายิ่งชีพเลยสินะ”
“ช่ายยยย”
“เป็นหน้าเป็นตาของเด็กวิศวะใช่ไหม”
“ถูกกกกก”
“งั้น...ฉันจะเก็บมันไว้แล้วกัน”
“ได้ -- เฮ้ย! ได้ไง!” เกือบเคลิ้มเลยไอ้บ้าหน้าเลือด แถมยังหน้าด้านเก็บสร้อยของฉันเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
“นั่นมันของฉันนะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉันตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นเพื่อไปยื้อแย่งเอาสร้อยคืนมา
“งั้นก็หยิบไปเองดิ”
แล้วใครมันจะกล้าล้วงเข้าไปในกางเกงแกกันฟะ! ไอ้บ้านี่มันก็ยืนแอ่นใส่หน้าฉันเป็นการท้าทายด้วย ไอ้ทุเรศศศศศ!
“ไอ้โรคจิต!”
“หึหึ ไม่กล้าก็เงียบปากไปเลย ฉันจะเก็บเกียร์ของเธอไว้เป็นประกันว่าไอ้ปอร์เช่มันจะไม่เบี้ยวหนี้ฉัน”
“ไอ้ปอร์มันไม่เบี้ยวหรอกน่า!”
“ใครจะไปรู้ กว่ามันจะใช้หนี้หมดก็ประมาณ...เธออยู่ปีสามอะ เอาไว้ฉันเรียนจบเมื่อไรเธอก็มาเอาคืนแล้วกัน”
“จะบ้าหรือไง! ฉันก็โดนรุ่นพี่เล่นงานน่ะสิ!”
“ก็บอกว่าอยู่ที่ฉันไง”
“ใครจะไปกล้าบอกแบบนั้นฮะ!” การยกเกียร์ให้ใครมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกนะโว้ย!
“งั้นก็ทำตัวดี ๆ ฉันอาจจะใจดีคืนให้ก็ได้”
TUT
“ร้องไห้ไปฉันก็ไม่คืนให้ตอนนี้หรอกนะ เลิกเรื่องมากแล้วไปหาหมอสักที”
“ไม่ต้องอุ้ม เดินเองได้!”
"งั้นคงอีกชั่วโมงละนะกว่าจะไปถึงรถน่ะ นี่เราอยู่ท้ายไร่นะกว่าเธอจะเขย่งไปถึงฉันก็ตะคริวกินพอดี"
"งั้นก็ให้พี่วินมาช่วยแทนก็ได้!”
"ฉันไม่ยอมให้พี่วินมาเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับผู้หญิงหื่นกามอย่างเธอหรอก"
“ไอ้ --”
หุบปากอย่างไวเพราะไอ้บ้านี้มันแอ่นกระเป๋ากางเกงที่ใส่เกียร์ไว้เป็นการขู่อีกแล้วอะ
"เรียนรู้ไวดีนี่ เงียบปากซะก่อนที่ฉันจะเลิกใจดีนะยัยตัวแสบ ไปกันได้แล้ว ฮึบบบ..."
ไอ้บ้านิกซ์ออกแรงยกฉันขึ้นในอ้อมแขน แต่พ้นพื้นเพียงไม่กี่เซ็นต์ เขาก็รีบวางฉันลง
"เธอ...ไม่ได้ขี้มาล้านปีหรือไงถึงได้หนักขนาดนี้น่ะ ขี่หลังเลย อุ้มไม่ไหวหรอก"
ปวดร้าวไปถึงก้นบึ้งหัวจายยยย T^T ทำได้แต่แอบด่าไอ้หน้าเลือดอยู่ในใจและยันตัวขึ้นจากพื้นเพื่อขี่หลังเขาตามคำสั่ง โดยเอื้อมมือไปกอดคอคนตัวสูงไว้อย่างหลวม ๆ
"กอดให้แน่น ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก เดินอีกตั้งไกล"
"ไม่ตกหรอกน่า!"
"นี่…ถ้าเธอร่วงลงไป ฉันก็คงล้มลงไปด้วยแน่นอน มันเป็นหลักการง่าย ๆ ของแรงโน้มถ่วงนะ อะไรที่เบากว่าก็จะถูกดึงโดยสิ่งที่หนักกว่าเข้าใจไหม"
เกลียดนิวตันขึ้นมาจับใจเพราะทฤษฎีการหลอกด่าของไอ้บ้านิกซ์นี่แหละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเกียร์ที่รักตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจร้าย รอให้ได้เกียร์คืนมาก่อนเหอะ ฉันจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยไอ้บ้าฟีนิกซ์!
ติดตามต่อในเล่มนะคะ
ปล. ขอปิดเรื่องอย่างเป็นทางการนะคะ ใครชอบอยากติดตามก็ไปสอย E-Book กันได้ที่ Meb e-book นะคะ เป็นฉบับที่รีไรต์แล้วนะคะ
จิ้มที่...
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzcwNzEyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNzQ0MDciO30
หรืออ่านเป็นตอนจ่ายเหรียญได้ที่
-Jamplay จิ้ม...
https://www.jamplay.world/teen/book5aed570508b0460010650c86?day=8
-ReadAWrite จิ้ม...
https://www.readawrite.com/a/999bb84ff9a5813ec209176cf121ac13
-Fictionlog จิ้ม...
https://fictionlog.co/b/5aeed828be9de43860fa5a35
ขอบคุณที่ติดตามนะคะทุกคนนน^^
เกียร์นั้นสำคัญไฉน
“ตอนนี้ก็ถึงกิจกรรมสุดท้ายของพวกเราแล้วนะน้อง ๆ ทีมไหนที่ทำเวลาไม่ดีไว้ในด่านก่อน ๆ ยังมีโอกาสแก้ตัวได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติอีกข้อที่สำคัญที่พวกพี่จะสอนน้องนั่นก็คือ ‘ความกล้าหาญ’ เด็กยานยนต์อย่างพวกเราต้องกล้าหาญ ห้ามปอดแหก! แม้วันนี้น้อง ๆ หลายคนจะปอดแหกไปหน่อยก็เหอะ ฮ่า ๆ”
อีพี่นิดมันซาดิสต์แน่ ๆ ถึงหัวเราะสะใจขนาดนี้ แถมยังมีหน้ามาบอกอย่างภาคภูมิใจว่าอุตส่าห์ไปหาสัตว์โลกทั้งหลายมาเลี้ยงไว้ เพื่อรอใช้มันกับพวกเราโดยเฉพาะ
“มาพูดถึงด่านนี้ดีกว่า ด่านสุดท้ายของการวัดใจความเป็นเด็กวิศวะและมันเป็นด่านสำคัญที่พวกพี่จะให้เกียร์พิเศษกับน้อง ๆ บางคนที่คู่ควรจะได้มันไปก่อนการจบกิจกรรมของมหา’ลัย เพราะฉะนั้นพิสูจน์ให้พวกพี่เห็นหน่อยว่าน้องเหมาะกับการเป็นเด็กยานยนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และสามัคคี อวดความเป็นตัวเองออกมาให้เต็มที่กับด่านนี้ ‘คนอวดพี่’”
ทำไมชื่อมันฟังดูคุ้น ๆ และเสียวสันหลังแปลก ๆ อะ รอยยิ้มโรคจิตของอีพี่นิดก็เรียกเสียงฮือฮาเพราะความกังวลใจของเหล่าเฟรชชี่ได้ดีเยี่ยมเลย
“เอาน่า ๆ อย่าปอดแหกไปเลยน้อง ๆ อันเป็นที่รักของพี่นิด ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่าด่านธงแล้วละ คิดถึงเกียร์รุ่นกันไว้ให้มาก ๆ ก่อนที่จะปอดแหกนะครับเพราะปีนี้พวกพี่อุตส่าห์ไม่โหดเถื่อนถ่อย เนื่องจากเป็นอุดมการณ์ของมหา’ลัยที่ว่าเด็กรุ่นใหม่รับน้องอย่างสร้างสรรค์ไม่นิยมความรุนแรง
ฉะนั้นกิจกรรมรับน้องของเราจึงเป็นกิจกรรมที่สร้างความรักความสามัคคีได้โดยไม่ต้องทำอะไรแผลง ๆ หรือทำร้ายจิตใจน้อง ดังเช่นด่านนี้ที่น้อง ๆ แค่ต้องเดินตามทางป้ายลูกศรที่พวกพี่ทำไว้จนกว่าจะถึงปลายทาง เพื่อฝ่าความมืดไปให้ได้ด้วยความกล้าหาญและสามัคคีโดยทำเวลาให้เร็วที่สุดนะ อ้อ...ไม่ต้องกังวลเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่มีแน่นอน! ไร่พี่นิดซะอย่างปลอดภัยหายห่วง”
เมื่อกลางวันพวกฉันเพิ่งไปเดินเล่นเขาดินมาหรือยังไงกันล่ะ ถึงได้กล้าพูดว่าไร่ตัวเองปลอดภัยจากสัตว์ร้ายเนี่ยไอ้พี่นิด -_-^
“ไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์แต่กังวลเรื่องสิ่งไม่มีชีวิตยามค่ำคืนจะดีกว่า วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
หัวเราะได้ชั่วร้ายมากกกอีพี่นิด!
หลังจากโดนโยนระเบิดแห่งความหวาดกลัวไว้แล้ว พวกเราจึงจำใจต้องกล้าหาญเพื่อฝ่าฟันไปคว้าเอาเกียร์รุ่นมาให้ได้ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาเผชิญกับความมืดมิดยามค่ำคืนในไร่ทัศนาแบบนี้ ตอนนี้ฉันจึงเข้าใจแล้วว่าไอ้ด่านคนอวดพี่มันคงเป็นฝาแฝดรายการดังของคุณปัญญาแน่นอน
การที่ต้องมาเดินอยู่ภายใต้แสงจันทร์มีเพียงโคมไฟสว่างเป็นระยะ ๆ ทำให้ความกล้าหาญหายไปได้ง่าย ๆ แม้แต่ไอ้พวกผู้ชายในกลุ่มก็ยังเดินติดกันเป็นตังเม ไม่สนใจแม้แต่การลวนลามของนังเป้ที่วิ่งไปกอดคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างหื่นกระหาย
สวบ~ สาบ~
“เสียงอะไรวะ!” ว่านเอ่ยถามพวกเราที่หยุดเดินกะทันหันพร้อมกันเพราะเสียงเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่ดังมาจากป่าข้างทางที่มืดสนิท
“มึงจะทักทำไมวะ” อาร์ตผลักหัวเพื่อนและเอ่ยเตือน
“แล้วจะหยุดกันทำไมเล่า” ว่านถามพวกเราที่ตอนนี้หยุดเดินและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
แก๊ก แก๊กกก~
“เสียง...”
“ว้ากกกก!!!” O[]O
ไม่ต้องรอให้ไอ้อาร์ตพูดจบประโยคหรอก ตอนนี้ทุกคนใส่เกียร์หมาวิ่งไม่คิดชีวิตเพราะไอ้ตัวขาวโพลนที่ลอยมาหาพวกเราอย่างเชื่องช้า และฉันก็ไม่อยู่รอพิสูจน์ว่ามันคือตัวอะไรเหมือนกันแหละ
“กรี๊ดดด~ ปะ...ปะ...เปออออร์!”
ตายแล้วววว เล็กน้อยมันลงไปนั่งคุดคู้อยู่ข้างทางทำไมฟะ! แม้ว่าสัญชาตญาณจะบอกให้เอาตัวรอดแต่จะทิ้งเพื่อนที่แหกปากเรียกชื่ออยู่แบบนั้นมันก็ดูชั่วเกินไปอะนะ ฉันก็เลยต้องวิ่งกลับไปดูเพื่อนตัวโตที่เอาแต่ร้องโวยวายโดยไม่ดูรอบข้างเลย
“เล็กน้อยลุกเร็วเข้า!”
“ฮือออ TOT ผะ -- ผี จะ -- จับ -- จับขาอะเปอออร์”
ฉันก้มลงดูขาเล็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีมือผีมีเพียงแต่เชือกเก่า ๆ ที่พันกับรองเท้าอยู่ ฉันจึงเอื้อมมือไปเพื่อจะช่วยดึงเชือกออกให้
แปะ~
“หั้ยยย -- ช่วยยย -- หมายยย~”
O[]O!
“อ๊ายยยย!”
แม้จะช็อกกับการได้ใกล้ชิดกับไอ้ตัวขาวโพลนที่โผล่มายืนจับไหล่ฉันอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ช็อกเท่าการเอาตัวรอดของเล็กน้อยที่ลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้นและวิ่งชนไอ้ตัวเพลี้ยขาวจนกระเด็นไปกองอยู่กับพื้น แถมยังทิ้งฉันไว้กลางทางอยู่กับผีหนึ่งตัว TOT
หมับ!
OMG! พี่จับขาโว้ยยยย!
ผัวะ! พลั่ก!
ฉันยันเท้าใส่ตัวไร้ชีวิตแบบสุดแรงเกิด แม้มันอาจจะทะลุผ่านไปได้แต่ฉันก็ใส่แบบไม่ยั้งเพราะความสิ้นคิดล้วน ๆ
“โอ๊ย! พี่ ๆ นี่พี่นิดเองงงง...น้องเปอออร์!”
=[]=
ตายล้าวววว! ผีอีพี่นิดหรือนี่!
“เฮ้ย! นิดเป็นไงบ้างวะ”
ทันทีที่ฉันหยุดกระทืบผีถังแป้งก็มีผู้ชายร่างสูงวิ่งออกมาจากป่าและตรงรี่มาหาผีถังแป้งที่โดนยำตีนของฉันเต็ม ๆ
“ไอ้ -- นิกซ์ กูว่ากูม้ามแตกแล้วว่ะ YOY” พี่นิดตอบร่างสูงที่วิ่งเข้ามาช่วยพยุงแกให้ลุกขึ้นยืน
“นี่! พี่นิกซ์ตั้งใจมาแกล้งเปอร์ด้วยใช่ไหม!”
“จะบ้าเหรอ! ไอ้นิดมันชวนมาเป็นเพื่อนต่างหากเล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เดินมาเป็นกลุ่มเธอน่ะ”
“เออ ๆ น้องเปอร์ทำไมไปมองไอ้นิกซ์ในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ พี่เป็นคนวางแผนแกล้งเองแหละ น้อง ๆ ต้องโดนทุกฐานที่แยกไปนะ พี่เป็นคนรับผิดชอบจุดนี้เอง”
เออ! ก็คนมันระแวงนี่เว้ย! ไอ้หน้าเลือดมันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
“เธอนี่มันชอบใช้กำลังจริง ๆ เลยนะ มานี่เลย...มาช่วยพยุงไอ้นิดกลับเลย เดี๋ยวทีมอื่นเดินเข้ามาเห็นก็แผนแตกพอดี”
“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ก็คนมันตกใจอะ” ฉันเถียงพลางเข้าไปช่วยพยุงพี่นิดอีกแรง “ขอโทษนะพี่นิด เปอร์ไม่ได้ตั้งใจอะ”
“เออ ไม่เป็นไร ๆ แต่น้องเปอร์นี่เท้าโคตรหนักเลยนะ ที่บ้านเปิดค่ายมวยเหรอคร้าบบบ โชคดีที่แกไม่โดนนะไอ้นิกซ์”
“หึ ไม่ใช่แค่เท้าหรอกที่หนักอะ”
อ๊าย! อย่านะเว้ย อย่ามาแฉวีรกรรมโชกเลือดที่ฉันทำกับแกให้ฉันเสียภาพลักษณ์นะเฟ้ย!
“รู้ได้ไงวะ เคยโดนหรือไง”
“หึ ฉันหมายถึง...หนักทั้งตัวน่ะไม่ใช่แค่เท้าหรอก”
แม่ม! หลอกด่าอีกละแต่ก็ดีกว่าถูกแฉอะนะ ฉันไม่อยากให้อีพี่นิดร่วมหัวมา กลั่นแกล้งฉันด้วยอีกคนหรอก
แม้จะเบื่อหน่ายกับการโดนหลอกด่าและต้องมาเกี่ยวข้องกับไอ้หน้าเลือดตัวแสบขนาดไหน แต่ฉันก็ต้องช่วยพยุงพี่นิดออกมาจากดงหญ้าข้างทางก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นแล้วทำให้แผนรับน้องของพวกรุ่นพี่แตกโพละไม่เป็นท่า
แม้ว่าพี่นิดจะเตี้ยกว่าพวกเราแต่การลากคนร่างหนาอย่างพี่แกที่เดินกะเผลกมาด้วยก็ทำให้ทุลักทุเลไม่น้อย จนพวกเราเดินมาถึงป่าดงกล้วยนั่นแหละถึงโล่งใจขึ้นบ้างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแว่วดังมาจากทางเลี้ยวด้านหน้าที่อยู่ห่างไม่กี่เมตร
พึ่บ!
“เฮ้ย! ไฟดับอีกแล้วเหรอวะ” พี่นิดพูดขึ้นมาเมื่อพวกเราต้องหยุดเดินกะทันหันเพราะเสาไฟข้างทางดับลงทำให้ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว มีแต่เสียงแมลงดังหึ่งออกมาจากดงกล้วย
“ดับบ่อยเหรอวะนิด”
“ก็มีบ้างว่ะ ช่วงใช้ไฟเยอะน่ะแต่ไม่ต้องห่วงที่ไร่มีเครื่องปั่นไฟสำรอง เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ติดทีละโซน”
“เออ...แต่มองอะไรไม่เห็นเลย พกมือถือกันมาหรือเปล่า”
“ไม่ได้พกว่ะ”
“เปอร์ก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน”
“เฮ้อ...งั้นยืนรอตรงนี้กันก่อนแล้วกัน”
“เออ...เฮ้ย! นั่นไงตรงทางเลี้ยวใช่ไหมน่ะ”
พวกเรารีบหันไปมองตรงทางเลี้ยวที่มีแสงนวลเรืองส่องให้เห็นทางข้างหน้าสลัว ๆ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
“ไอ้พวกนั้นคงมีไฟฉายเลยเดินมาตามพวกเราแน่ ๆ”
“เออ งั้นรีบไปกันเหอะ”
พวกเราช่วยกันพยุงพี่นิดเดินไปยังแสงไฟสีส้มนวลที่ส่องแสงให้เราได้พอเห็นจุดหมายปลายทางด้านหน้า
“ใครวะช่างมาได้ถูกเวลาจริง ๆ” พี่นิดบอกอย่างอารมณ์ดีและรีบกะเผลกอย่างไว จนพวกเราเดินเลี้ยวพ้นทางโค้งถึงมองเห็นต้นทางของแสงสลัวนั้นได้อย่างเต็มตา
“ผะ -- ผะ -- ผีหลอกกกก!!” O[]O
ผีถังแป้งเจอผู้หญิงผมยาวแต่งชุดไทยสวมสไบสีเขียวยืนรอพวกเราอยู่กลางทางก็ถึงกลับร้องแหกปากดังลั่น และล้มตัวลงก้มหน้าจูบดินพลางร้องโหวกเหวกอะไรไม่ได้สรรพตัวสั่นเหมือนเด็ก ๆ ส่วนฉันไม่ได้โวยวายอะไร ไม่ใช่เพราะใจแข็งแต่เพราะตัวแข็งเป็นหินไปแล้วต่างหากแถมยังโดนใครบางคนเกาะขาไว้อีก ฉันจึงต้องเปลี่ยนเป็นหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตากับสิ่งตรงหน้า
“ปล่อยขาเปอร์เดี๋ยวนี้นะไอ้พี่นิกซ์!”
“ไม่!”
“เกลียดเปอร์ก็ปล่อยเปอร์ไปดิ!”
“พี่ไม่ได้เกลียดดด ตอนนี้พี่รู้สึกดีที่มีน้องเปอออร์~”
แต่ฉันเกลียดแกกกก ฮือออ ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรดดดด
ฉันหรี่ตาดูเพียงเสี้ยววินาทีและนับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อความมืดยังปกคลุม ขณะที่สิ่งลี้ลับนั่นขยับเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้น ฉันจึงพยายามสลัดขาออกจากการเกาะกุมของไอ้พี่นิกซ์แต่ก็ไร้ผล
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
“อย่า! อย่าดิ้นดิน้องเปอร์!”
โอ๊ยยยย! หนีก็ไม่ได้มันใกล้เข้ามาแล้วนะโว้ย! เอเมนพระเจ้าช่วยลูกด้วยเถิดดด TUT
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เอาแล้วงายยย...มันหัวเราะเยาะด้วยอะ เอ๊ะ!? หัวเราะ?
เสียงหัวเราะหลากหลายที่ดังขึ้นรอบตัวทำให้ฉันลืมกลัวและลืมตาขึ้นเพื่อรับรู้ความจริงที่ว่า...
แผนผีหลอกผีมันทำให้น่าอับอายโคตร ๆ แต่คงไม่น่าอายเท่าพี่ว้ากที่ลงไปก้มหน้าตูดโด่งตัวสั่นหมดท่าอยู่บนพื้น และไอ้พี่หรั่งที่นั่งกอดขาฉันตัวสั่นเทาหลับตาปี๋พึมพำเรียกชื่อฉันไม่ขาดปาก เมื่อผู้ชายแมน ๆ สองคนหมดสภาพขนาดนี้ ฉันที่แม้จะกลัวแค่ไหนจึงดูเป็นปกติมากกว่าไอ้พี่สองคนนี้มากนัก ดังนั้นฉันจึงขยับขาให้ไอ้พี่นิกซ์มันรู้ตัวเสียหน่อยแต่เขากลับกอดขาฉันแน่นกว่าเดิมอีก
“เอ่อ...ปล่อยได้แล้วพี่นิกซ์”
“ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ! พ่อครับแม่ครับช่วยนิกซ์ด้วยยย”
“ฮ่า ฮ่า เป็นหนักว่ะ”
ฉันที่อายตัวเองไม่พอยังต้องมาอายแทนอีพี่นิกซ์อีก จึงก้มลงไปพยายามแกะมือของเขาออกจากขา
“ไม่ ๆ ๆ น้องเปอร์ของพี่อย่าทิ้งพี่นะ!”
=[]=
ฉันเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไรยะ! แถมเขายังกอดขาฉันไว้แน่นกว่าเดิมจนฉันเกือบล้มลงไปนั่งที่พื้นกับเขาด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“นิกซ์ปล่อยขาน้องเปอร์ได้แล้ว ไฟติดแล้วเนี่ย...ลืมตาดิวะ” พี่วินร้องบอกน้องคนสนิทของตัวเองให้มันได้สติ
“ฮะ!?”
เอออออ...แหกตามาดูโลกบ้างอีพี่นิกซ์ อีพี่นิดด้วย!
“เอ่อ...เมื่อกี้...”
แหม...พอเห็นคนเยอะแยะอยู่รอบตัวไอ้พี่หน้าเลือดก็ปล่อยขาฉันอย่างไวและยืนขึ้นอย่างมาดแมน แต่คงไม่ทันแล้วแหละ เขาเห็นความอ่อนของแกกันหมดแล้วย่ะ
“โทษทีว่ะ...เมื่อกี้ฉันเองแหละ แหะ ๆ”
นั่นมัน...โอป้าเปลี่ยนไป๊! จากโอป้าสีชมพูกลายเป็นตานีโอป้าสีเขียวอะ รับม่ายด้ายยยย สยดสยองงงงง
“ไอ้โย!”
“ขอโทษษษ~ ฉันไม่รู้นี่หว่าว่าแกสองคนอยู่ด้วยอะ”
เอ๊า! นี่มันตั้งใจมาแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย
“พอ ๆ ดูไอ้นิดนั่นช็อกจนพูดไม่ออกแล้ว รีบกลับกันเถอะ” พี่วินสรุปให้ทุกคนช่วยกันหันไปสนใจพี่นิดที่ตอนนี้นั่งหน้าขาวตาลอยอยู่ที่เดิม ทำเอาฉันที่แม้จะหงุดหงิดที่ได้รู้แผนการชั่วของไอ้ตานีโอป้าก็ยังต้องหัวเราะออกมา
จากนั้นพวกเราจึงต้องช่วยกันพยุงพี่นิดที่เจ็บกายเพราะแรงควายของฉันไม่พอยังมาเจ็บใจเพราะนางตานีโอป้าอีก คืนนี้น้องคงไม่ได้อวดอะไรให้พี่นิดดูอีกแล้วแหละเพราะแกคงช็อกไปถึงเช้าน่ะ -_-^
แบ๊ะ แบ๊ะ~ มอ มอออ~~
OxO
ต้องทำบุญมาขนาดไหนถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นยี่สิบแล้วไม่ได้ต้องลงมาอีกเนี่ย ทั้งที่เมื่อคืนฉันมีความสุขจนแทบทะลักเพราะได้เห็นความอับอายขายขี้หน้าของไอ้พี่นิกซ์ได้ แถมตัวเองยังเป็นหนึ่งในจำนวนเฟรชชี่ไม่กี่คนที่ได้เกียร์รุ่นมาครองก่อนเพื่อนทำให้ไอ้คู่ดูโอ้ดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
และแม้ว่าการประกาศผลรอบกองไฟเมื่อคืนจะทำให้กลุ่มพวกเราเป็นหนึ่งในสามกลุ่มที่คะแนนน้อยสุดจนต้องรับภารกิจสุดท้ายของการรับน้อง แต่ฉันก็ยังสุขใจราวกับชนะที่หนึ่งของรุ่นเพราะไม่คิดว่าต้องมาเผชิญกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้น่ะสิ
"ไงน้อง ๆ ให้กำลังใจเพื่อนกันพอแล้วนะครับ ถึงเวลาหรรษากับสัตว์โลกน่ารักของพวกน้องแล้วแหละ"
ฉันยืนอึ้งทำตาปริบ ๆ สงสารเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองกลุ่มที่ต้องทำความสะอาดคอกวัวกับคอกแพะที่โคตรเหม็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามพี่นิดไปยังสถานลงทัณฑ์ซึ่งเป็นบริเวณที่ร่มรื่นติดกับทุ่งนาและสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเดินลึกเข้าไปจึงได้เห็นแอ่งโคลนซึ่งเมื่อดูจากสภาพแวดล้อมแล้วคงไม่ใช่ฮิปโปโปเตมัสแน่นอน คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...ไอ้ทุยสามตัวที่นอนเคี้ยวเอื้องอยู่ในคอก
"ยินดีกับกลุ่มน้องเปอร์ด้วยที่เป็นรองของรองบ๊วยอีกทีเพราะงานนี้สบายสุดได้ล้างคอกเจ้ากระทิง"
"กระทิงที่ไหนพี่นิด นี่มันควายชัด ๆ บัฟฟาโล่ ยูโนว์?"
"เออออ...ไอโนว์ครับไอ้น้องนัดว่ามันคือควายยย...แต่กระทิงน่ะมันคือชื่อของไอ้ควายที่ยืนอยู่ในคอกนั่น ส่วนอีกสองตัวที่เคี้ยวเอื้องอยู่ตรงกองฟางโน่นมีนิกเนมว่ากระแตกับกระต่าย เข้าใจไหมครับไอ้น้อง"
จะตั้งชื่อมันให้ต่างสปีชีส์ทำไมฟะ ถึงชื่อมันจะดูมุ้งมิ้งแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้พวกฉันรู้สึกดีขึ้นหรอกเฟ้ย
“เอาน่า...ไม่ต้องกลัวกันหรอก ลุยเลยจะได้เสร็จเร็ว ๆ เช็กผลงานไม่เกินสิบโมงโอเค้? พี่จะไปคุมทีมบ๊วย ส่วนทีมของพวกน้องพี่โยชิอาสามาดูแลให้ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกมันเลย” พี่นิดสั่งงานครั้งสุดท้ายก่อนทิ้งพวกเราให้เผชิญหน้ากับเจ้าถิ่น พ่วงด้วยทีมของไอ้ตานีโอป้าที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้และโบกมือหย็อย ๆ อย่างอารมณ์ดีในชะตากรรมของฉัน
“นี่พวกแกว่าจริงหรือเปล่าที่บอกว่าควายมันไม่ชอบสีแดงน่ะ”
เอาอีกละ...พองานเสร็จนังเป้ก็เริ่มตั้งคำถามโลกแตกเหมือนเคย
“ไม่จริงหรอกเป้”
“แกรู้ได้ไงดิว”
“อ้าว ก็เราอยู่บ้านนอกก็เลี้ยงควายมาก่อนนะเว้ย ไม่เห็นมีตัวไหนไล่ควิดคนใส่เสื้อสีแดงเลย”
“แต่กูเคยเห็นคลิปในยูทูปที่มันไล่ควิดสีแดงก็มีจริงนะ” ว่านแย้ง
“เราว่าไม่เกี่ยวว่ะ มันก็คงควิดทุกอย่างแหละถ้ามันตกใจน่ะ”
แม็กมันควรเรียนแพทย์จริง ๆ ดูมีหลักการมากกว่าเพื่อนเลย
“ก็ไม่แน่หรอกแก แต่ฉันอยากเห็นว่ามันจะเป็นเพราะสีหรือว่าเพราะอะไร...เรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ”
นั่นไง...นังเป้มันเริ่มเล่นพิสดารอีกตามเคย อย่างคราวก่อนมันก็พนันกับนัดแข่งกินโค้กใส่น้ำปลาสุดท้ายขี้แตกทั้งคู่ฮากันทั้งกลุ่ม วันนี้ทฤษฎีสีกับควายก็มาอีกแถมที่หนักสุดก็คือไอ้พวกผู้ชายที่สนับสนุนเห็นเป็นเรื่องสนุก ดู ๆ แล้วกลุ่มฉันนี่มันมีใครปกติบ้างวะเนี่ย -_-”
ฉันนั่งทำใจกับความไม่ค่อยปกติของเพื่อนในกลุ่มและรอดูพวกมันพิสูจน์ทฤษฎีบ้าบอกันโดยที่ไม่ได้เข้าไปช่วย สักพักเปเป้ก็กลับมาพร้อมสีเต็มถังและเศษผ้าสีขาวผืนยาว
“เอาละ เดี๋ยวใครจะเป็นผู้กล้าไปท้าชนกับควายคะ อีดิวแล้วกัน...ในฐานะที่แกคุ้นเคยกับควายที่สุด”
“เฮ้ย! กูแค่เคยเลี้ยงควายนะเป้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับควายทุกตัวบนโลกนี้จะได้กล้าไปกวนโมโหมันน่ะ”
“เอ้า! ก็แกบอกเองว่าทฤษฎีนี้มันไม่จริง เพราะงั้นแกต้องพิสูจน์ดิวะ เดี๋ยวจับผ้ากับฉันคนละข้าง โอเค้?”
“ไม่โอเว้ย! กูแค่เคยใส่เสื้อสีแดงเลี้ยงควาย มันก็ไม่เห็นจะควิดเลยแต่ให้เอาผ้าแดงไปโบกล่อมันเนี่ยกูไม่แน่ใจว่ะ”
“อ้าวเหรอ งั้น...เปลี่ยนจากผ้าแดงเป็นให้คนใส่เสื้อสีแดงแทนแล้วกันเนอะ” นังเป้ไม่ละความพยายามที่จะทดลองโดยจัดการโยนผ้าสีขาวที่เตรียมมาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้
“แล้วแกจะเอาเสื้อสีแดงมาจากไหนล่ะ”
“ก็...นี่ไง” เปเป้บอกพลางชูถังสีที่น้ำสีแดงกระเฉาะออกมาเลอะพื้นแล้วทำท่าจะเทใส่ดิวที่ตั้งตัวทัน รีบใส่ล้อฟรีวิ่งหนีความบ้าระห่ำของตุ๊ดขี้สงสัยได้ทันเวลา
"ใครอยู่ข้างเปเป้ยกมือขึ้นเลย ฝ่ายแพ้เลี้ยงข้าวเว้ย" อาร์ตท้าพวกเราที่เหลือซึ่งไม่มีใครเข้าไปห้ามความบ้าของเพื่อน แต่กลับนั่งหัวเราะดิวที่วิ่งหนีนังตุ๊ดพิเรนทร์ไปทั่ว
"น้องเป้เล่นอะไรกันน่ะ" พี่วินเดินเข้ามาถามพวกเราที่เล่นกันเสียงดังลั่นโดยมีนายคู่หูกล้วยหอมจอมซนยืนมองอยู่ห่าง ๆ ราวกับเป็นองครักษ์ให้พี่ชายประจำกลุ่ม
"มันจะทดลองทฤษฎีควายเกลียดสีแดงรึเปล่าน่ะค่ะพี่วิน" เล็กน้อยเป็นคนไขข้อสงสัย
"เฮ้ย ๆ อย่าวิ่งมาทางนี้!"
พวกเราหันไปมองตามเสียงโวยวายของไอ้นัดและเห็นไอ้เป้วิ่งถือถังสีตามดิวมาติด ๆ แต่จู่ๆ ไอ้ดิวก็สะดุดล้มลงบนพื้นไม่ห่างจากพวกเรานักทำให้นังเป้ที่วิ่งตามมาเบรกไม่ทันจึงสะดุดล้มตามไปด้วยอีกคน แต่ที่น่าตกตะลึงคือถังสีที่อยู่ในมือมันนั้นเหาะตรงมาทางพวกเราที่นั่งหัวเราะมันสองคนอยู่นั่นแหละ
โครม!
O[]O
"ตาเถรถังตก! พี่วินนน...เป้ขอโทษษษ YOY”
ทุกคนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง มีก็แต่พี่วินคนแมนสองพันสิบแปดนั่นแหละ ที่ยังยืนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตัวแดงเถือกเละไปทั้งเสื้อและกางเกง แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกของจริง เมื่อไอ้กระทิงมันร้องขึ้นมาเสียงดังลั่นพลางตะกุยดินจนฝุ่นฟุ้งก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาพี่วิน
"เฮ้ยยยยย!"
วิ่งสิคะรออะไร! นาทีนี้ไม่มีใครห่วงใครเพราะต่างวิ่งหนีกันสุดชีวิต ไม่มีเวลามองว่าใครไปทางไหนบ้าง ส่วนฉันก็วิ่งไปทางต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ริมสระน้ำและไม่รู้ว่าทำไมพี่วินถึงต้องเลือกวิ่งตามฉันมาด้วยนะ!
"เร็ว ๆ น้องเปอร์!"
บอกเฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องจับมือไว้แล้วไปด้วยกันแบบนี้หรอกค่ะพี่ TOT ห่างกันสักพักได้ไหมคะพี่วินนนน
ทั่ก ทั่ก ทั่ก ทั่ก
วิ่งจนขาแทบหลุดอยู่แล้วแต่ไอ้กระทิงบ้าสีแดงก็ยังไม่ยอมละความพยายามที่จะควิดพี่วินให้ไส้แตก อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงสระน้ำอยู่แล้วนะเว้ย
“ทำไงมันถึงจะเลิกบ้าวะเนี่ย!”
"ถอดเสื้อทิ้ง!" ฉันตอบพี่วินแบบไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะดูเหมือนว่าไอ้กระทิงมันต้องการเสื้อสีแดงแปร๊ดของพี่แกนั่นแหละ
"ฮะ!"
"เสื้ออะ มันต้องการเสื้อพี่นั่นแหละ ถอดเสื้อออกดิพี่วิน!"
พี่วินยังคงงุนงงกับคำสั่งของฉันที่ดูหื่นกามมิใช่น้อยเพราะเขามัวแต่ลังเล แต่เพราะตอนนี้เขาของไอ้กระทิงมันแทบจะควิดตูดฉันเป็นรูอยู่แล้ว ฉันก็เลยกล้าบ้าบิ่นดึงพี่วินกระโดดลงสระขนาดใหญ่ตรงหน้าเพื่อหนีควายตกมันอย่างไอ้กระทิง
ตูมมมม!
แม่มมมม! ขุดสระซะใหญ่โตแต่ลึกแค่นิดเดียวเองอะ ขนาดฉันยังลึกถึงแค่เอว ส่วนพี่วินก็เปียกแค่กางเกงเท่านั้นแหละ เสื้อก็ยังคงมีสีแดงซึมลึกอยู่ในเนื้อผ้าซึ่งแน่นอนว่าไอ้ควายตกมันก็เห็นเหมือนกัน เพราะจากที่หยุดอยู่อย่างชั่งใจข้าง ๆ สระน้ำ มันก็เริ่มเอาเท้าตะกุยพื้นดินข้างขอบสระอีกครั้งเหมือนว่าอยากจะลงมาแจมกับพวกเราด้วย
แควกกกก!
"เฮ้ย!"
"ไม่เฮ้ยแล้วพี่! ถอดเสื้อทิ้งเดี๋ยวนี้เลย" ฉันกระชากเสื้อของพี่วินจนกระดุมหลุดทุกเม็ดทำให้เห็นซิกซ์แพ็กกับผิวสีแทนแสนเซ็กซี่ขยี้ใจ และจัดการโยนเสื้อทิ้งลงน้ำไปก่อนที่ไอ้กระทิงมันจะกระโดดลงมาควิดของดีสองพันสิบแปด
จ๋อม~
"เฮ้อออ...โล่งอกไปที"
ฉันส่งยิ้มจนตายี๋ให้พี่วินซึ่งเขาก็หันมาส่งยิ้มตอบรับกับความช่วยเหลือของฉัน เมื่อเห็นเจ้ากระทิงเดินวนรอบสระแต่ไม่มีทีท่าว่าจะกระโดดลงมาแล้ว
"โทษทีนะครับทั้งสองคน"
ฉันหันไปมองตามเสียงทักของคนที่เดินมาอยู่ตรงขอบสระอีกฝั่ง
"จะกอดกันอยู่ในน้ำอีกนานไหม แล้วเธอน่ะ...หยุดลวนลามพี่วินได้แล้ว"
"ไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!" ฉันรีบดึงมือตัวเองที่วางแปะอยู่ที่หน้าท้องเปลือยเปล่าสีแทนของพี่วินออกทันที ขณะที่พี่วินก็ยืนโอบเอวฉันไว้ข้างหนึ่งเพื่อยึดไม่ให้เราล้มลงไปเพราะโคลนใต้น้ำที่ดูดเท้าเราทั้งคู่อยู่
สาบานว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะจริงจริ๊งงง แม้ว่าหน้าท้องพี่วินจะแข็งโป๊กชวน ฟินขนาดไหนก็เหอะ -.,-
"นี่เลิกคิดอะไรลามก แล้วปล่อยมือจากพี่วินเลย!"
"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย!"
"อย่ามาปฏิเสธสายตาเธอหื่นซะขนาดนั้น!"
อ๊ากกก >_< ฉันไม่ได้หื่นนะยะแค่อารมณ์ชั่ววูบเว้ย!
"เฮ้อ...เลิกแกล้งน้องได้แล้วฟีนิกซ์ ขึ้นไปกันเถอะน้องเปอร์...ฟีนิกซ์ช่วยดึงขึ้นไปที"
ฉันลุยน้ำตามพี่วินไปยังขอบสระแต่เพราะดินเฉอะแฉะก้นสระทำให้ฉันล้มลงไปพร้อมอาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้า
"น้องเปอร์!" พี่วินที่หันกลับมาเพื่อรอดึงฉันขึ้นไปยังขอบสระร้องเรียกอย่างตกใจ
"โอ๊ย! ข้อเท้าเปอร์อะพี่วิน"
"รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวพี่ลงไปช่วย"
พี่วินโดดลงน้ำอีกครั้งจัดการอุ้มฉันลุยน้ำเพื่อไปยังขอบสระและดันฉันขึ้นไปโดยมีพี่นิกซ์ช่วยดึงอีกแรง
"เปอร์! พี่วิน! เป็นอะไรรึเปล่า"
"เพราะแกแหละไอ้เป้!"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ยะเล็กน้อย...ไม่ได้ตั้งใจจะเทใส่จริง ๆ ซะหน่อยอะ"
เปเป้กับเล็กน้อยที่กลับมาจากการวิ่งหนีตายเมื่อครู่เดินเข้ามาหาพวกเรา ตอนนี้พากันยืนให้กำลังใจฉันกับพี่วินที่ตัวเปียกโชกหลังจากปีนกลับขึ้นมาจากสระ
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แต่เปอร์คงข้อเท้าแพลงน่ะ"
"แล้วไอ้โยชิกับคนอื่นหายไปไหน ใครเห็นบ้างไหม"
"วิ่งไปตามพี่นิดน่ะค่ะพี่นิกซ์"
"เออดี! ให้มันมาดูแลควายมันหน่อย เดือดร้อนกันไปหมดเลย...พี่วินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ"
"เดี๋ยวพี่พาเปอร์ไปหาหมอก่อนดีกว่า"
"จะไปแบบโป๊ ๆ เปียก ๆ เนี่ยนะ เป็นพวกชอบโชว์หรือไงพี่ เดี๋ยวผมพาเปอร์ไปเอง ส่วนพี่น่ะไปอาบน้ำเหอะ"
"แต่น้องก็เปียกนะ พาไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า"
“เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่ไปจัดการตัวเองเหอะ”
“แต่ว่า --”
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมจัดการเอง"
"งั้น...เปอร์ไปกับฟีนิกซ์นะ พี่ไปอาบน้ำก่อน"
"เอ่อ...ก็ได้ค่ะ"
ฉันตอบอย่างไม่แน่ใจนักแต่พี่วินก็แค่ส่งยิ้มให้ฉันแล้วเดินจากไป
"เฮ้ย! ทำอะไรพี่" ฉันร้องถามทันทีที่จู่ ๆ ไอ้เจ้าหนี้หน้าเลือดก็ก้มตัวลงมาหา
"ก็พาไปหาหมอไง เล็กน้อยช่วยไปเอาเสื้อผ้าของเปอร์ไปให้พี่ที่บ้านรับรองหน้าไร่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่พาเปอร์ตามไป”
“ได้ค่ะ” เล็กน้อยรับคำก่อนวิ่งไปทำตามคำสั่ง
“ไม่ต้องอุ้มก็ได้ ลุกเองไหว” ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเลโดยมีนังเป้เข้ามาช่วยพยุง
“เฮ้ย! นังเปอร์!”
“อะไรของแกวะ! ตกใจหมดเลย” ฉันเกือบล้มลงไปอีกรอบเพราะเสียงโวยวายของเปเป้
“หาย...”
“ฮะ?”
“เกียร์ของแก...หายไปแล้วอะ!”
What!!!
ฉันลูบคลำที่คอของตัวเองอย่างว่องไวแต่สร้อยเกียร์ที่ได้มาเมื่อคืนหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนที่ไอ้เป้บอก
“เวรแล้ว! หายไปได้ไงอะ!” ฉันรีบควานหาตามพื้นโดยมีไอ้เป้ช่วยหาอีกแรง
“อาจจะตกระหว่างทางที่แกวิ่งมาก็ได้นะเว้ย ฉันไปหาให้” ไอ้เป้บอกรีบวิ่งไปตามทางเก่าที่ฉันวิ่งหนีมา
“เลิกหาแล้วไปหาหมอเหอะ” ไอ้พี่นิกซ์ยืนกอดอกมองฉันอย่างไร้น้ำใจ
“ถ้ายังหาไม่เจอก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ” ฉันกระดึ๊บไปทั่วพื้นเพื่อมองหาเกียร์ที่ฉันต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ ถ้าพวกรุ่นพี่รู้ว่าทำเกียร์หายฉันต้องโดนลงโทษตามกฎของวิศวะแน่นอน
“งั้นเธอก็คงต้องลงไปงมในสระด้วยเลยมั้ง มันอาจจะหล่นอยู่ในนั้นตอนที่เธอลงไปลวนลามพี่วินก็ได้”
“เออใช่!” คำถากถางที่ทำให้มีความหวังมากขึ้นจนฉันต้องกระดึ๊บไปทางขอบสระเพื่อจะลงไปงมหาอย่างที่ไอ้หน้าเลือดบอก
“เฮ้ย! จะทำอะไรของเธอฮะ!”
“ก็ลงไปหาเกียร์อะดิ” ฉันพยายามปัดมือไอ้พี่นิกซ์ที่ดึงคอเสื้อด้านหลังฉันไว้แน่น
“จะบ้าหรือไง! หาไปก็ไม่เจอหรอก สระกว้างขนาดนั้นน่ะ”
“มันก็คงตกอยู่แค่ตรงที่โดดลงไปนั่นแหละ ขอลงไปหาหน่อยเหอะ” ฉันทำสายตาอ้อนวอนและยังพยายามแหย่ขาอีกข้างที่ยังใช้การได้ดีลงไปยังขอบสระ
“ลงไปก็ได้ขาหักกันพอดี!”
ไอ้พี่นิกซ์กอดฉันจากด้านหลังเพื่อล็อกไม่ให้ฉันกระโดดลงไปในสระ แต่ฉันก็ดิ้นรนสุดชีวิตเพราะเกียร์มันคือชีวิตของเด็กวิศวะนะยะ ไอ้บ้านี่ไม่มีทางเข้าใจหรอก!
“ปล่อยดิเว้ย เปอร์จะลงไปหาเกียร์!”
“ไม่ได้!”
“ฮือออออ เกียร์จ๋ารอเปอร์ก่อนนนน”
“แค่สร้อยอันเดียวไปขอใหม่ก็ได้ยัยถึกงี่เง่า!”
“นายจะไปเข้าใจอะไรฮะไอ้หน้าเลือด! ถ้ามันขอใหม่ได้ฉันก็ไม่คลั่งขนาดนี้หรอกโว้ย!” ฉันใช้พลังแรงถึกของตัวเองผลักหน้าผลักหัวไอ้พี่นิกซ์ออกจากตัว
“โอ๊ย! เลิกจิกหัวฉันสักทียัยถึก! ไม่งั้นฉันจะผลักเธอให้ร่วงลงไปจนขาหักพิการตลอดชาติเลย!”
“แน่จริงก็ผลักสิย่ะ ฉันก็อยากลงไปหาเกียร์เหมือนกันนั่นแหละ!” ฉันเถียงและไม่ลดละในการดึงทึ้งไอ้หน้าเลือด
“อยากลงไปก็ตาม -- เฮ้ยยยยย!”
“เฮ้ย!!”
ตู้มมมมม!
ฉันยังปลอดภัยดีอยู่บนขอบสระแต่ที่น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างขนาดนั้น ก็เพราะไอ้ผู้ชายสุดแสนจะสะอาดสะอ้านได้ลงไปว่ายโคลนเล่นอยู่ใต้สระแทนแล้ว
“ยัยถึกบึกบึน!”
โผล่หัวจากโคลนขึ้นมาได้ก็แหกปากด่าเลยอะ ฮืออออ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกระชากเขาแรงขนาดนั้นนะ แกอยากปลิวตามแรงเองทำไมอะ
“ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจนะ”
“พ่อเป็นเดอะฮัลค์หรือไงยัยถึกถึงได้แรงควายขนาดนี้เนี่ยฮะ!”
แรงงงงงอะ!
“ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไงเล่า!”
“ฉันจะขึ้นไปฆ่าเธอแน่ยัยถึกสิ้นคิด!”
“เดี๋ยว!” ฉันรีบห้ามปรามคนที่ส่งสายตาเคียดแค้นมาให้เพราะว่าเกียร์นั่นสำคัญกับชีวิตมากเกินกว่าจะมากลัวคำขู่ของไอ้หน้าเลือด ฉันจึงคว้าความหวังที่จะได้มันคืนมา
“อ้อนวอนให้ตายฉันก็จะจัดการเธอแน่ยัยตัวแสบ!”
“เออ! จะทำอะไรก็ได้...ขออย่างเดียว...ช่วยหาเกียร์ให้หน่อยดิ...นะ...พลีสสสส” ฉันยกมือพนมไหว้แนบอกพลางส่งสายตาวิงวอนศัตรูคู่แค้นสุดฤทธิ์
“ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วยฮะ หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระเลยนะยัยถึก!”
“ถ้านายยอมช่วยนะ ฉันจะ...” จะอะไรดีฟะ “จะ...ยอมเป็นหนี้บุญคุณครั้งนึงเลย” เอาแบบกว้าง ๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน จะชดใช้หนี้บุญคุณเมื่อไรก็ไม่ได้บอกนี่ ค่อยชิ่งเอาทีหลังแล้วกัน
“แน่ใจ?”
“เออ สาบาน!” ไขว้นิ้วอย่างไว หวังว่าฟ้าคงไม่ผ่านะ
“ก็ได้”
“จริงเหรอ! ขอบคุณน้า~”
“แต่ถ้ามันไม่มี ฉันจะชำระแค้นเธอเพิ่มเป็นสามเท่าเลยยัยบึ้ก!”
เออ ๆ ขู่ไปเหอะ ฉันไม่อยู่ให้รังแกหรอก ฮิฮิ
ฉันนั่งส่งยิ้มเป็นแรงใจให้นายออร่าที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาเกียร์สุดที่รักของฉันไปทั่วสระ หวังในใจว่าจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน
“นังเปอร์ฉัน -- ว้าย! พี่นิกซ์ลงไปเล่นน้ำทำไมอะคะ”
ไอ้เป้ที่วิ่งกลับมาหาพวกเราด้วยเหงื่อโทรมกายร้องถามไอ้พี่นิกซ์ที่ยังควานหาสร้อยของฉันไปทั่ว
“พี่โดนควายควิดลงมาต่างหาก”
“ไอ้กระทิงมันกลับคอกไปแล้วนะคะพี่นิกซ์”
“พี่นิกซ์ลงไปหาเกียร์ให้อะไอ้เป้” ฉันรีบแถเพราะไม่อยากบอกว่าควายตัวนั้นก็คือฉันเองแหละ
“เออ...ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าหาไม่เจอเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร งั้นมันอาจจะอยู่ในสระนั่นแหละ” ฉันพูดอย่างมีหวังขึ้นมาเป็นร้อยเท่า
“แม่ง! หาให้ตายก็ไม่เจอหรอกยัยถึก! ฉันไม่หาให้เธอแล้ว เมื่อยเป็นบ้า โคลนก็เหม็นจะตายชัก!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิพี่นิกซ์ หาอีกหน่อยนะ ๆ ๆ ๆ”
“ไม่! ไปให้ไอ้นิดมันมาดูดน้ำออกจากสระให้เธอเองเหอะ เป้มาช่วยดึงพี่หน่อย”
ม่ายยยย ทำไมแล้งน้ำใจขนาดนี้ฟะ!
ฉันได้แต่นั่งมองไอ้เป้วิ่งไปช่วยดึงไอ้พี่นิกซ์ขึ้นจากสระเพราะคงไม่มีใครจะลงไปงมให้หรอก
“พี่นิกซ์ระวัง -- ว้าย!”
ก๊ากกกกก!
สมน้ำหน้าไอ้ออร่าแล้งน้ำใจที่ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นแฉะ ๆ ข้างสระ
“แม่ง! ซวยจริง -- นี่มัน...”
“เกียร์นังเปอร์!”
“ฮะ!”
ไอ้พี่นิกซ์ชูสร้อยที่หยิบขึ้นมาจากพื้นข้างขอบสระให้ดู และมันก็คือเกียร์ที่เปื้อนโคลนแฉะ ๆ เต็มไปหมด
“เกียร์ของช้านนนน” ฉันกรีดร้องและคลานดึ๊บ ๆ เข้าไปหาไอ้พี่นิกซ์
“เจอแล้วนังเปอร์ แกรอดจากบทลงโทษมหาโหดแล้วแกกกก”
“เออดิ”
“เจอของสำคัญก็ดีแล้ว พี่คงต้องพาเปอร์ไปหาหมอก่อนนะ เป้ไปรายงานไอ้นิดให้หน่อยว่าพวกเราคงกลับมาไม่ทันกิจกรรมสุดท้ายนะ”
“ให้เป้ช่วยพยุงไอ้เปอร์ไปที่รถไหมพี่นิกซ์”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“โอเค งั้นฉันไปรายงานพี่นิดก่อนนะแก”
“เออ ๆ” ฉันโบกมือลาเปเป้และหันมาดีอกดีใจกับของรักที่เพิ่งหาเจอ
“ขอบคุณนะพี่นิกซ์” ฉันส่งยิ้มขอบอกขอบใจไอ้หน้าเลือดแบบจริงใจสุด ๆ และยื่นมือสองข้างไปขอคืนจากเขา
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มากอะ”
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“สุด ๆ”
“ถ้าไม่มีมันถึงกับตายเลยเหรอ”
“แหงแก๋เลยแหละ”
“ต้องรักษายิ่งชีพเลยสินะ”
“ช่ายยยย”
“เป็นหน้าเป็นตาของเด็กวิศวะใช่ไหม”
“ถูกกกกก”
“งั้น...ฉันจะเก็บมันไว้แล้วกัน”
“ได้ -- เฮ้ย! ได้ไง!” เกือบเคลิ้มเลยไอ้บ้าหน้าเลือด แถมยังหน้าด้านเก็บสร้อยของฉันเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
“นั่นมันของฉันนะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉันตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นเพื่อไปยื้อแย่งเอาสร้อยคืนมา
“งั้นก็หยิบไปเองดิ”
แล้วใครมันจะกล้าล้วงเข้าไปในกางเกงแกกันฟะ! ไอ้บ้านี่มันก็ยืนแอ่นใส่หน้าฉันเป็นการท้าทายด้วย ไอ้ทุเรศศศศศ!
“ไอ้โรคจิต!”
“หึหึ ไม่กล้าก็เงียบปากไปเลย ฉันจะเก็บเกียร์ของเธอไว้เป็นประกันว่าไอ้ปอร์เช่มันจะไม่เบี้ยวหนี้ฉัน”
“ไอ้ปอร์มันไม่เบี้ยวหรอกน่า!”
“ใครจะไปรู้ กว่ามันจะใช้หนี้หมดก็ประมาณ...เธออยู่ปีสามอะ เอาไว้ฉันเรียนจบเมื่อไรเธอก็มาเอาคืนแล้วกัน”
“จะบ้าหรือไง! ฉันก็โดนรุ่นพี่เล่นงานน่ะสิ!”
“ก็บอกว่าอยู่ที่ฉันไง”
“ใครจะไปกล้าบอกแบบนั้นฮะ!” การยกเกียร์ให้ใครมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกนะโว้ย!
“งั้นก็ทำตัวดี ๆ ฉันอาจจะใจดีคืนให้ก็ได้”
TUT
“ร้องไห้ไปฉันก็ไม่คืนให้ตอนนี้หรอกนะ เลิกเรื่องมากแล้วไปหาหมอสักที”
“ไม่ต้องอุ้ม เดินเองได้!”
"งั้นคงอีกชั่วโมงละนะกว่าจะไปถึงรถน่ะ นี่เราอยู่ท้ายไร่นะกว่าเธอจะเขย่งไปถึงฉันก็ตะคริวกินพอดี"
"งั้นก็ให้พี่วินมาช่วยแทนก็ได้!”
"ฉันไม่ยอมให้พี่วินมาเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับผู้หญิงหื่นกามอย่างเธอหรอก"
“ไอ้ --”
หุบปากอย่างไวเพราะไอ้บ้านี้มันแอ่นกระเป๋ากางเกงที่ใส่เกียร์ไว้เป็นการขู่อีกแล้วอะ
"เรียนรู้ไวดีนี่ เงียบปากซะก่อนที่ฉันจะเลิกใจดีนะยัยตัวแสบ ไปกันได้แล้ว ฮึบบบ..."
ไอ้บ้านิกซ์ออกแรงยกฉันขึ้นในอ้อมแขน แต่พ้นพื้นเพียงไม่กี่เซ็นต์ เขาก็รีบวางฉันลง
"เธอ...ไม่ได้ขี้มาล้านปีหรือไงถึงได้หนักขนาดนี้น่ะ ขี่หลังเลย อุ้มไม่ไหวหรอก"
ปวดร้าวไปถึงก้นบึ้งหัวจายยยย T^T ทำได้แต่แอบด่าไอ้หน้าเลือดอยู่ในใจและยันตัวขึ้นจากพื้นเพื่อขี่หลังเขาตามคำสั่ง โดยเอื้อมมือไปกอดคอคนตัวสูงไว้อย่างหลวม ๆ
"กอดให้แน่น ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก เดินอีกตั้งไกล"
"ไม่ตกหรอกน่า!"
"นี่…ถ้าเธอร่วงลงไป ฉันก็คงล้มลงไปด้วยแน่นอน มันเป็นหลักการง่าย ๆ ของแรงโน้มถ่วงนะ อะไรที่เบากว่าก็จะถูกดึงโดยสิ่งที่หนักกว่าเข้าใจไหม"
เกลียดนิวตันขึ้นมาจับใจเพราะทฤษฎีการหลอกด่าของไอ้บ้านิกซ์นี่แหละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเกียร์ที่รักตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจร้าย รอให้ได้เกียร์คืนมาก่อนเหอะ ฉันจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยไอ้บ้าฟีนิกซ์!
ติดตามต่อในเล่มนะคะ
ปล. ขอปิดเรื่องอย่างเป็นทางการนะคะ ใครชอบอยากติดตามก็ไปสอย E-Book กันได้ที่ Meb e-book นะคะ เป็นฉบับที่รีไรต์แล้วนะคะ
จิ้มที่...
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzcwNzEyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNzQ0MDciO30
หรืออ่านเป็นตอนจ่ายเหรียญได้ที่
-Jamplay จิ้ม...
https://www.jamplay.world/teen/book5aed570508b0460010650c86?day=8
-ReadAWrite จิ้ม...
https://www.readawrite.com/a/999bb84ff9a5813ec209176cf121ac13
-Fictionlog จิ้ม...
https://fictionlog.co/b/5aeed828be9de43860fa5a35
ขอบคุณที่ติดตามนะคะทุกคนนน^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ