I Choose You Baby! ประกาศรักจับใจยัยตัวดี

8.0

เขียนโดย วาเลน

วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.20 น.

  4 chapter
  2 วิจารณ์
  8,651 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 22.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) (รีไรต์) Chapter 4 เกียร์นั้นสำคัญไฉน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 4

เกียร์นั้นสำคัญไฉน

 

“ตอนนี้ก็ถึงกิจกรรมสุดท้ายของพวกเราแล้วนะน้อง ๆ ทีมไหนที่ทำเวลาไม่ดีไว้ในด่านก่อน ๆ ยังมีโอกาสแก้ตัวได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัติอีกข้อที่สำคัญที่พวกพี่จะสอนน้องนั่นก็คือ ‘ความกล้าหาญ’ เด็กยานยนต์อย่างพวกเราต้องกล้าหาญ ห้ามปอดแหก! แม้วันนี้น้อง ๆ หลายคนจะปอดแหกไปหน่อยก็เหอะ
ฮ่า ๆ”

อีพี่นิดมันซาดิสต์แน่ ๆ ถึงหัวเราะสะใจขนาดนี้ แถมยังมีหน้ามาบอกอย่างภาคภูมิใจว่าอุตส่าห์ไปหาสัตว์โลกทั้งหลายมาเลี้ยงไว้ เพื่อรอใช้มันกับพวกเราโดยเฉพาะ

“มาพูดถึงด่านนี้ดีกว่า ด่านสุดท้ายของการวัดใจความเป็นเด็กวิศวะและมันเป็นด่านสำคัญที่พวกพี่จะให้เกียร์พิเศษกับน้อง ๆ บางคนที่คู่ควรจะได้มันไปก่อนการจบกิจกรรมของมหา’ลัย เพราะฉะนั้นพิสูจน์ให้พวกพี่เห็นหน่อยว่าน้องเหมาะกับการเป็นเด็กยานยนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และสามัคคี อวดความเป็นตัวเองออกมาให้เต็มที่กับด่านนี้ ‘คนอวดพี่’

ทำไมชื่อมันฟังดูคุ้น ๆ และเสียวสันหลังแปลก ๆ อะ รอยยิ้มโรคจิตของอีพี่นิดก็เรียกเสียงฮือฮาเพราะความกังวลใจของเหล่าเฟรชชี่ได้ดีเยี่ยมเลย

“เอาน่า ๆ อย่าปอดแหกไปเลยน้อง ๆ อันเป็นที่รักของพี่นิด ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่าด่านธงแล้วละ คิดถึงเกียร์รุ่นกันไว้ให้มาก ๆ ก่อนที่จะปอดแหกนะครับเพราะปีนี้พวกพี่อุตส่าห์ไม่โหดเถื่อนถ่อย เนื่องจากเป็นอุดมการณ์ของมหา’ลัยที่ว่าเด็กรุ่นใหม่รับน้องอย่างสร้างสรรค์ไม่นิยมความรุนแรง

ฉะนั้นกิจกรรมรับน้องของเราจึงเป็นกิจกรรมที่สร้างความรักความสามัคคีได้โดยไม่ต้องทำอะไรแผลง ๆ หรือทำร้ายจิตใจน้อง ดังเช่นด่านนี้ที่น้อง ๆ แค่ต้องเดินตามทางป้ายลูกศรที่พวกพี่ทำไว้จนกว่าจะถึงปลายทาง เพื่อฝ่าความมืดไปให้ได้ด้วยความกล้าหาญและสามัคคีโดยทำเวลาให้เร็วที่สุดนะ อ้อ...ไม่ต้องกังวลเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่มีแน่นอน! ไร่พี่นิดซะอย่างปลอดภัยหายห่วง”

เมื่อกลางวันพวกฉันเพิ่งไปเดินเล่นเขาดินมาหรือยังไงกันล่ะ ถึงได้กล้าพูดว่าไร่ตัวเองปลอดภัยจากสัตว์ร้ายเนี่ยไอ้พี่นิด -_-^

“ไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์แต่กังวลเรื่องสิ่งไม่มีชีวิตยามค่ำคืนจะดีกว่า วะฮ่าฮ่าฮ่า!”

หัวเราะได้ชั่วร้ายมากกกอีพี่นิด!

หลังจากโดนโยนระเบิดแห่งความหวาดกลัวไว้แล้ว พวกเราจึงจำใจต้องกล้าหาญเพื่อฝ่าฟันไปคว้าเอาเกียร์รุ่นมาให้ได้ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาเผชิญกับความมืดมิดยามค่ำคืนในไร่ทัศนาแบบนี้ ตอนนี้ฉันจึงเข้าใจแล้วว่าไอ้ด่านคนอวดพี่มันคงเป็นฝาแฝดรายการดังของคุณปัญญาแน่นอน

การที่ต้องมาเดินอยู่ภายใต้แสงจันทร์มีเพียงโคมไฟสว่างเป็นระยะ ๆ ทำให้ความกล้าหาญหายไปได้ง่าย ๆ แม้แต่ไอ้พวกผู้ชายในกลุ่มก็ยังเดินติดกันเป็นตังเม ไม่สนใจแม้แต่การลวนลามของนังเป้ที่วิ่งไปกอดคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างหื่นกระหาย

สวบ~ สาบ~

“เสียงอะไรวะ!” ว่านเอ่ยถามพวกเราที่หยุดเดินกะทันหันพร้อมกันเพราะเสียงเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่ดังมาจากป่าข้างทางที่มืดสนิท

“มึงจะทักทำไมวะ” อาร์ตผลักหัวเพื่อนและเอ่ยเตือน

“แล้วจะหยุดกันทำไมเล่า” ว่านถามพวกเราที่ตอนนี้หยุดเดินและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

แก๊ก แก๊กกก~

“เสียง...”

“ว้ากกกก!!!” O[]O

ไม่ต้องรอให้ไอ้อาร์ตพูดจบประโยคหรอก ตอนนี้ทุกคนใส่เกียร์หมาวิ่งไม่คิดชีวิตเพราะไอ้ตัวขาวโพลนที่ลอยมาหาพวกเราอย่างเชื่องช้า และฉันก็ไม่อยู่รอพิสูจน์ว่ามันคือตัวอะไรเหมือนกันแหละ

“กรี๊ดดด~ ปะ...ปะ...เปออออร์!”

ตายแล้วววว เล็กน้อยมันลงไปนั่งคุดคู้อยู่ข้างทางทำไมฟะ! แม้ว่าสัญชาตญาณจะบอกให้เอาตัวรอดแต่จะทิ้งเพื่อนที่แหกปากเรียกชื่ออยู่แบบนั้นมันก็ดูชั่วเกินไปอะนะ ฉันก็เลยต้องวิ่งกลับไปดูเพื่อนตัวโตที่เอาแต่ร้องโวยวายโดยไม่ดูรอบข้างเลย

“เล็กน้อยลุกเร็วเข้า!”

“ฮือออ TOT ผะ -- ผี จะ -- จับ -- จับขาอะเปอออร์”

ฉันก้มลงดูขาเล็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีมือผีมีเพียงแต่เชือกเก่า ๆ ที่พันกับรองเท้าอยู่ ฉันจึงเอื้อมมือไปเพื่อจะช่วยดึงเชือกออกให้

แปะ~

“หั้ยยย -- ช่วยยย -- หมายยย~”

O[]O!

“อ๊ายยยย!”

แม้จะช็อกกับการได้ใกล้ชิดกับไอ้ตัวขาวโพลนที่โผล่มายืนจับไหล่ฉันอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ช็อกเท่าการเอาตัวรอดของเล็กน้อยที่ลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้นและวิ่งชนไอ้ตัวเพลี้ยขาวจนกระเด็นไปกองอยู่กับพื้น แถมยังทิ้งฉันไว้กลางทางอยู่กับผีหนึ่งตัว TOT

หมับ!

OMG! พี่จับขาโว้ยยยย!

ผัวะ! พลั่ก!

ฉันยันเท้าใส่ตัวไร้ชีวิตแบบสุดแรงเกิด แม้มันอาจจะทะลุผ่านไปได้แต่ฉันก็ใส่แบบไม่ยั้งเพราะความสิ้นคิดล้วน ๆ

“โอ๊ย! พี่ ๆ นี่พี่นิดเองงงง...น้องเปอออร์!”

=[]=

ตายล้าวววว! ผีอีพี่นิดหรือนี่!

“เฮ้ย! นิดเป็นไงบ้างวะ”

ทันทีที่ฉันหยุดกระทืบผีถังแป้งก็มีผู้ชายร่างสูงวิ่งออกมาจากป่าและตรงรี่มาหาผีถังแป้งที่โดนยำตีนของฉันเต็ม ๆ

“ไอ้ -- นิกซ์ กูว่ากูม้ามแตกแล้วว่ะ YOY” พี่นิดตอบร่างสูงที่วิ่งเข้ามาช่วยพยุงแกให้ลุกขึ้นยืน

“นี่! พี่นิกซ์ตั้งใจมาแกล้งเปอร์ด้วยใช่ไหม!”

“จะบ้าเหรอ! ไอ้นิดมันชวนมาเป็นเพื่อนต่างหากเล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เดินมาเป็นกลุ่มเธอน่ะ”

“เออ ๆ น้องเปอร์ทำไมไปมองไอ้นิกซ์ในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ พี่เป็นคนวางแผนแกล้งเองแหละ น้อง ๆ ต้องโดนทุกฐานที่แยกไปนะ พี่เป็นคนรับผิดชอบจุดนี้เอง”

เออ! ก็คนมันระแวงนี่เว้ย! ไอ้หน้าเลือดมันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ

“เธอนี่มันชอบใช้กำลังจริง ๆ เลยนะ มานี่เลย...มาช่วยพยุงไอ้นิดกลับเลย เดี๋ยวทีมอื่นเดินเข้ามาเห็นก็แผนแตกพอดี”

“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ก็คนมันตกใจอะ” ฉันเถียงพลางเข้าไปช่วยพยุงพี่นิดอีกแรง “ขอโทษนะพี่นิด เปอร์ไม่ได้ตั้งใจอะ”

“เออ ไม่เป็นไร ๆ แต่น้องเปอร์นี่เท้าโคตรหนักเลยนะ ที่บ้านเปิดค่ายมวยเหรอคร้าบบบ โชคดีที่แกไม่โดนนะไอ้นิกซ์”

“หึ ไม่ใช่แค่เท้าหรอกที่หนักอะ”

อ๊าย! อย่านะเว้ย อย่ามาแฉวีรกรรมโชกเลือดที่ฉันทำกับแกให้ฉันเสียภาพลักษณ์นะเฟ้ย!

“รู้ได้ไงวะ เคยโดนหรือไง”

“หึ ฉันหมายถึง...หนักทั้งตัวน่ะไม่ใช่แค่เท้าหรอก”

แม่ม! หลอกด่าอีกละแต่ก็ดีกว่าถูกแฉอะนะ ฉันไม่อยากให้อีพี่นิดร่วมหัวมา กลั่นแกล้งฉันด้วยอีกคนหรอก

แม้จะเบื่อหน่ายกับการโดนหลอกด่าและต้องมาเกี่ยวข้องกับไอ้หน้าเลือดตัวแสบขนาดไหน แต่ฉันก็ต้องช่วยพยุงพี่นิดออกมาจากดงหญ้าข้างทางก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นแล้วทำให้แผนรับน้องของพวกรุ่นพี่แตกโพละไม่เป็นท่า

แม้ว่าพี่นิดจะเตี้ยกว่าพวกเราแต่การลากคนร่างหนาอย่างพี่แกที่เดินกะเผลกมาด้วยก็ทำให้ทุลักทุเลไม่น้อย จนพวกเราเดินมาถึงป่าดงกล้วยนั่นแหละถึงโล่งใจขึ้นบ้างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแว่วดังมาจากทางเลี้ยวด้านหน้าที่อยู่ห่างไม่กี่เมตร

พึ่บ!

“เฮ้ย! ไฟดับอีกแล้วเหรอวะ” พี่นิดพูดขึ้นมาเมื่อพวกเราต้องหยุดเดินกะทันหันเพราะเสาไฟข้างทางดับลงทำให้ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว  มีแต่เสียงแมลงดังหึ่งออกมาจากดงกล้วย

“ดับบ่อยเหรอวะนิด”

“ก็มีบ้างว่ะ ช่วงใช้ไฟเยอะน่ะแต่ไม่ต้องห่วงที่ไร่มีเครื่องปั่นไฟสำรอง เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ติดทีละโซน”

“เออ...แต่มองอะไรไม่เห็นเลย พกมือถือกันมาหรือเปล่า”

“ไม่ได้พกว่ะ”

“เปอร์ก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน”

“เฮ้อ...งั้นยืนรอตรงนี้กันก่อนแล้วกัน”

“เออ...เฮ้ย! นั่นไงตรงทางเลี้ยวใช่ไหมน่ะ”

พวกเรารีบหันไปมองตรงทางเลี้ยวที่มีแสงนวลเรืองส่องให้เห็นทางข้างหน้าสลัว ๆ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร

“ไอ้พวกนั้นคงมีไฟฉายเลยเดินมาตามพวกเราแน่ ๆ”

“เออ งั้นรีบไปกันเหอะ”

พวกเราช่วยกันพยุงพี่นิดเดินไปยังแสงไฟสีส้มนวลที่ส่องแสงให้เราได้พอเห็นจุดหมายปลายทางด้านหน้า

“ใครวะช่างมาได้ถูกเวลาจริง ๆ” พี่นิดบอกอย่างอารมณ์ดีและรีบกะเผลกอย่างไว จนพวกเราเดินเลี้ยวพ้นทางโค้งถึงมองเห็นต้นทางของแสงสลัวนั้นได้อย่างเต็มตา

“ผะ -- ผะ -- ผีหลอกกกก!!” O[]O

ผีถังแป้งเจอผู้หญิงผมยาวแต่งชุดไทยสวมสไบสีเขียวยืนรอพวกเราอยู่กลางทางก็ถึงกลับร้องแหกปากดังลั่น และล้มตัวลงก้มหน้าจูบดินพลางร้องโหวกเหวกอะไรไม่ได้สรรพตัวสั่นเหมือนเด็ก ๆ ส่วนฉันไม่ได้โวยวายอะไร ไม่ใช่เพราะใจแข็งแต่เพราะตัวแข็งเป็นหินไปแล้วต่างหากแถมยังโดนใครบางคนเกาะขาไว้อีก ฉันจึงต้องเปลี่ยนเป็นหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตากับสิ่งตรงหน้า

“ปล่อยขาเปอร์เดี๋ยวนี้นะไอ้พี่นิกซ์!”

“ไม่!”

“เกลียดเปอร์ก็ปล่อยเปอร์ไปดิ!”

“พี่ไม่ได้เกลียดดด ตอนนี้พี่รู้สึกดีที่มีน้องเปอออร์~”

แต่ฉันเกลียดแกกกก ฮือออ ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรดดดด

ฉันหรี่ตาดูเพียงเสี้ยววินาทีและนับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อความมืดยังปกคลุม ขณะที่สิ่งลี้ลับนั่นขยับเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้น ฉันจึงพยายามสลัดขาออกจากการเกาะกุมของไอ้พี่นิกซ์แต่ก็ไร้ผล

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

“อย่า! อย่าดิ้นดิน้องเปอร์!”

โอ๊ยยยย! หนีก็ไม่ได้มันใกล้เข้ามาแล้วนะโว้ย! เอเมนพระเจ้าช่วยลูกด้วย
เถิดดด TUT

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เอาแล้วงายยย...มันหัวเราะเยาะด้วยอะ เอ๊ะ!? หัวเราะ?

เสียงหัวเราะหลากหลายที่ดังขึ้นรอบตัวทำให้ฉันลืมกลัวและลืมตาขึ้นเพื่อรับรู้ความจริงที่ว่า...

แผนผีหลอกผีมันทำให้น่าอับอายโคตร ๆ แต่คงไม่น่าอายเท่าพี่ว้ากที่ลงไปก้มหน้าตูดโด่งตัวสั่นหมดท่าอยู่บนพื้น และไอ้พี่หรั่งที่นั่งกอดขาฉันตัวสั่นเทาหลับตาปี๋พึมพำเรียกชื่อฉันไม่ขาดปาก เมื่อผู้ชายแมน ๆ สองคนหมดสภาพขนาดนี้ ฉันที่แม้จะกลัวแค่ไหนจึงดูเป็นปกติมากกว่าไอ้พี่สองคนนี้มากนัก ดังนั้นฉันจึงขยับขาให้ไอ้พี่นิกซ์มันรู้ตัวเสียหน่อยแต่เขากลับกอดขาฉันแน่นกว่าเดิมอีก

“เอ่อ...ปล่อยได้แล้วพี่นิกซ์”

“ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ! พ่อครับแม่ครับช่วยนิกซ์ด้วยยย”

“ฮ่า ฮ่า เป็นหนักว่ะ”

ฉันที่อายตัวเองไม่พอยังต้องมาอายแทนอีพี่นิกซ์อีก จึงก้มลงไปพยายามแกะมือของเขาออกจากขา

“ไม่ ๆ ๆ น้องเปอร์ของพี่อย่าทิ้งพี่นะ!”

=[]=

ฉันเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไรยะ! แถมเขายังกอดขาฉันไว้แน่นกว่าเดิมจนฉันเกือบล้มลงไปนั่งที่พื้นกับเขาด้วย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“นิกซ์ปล่อยขาน้องเปอร์ได้แล้ว ไฟติดแล้วเนี่ย...ลืมตาดิวะ” พี่วินร้องบอกน้องคนสนิทของตัวเองให้มันได้สติ

“ฮะ!?”

เอออออ...แหกตามาดูโลกบ้างอีพี่นิกซ์ อีพี่นิดด้วย!

“เอ่อ...เมื่อกี้...”

แหม...พอเห็นคนเยอะแยะอยู่รอบตัวไอ้พี่หน้าเลือดก็ปล่อยขาฉันอย่างไวและยืนขึ้นอย่างมาดแมน แต่คงไม่ทันแล้วแหละ เขาเห็นความอ่อนของแกกันหมดแล้วย่ะ

“โทษทีว่ะ...เมื่อกี้ฉันเองแหละ แหะ ๆ”

นั่นมัน...โอป้าเปลี่ยนไป๊! จากโอป้าสีชมพูกลายเป็นตานีโอป้าสีเขียวอะ รับม่ายด้ายยยย สยดสยองงงงง

“ไอ้โย!”

“ขอโทษษษ~ ฉันไม่รู้นี่หว่าว่าแกสองคนอยู่ด้วยอะ”

เอ๊า! นี่มันตั้งใจมาแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย

“พอ ๆ ดูไอ้นิดนั่นช็อกจนพูดไม่ออกแล้ว รีบกลับกันเถอะ” พี่วินสรุปให้ทุกคนช่วยกันหันไปสนใจพี่นิดที่ตอนนี้นั่งหน้าขาวตาลอยอยู่ที่เดิม ทำเอาฉันที่แม้จะหงุดหงิดที่ได้รู้แผนการชั่วของไอ้ตานีโอป้าก็ยังต้องหัวเราะออกมา

จากนั้นพวกเราจึงต้องช่วยกันพยุงพี่นิดที่เจ็บกายเพราะแรงควายของฉันไม่พอยังมาเจ็บใจเพราะนางตานีโอป้าอีก คืนนี้น้องคงไม่ได้อวดอะไรให้พี่นิดดูอีกแล้วแหละเพราะแกคงช็อกไปถึงเช้าน่ะ -_-^

 


 

แบ๊ะ แบ๊ะ~ มอ มอออ~~

OxO

ต้องทำบุญมาขนาดไหนถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นยี่สิบแล้วไม่ได้ต้องลงมาอีกเนี่ย ทั้งที่เมื่อคืนฉันมีความสุขจนแทบทะลักเพราะได้เห็นความอับอายขายขี้หน้าของไอ้พี่นิกซ์ได้ แถมตัวเองยังเป็นหนึ่งในจำนวนเฟรชชี่ไม่กี่คนที่ได้เกียร์รุ่นมาครองก่อนเพื่อนทำให้ไอ้คู่ดูโอ้ดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน

และแม้ว่าการประกาศผลรอบกองไฟเมื่อคืนจะทำให้กลุ่มพวกเราเป็นหนึ่งในสามกลุ่มที่คะแนนน้อยสุดจนต้องรับภารกิจสุดท้ายของการรับน้อง แต่ฉันก็ยังสุขใจราวกับชนะที่หนึ่งของรุ่นเพราะไม่คิดว่าต้องมาเผชิญกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้น่ะสิ

"ไงน้อง ๆ ให้กำลังใจเพื่อนกันพอแล้วนะครับ ถึงเวลาหรรษากับสัตว์โลกน่ารักของพวกน้องแล้วแหละ"

ฉันยืนอึ้งทำตาปริบ ๆ สงสารเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองกลุ่มที่ต้องทำความสะอาดคอกวัวกับคอกแพะที่โคตรเหม็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามพี่นิดไปยังสถานลงทัณฑ์ซึ่งเป็นบริเวณที่ร่มรื่นติดกับทุ่งนาและสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเดินลึกเข้าไปจึงได้เห็นแอ่งโคลนซึ่งเมื่อดูจากสภาพแวดล้อมแล้วคงไม่ใช่ฮิปโปโปเตมัสแน่นอน คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...ไอ้ทุยสามตัวที่นอนเคี้ยวเอื้องอยู่ในคอก

"ยินดีกับกลุ่มน้องเปอร์ด้วยที่เป็นรองของรองบ๊วยอีกทีเพราะงานนี้สบายสุดได้ล้างคอกเจ้ากระทิง"

"กระทิงที่ไหนพี่นิด นี่มันควายชัด ๆ บัฟฟาโล่ ยูโนว์?"

"เออออ...ไอโนว์ครับไอ้น้องนัดว่ามันคือควายยย...แต่กระทิงน่ะมันคือชื่อของไอ้ควายที่ยืนอยู่ในคอกนั่น ส่วนอีกสองตัวที่เคี้ยวเอื้องอยู่ตรงกองฟางโน่นมีนิกเนมว่ากระแตกับกระต่าย เข้าใจไหมครับไอ้น้อง"

จะตั้งชื่อมันให้ต่างสปีชีส์ทำไมฟะ ถึงชื่อมันจะดูมุ้งมิ้งแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้พวกฉันรู้สึกดีขึ้นหรอกเฟ้ย

“เอาน่า...ไม่ต้องกลัวกันหรอก ลุยเลยจะได้เสร็จเร็ว ๆ เช็กผลงานไม่เกินสิบโมงโอเค้? พี่จะไปคุมทีมบ๊วย ส่วนทีมของพวกน้องพี่โยชิอาสามาดูแลให้ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกมันเลย” พี่นิดสั่งงานครั้งสุดท้ายก่อนทิ้งพวกเราให้เผชิญหน้ากับเจ้าถิ่น พ่วงด้วยทีมของไอ้ตานีโอป้าที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้และโบกมือหย็อย ๆ อย่างอารมณ์ดีในชะตากรรมของฉัน

 


 

“นี่พวกแกว่าจริงหรือเปล่าที่บอกว่าควายมันไม่ชอบสีแดงน่ะ”

เอาอีกละ...พองานเสร็จนังเป้ก็เริ่มตั้งคำถามโลกแตกเหมือนเคย

“ไม่จริงหรอกเป้”

“แกรู้ได้ไงดิว”

“อ้าว ก็เราอยู่บ้านนอกก็เลี้ยงควายมาก่อนนะเว้ย ไม่เห็นมีตัวไหนไล่ควิดคนใส่เสื้อสีแดงเลย”

“แต่กูเคยเห็นคลิปในยูทูปที่มันไล่ควิดสีแดงก็มีจริงนะ” ว่านแย้ง

“เราว่าไม่เกี่ยวว่ะ มันก็คงควิดทุกอย่างแหละถ้ามันตกใจน่ะ”

แม็กมันควรเรียนแพทย์จริง ๆ ดูมีหลักการมากกว่าเพื่อนเลย

“ก็ไม่แน่หรอกแก แต่ฉันอยากเห็นว่ามันจะเป็นเพราะสีหรือว่าเพราะอะไร...เรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ”

นั่นไง...นังเป้มันเริ่มเล่นพิสดารอีกตามเคย อย่างคราวก่อนมันก็พนันกับนัดแข่งกินโค้กใส่น้ำปลาสุดท้ายขี้แตกทั้งคู่ฮากันทั้งกลุ่ม วันนี้ทฤษฎีสีกับควายก็มาอีกแถมที่หนักสุดก็คือไอ้พวกผู้ชายที่สนับสนุนเห็นเป็นเรื่องสนุก ดู ๆ แล้วกลุ่มฉันนี่มันมีใครปกติบ้างวะเนี่ย -_-”

ฉันนั่งทำใจกับความไม่ค่อยปกติของเพื่อนในกลุ่มและรอดูพวกมันพิสูจน์ทฤษฎีบ้าบอกันโดยที่ไม่ได้เข้าไปช่วย สักพักเปเป้ก็กลับมาพร้อมสีเต็มถังและเศษผ้าสีขาวผืนยาว

“เอาละ เดี๋ยวใครจะเป็นผู้กล้าไปท้าชนกับควายคะ อีดิวแล้วกัน...ในฐานะที่แกคุ้นเคยกับควายที่สุด”

“เฮ้ย! กูแค่เคยเลี้ยงควายนะเป้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับควายทุกตัวบนโลกนี้จะได้กล้าไปกวนโมโหมันน่ะ”

“เอ้า! ก็แกบอกเองว่าทฤษฎีนี้มันไม่จริง เพราะงั้นแกต้องพิสูจน์ดิวะ เดี๋ยวจับผ้ากับฉันคนละข้าง โอเค้?”

“ไม่โอเว้ย! กูแค่เคยใส่เสื้อสีแดงเลี้ยงควาย มันก็ไม่เห็นจะควิดเลยแต่ให้เอาผ้าแดงไปโบกล่อมันเนี่ยกูไม่แน่ใจว่ะ”

“อ้าวเหรอ งั้น...เปลี่ยนจากผ้าแดงเป็นให้คนใส่เสื้อสีแดงแทนแล้วกันเนอะ” นังเป้ไม่ละความพยายามที่จะทดลองโดยจัดการโยนผ้าสีขาวที่เตรียมมาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้

“แล้วแกจะเอาเสื้อสีแดงมาจากไหนล่ะ”

“ก็...นี่ไง” เปเป้บอกพลางชูถังสีที่น้ำสีแดงกระเฉาะออกมาเลอะพื้นแล้วทำท่าจะเทใส่ดิวที่ตั้งตัวทัน รีบใส่ล้อฟรีวิ่งหนีความบ้าระห่ำของตุ๊ดขี้สงสัยได้ทันเวลา

"ใครอยู่ข้างเปเป้ยกมือขึ้นเลย ฝ่ายแพ้เลี้ยงข้าวเว้ย" อาร์ตท้าพวกเราที่เหลือซึ่งไม่มีใครเข้าไปห้ามความบ้าของเพื่อน แต่กลับนั่งหัวเราะดิวที่วิ่งหนีนังตุ๊ดพิเรนทร์ไปทั่ว

"น้องเป้เล่นอะไรกันน่ะ" พี่วินเดินเข้ามาถามพวกเราที่เล่นกันเสียงดังลั่นโดยมีนายคู่หูกล้วยหอมจอมซนยืนมองอยู่ห่าง ๆ ราวกับเป็นองครักษ์ให้พี่ชายประจำกลุ่ม

"มันจะทดลองทฤษฎีควายเกลียดสีแดงรึเปล่าน่ะค่ะพี่วิน" เล็กน้อยเป็นคนไขข้อสงสัย

"เฮ้ย ๆ อย่าวิ่งมาทางนี้!"

พวกเราหันไปมองตามเสียงโวยวายของไอ้นัดและเห็นไอ้เป้วิ่งถือถังสีตามดิวมาติด ๆ แต่จู่ๆ ไอ้ดิวก็สะดุดล้มลงบนพื้นไม่ห่างจากพวกเรานักทำให้นังเป้ที่วิ่งตามมาเบรกไม่ทันจึงสะดุดล้มตามไปด้วยอีกคน แต่ที่น่าตกตะลึงคือถังสีที่อยู่ในมือมันนั้นเหาะตรงมาทางพวกเราที่นั่งหัวเราะมันสองคนอยู่นั่นแหละ

โครม!

O[]O

"ตาเถรถังตก! พี่วินนน...เป้ขอโทษษษ YOY”

ทุกคนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง มีก็แต่พี่วินคนแมนสองพันสิบแปดนั่นแหละ ที่ยังยืนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตัวแดงเถือกเละไปทั้งเสื้อและกางเกง แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกของจริง เมื่อไอ้กระทิงมันร้องขึ้นมาเสียงดังลั่นพลางตะกุยดินจนฝุ่นฟุ้งก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาพี่วิน

"เฮ้ยยยยย!"

วิ่งสิคะรออะไร! นาทีนี้ไม่มีใครห่วงใครเพราะต่างวิ่งหนีกันสุดชีวิต ไม่มีเวลามองว่าใครไปทางไหนบ้าง ส่วนฉันก็วิ่งไปทางต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ริมสระน้ำและไม่รู้ว่าทำไมพี่วินถึงต้องเลือกวิ่งตามฉันมาด้วยนะ!

"เร็ว ๆ น้องเปอร์!"

บอกเฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องจับมือไว้แล้วไปด้วยกันแบบนี้หรอกค่ะพี่ TOT ห่างกันสักพักได้ไหมคะพี่วินนนน

ทั่ก ทั่ก ทั่ก ทั่ก

วิ่งจนขาแทบหลุดอยู่แล้วแต่ไอ้กระทิงบ้าสีแดงก็ยังไม่ยอมละความพยายามที่จะควิดพี่วินให้ไส้แตก อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงสระน้ำอยู่แล้วนะเว้ย

“ทำไงมันถึงจะเลิกบ้าวะเนี่ย!”

"ถอดเสื้อทิ้ง!" ฉันตอบพี่วินแบบไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะดูเหมือนว่าไอ้กระทิงมันต้องการเสื้อสีแดงแปร๊ดของพี่แกนั่นแหละ

"ฮะ!"

"เสื้ออะ มันต้องการเสื้อพี่นั่นแหละ ถอดเสื้อออกดิพี่วิน!"

พี่วินยังคงงุนงงกับคำสั่งของฉันที่ดูหื่นกามมิใช่น้อยเพราะเขามัวแต่ลังเล แต่เพราะตอนนี้เขาของไอ้กระทิงมันแทบจะควิดตูดฉันเป็นรูอยู่แล้ว ฉันก็เลยกล้าบ้าบิ่นดึงพี่วินกระโดดลงสระขนาดใหญ่ตรงหน้าเพื่อหนีควายตกมันอย่างไอ้กระทิง

ตูมมมม!

แม่มมมม! ขุดสระซะใหญ่โตแต่ลึกแค่นิดเดียวเองอะ ขนาดฉันยังลึกถึงแค่เอว ส่วนพี่วินก็เปียกแค่กางเกงเท่านั้นแหละ เสื้อก็ยังคงมีสีแดงซึมลึกอยู่ในเนื้อผ้าซึ่งแน่นอนว่าไอ้ควายตกมันก็เห็นเหมือนกัน เพราะจากที่หยุดอยู่อย่างชั่งใจข้าง ๆ สระน้ำ มันก็เริ่มเอาเท้าตะกุยพื้นดินข้างขอบสระอีกครั้งเหมือนว่าอยากจะลงมาแจมกับพวกเราด้วย

แควกกกก!

"เฮ้ย!"

"ไม่เฮ้ยแล้วพี่! ถอดเสื้อทิ้งเดี๋ยวนี้เลย" ฉันกระชากเสื้อของพี่วินจนกระดุมหลุดทุกเม็ดทำให้เห็นซิกซ์แพ็กกับผิวสีแทนแสนเซ็กซี่ขยี้ใจ และจัดการโยนเสื้อทิ้งลงน้ำไปก่อนที่ไอ้กระทิงมันจะกระโดดลงมาควิดของดีสองพันสิบแปด

จ๋อม~

"เฮ้อออ...โล่งอกไปที"

ฉันส่งยิ้มจนตายี๋ให้พี่วินซึ่งเขาก็หันมาส่งยิ้มตอบรับกับความช่วยเหลือของฉัน เมื่อเห็นเจ้ากระทิงเดินวนรอบสระแต่ไม่มีทีท่าว่าจะกระโดดลงมาแล้ว

"โทษทีนะครับทั้งสองคน"

ฉันหันไปมองตามเสียงทักของคนที่เดินมาอยู่ตรงขอบสระอีกฝั่ง

"จะกอดกันอยู่ในน้ำอีกนานไหม แล้วเธอน่ะ...หยุดลวนลามพี่วินได้แล้ว"

"ไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!" ฉันรีบดึงมือตัวเองที่วางแปะอยู่ที่หน้าท้องเปลือยเปล่าสีแทนของพี่วินออกทันที ขณะที่พี่วินก็ยืนโอบเอวฉันไว้ข้างหนึ่งเพื่อยึดไม่ให้เราล้มลงไปเพราะโคลนใต้น้ำที่ดูดเท้าเราทั้งคู่อยู่

สาบานว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะจริงจริ๊งงง แม้ว่าหน้าท้องพี่วินจะแข็งโป๊กชวน ฟินขนาดไหนก็เหอะ -.,-

"นี่เลิกคิดอะไรลามก แล้วปล่อยมือจากพี่วินเลย!"

"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย!"

"อย่ามาปฏิเสธสายตาเธอหื่นซะขนาดนั้น!"

อ๊ากกก >_< ฉันไม่ได้หื่นนะยะแค่อารมณ์ชั่ววูบเว้ย!

"เฮ้อ...เลิกแกล้งน้องได้แล้วฟีนิกซ์ ขึ้นไปกันเถอะน้องเปอร์...ฟีนิกซ์ช่วยดึงขึ้นไปที"

ฉันลุยน้ำตามพี่วินไปยังขอบสระแต่เพราะดินเฉอะแฉะก้นสระทำให้ฉันล้มลงไปพร้อมอาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้า

"น้องเปอร์!" พี่วินที่หันกลับมาเพื่อรอดึงฉันขึ้นไปยังขอบสระร้องเรียกอย่างตกใจ

"โอ๊ย! ข้อเท้าเปอร์อะพี่วิน"

"รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวพี่ลงไปช่วย"

พี่วินโดดลงน้ำอีกครั้งจัดการอุ้มฉันลุยน้ำเพื่อไปยังขอบสระและดันฉันขึ้นไปโดยมีพี่นิกซ์ช่วยดึงอีกแรง

"เปอร์! พี่วิน! เป็นอะไรรึเปล่า"

"เพราะแกแหละไอ้เป้!"

"ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ยะเล็กน้อย...ไม่ได้ตั้งใจจะเทใส่จริง ๆ ซะหน่อยอะ"

เปเป้กับเล็กน้อยที่กลับมาจากการวิ่งหนีตายเมื่อครู่เดินเข้ามาหาพวกเรา ตอนนี้พากันยืนให้กำลังใจฉันกับพี่วินที่ตัวเปียกโชกหลังจากปีนกลับขึ้นมาจากสระ

"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แต่เปอร์คงข้อเท้าแพลงน่ะ"

"แล้วไอ้โยชิกับคนอื่นหายไปไหน ใครเห็นบ้างไหม"

"วิ่งไปตามพี่นิดน่ะค่ะพี่นิกซ์"

"เออดี! ให้มันมาดูแลควายมันหน่อย เดือดร้อนกันไปหมดเลย...พี่วินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ"

"เดี๋ยวพี่พาเปอร์ไปหาหมอก่อนดีกว่า"

"จะไปแบบโป๊ ๆ เปียก ๆ เนี่ยนะ เป็นพวกชอบโชว์หรือไงพี่ เดี๋ยวผมพาเปอร์ไปเอง ส่วนพี่น่ะไปอาบน้ำเหอะ"

"แต่น้องก็เปียกนะ พาไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า"

“เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่ไปจัดการตัวเองเหอะ”

“แต่ว่า --”

"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมจัดการเอง"

"งั้น...เปอร์ไปกับฟีนิกซ์นะ พี่ไปอาบน้ำก่อน"

"เอ่อ...ก็ได้ค่ะ"

ฉันตอบอย่างไม่แน่ใจนักแต่พี่วินก็แค่ส่งยิ้มให้ฉันแล้วเดินจากไป

"เฮ้ย! ทำอะไรพี่" ฉันร้องถามทันทีที่จู่ ๆ ไอ้เจ้าหนี้หน้าเลือดก็ก้มตัวลงมาหา

"ก็พาไปหาหมอไง เล็กน้อยช่วยไปเอาเสื้อผ้าของเปอร์ไปให้พี่ที่บ้านรับรองหน้าไร่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่พาเปอร์ตามไป”

“ได้ค่ะ” เล็กน้อยรับคำก่อนวิ่งไปทำตามคำสั่ง

“ไม่ต้องอุ้มก็ได้ ลุกเองไหว” ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเลโดยมีนังเป้เข้ามาช่วยพยุง

“เฮ้ย! นังเปอร์!”

“อะไรของแกวะ! ตกใจหมดเลย” ฉันเกือบล้มลงไปอีกรอบเพราะเสียงโวยวายของเปเป้

“หาย...”

“ฮะ?”

“เกียร์ของแก...หายไปแล้วอะ!”

What!!!

ฉันลูบคลำที่คอของตัวเองอย่างว่องไวแต่สร้อยเกียร์ที่ได้มาเมื่อคืนหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนที่ไอ้เป้บอก

“เวรแล้ว! หายไปได้ไงอะ!” ฉันรีบควานหาตามพื้นโดยมีไอ้เป้ช่วยหาอีกแรง

“อาจจะตกระหว่างทางที่แกวิ่งมาก็ได้นะเว้ย ฉันไปหาให้” ไอ้เป้บอกรีบวิ่งไปตามทางเก่าที่ฉันวิ่งหนีมา

“เลิกหาแล้วไปหาหมอเหอะ” ไอ้พี่นิกซ์ยืนกอดอกมองฉันอย่างไร้น้ำใจ

“ถ้ายังหาไม่เจอก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ” ฉันกระดึ๊บไปทั่วพื้นเพื่อมองหาเกียร์ที่ฉันต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ ถ้าพวกรุ่นพี่รู้ว่าทำเกียร์หายฉันต้องโดนลงโทษตามกฎของวิศวะแน่นอน

“งั้นเธอก็คงต้องลงไปงมในสระด้วยเลยมั้ง มันอาจจะหล่นอยู่ในนั้นตอนที่เธอลงไปลวนลามพี่วินก็ได้”

“เออใช่!” คำถากถางที่ทำให้มีความหวังมากขึ้นจนฉันต้องกระดึ๊บไปทางขอบสระเพื่อจะลงไปงมหาอย่างที่ไอ้หน้าเลือดบอก

“เฮ้ย! จะทำอะไรของเธอฮะ!”

“ก็ลงไปหาเกียร์อะดิ” ฉันพยายามปัดมือไอ้พี่นิกซ์ที่ดึงคอเสื้อด้านหลังฉันไว้แน่น

“จะบ้าหรือไง! หาไปก็ไม่เจอหรอก สระกว้างขนาดนั้นน่ะ”

“มันก็คงตกอยู่แค่ตรงที่โดดลงไปนั่นแหละ ขอลงไปหาหน่อยเหอะ” ฉันทำสายตาอ้อนวอนและยังพยายามแหย่ขาอีกข้างที่ยังใช้การได้ดีลงไปยังขอบสระ

“ลงไปก็ได้ขาหักกันพอดี!”

ไอ้พี่นิกซ์กอดฉันจากด้านหลังเพื่อล็อกไม่ให้ฉันกระโดดลงไปในสระ แต่ฉันก็ดิ้นรนสุดชีวิตเพราะเกียร์มันคือชีวิตของเด็กวิศวะนะยะ ไอ้บ้านี่ไม่มีทางเข้าใจหรอก!

“ปล่อยดิเว้ย เปอร์จะลงไปหาเกียร์!”

“ไม่ได้!”

“ฮือออออ เกียร์จ๋ารอเปอร์ก่อนนนน”

“แค่สร้อยอันเดียวไปขอใหม่ก็ได้ยัยถึกงี่เง่า!”

“นายจะไปเข้าใจอะไรฮะไอ้หน้าเลือด! ถ้ามันขอใหม่ได้ฉันก็ไม่คลั่งขนาดนี้หรอกโว้ย!” ฉันใช้พลังแรงถึกของตัวเองผลักหน้าผลักหัวไอ้พี่นิกซ์ออกจากตัว

“โอ๊ย! เลิกจิกหัวฉันสักทียัยถึก! ไม่งั้นฉันจะผลักเธอให้ร่วงลงไปจนขาหักพิการตลอดชาติเลย!”

“แน่จริงก็ผลักสิย่ะ ฉันก็อยากลงไปหาเกียร์เหมือนกันนั่นแหละ!” ฉันเถียงและไม่ลดละในการดึงทึ้งไอ้หน้าเลือด

“อยากลงไปก็ตาม -- เฮ้ยยยยย!

เฮ้ย!!

ตู้มมมมม!

ฉันยังปลอดภัยดีอยู่บนขอบสระแต่ที่น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างขนาดนั้น ก็เพราะไอ้ผู้ชายสุดแสนจะสะอาดสะอ้านได้ลงไปว่ายโคลนเล่นอยู่ใต้สระแทนแล้ว

“ยัยถึกบึกบึน!”

โผล่หัวจากโคลนขึ้นมาได้ก็แหกปากด่าเลยอะ ฮืออออ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกระชากเขาแรงขนาดนั้นนะ แกอยากปลิวตามแรงเองทำไมอะ

“ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจนะ”

“พ่อเป็นเดอะฮัลค์หรือไงยัยถึกถึงได้แรงควายขนาดนี้เนี่ยฮะ!”

แรงงงงงอะ!

“ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไงเล่า!”

“ฉันจะขึ้นไปฆ่าเธอแน่ยัยถึกสิ้นคิด!”

“เดี๋ยว!” ฉันรีบห้ามปรามคนที่ส่งสายตาเคียดแค้นมาให้เพราะว่าเกียร์นั่นสำคัญกับชีวิตมากเกินกว่าจะมากลัวคำขู่ของไอ้หน้าเลือด ฉันจึงคว้าความหวังที่จะได้มันคืนมา

“อ้อนวอนให้ตายฉันก็จะจัดการเธอแน่ยัยตัวแสบ!”

“เออ! จะทำอะไรก็ได้...ขออย่างเดียว...ช่วยหาเกียร์ให้หน่อยดิ...นะ...
พลีสสสส” ฉันยกมือพนมไหว้แนบอกพลางส่งสายตาวิงวอนศัตรูคู่แค้นสุดฤทธิ์

“ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วยฮะ หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระเลยนะยัยถึก!”

“ถ้านายยอมช่วยนะ ฉันจะ...” จะอะไรดีฟะ “จะ...ยอมเป็นหนี้บุญคุณครั้งนึงเลย” เอาแบบกว้าง ๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน จะชดใช้หนี้บุญคุณเมื่อไรก็ไม่ได้บอกนี่ ค่อยชิ่งเอาทีหลังแล้วกัน

“แน่ใจ?”

“เออ สาบาน!” ไขว้นิ้วอย่างไว หวังว่าฟ้าคงไม่ผ่านะ

“ก็ได้”

“จริงเหรอ! ขอบคุณน้า~”

“แต่ถ้ามันไม่มี ฉันจะชำระแค้นเธอเพิ่มเป็นสามเท่าเลยยัยบึ้ก!”

เออ ๆ ขู่ไปเหอะ ฉันไม่อยู่ให้รังแกหรอก ฮิฮิ

ฉันนั่งส่งยิ้มเป็นแรงใจให้นายออร่าที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาเกียร์สุดที่รักของฉันไปทั่วสระ หวังในใจว่าจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน

“นังเปอร์ฉัน -- ว้าย! พี่นิกซ์ลงไปเล่นน้ำทำไมอะคะ”

ไอ้เป้ที่วิ่งกลับมาหาพวกเราด้วยเหงื่อโทรมกายร้องถามไอ้พี่นิกซ์ที่ยังควานหาสร้อยของฉันไปทั่ว

“พี่โดนควายควิดลงมาต่างหาก”

“ไอ้กระทิงมันกลับคอกไปแล้วนะคะพี่นิกซ์”

“พี่นิกซ์ลงไปหาเกียร์ให้อะไอ้เป้” ฉันรีบแถเพราะไม่อยากบอกว่าควายตัวนั้นก็คือฉันเองแหละ

“เออ...ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าหาไม่เจอเหมือนกัน”

“ไม่เป็นไร งั้นมันอาจจะอยู่ในสระนั่นแหละ” ฉันพูดอย่างมีหวังขึ้นมาเป็นร้อยเท่า

“แม่ง! หาให้ตายก็ไม่เจอหรอกยัยถึก! ฉันไม่หาให้เธอแล้ว เมื่อยเป็นบ้า โคลนก็เหม็นจะตายชัก!”

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิพี่นิกซ์ หาอีกหน่อยนะ ๆ ๆ ๆ”

“ไม่! ไปให้ไอ้นิดมันมาดูดน้ำออกจากสระให้เธอเองเหอะ เป้มาช่วยดึงพี่หน่อย”

ม่ายยยย ทำไมแล้งน้ำใจขนาดนี้ฟะ!

ฉันได้แต่นั่งมองไอ้เป้วิ่งไปช่วยดึงไอ้พี่นิกซ์ขึ้นจากสระเพราะคงไม่มีใครจะลงไปงมให้หรอก

“พี่นิกซ์ระวัง -- ว้าย!”

ก๊ากกกกก!

สมน้ำหน้าไอ้ออร่าแล้งน้ำใจที่ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นแฉะ ๆ ข้างสระ

“แม่ง! ซวยจริง -- นี่มัน...”

“เกียร์นังเปอร์!”

“ฮะ!”

ไอ้พี่นิกซ์ชูสร้อยที่หยิบขึ้นมาจากพื้นข้างขอบสระให้ดู และมันก็คือเกียร์ที่เปื้อนโคลนแฉะ ๆ เต็มไปหมด

“เกียร์ของช้านนนน” ฉันกรีดร้องและคลานดึ๊บ ๆ เข้าไปหาไอ้พี่นิกซ์

“เจอแล้วนังเปอร์ แกรอดจากบทลงโทษมหาโหดแล้วแกกกก”

“เออดิ”

“เจอของสำคัญก็ดีแล้ว พี่คงต้องพาเปอร์ไปหาหมอก่อนนะ เป้ไปรายงานไอ้นิดให้หน่อยว่าพวกเราคงกลับมาไม่ทันกิจกรรมสุดท้ายนะ”

“ให้เป้ช่วยพยุงไอ้เปอร์ไปที่รถไหมพี่นิกซ์”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

“โอเค งั้นฉันไปรายงานพี่นิดก่อนนะแก”

“เออ ๆ” ฉันโบกมือลาเปเป้และหันมาดีอกดีใจกับของรักที่เพิ่งหาเจอ

“ขอบคุณนะพี่นิกซ์” ฉันส่งยิ้มขอบอกขอบใจไอ้หน้าเลือดแบบจริงใจสุด ๆ และยื่นมือสองข้างไปขอคืนจากเขา

“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มากอะ”

“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”

“สุด ๆ”

“ถ้าไม่มีมันถึงกับตายเลยเหรอ”

“แหงแก๋เลยแหละ”

“ต้องรักษายิ่งชีพเลยสินะ”

“ช่ายยยย”

“เป็นหน้าเป็นตาของเด็กวิศวะใช่ไหม”

“ถูกกกกก”

“งั้น...ฉันจะเก็บมันไว้แล้วกัน”

“ได้ -- เฮ้ย! ได้ไง!” เกือบเคลิ้มเลยไอ้บ้าหน้าเลือด แถมยังหน้าด้านเก็บสร้อยของฉันเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย

“นั่นมันของฉันนะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉันตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นเพื่อไปยื้อแย่งเอาสร้อยคืนมา

“งั้นก็หยิบไปเองดิ”

แล้วใครมันจะกล้าล้วงเข้าไปในกางเกงแกกันฟะ! ไอ้บ้านี่มันก็ยืนแอ่นใส่หน้าฉันเป็นการท้าทายด้วย ไอ้ทุเรศศศศศ!

“ไอ้โรคจิต!”

“หึหึ ไม่กล้าก็เงียบปากไปเลย ฉันจะเก็บเกียร์ของเธอไว้เป็นประกันว่าไอ้ปอร์เช่มันจะไม่เบี้ยวหนี้ฉัน”

“ไอ้ปอร์มันไม่เบี้ยวหรอกน่า!”

“ใครจะไปรู้ กว่ามันจะใช้หนี้หมดก็ประมาณ...เธออยู่ปีสามอะ เอาไว้ฉันเรียนจบเมื่อไรเธอก็มาเอาคืนแล้วกัน”

“จะบ้าหรือไง! ฉันก็โดนรุ่นพี่เล่นงานน่ะสิ!”

“ก็บอกว่าอยู่ที่ฉันไง”

“ใครจะไปกล้าบอกแบบนั้นฮะ!” การยกเกียร์ให้ใครมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกนะโว้ย!

“งั้นก็ทำตัวดี ๆ ฉันอาจจะใจดีคืนให้ก็ได้”

TUT

“ร้องไห้ไปฉันก็ไม่คืนให้ตอนนี้หรอกนะ เลิกเรื่องมากแล้วไปหาหมอสักที”

“ไม่ต้องอุ้ม เดินเองได้!”

"งั้นคงอีกชั่วโมงละนะกว่าจะไปถึงรถน่ะ นี่เราอยู่ท้ายไร่นะกว่าเธอจะเขย่งไปถึงฉันก็ตะคริวกินพอดี"

"งั้นก็ให้พี่วินมาช่วยแทนก็ได้!”

"ฉันไม่ยอมให้พี่วินมาเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับผู้หญิงหื่นกามอย่างเธอหรอก"

“ไอ้ --”

หุบปากอย่างไวเพราะไอ้บ้านี้มันแอ่นกระเป๋ากางเกงที่ใส่เกียร์ไว้เป็นการขู่อีกแล้วอะ

"เรียนรู้ไวดีนี่ เงียบปากซะก่อนที่ฉันจะเลิกใจดีนะยัยตัวแสบ ไปกันได้แล้ว ฮึบบบ..."

ไอ้บ้านิกซ์ออกแรงยกฉันขึ้นในอ้อมแขน แต่พ้นพื้นเพียงไม่กี่เซ็นต์ เขาก็รีบวางฉันลง

"เธอ...ไม่ได้ขี้มาล้านปีหรือไงถึงได้หนักขนาดนี้น่ะ ขี่หลังเลย อุ้มไม่ไหวหรอก"

ปวดร้าวไปถึงก้นบึ้งหัวจายยยย T^T ทำได้แต่แอบด่าไอ้หน้าเลือดอยู่ในใจและยันตัวขึ้นจากพื้นเพื่อขี่หลังเขาตามคำสั่ง โดยเอื้อมมือไปกอดคอคนตัวสูงไว้อย่างหลวม ๆ

"กอดให้แน่น ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก เดินอีกตั้งไกล"

"ไม่ตกหรอกน่า!"

"นี่…ถ้าเธอร่วงลงไป ฉันก็คงล้มลงไปด้วยแน่นอน มันเป็นหลักการง่าย ๆ ของแรงโน้มถ่วงนะ อะไรที่เบากว่าก็จะถูกดึงโดยสิ่งที่หนักกว่าเข้าใจไหม"

เกลียดนิวตันขึ้นมาจับใจเพราะทฤษฎีการหลอกด่าของไอ้บ้านิกซ์นี่แหละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเกียร์ที่รักตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจร้าย รอให้ได้เกียร์คืนมาก่อนเหอะ ฉันจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยไอ้บ้าฟีนิกซ์!

 


 

ติดตามต่อในเล่มนะคะ

 

ปล. ขอปิดเรื่องอย่างเป็นทางการนะคะ ใครชอบอยากติดตามก็ไปสอย E-Book กันได้ที่ Meb e-book นะคะ เป็นฉบับที่รีไรต์แล้วนะคะ

จิ้มที่...

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzcwNzEyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNzQ0MDciO30

 

หรืออ่านเป็นตอนจ่ายเหรียญได้ที่

-Jamplay จิ้ม...

https://www.jamplay.world/teen/book5aed570508b0460010650c86?day=8

 

-ReadAWrite จิ้ม...

https://www.readawrite.com/a/999bb84ff9a5813ec209176cf121ac13

 

-Fictionlog จิ้ม...

https://fictionlog.co/b/5aeed828be9de43860fa5a35

 

ขอบคุณที่ติดตามนะคะทุกคนนน^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา