รักละมุนของนายโดดเดี่ยว
-
เขียนโดย Annakan
วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.46 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
5,642 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 13.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สายฝนแห่งความโดดเดี่ยว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “พิรุณ” แปลว่าฝน สำหรับบางคนฝนคือสายน้ำแห่งความสดชื่นชุ่มฉ่ำคือหยาดฝนที่ทำให้รู้สึกมีความสุขหรืออย่างน้อยๆ ได้มองเม็ดฝนที่ข้างหน้าต่างก็คงเป็นความเพลิดเพลินได้พอสมควรแต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เขาชื่อ “พิรุณ” อายุยี่สิบแปดปี ทั้งชีวิตมีแค่ความโดดเดี่ยวเป็นเพื่อนข้างกาย หลังเข้าชั้นประถมได้ไม่กี่วันแม่แท้ๆ ก็พาไปหาย่าแล้วก็ไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าอีกเลยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้หนักขึ้นเมื่อคนเพียงคนเดียวที่รักเขาดั่งดวงใจก็มาด่วนจากไปตอนอยู่ประถมปีที่สาม หลังจากนั้นพิรุณก็ระเหเร่ร่อนย้ายโรงเรียนย้ายบ้านไปเรื่อยตามแต่ความเวทนาสงสารของเหล่าญาติๆ ว่าปีนั้นใครจะรับไปดูแล เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความหมางเมินและไม่เคยได้รับความรักและอ้อมกอดจากใครเลย
พิรุณคือฝนแห่งความโดดเดี่ยว ฝนแห่งความอ้างว้าง คล้ายๆ ว่าเขาคือบ่อเกิดแห่งความโศกเศร้า ชีวิตหลังย่าจากไปเขาก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลยไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตามส่วนรอยยิ้มคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งจากคนแบบเขา
“พิรุณ” เกิดตอนฝนโปรยปรายเขาคือสายฝนแห่งความชื่นใจของมารดาอย่างแท้จริงส่วนชื่อเล่นคือ “ฟ้า” เพราะเด็กสาวที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นรักการมองท้องฟ้าเป็นที่สุด หลายครั้งที่ท้อแท้เธอมักจะแหงนหน้าขึ้นไปมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่แล้วก็จะมีแรงใจขึ้นมาทันทีเธอบอกกับตัวเองว่าถ้ามีลูกไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะตั้งชื่อว่าฟ้าแน่นอน
“ฟ้า เดี๋ยวช่วยดูแลคนไข้คนนี้ทีดูแลเป็นพิเศษนะ” หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาแจ้งข่าวให้ผู้ร่วมงาน พิรุณเข้าใจทันทีถึงสิ่งที่เธอย้ำประโยคสุดท้ายว่ามันหมายความถึงอะไร ปีละครั้งสองครั้งเขาจะได้รับคำสั่งแบบนี้
“สวัสดีค่ะ” ตุลยดาและพรรัมภายกมือไหว้ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน ทั้งคู่แปลกใจมากแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแจ้งให้มาพบผู้บำบัดในห้องซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ เขาหนุ่มมากไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักบำบัดได้บอกว่ายังเรียนไม่จบก็ไม่แคลงใจแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ ผมขอตรวจอาการเบื้องต้นนะครับ” พิรุณขออนุญาตก่อนเพราะเขาต้องโดนตัวคนไข้ เขาใช้มือสัมผัส กดและเตะไปทั่วขาของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยความตั้งใจ
ตุลยดาขนลุกเล็กน้อยจากสัมผัสที่ได้รับ นอกจากพี่ชายแล้วก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนถูกเนื้อต้องตัวแบบตั้งอกตั้งใจขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเธอพบแต่ผู้บำบัดและหมอที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นมันจึงอดหวิวๆ ไม่ได้เมื่อเขาลูบไล้เรียวขาของเธอซ้ำไปซ้ำมา
“สนใจคอร์สวารีบำบัดใช่ไหมครับ คนไข้ว่ายน้ำเป็นไหมครับ”
“เป็นค่ะ แต่ แต่ไม่ได้ว่ายนานแล้วไม่รู้จะยังว่ายได้อยู่ไหม” ตุลยดาตอบ
“ไม่ต้องห่วงครับเราแค่ถามเพื่อกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถึงว่ายไม่เป็นก็เข้าคอร์สได้ครับเพราะเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดหนึ่งต่อหนึ่งส่วนคนไข้ที่เคยว่ายน้ำเป็นแต่ห่างหายไปนานส่วนมากพอลงน้ำก็ว่ายได้เหมือนเดิมครับหรืออาจจะใช้เวลาสักพักเท่านั้นครับร่างกายก็จะเรียกความสามารถส่วนนั้นกลับมา”
“ไม่ทราบว่าญาติคนไข้เข้าไปดูการบำบัดได้ไหมคะ” พรรัมภาถาม เธอไม่อยากปล่อยน้องสาวให้อยู่ตามลำพังกับผู้ชายในชุดว่ายน้ำเธอรู้ว่าต่อไม่พอใจแน่ๆ และเธอก็ไม่ชอบใจเช่นกันเพราะเห็นสายตาประหลาดๆ ของเขา
“ได้ครับเพราะคนไข้จองคอร์สส่วนตัวมาปกติถ้าเป็นคอร์สธรรมดาจะไม่ให้เข้าครับ”
“คนไข้ต้องการรถรับส่งไหมครับ”
“ไม่ค่ะ เดี๋ยวพีชมารับมาส่งเอง”
พิรุณซักถามข้อมูลจากคนไข้อีกพักใหญ่เพราะต้องการรายละเอียดให้มากที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการรักษาและออกแบบคอร์สบำบัดที่เหมาะสมกับคนไข้ พรรัมภาพอใจมากกับความใส่ใจและมีมาตรฐานของศูนย์บำบัดคิดไม่ผิดเลยที่ยอมจ่ายเงินให้กับที่นี่ถึงมันจะแพงกว่าที่อื่นๆ ตั้งห้าเท่าก็ตาม
“พบกันสัปดาห์หน้านะครับ” ผ่านไปเกือบชั่วโมง พิรุณก็บอกลาคนไข้และพี่สาวของเธอ
“พี่พีชคะ” ตุลยดาเรียกว่าที่สะใภ้ของเธอด้วยเสียงกระซิบ
“ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วไง” พรรัมภาบอกแล้วจับมือน้องสาวมากุมไว้ เธอรู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานจะพูดเรื่องอะไร
“มันแพงมากเลย” ตุลยดาบอกแล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ตอนพี่พีชรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินเธอเกือบจะร่วงตกจากรถเข็นเพราะราคามันห่างครึ่งล้านไปนิดเดียวเท่านั้น ศูนย์แห่งนี้เป็นที่หนึ่งด้านวารีบำบัดและหัตถบำบัดพี่พีชเลือกคอร์สหกเดือนแบบ VIP ทุกรูปแบบทั้งผู้ดูแล ห้องบำบัดหรือแม้แต่อาหารการกินและเธอต้องมาที่นี่สัปดาห์ละสี่วัน
“ทำให้พี่ไม่ได้เหรอมันคงลำบากและต้องใช้ความอดทนมากแต่พี่ก็อยากให้ตาลลองดูส่วนเรื่องเงินพี่ขอพูดแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อพี่มีเยอะกว่าพี่ก็อยากดูแลตรงนี้แล้วถ้าพี่จะซื้อความสุขด้วยเงินมันก็ไม่แปลกใช่ไหมความสุขของพี่คืออยากเห็นตาลกลับมาเดินได้ตาลช่วยทำให้ความฝันของพี่เป็นจริงได้ไหม”
“ค่ะ พี่พีช ตาลจะพยายามตาลจะไม่ดื้อ”
“สัญญาด้วยว่าจะเลิกคิดเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งเดียวที่พี่อยากให้ตาลทำก็คือตั้งใจกับการบำบัด”
“ค่ะพี่พีช ตาลสัญญา”
พรรัมภาพาตุลยดาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อชุดว่ายน้ำทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าควรซื้อแบบชุดชิ้นเดียวมีกระโปรงปิดบั้นท้ายและสีเข้มๆ เข้าไว้ หลังจากเลือกกันอยู่นานจึงได้มาทั้งหมดสามชุด
“ตาลคิดว่าคุณพิรุณเขาเป็นยังไง” พรรัมภาถามระหว่างที่กินของหวาน
“ก็ดีนะคะ เขาพูดจาเข้าใจง่ายดีไม่ใช้ภาษาหมอหรือศัพท์ยากๆ ที่ฟังแล้วงง”
“แล้วต้องอยู่กับเขาครึ่งปีคิดว่าไหวไหม” พรรัมภายังคงถามต่อไป เธอว่าเธอเดาสายตาของอีกฝ่ายไม่ผิดถึงเขาพยายามจะซ่อนมันไว้ก็เถอะแต่ไม่รอดพ้นคนช่างสังเกตแบบเธอหรอก
“ไหวสิคะแล้วตาลก็ไม่ได้อยู่กับเขาสักหน่อยแค่ไปบำบัดสี่วันเองครั้งละไม่กี่ชั่วโมงด้วย”
“ทำไมพี่พีชถามแปลกๆ คะ”
“เปล่าจ้ะพี่แค่อยากแน่ใจว่าตาลโอเคกับมันจริงๆ พี่ก็คิดเองเออเองหลายอย่างกลัวจะเป็นการบังคับตาลมากไป”
“ไม่เลยค่ะพี่พีชอย่าคิดแบบนั้น ทุกคนหวังดีกับตาลค่ะตาลเข้าใจแล้วก็ดีใจมาก”
“น้องสาวของพี่น่ารักที่สุดเลย” พรรัมภาหอมแก้มใสๆ ของตุลยดาแล้วทั้งคู่ก็กอดกัน เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักและทุ่มเทให้เด็กคนนี้มากมายเหลือเกิน เธอกับตาลไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกัน ญาติห่างๆ ก็ไม่ใช่แถมเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นานแต่ระยะเวลาอันน้อยนิดกลับสร้างความผูกพันระหว่างเธอกับเด็กคนนี้ได้ยิ่งใหญ่มหาศาล
“กลับกันเลยไหม พี่ต่อคงชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟแล้ว”
“กลับเลยค่ะพี่พีช” พรรัมภาโบกมือให้คนขับรถที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป จริงๆ เธออยากให้มานั่งด้วยกันแต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะความเกรงใจ เธอเคยอ้อนวอนปนขอร้องสำเร็จครั้งนึงแล้วก็คิดว่าการแยกโต๊ะคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะวันนั้นลุงตุ่มแทบไม่กระดิกตัวเลยระหว่างนั่งทานอาหาร
ตุ่มคือคนขับรถที่บ้านพรรัมภา พ่อกับแม่จ้างไว้ให้ลูกสาวคนเดียวโดยเฉพาะเธอเพิ่งจะมาใช้บริการเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่เพราะต้องใช้รับส่งตุลยดาที่เดินไม่ได้และต้องมีรถเข็นติดตัวตลอดเวลา ก่อนหน้านั้นพรรัมภาวิ่งหนีตัวตนและความร่ำรวยของตัวเองสุดกำลังเพราะเธอไม่เห็นคุณค่าว่าการมีเงินมากมายล้นฟ้ามันดียังไงแต่ตอนนี้เมื่อเธอได้รู้จักตุลยดาเธอก็รู้ว่าสิ่งที่เธอมีจะทำให้เด็กสาวคนนึงมีชีวิตที่ดีขึ้นมันทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน
เขาชื่อ “พิรุณ” อายุยี่สิบแปดปี ทั้งชีวิตมีแค่ความโดดเดี่ยวเป็นเพื่อนข้างกาย หลังเข้าชั้นประถมได้ไม่กี่วันแม่แท้ๆ ก็พาไปหาย่าแล้วก็ไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าอีกเลยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้หนักขึ้นเมื่อคนเพียงคนเดียวที่รักเขาดั่งดวงใจก็มาด่วนจากไปตอนอยู่ประถมปีที่สาม หลังจากนั้นพิรุณก็ระเหเร่ร่อนย้ายโรงเรียนย้ายบ้านไปเรื่อยตามแต่ความเวทนาสงสารของเหล่าญาติๆ ว่าปีนั้นใครจะรับไปดูแล เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความหมางเมินและไม่เคยได้รับความรักและอ้อมกอดจากใครเลย
พิรุณคือฝนแห่งความโดดเดี่ยว ฝนแห่งความอ้างว้าง คล้ายๆ ว่าเขาคือบ่อเกิดแห่งความโศกเศร้า ชีวิตหลังย่าจากไปเขาก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลยไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตามส่วนรอยยิ้มคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งจากคนแบบเขา
“พิรุณ” เกิดตอนฝนโปรยปรายเขาคือสายฝนแห่งความชื่นใจของมารดาอย่างแท้จริงส่วนชื่อเล่นคือ “ฟ้า” เพราะเด็กสาวที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นรักการมองท้องฟ้าเป็นที่สุด หลายครั้งที่ท้อแท้เธอมักจะแหงนหน้าขึ้นไปมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่แล้วก็จะมีแรงใจขึ้นมาทันทีเธอบอกกับตัวเองว่าถ้ามีลูกไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะตั้งชื่อว่าฟ้าแน่นอน
“ฟ้า เดี๋ยวช่วยดูแลคนไข้คนนี้ทีดูแลเป็นพิเศษนะ” หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาแจ้งข่าวให้ผู้ร่วมงาน พิรุณเข้าใจทันทีถึงสิ่งที่เธอย้ำประโยคสุดท้ายว่ามันหมายความถึงอะไร ปีละครั้งสองครั้งเขาจะได้รับคำสั่งแบบนี้
“สวัสดีค่ะ” ตุลยดาและพรรัมภายกมือไหว้ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน ทั้งคู่แปลกใจมากแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแจ้งให้มาพบผู้บำบัดในห้องซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ เขาหนุ่มมากไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักบำบัดได้บอกว่ายังเรียนไม่จบก็ไม่แคลงใจแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ ผมขอตรวจอาการเบื้องต้นนะครับ” พิรุณขออนุญาตก่อนเพราะเขาต้องโดนตัวคนไข้ เขาใช้มือสัมผัส กดและเตะไปทั่วขาของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยความตั้งใจ
ตุลยดาขนลุกเล็กน้อยจากสัมผัสที่ได้รับ นอกจากพี่ชายแล้วก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนถูกเนื้อต้องตัวแบบตั้งอกตั้งใจขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเธอพบแต่ผู้บำบัดและหมอที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นมันจึงอดหวิวๆ ไม่ได้เมื่อเขาลูบไล้เรียวขาของเธอซ้ำไปซ้ำมา
“สนใจคอร์สวารีบำบัดใช่ไหมครับ คนไข้ว่ายน้ำเป็นไหมครับ”
“เป็นค่ะ แต่ แต่ไม่ได้ว่ายนานแล้วไม่รู้จะยังว่ายได้อยู่ไหม” ตุลยดาตอบ
“ไม่ต้องห่วงครับเราแค่ถามเพื่อกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถึงว่ายไม่เป็นก็เข้าคอร์สได้ครับเพราะเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดหนึ่งต่อหนึ่งส่วนคนไข้ที่เคยว่ายน้ำเป็นแต่ห่างหายไปนานส่วนมากพอลงน้ำก็ว่ายได้เหมือนเดิมครับหรืออาจจะใช้เวลาสักพักเท่านั้นครับร่างกายก็จะเรียกความสามารถส่วนนั้นกลับมา”
“ไม่ทราบว่าญาติคนไข้เข้าไปดูการบำบัดได้ไหมคะ” พรรัมภาถาม เธอไม่อยากปล่อยน้องสาวให้อยู่ตามลำพังกับผู้ชายในชุดว่ายน้ำเธอรู้ว่าต่อไม่พอใจแน่ๆ และเธอก็ไม่ชอบใจเช่นกันเพราะเห็นสายตาประหลาดๆ ของเขา
“ได้ครับเพราะคนไข้จองคอร์สส่วนตัวมาปกติถ้าเป็นคอร์สธรรมดาจะไม่ให้เข้าครับ”
“คนไข้ต้องการรถรับส่งไหมครับ”
“ไม่ค่ะ เดี๋ยวพีชมารับมาส่งเอง”
พิรุณซักถามข้อมูลจากคนไข้อีกพักใหญ่เพราะต้องการรายละเอียดให้มากที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการรักษาและออกแบบคอร์สบำบัดที่เหมาะสมกับคนไข้ พรรัมภาพอใจมากกับความใส่ใจและมีมาตรฐานของศูนย์บำบัดคิดไม่ผิดเลยที่ยอมจ่ายเงินให้กับที่นี่ถึงมันจะแพงกว่าที่อื่นๆ ตั้งห้าเท่าก็ตาม
“พบกันสัปดาห์หน้านะครับ” ผ่านไปเกือบชั่วโมง พิรุณก็บอกลาคนไข้และพี่สาวของเธอ
“พี่พีชคะ” ตุลยดาเรียกว่าที่สะใภ้ของเธอด้วยเสียงกระซิบ
“ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วไง” พรรัมภาบอกแล้วจับมือน้องสาวมากุมไว้ เธอรู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานจะพูดเรื่องอะไร
“มันแพงมากเลย” ตุลยดาบอกแล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ตอนพี่พีชรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินเธอเกือบจะร่วงตกจากรถเข็นเพราะราคามันห่างครึ่งล้านไปนิดเดียวเท่านั้น ศูนย์แห่งนี้เป็นที่หนึ่งด้านวารีบำบัดและหัตถบำบัดพี่พีชเลือกคอร์สหกเดือนแบบ VIP ทุกรูปแบบทั้งผู้ดูแล ห้องบำบัดหรือแม้แต่อาหารการกินและเธอต้องมาที่นี่สัปดาห์ละสี่วัน
“ทำให้พี่ไม่ได้เหรอมันคงลำบากและต้องใช้ความอดทนมากแต่พี่ก็อยากให้ตาลลองดูส่วนเรื่องเงินพี่ขอพูดแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อพี่มีเยอะกว่าพี่ก็อยากดูแลตรงนี้แล้วถ้าพี่จะซื้อความสุขด้วยเงินมันก็ไม่แปลกใช่ไหมความสุขของพี่คืออยากเห็นตาลกลับมาเดินได้ตาลช่วยทำให้ความฝันของพี่เป็นจริงได้ไหม”
“ค่ะ พี่พีช ตาลจะพยายามตาลจะไม่ดื้อ”
“สัญญาด้วยว่าจะเลิกคิดเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งเดียวที่พี่อยากให้ตาลทำก็คือตั้งใจกับการบำบัด”
“ค่ะพี่พีช ตาลสัญญา”
พรรัมภาพาตุลยดาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อชุดว่ายน้ำทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าควรซื้อแบบชุดชิ้นเดียวมีกระโปรงปิดบั้นท้ายและสีเข้มๆ เข้าไว้ หลังจากเลือกกันอยู่นานจึงได้มาทั้งหมดสามชุด
“ตาลคิดว่าคุณพิรุณเขาเป็นยังไง” พรรัมภาถามระหว่างที่กินของหวาน
“ก็ดีนะคะ เขาพูดจาเข้าใจง่ายดีไม่ใช้ภาษาหมอหรือศัพท์ยากๆ ที่ฟังแล้วงง”
“แล้วต้องอยู่กับเขาครึ่งปีคิดว่าไหวไหม” พรรัมภายังคงถามต่อไป เธอว่าเธอเดาสายตาของอีกฝ่ายไม่ผิดถึงเขาพยายามจะซ่อนมันไว้ก็เถอะแต่ไม่รอดพ้นคนช่างสังเกตแบบเธอหรอก
“ไหวสิคะแล้วตาลก็ไม่ได้อยู่กับเขาสักหน่อยแค่ไปบำบัดสี่วันเองครั้งละไม่กี่ชั่วโมงด้วย”
“ทำไมพี่พีชถามแปลกๆ คะ”
“เปล่าจ้ะพี่แค่อยากแน่ใจว่าตาลโอเคกับมันจริงๆ พี่ก็คิดเองเออเองหลายอย่างกลัวจะเป็นการบังคับตาลมากไป”
“ไม่เลยค่ะพี่พีชอย่าคิดแบบนั้น ทุกคนหวังดีกับตาลค่ะตาลเข้าใจแล้วก็ดีใจมาก”
“น้องสาวของพี่น่ารักที่สุดเลย” พรรัมภาหอมแก้มใสๆ ของตุลยดาแล้วทั้งคู่ก็กอดกัน เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักและทุ่มเทให้เด็กคนนี้มากมายเหลือเกิน เธอกับตาลไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกัน ญาติห่างๆ ก็ไม่ใช่แถมเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นานแต่ระยะเวลาอันน้อยนิดกลับสร้างความผูกพันระหว่างเธอกับเด็กคนนี้ได้ยิ่งใหญ่มหาศาล
“กลับกันเลยไหม พี่ต่อคงชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟแล้ว”
“กลับเลยค่ะพี่พีช” พรรัมภาโบกมือให้คนขับรถที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป จริงๆ เธออยากให้มานั่งด้วยกันแต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะความเกรงใจ เธอเคยอ้อนวอนปนขอร้องสำเร็จครั้งนึงแล้วก็คิดว่าการแยกโต๊ะคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะวันนั้นลุงตุ่มแทบไม่กระดิกตัวเลยระหว่างนั่งทานอาหาร
ตุ่มคือคนขับรถที่บ้านพรรัมภา พ่อกับแม่จ้างไว้ให้ลูกสาวคนเดียวโดยเฉพาะเธอเพิ่งจะมาใช้บริการเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่เพราะต้องใช้รับส่งตุลยดาที่เดินไม่ได้และต้องมีรถเข็นติดตัวตลอดเวลา ก่อนหน้านั้นพรรัมภาวิ่งหนีตัวตนและความร่ำรวยของตัวเองสุดกำลังเพราะเธอไม่เห็นคุณค่าว่าการมีเงินมากมายล้นฟ้ามันดียังไงแต่ตอนนี้เมื่อเธอได้รู้จักตุลยดาเธอก็รู้ว่าสิ่งที่เธอมีจะทำให้เด็กสาวคนนึงมีชีวิตที่ดีขึ้นมันทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ