รักละมุนของนายโดดเดี่ยว
เขียนโดย Annakan
วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.46 น.
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 13.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ฝนหลงฤดู
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตานั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยุโรปคันโต การจราจรยามเย็นแถวย่านธุรกิจก็ติดขัดเหมือนทุกวันแถมวันนี้คงจะนิ่งเป็นพิเศษเพราะฝนเริ่มโปรยลงมาแล้วทั้งที่มันเป็นกลางเดือนธันวาคม สัญญาณไฟสีเขียวบนเสาที่ห่างไปไม่ไกลนักไม่ได้ทำให้รถที่รออยู่เคลื่อนตัวแม้แต่นิดเดียว
เขากดปุ่มแล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาหลังจากกดอีกสองสามครั้งก็ได้ยินเสียงดีเจที่คุ้นเคยแล้วเขาก็หันไปสนใจการขับขี่เหมือนเดิมถึงแม้มันจะยังไม่ขยับไปไหนเลยก็ตาม
เสียงจากวิทยุ
ดีเจ: สวัสดีค่ะน้องส้มใช่ไหมคะ ขออนุญาตเรียกน้องนะคะเพราะทีมงานบอกว่าเพิ่งอายุสิบห้าเอง
ผู้ฟัง: ได้ค่ะพี่สร้อย
ดีเจ: วันนี้เห็นว่าจะปรึกษาเรื่องที่แอบชอบรุ่นพี่ ช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆ ได้ไหมคะ
ผู้ฟัง: เขาเป็นรุ่นพี่ค่ะอยู่ ม. หก ส้มอยู่ ม. สาม สมมติว่าเขาชื่อพี่เอนะคะ พี่เอชอบมาคุยด้วยตอนพักกลางวัน บางทีก็มาดักรอหน้าประตูตอนเลิกเรียนแล้วก็เดินไปป้ายรถเมล์พร้อมกัน…………..
พิรุณฟังได้เพียงแค่นั้นแล้วสมองก็หลุดลอยไป เสียงของเด็กในวิทยุหวานใสเหมือนคนไข้ที่มาวันนี้ไม่มีผิด ถ้าเธอได้เข้าเรียนเหมือนคนวัยเดียวกันก็คงจะมีเรื่องรักๆ ให้หัวใจปั่นป่วนแน่นอนเพราะเธอไม่ใช่คนขี้เหร่เลยต้องบอกว่าน่ารักมากด้วยซ้ำไป เธอเป็นสาวน้อยที่แสนสดใสมองทุกอย่างในแง่ดีเวลาเธอยิ้มเหมือนโลกทั้งใบก็จะยิ้มไปกับเธอด้วยและตรงนี้เองคือหน้าที่ของเขา คนไข้บางคนแกล้งทำว่าไม่เสียใจไม่ทุกข์ร้อนกับความป่วยไข้ที่เป็นเพื่อไม่ให้คนรอบตัวต้องกังวลการทำแบบนั้นนานๆ จะส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและร่างกายในระยะยาว
“ปิ๊นนนนน” เสียงแตรจากรถคันหลังปลุกให้พิรุณหลุดจากภวังค์เขารีบเข้าเกียร์แล้วออกรถทันที
พิรุณกลับมาถึงบ้านเกือบสามทุ่มเขาติดอยู่บนถนนสามชั่วโมงเต็มทั้งที่บ้านไม่ได้ไกลจากที่ทำงานเลยครั้นจะพึ่งขนส่งมวลชนมันก็หนาแน่นเบียดเสียดเหลือเกินเขาไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่อยากไปเริ่มงานด้วยเหงื่อท่วมตัว
ชายหนุ่มถอดเสื้อสีขาวออก พิรุณมีแผงอกกำยำและกล้ามแขนเป็นมัดๆ เขาเป็นนักกายภาพบำบัดต้องใช้ร่างกายและความแข็งแรงในการทำงาน เขาต้องพยุง ประคอง บางครั้งก็ต้องอุ้มคนไข้เขาจึงต้องออกกำลังสม่ำเสมอไม่ปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอเพราะมีคนไข้อีกมากมายที่เขาต้องรักษา
ปกติถ้ากลับถึงบ้านไม่ค่ำนักเขาจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยกินมื้อเย็นแต่วันนี้เลยเวลามาเป็นชั่วโมงเขาจึงเริ่มทำอาหารก่อนเพราะท้องมันร้องโครกครากไปหมดแล้ว ข้อดีของการอยู่คนเดียวก็คือจะทำอะไรตอนไหนก็ได้อยากกินอะไรก็ไม่ต้องปรึกษาใครแต่บางครั้งก็เหงาเหมือนกัน
พิรุณเคยมีแฟนเพียงคนเดียวคือตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยเมื่อใกล้จะเรียนจบเขากับเธอก็วางแผนเรื่องแต่งงานแต่ก็ล่มไม่เป็นท่าเพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าหรือจะเรียกให้สั้นๆ ก็คือคนจน ชายหนุ่มไม่โทษคนรักที่ทิ้งไปเพราะถ้าเธอเลือกเขาแต่ต้องตัดขาดกับที่บ้านเขาก็ไม่มีความสุขเช่นกัน พิรุณกับคนรักจากกันด้วยดีและผ่านมาหลายปีแล้วเขาก็ไม่เคยรักใครอีกเลย
ข้าวในกระทะส่งกลิ่นหอมฉุยแต่เขากลับไม่ได้กลิ่นเป็นอีกครั้งที่สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตอนแรกก็เรื่องแก้วตาหญิงสาวอดีตคนรักแล้วอยู่ๆ ภาพใบหน้าหวานซึ้งของเด็กสาวคนนั้นก็โผล่เข้ามารบกวนจิตใจอีกแล้ว เขาทำงานมาสามปีใกล้ชิดกับคนไข้มานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเก็บเอาใครมาคิดถึงนอกเวลางานเลยสักคน
ยามที่เธอพูดมันมีแววของความประหม่าและเขินอายอยู่ข้างในแต่เธอก็พยายามเก็บมันเอาไว้ซึ่งมันดูน่ารักดี คนไข้บางส่วนจะเหนื่อยหน่ายและไม่ให้ความร่วมมือและอีกส่วนนั้นเลวร้ายกว่าคือคนไข้จอมพยศไม่รับฟังอะไรแต่เด็กสาวคนนั้นคือคนไข้ในฝันเธอตอบทุกคำถามด้วยความตั้งใจ ให้รายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ซึ่งทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อตัวเธอทั้งสิ้นยิ่งได้ข้อมูลมากเท่าไหร่การบำบัดก็จะยิ่งให้ผลที่น่าพอใจมากขึ้นเช่นกัน
ช่วงที่ต้องตรวจร่างกายส่วนที่บำบัดก็คือขามันทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่กแถมมือไม้ก็สั่นไปหมด เธออายุสิบเก้าปีเพิ่งเป็นสาวเต็มตัวส่วนสัดเรือนร่างจึงสวยงามเป็นธรรมดาถึงแม้เธอจะใส่เสื้อผ้าไม่โชว์เนื้อหนังแต่การสัมผัสและใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวก็ทำให้เห็นและจินตนาการได้ไม่ยากนักแต่สิ่งหนึ่งที่รบกวนสมาธิในการทำงานที่สุดก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเธอ เขาไม่รู้ว่ามันมาจากเส้นผม ผิว หรือว่าส่วนไหนมันหอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่เขาก็ไม่รู้ว่าดอกอะไรแต่มันหอม อ่อนหวาน พาให้จิตใจล่องลอย
“เฮ้ย !” กลิ่นหอมละมุนของตุลยดายังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของพิรุณแต่ตอนนี้มีเพียงกลิ่นเดียวที่เขาต้องกำจัดให้หมดไปก็คือกลิ่นข้าวผัดไหม้
“อะไรวะ” พิรุณถามตัวเองด้วยความงุนงง สองครั้งแล้วที่เขาใจลอยคิดถึงเด็กคนนั้นการพบกันแค่ช่วงสั้นๆ สร้างความปั่นป่วนให้หัวใจและสมองของเขาอย่างน่าประหลาด
“เราก็แค่เป็นห่วงเธอในฐานะคนไข้แหละ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองและจัดการเทข้าวดำปี๋ลงถังขยะ เขาหยิบอาหารแช่แข็งออกมาหนึ่งกล่องแล้วยัดใส่ไมโครเวฟ ระหว่างที่รอก็ยังไม่วายคิดถึงรอยยิ้มแสนสดใสของคนไข้รายล่าสุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ