เทพจักรภพ ชุดที่ 1 รักนี้ต้องเป็นของข้า
6.3
เขียนโดย CCat21princess
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.10 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,650 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560 18.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เกียรติยศของสหายกับคนรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ นางาโตะได้ออกเดินทางเพียงลำพังเพื่อไปตามสหายของเขาทั้งสองกลับวังหลวง เขากลับมายังจุดเดิมที่ได้กลิ่นไอปีศาจของยามะ แต่ตอนนี้ไอปีศาจนั้นกลับเลือนลางจนแทบจับกลิ่นไม่ได้ นางาโตะเดินตระเวนไปตามกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ จนพบกับร่างของคาซุมินอนสลบอยู่บนพื้น
“คาซุมิ! คาซุมิ!”นางาโตะเข้าไปประคองร่างของนางขึ้นมาและเขย่าเบาๆเพื่อให้นางรู้สึกตัว
คาซุมิค่อยๆปรือตาขึ้นมองนางาโตะและดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างนาง ให้นางได้เจอกับนางาโตะ คาซุมิโผเข้ากอดนางาโตะด้วยความดีใจ
“นางาโตะ! ฮือ ช่วยข้าด้วย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แล้วยามะอยู่ไหน”
“ข้าไม่รู้ เมื่อคืนยามะกลับมาหาข้าที่กระท่อม เขาบอกให้ข้าหนีไปให้ไกลที่สุด แล้วเขาก็ยังอยู่ที่กระท่อมนั้นคนเดียว ข้าถามเขา แต่เขากลับไม่ยอมตอบเอาแต่พร่ำบอกให้ข้าหนีไปก่อน”คาซุมิเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางให้นางาโตะได้รับรู้
“ช่วยข้าที นางาโตะ”
นางาโตะพาคาซุมิกลับไปที่กระท่อมที่นางอยู่กับยามะเพื่อเสาะหาร่องรอย ร่องรอยที่พบคือเลือดท่วมกระท่อมและร่องรอยของประตูที่ถูกของมีคม
“เลือด! เหตุใดถึงมีเลือดเต็มไปหมด”คาซุมิกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แม้แต่กลิ่นไอปีศาจของยามะ ข้าเองก็ไม่ได้กลิ่น”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“บางทียามะอาจเจอกับปีศาจสักตนและเกิดการต่อสู้กันที่นี่...เค้าถึงสั่งให้เจ้าหนีไปจากกระท่อมนี้”การสันนิษฐานของนางาโตะนั้นเป็นไปตามสภาพที่เห็น
คาซุมินึกถึงใบหน้าของคนรักแล้วจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนไหว นางเป็นลมในทันทีจนนางาโตะต้องรีบเข้าไปประคองนางเอาไว้ไม่ให้หัวฟาดพื้นไปเสียก่อน จากนั้นนางาโตะจึงพาคาซุมิกลับวังหลวงโชเท็นและให้หมอหลวงมาตรวจดูร่างกายของนางในตำหนักใหญ่ นางาโตะออกมารอข้างนอกห้องจึงเจอกับอิทามะที่มาดูอาการของคาซุมิเช่นกัน
“เจ้าไม่เจอยามะงั้นหรือ”อิทามะถาม
นางาโตะเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบคาซุมิในป่าและเรื่องที่ยามะต่อสู้กับปีศาจจนหายตัวไปอีกครั้ง ไอกลิ่นปีศาจที่ติดตัวของยามะก็เลือนหายไปด้วยเช่นกัน
“ข้าประมาทนัก หากข้าพาพวกเค้ากลับที่ตั้งแต่แรก ยามะคงไม่เป็นเช่นนี้”
“มันเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่เชื่อฟังอย่างเจ้ายามะ ข้าไม่คิดโกรธเคืองเจ้าเลยนางาโตะ”อิทามะไม่นึกโกรธนางาโตะ แต่กลับโทษบุตรชายของตน หากยามะไม่หนีไปคงไม่ประสบพบเคราะห์แบบนี้
ทาคุมิลงมาที่โลกมนุษย์ทันทีหลังจากได้รับสารจากวังหลวงโชเท็นว่าเจอตัวคาซุมิ คนเป็นแม่จึงไม่อาจนิ่งนอนใจ รีบมาดูบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วง
“ข้าได้รับสารแล้วจึงรีบมาที่นี่”ทาคุมิกล่าว
“ตอนนี้หมอหลวงกำลังดูแลนางอยู่ข้างในขอรับ”นางาโตะหันไปมองตอบทาคุมิ
“บุตรของข้าไม่เคยตกระกำลำบากเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเลี้ยงลูกไม่ดี!”ทาคุมิหันไปต่อว่าอิทามะด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ข้าขออภัย พระชายาทาคุมิด้วย”อิทามะกล่าว
“ข้าไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้าทั้งสองพ่อลูกหรอก”ทาคุมิปัดรับคำขออภัยจากอิทามะ
ในขณะที่ทาคุมิกับอิทามะกำลังมีปากเสียงกันมากไปกว่านี้ หมอหลวงจึงออกมาจากห้องพักของคาซุมิทำให้นางาโตะ ทาคุมิและอิทามะเดินเข้าไปหาหมอหลวงพร้อมๆกัน
“ลูกข้าเป็นยังไงบ้าง หมอหลวง”ทาคุมิเอ่ยถาม
“….ฟังกระหม่อมก่อนนะขอรับ พระชายา กระหม่อมได้ตรวจร่างกายขององค์หญิงอย่างดีแล้วพบว่า...องค์หญิงตั้งครรภ์ขอรับ”
หมอหลวงได้กล่าวสิ่งที่ทำให้ใจของทาคุมิแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงใจสลายที่บุตรสาวเป็นแบบนี้ ทาคุมิยกมือขึ้นทาบอกเอาไว้เพราะนางรู้สึกเหมือนว่าสติกำลังจะดับเสียให้ได้
“กระหม่อมจัดยาไว้ให้องค์หญิงบำรุงครรภ์แล้ว เพียงเท่านี้ก็หมดธุระของกระหม่อม ถ้าอย่างนั้นขอตัวขอรับ”หมอหลวงกล่าว
“ข้าไปส่งเจ้าเอง”นางาโตะออกไปส่งหมอหลวง
“เพราะเจ้า! อิทามะ! เจ้าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้หยาบเกียรติลูกข้าถึงเพียงนี้!”
หลังจากที่นางาโตะกับหมอหลวงเดินออกไปแล้ว ทาคุมิจึงต่อว่าอิทามะด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง นางรู้สึกเหมือนถูกยามะเหยียดหยามเกียรติทั้งตัวนางเองและคาซุมิ ความผิดทุกอย่างจึงตกไปที่ยามะและอิทามะ ทาคุมิเกลียดชังสองพ่อลูกยิ่งนักที่ก่อเรื่องให้กับนางได้เสมอ
“ไม่ว่าเจ้าจะต่อว่าข้าอะไร ตัวข้าในตอนนี้มีเพียงแค่คำขออภัยจากเจ้าได้เท่านั้น”
“บุตรของเจ้าทำกับลูกข้าถึงเพียงนี้ อย่าหวังที่จะให้ข้าให้อภัยพวกเจ้าสองคน!”
“เย็นก่อนเถิด ท่านอาทั้งสอง”นางาโตะกลับเข้ามา ปรามทั้งสองเอาไว้
“จะให้อาใจเย็นได้อย่างไร เจ้าดูสิ่งที่ยามะทำกับข้าสิ!”
“รอให้คาซุมิฟื้น เราคอยหาทางออกกันนะขอรับ”
นางาโตะบอกกับทาคุมิก่อนที่เค้าจะรีบกลับมาตำหนักของตน เพราะยังมีคนที่รอคอยในตำหนักนี้ เมื่อมาถึงก็พบว่าหญิงสาวกำลังนั่งจัดแจกันดอกไม้อย่างพิถีพิถัน แต่ไม่ทันที่นางาโตะจะเรียกยูกิ เสียงเรียกของทาคุมิก็ดังขึ้นจากข้างหลังเสียก่อน
“นางาโตะ”ทาคุมิเรียก
“ท่านอา มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยอีกงั้นหรือ”
“มี ข้ามีเรื่องที่เจ้าจะต้องช่วยข้า”ทาคุมิเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนนางาโตะเกิดรู้สึกระแวงว่าสิ่งที่นางกำลังจะพูดต่อไปนี้จะทำให้ชีวิตของเค้าลำบาก
“เรื่องอันใดเล่า”
“ข้าทราบมาว่า ยามะ หายตัวไปอีก บางทีเจ้านั้นอาจจะรู้ว่าลูกข้าตั้งท้องถึงได้คิดวางอุบายและหนีไป”
“ยามะ มีความรับผิดชอบมาตลอด ข้าคิดว่ายามะไม่มีทางทำเช่นนั้นกับคาซุมิแน่นอน”
“เจ้าจะไปรู้อะไร การที่พวกเจ้าทั้งสามเติบโตมาด้วยกันใช่ว่ามันจะทำให้เจ้ารู้จักยามะดี”
“หากธุระของท่านอามีเพียงแค่นี้ ข้าคิดว่าท่านอาควรกลับไปเถิด”นางาโตะเริ่มรู้สึกรำคาญ หากทาคุมิไม่มีศักดิ์เป็นอา เขาคงสั่งให้ทหารลากตัวออกไปแล้ว
“ฟังข้าก่อนนางาโตะ ตอนนี้ลูกของข้าต้องท้องไม่มีพ่อ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ อีกอย่างพวกเจ้าเองก็ยังคงหมั้นหมายกันอยู่”
“แต่นั้นเป็นลูกของยามะ ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นกับสหายของข้าและข้าเองก็คิดว่าคาซุมิก็คิดเช่นนั้น”ไม่ผิดคาด ทาคุมิร่ำร้องขอในสิ่งที่เขาหวาดระแวง
ยูกิได้ยินเสียงของคนสองคนกำลังมีพูดคุยกันทำให้นางหันไปมองจนเห็นนางาโตะกับหญิงสาวอีกคนที่ดูจากเครื่องแต่งกายที่นางสวมใส่แล้วคงจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่ง
“หากเจ้าไม่ยอมทำตามข้อตกลงนี้ ข้าจะไปบอกกับแม่ของเจ้า”
“อย่าเอาท่านแม่มาใช้กับข้า”
“ข้าไม่ขู่เจ้าแน่ นางาโตะ! ที่ข้าขอร้องเจ้าถึงขนาดนี้เพราะอยากให้เจ้าช่วยรักษาเกียรติให้กับลูกข้า หากเจ้ายังเห็นว่าคาซุมิเป็นสหายของเจ้าอยู่จริง เจ้าก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับนาง”
“ไว้ข้าจะคุยเรื่องนี้กับคาซุมิด้วยตัวข้าเอง ตอนนี้ท่านกลับไปเถิด”
“ได้! ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”
ยูกิได้ยินทุกอย่างที่ทาคุมิกับนางาโตะคุยกัน ทันใดนั้นฮานะข้าหลวงที่คอยรับใช้นางในตำหนัก ได้นำชามาวางให้กับนาง
“คาซุมิ คือใครกัน”ยูกิถาม
“พระคู่หมั้นขององค์ชายนางาโตะเพคะ”
“พระคู่หมั้น?”
“เพคะ พระนางเป็นองค์รัชทายาทดาวพฤหัสที่มีรูปโฉมที่งดงามมาก ใครๆต่างก็เห็นว่าองค์หญิงคาซุมิช่างเหมาะสมกับองค์ชายนางาโตะยิ่งนัก พระองค์ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน ไม่แปลกที่โตขึ้นจะได้อยู่ด้วยกัน”ฮานะเอ่ยไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขต่างกับอีกคนที่นั่งฟังอย่างใจสั่น
“เหตุใดถึงไม่เคยบอกข้า”ยูกิพูดกับตนเองเหมือนกับว่ากำลังน้อยใจ
หลังจากที่ทาคุมิยอมกลับไปเสียที ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาตำหนักด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเคร่งเครียด แต่พอเจอหน้าของหญิงสาวกลับทำให้อารมณ์เหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง
“ท่านพี่ ดื่มชาสักถ้วยนะเพคะ”ยูกิกล่าว
ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นั่งพร้อมรับถ้วยชาจากหญิงสาวมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ฉุนเฉียวของตน เค้ามองสีหน้าของหญิงสาวจึงพอจะเดาออกว่านางคงได้ยินสิ่งที่เค้าพูดกับทาคุมิเมื่อครู่
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม”
“เพคะ”
“เจ้าคิดเช่นไร”
“ไม่ทราบเพคะ”
กึ่ก! ชายหนุ่มวางถ้วยชาบนโต๊ะแล้วดึงแขนของยูกิมาหาตนพร้อมอุ้มนางให้นั่งบนตักของตน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตา
“แต่ข้าอยากให้เจ้าคิด”
“คิดอะไรเพคะ”
“เจ้าไม่รู้สึกอิจฉาหญิงอื่น...ที่จะได้อภิเษกกับข้าบ้างหรือ”
“ยูกิได้ยินว่า องค์หญิงผู้นั้นมีรูปโฉมงามยิ่งนัก”
“ข้าไม่ได้อยากฟังเรื่องคนอื่น ข้าอยากฟังเรื่องของเจ้า”
ว่าแล้วแขนแกร่งรั้งร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอดของตนพร้อมยื่นริมฝีปากไปประทับบนริมฝีปากบางของนาง นางขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ถูกรวบมือเอาไว้ด้วยมือหนาของชายหนุ่ม เขาส่งผ่านความรู้สึกที่ต้องการให้หญิงสาวได้รับรู้
“ไม่นะเพคะ! ท่านพี่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิง”
“ข้าจะไม่ฟังอะไรจากเจ้าอีกแล้ว”
“O.o! ปล่อยยูกิลงนะ”
ชายหนุ่มไม่อาจทนฟังคำพูดของหญิงสาว เขาอุ้มหญิงสาวในท่าเจ้าสาวและพาเดินมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของตนเพื่อจัดการกินเหยื่อตรงหน้าเสียที แม้ว่าร่างบางจะดิ้นขัดขืนแต่กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยนาง
“ได้โปรด ปล่อยยูกิเถอะนะเพคะ”
“เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะอยู่กับข้า”
นางาโตะอุ้มหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนของตน ไม่วายหญิงสาวก็ยังสรรหาคำพูดจนนางาโตะต้องยืนอุ้มนางและคุยกันทั้งอย่างนั้น
“มันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันสักนิด”
“งั้นข้าจะทิ้งเจ้าลงให้ตรงนี้เลยดีไหม”
“>_< อย่าปล่อยยูกินะ”
ท่าทีของหญิงสาวเมื่อได้ยินคำขู่ของชายหนุ่มกลับยิ่งกอดคอเค้าเอาไว้แน่นเพราะกลัวเค้าจะปล่อยนางลงจริงๆ ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างบางลงฟูกนอนสีขาวสะอาดตาและจึงเดินมาปิดประตูไว้ให้ดี
หลังจากบทรักของทั้งสองได้สิ้นสุดลง นางาโตะนอนมองยูกิที่กำลังหลับไหลอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันในสภาพที่นางและเขาใส่ยูกาตะสีขาว ชายหนุ่มพรมจูบหน้าผากมนของหญิงสาวก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อไปค้นหาของบางอย่าง ทันทีที่นางาโตะหันกระจกส่องไปที่หญิงสาว ภาพในกระจกจึงสะท้อนเป็นร่างของอาซามิในอดีตชาติหรือหากนางไม่ใช่อาซามิจริง จนถึงตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้วเพราะนางเป็นของเค้าก่อนแล้ว
“นั้นอะไรเพคะ”
“ตื่นแล้วหรือ”
“เอ่อ...ยูกิว่ายูกิกลับห้องดีกว่า”
หญิงสาวลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างทุลักทุเลและกำลังจะเดินออกไปจากห้องของนางาโตะ แต่กลับถูกดึงมากอดจากข้างหลัง
“เจ้าอยากรู้เรื่องกระจกนี้ไม่ใช่หรือ”ชายหนุ่มเกยคางบนลาดไหล่เล็กของหญิงสาวพร้อมกับยื่นกระจกที่ถือไว้ในมือให้ยูกิดู
“…..”
“กระจกนี้เป็นสมบัติของวังหลวงสุริยเทพ เจ้ารู้หรือไม่ ว่าความพิเศษของมันที่ทำให้แตกต่างจากกระจกอื่นๆคืออะไร”
“ไม่ทราบเพคะ”
“มันสามารถสะท้อนภาพในอดีตชาติของคนคนนั้นได้”
“ของวิเศษงั้นหรือเพคะ”
“เจ้าจะเรียกอย่างนั้นก็ได้ อยากจะลองใช้มันส่องตัวเจ้าหรือไม่”
ชายหนุ่มเห็นท่าทีของหญิงสาวที่กำลังกระสับกระส่ายจะออกไปจากห้องนี้เสียให้ได้เลยนึกแกล้งนาง มือหนาให้นางถือกระจกเอาไว้พิจารณาเอง ส่วนตัวของเขานั้นค่อยๆแกะโอบิ(โอบิ คือ ผ้าคาดเอว)ออกจากยูกาตะสีขาวของนางเป็นทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างจับมือของชายหนุ่มแทบไม่ทัน
“ฝ่าบาท องค์หญิงคาซุมิฟื้นแล้วและบอกให้หม่อมฉันมาตามเพคะ”
“เจ้าออกไปรอข้าข้างนอก แล้วข้าจะตามไป”
เสียงของฮานะจากหน้าห้องทำให้ทั้งสองหยุดหยอกล้อกัน ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดจากหญิงสาวและเดินไปแง้มประตูบอกฮานะ
“คืนนี้เจ้าจะนอนในห้องนี้ก็ได้”
“แล้วท่านพี่”
“แล้วข้าจะกลับมา”
หลังจากที่ได้ยินว่าคาซุมิฟื้นแล้วจึงรีบคว้าเสื้อคลุมมาทับยูกาตะของตนและเดินออกไปจากห้องเพื่อมุ่งไปพบกับคาซุมิทันที
“นางาโตะ เจ้าเจอยามะหรือไม่ เจ้าหายามะเจอหรือไม่”เมื่อเจอนางาโตะ สิ่งแรกที่คาซุมิเอ่ยถามคือยามะ นางฟื้นมาด้วยความตกใจที่ต้องรู้ว่าคนรักของตนไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
“ไม่เจอ”
“ยามะ เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน เหตุถึงทิ้งข้ากับลูกด้วยเล่า”คาซุมิตัดพ้ออย่างสิ้นหวัง
“เจ้านั้นมันหลอกเจ้า ทำเจ้าท้องแล้วหนีไปยังไงละ!”ทาคุมิเอ่ยว่าร้ายยามะ
“ไม่...ข้าไม่เชื่อท่านแม่ ยามะไม่มีวันทิ้งข้า”
“เจ้าเห็นสภาพของลูกข้าหรือไม่ นางาโตะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยนาง”
“คาซุมิ เจ้าใจเย็นก่อน เวลานี้เจ้ามีอีกชีวิตในครรภ์ หากเจ้ายังทุกข์ใจแบบนี้แล้วลูกของเจ้าจะรู้สึกเช่นไร”
คำพูดของนางาโตะทำให้คาซุมิหยุดร้องฟูมฟายและใช้มือของนางสัมผัสกับหน้าท้องที่มีอีกชีวิตอยู่ในนั้น นางยิ้มทั้งน้ำตาไม่คิดว่าชีวิตของตนจะต้องเป็นเช่นนี้
ทาคุมิไม่อาจทนมองลูกต้องหลั่งน้ำตาแทบเป็นสายเลือด นางจึงลากนางาโตะให้ออกมาคุยกันอีกครั้งเรื่องการอภิเษกระหว่างนางาโตะกับคาซุมิ
“ได้โปรด ถือว่าเจ้าทำเพื่อเด็กที่กำลังจะเกิด”
“บางทียามะอาจจะกลับมา”
“เหอะ! แล้วไหนล่ะ สหายที่เจ้ามั่นใจนักหนาว่ารักลูกสาวข้า ตั้งแต่ลูกข้าฟื้น นางก็เอาแต่ร่ำร้องหายามะ จนข้าต้องเรียกเจ้าให้มาพบนาง”
“ที่แท้ ท่านเองหรือ ที่บอกให้ข้าหลวงมาเรียกข้า”
“เพราะข้ารู้ หากข้าบอกเป็นข้าเรียกเจ้ามา เจ้าคงไม่มาแต่หากข้าใช่นามของคาซุมิ เจ้าก็ต้องมาเพราะเจ้ารักนาง”ทาคุมิพยายามหว่านล้อมชายหนุ่ม
“ข้ารักนางแบบสหาย ไม่เคยคิดเกินจากนั้น”
“เจ้าพามนุษย์เข้ามาอยู่ในวัง หากแม่ของเจ้ารู้ เจ้าคิดว่าคนในวังสุริยเทพของเจ้าจะยอมรับมนุษย์ผู้นั้นงั้นหรือ”
“เหตุใด ท่านถึงมักยกวังหลวงสุริยเทพมาขู่ข้านัก”
“นางาโตะ เจ้าแค่เข้าพิธีอภิเษกสมรสของลูกของข้าเพียงแต่ในนามก็ได้ ข้าไม่อยากให้ใครติฉินนินทาลูกข้าว่าท้องไม่มีพ่อ”ทาคุมิคุกเข่าร้องขอความเห็นใจจากนางาโตะ
ต่อเลยเพคะ
“คาซุมิ! คาซุมิ!”นางาโตะเข้าไปประคองร่างของนางขึ้นมาและเขย่าเบาๆเพื่อให้นางรู้สึกตัว
คาซุมิค่อยๆปรือตาขึ้นมองนางาโตะและดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างนาง ให้นางได้เจอกับนางาโตะ คาซุมิโผเข้ากอดนางาโตะด้วยความดีใจ
“นางาโตะ! ฮือ ช่วยข้าด้วย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แล้วยามะอยู่ไหน”
“ข้าไม่รู้ เมื่อคืนยามะกลับมาหาข้าที่กระท่อม เขาบอกให้ข้าหนีไปให้ไกลที่สุด แล้วเขาก็ยังอยู่ที่กระท่อมนั้นคนเดียว ข้าถามเขา แต่เขากลับไม่ยอมตอบเอาแต่พร่ำบอกให้ข้าหนีไปก่อน”คาซุมิเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางให้นางาโตะได้รับรู้
“ช่วยข้าที นางาโตะ”
นางาโตะพาคาซุมิกลับไปที่กระท่อมที่นางอยู่กับยามะเพื่อเสาะหาร่องรอย ร่องรอยที่พบคือเลือดท่วมกระท่อมและร่องรอยของประตูที่ถูกของมีคม
“เลือด! เหตุใดถึงมีเลือดเต็มไปหมด”คาซุมิกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แม้แต่กลิ่นไอปีศาจของยามะ ข้าเองก็ไม่ได้กลิ่น”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“บางทียามะอาจเจอกับปีศาจสักตนและเกิดการต่อสู้กันที่นี่...เค้าถึงสั่งให้เจ้าหนีไปจากกระท่อมนี้”การสันนิษฐานของนางาโตะนั้นเป็นไปตามสภาพที่เห็น
คาซุมินึกถึงใบหน้าของคนรักแล้วจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนไหว นางเป็นลมในทันทีจนนางาโตะต้องรีบเข้าไปประคองนางเอาไว้ไม่ให้หัวฟาดพื้นไปเสียก่อน จากนั้นนางาโตะจึงพาคาซุมิกลับวังหลวงโชเท็นและให้หมอหลวงมาตรวจดูร่างกายของนางในตำหนักใหญ่ นางาโตะออกมารอข้างนอกห้องจึงเจอกับอิทามะที่มาดูอาการของคาซุมิเช่นกัน
“เจ้าไม่เจอยามะงั้นหรือ”อิทามะถาม
นางาโตะเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบคาซุมิในป่าและเรื่องที่ยามะต่อสู้กับปีศาจจนหายตัวไปอีกครั้ง ไอกลิ่นปีศาจที่ติดตัวของยามะก็เลือนหายไปด้วยเช่นกัน
“ข้าประมาทนัก หากข้าพาพวกเค้ากลับที่ตั้งแต่แรก ยามะคงไม่เป็นเช่นนี้”
“มันเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่เชื่อฟังอย่างเจ้ายามะ ข้าไม่คิดโกรธเคืองเจ้าเลยนางาโตะ”อิทามะไม่นึกโกรธนางาโตะ แต่กลับโทษบุตรชายของตน หากยามะไม่หนีไปคงไม่ประสบพบเคราะห์แบบนี้
ทาคุมิลงมาที่โลกมนุษย์ทันทีหลังจากได้รับสารจากวังหลวงโชเท็นว่าเจอตัวคาซุมิ คนเป็นแม่จึงไม่อาจนิ่งนอนใจ รีบมาดูบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วง
“ข้าได้รับสารแล้วจึงรีบมาที่นี่”ทาคุมิกล่าว
“ตอนนี้หมอหลวงกำลังดูแลนางอยู่ข้างในขอรับ”นางาโตะหันไปมองตอบทาคุมิ
“บุตรของข้าไม่เคยตกระกำลำบากเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเลี้ยงลูกไม่ดี!”ทาคุมิหันไปต่อว่าอิทามะด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ข้าขออภัย พระชายาทาคุมิด้วย”อิทามะกล่าว
“ข้าไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้าทั้งสองพ่อลูกหรอก”ทาคุมิปัดรับคำขออภัยจากอิทามะ
ในขณะที่ทาคุมิกับอิทามะกำลังมีปากเสียงกันมากไปกว่านี้ หมอหลวงจึงออกมาจากห้องพักของคาซุมิทำให้นางาโตะ ทาคุมิและอิทามะเดินเข้าไปหาหมอหลวงพร้อมๆกัน
“ลูกข้าเป็นยังไงบ้าง หมอหลวง”ทาคุมิเอ่ยถาม
“….ฟังกระหม่อมก่อนนะขอรับ พระชายา กระหม่อมได้ตรวจร่างกายขององค์หญิงอย่างดีแล้วพบว่า...องค์หญิงตั้งครรภ์ขอรับ”
หมอหลวงได้กล่าวสิ่งที่ทำให้ใจของทาคุมิแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงใจสลายที่บุตรสาวเป็นแบบนี้ ทาคุมิยกมือขึ้นทาบอกเอาไว้เพราะนางรู้สึกเหมือนว่าสติกำลังจะดับเสียให้ได้
“กระหม่อมจัดยาไว้ให้องค์หญิงบำรุงครรภ์แล้ว เพียงเท่านี้ก็หมดธุระของกระหม่อม ถ้าอย่างนั้นขอตัวขอรับ”หมอหลวงกล่าว
“ข้าไปส่งเจ้าเอง”นางาโตะออกไปส่งหมอหลวง
“เพราะเจ้า! อิทามะ! เจ้าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้หยาบเกียรติลูกข้าถึงเพียงนี้!”
หลังจากที่นางาโตะกับหมอหลวงเดินออกไปแล้ว ทาคุมิจึงต่อว่าอิทามะด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง นางรู้สึกเหมือนถูกยามะเหยียดหยามเกียรติทั้งตัวนางเองและคาซุมิ ความผิดทุกอย่างจึงตกไปที่ยามะและอิทามะ ทาคุมิเกลียดชังสองพ่อลูกยิ่งนักที่ก่อเรื่องให้กับนางได้เสมอ
“ไม่ว่าเจ้าจะต่อว่าข้าอะไร ตัวข้าในตอนนี้มีเพียงแค่คำขออภัยจากเจ้าได้เท่านั้น”
“บุตรของเจ้าทำกับลูกข้าถึงเพียงนี้ อย่าหวังที่จะให้ข้าให้อภัยพวกเจ้าสองคน!”
“เย็นก่อนเถิด ท่านอาทั้งสอง”นางาโตะกลับเข้ามา ปรามทั้งสองเอาไว้
“จะให้อาใจเย็นได้อย่างไร เจ้าดูสิ่งที่ยามะทำกับข้าสิ!”
“รอให้คาซุมิฟื้น เราคอยหาทางออกกันนะขอรับ”
นางาโตะบอกกับทาคุมิก่อนที่เค้าจะรีบกลับมาตำหนักของตน เพราะยังมีคนที่รอคอยในตำหนักนี้ เมื่อมาถึงก็พบว่าหญิงสาวกำลังนั่งจัดแจกันดอกไม้อย่างพิถีพิถัน แต่ไม่ทันที่นางาโตะจะเรียกยูกิ เสียงเรียกของทาคุมิก็ดังขึ้นจากข้างหลังเสียก่อน
“นางาโตะ”ทาคุมิเรียก
“ท่านอา มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยอีกงั้นหรือ”
“มี ข้ามีเรื่องที่เจ้าจะต้องช่วยข้า”ทาคุมิเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนนางาโตะเกิดรู้สึกระแวงว่าสิ่งที่นางกำลังจะพูดต่อไปนี้จะทำให้ชีวิตของเค้าลำบาก
“เรื่องอันใดเล่า”
“ข้าทราบมาว่า ยามะ หายตัวไปอีก บางทีเจ้านั้นอาจจะรู้ว่าลูกข้าตั้งท้องถึงได้คิดวางอุบายและหนีไป”
“ยามะ มีความรับผิดชอบมาตลอด ข้าคิดว่ายามะไม่มีทางทำเช่นนั้นกับคาซุมิแน่นอน”
“เจ้าจะไปรู้อะไร การที่พวกเจ้าทั้งสามเติบโตมาด้วยกันใช่ว่ามันจะทำให้เจ้ารู้จักยามะดี”
“หากธุระของท่านอามีเพียงแค่นี้ ข้าคิดว่าท่านอาควรกลับไปเถิด”นางาโตะเริ่มรู้สึกรำคาญ หากทาคุมิไม่มีศักดิ์เป็นอา เขาคงสั่งให้ทหารลากตัวออกไปแล้ว
“ฟังข้าก่อนนางาโตะ ตอนนี้ลูกของข้าต้องท้องไม่มีพ่อ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ อีกอย่างพวกเจ้าเองก็ยังคงหมั้นหมายกันอยู่”
“แต่นั้นเป็นลูกของยามะ ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นกับสหายของข้าและข้าเองก็คิดว่าคาซุมิก็คิดเช่นนั้น”ไม่ผิดคาด ทาคุมิร่ำร้องขอในสิ่งที่เขาหวาดระแวง
ยูกิได้ยินเสียงของคนสองคนกำลังมีพูดคุยกันทำให้นางหันไปมองจนเห็นนางาโตะกับหญิงสาวอีกคนที่ดูจากเครื่องแต่งกายที่นางสวมใส่แล้วคงจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่ง
“หากเจ้าไม่ยอมทำตามข้อตกลงนี้ ข้าจะไปบอกกับแม่ของเจ้า”
“อย่าเอาท่านแม่มาใช้กับข้า”
“ข้าไม่ขู่เจ้าแน่ นางาโตะ! ที่ข้าขอร้องเจ้าถึงขนาดนี้เพราะอยากให้เจ้าช่วยรักษาเกียรติให้กับลูกข้า หากเจ้ายังเห็นว่าคาซุมิเป็นสหายของเจ้าอยู่จริง เจ้าก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับนาง”
“ไว้ข้าจะคุยเรื่องนี้กับคาซุมิด้วยตัวข้าเอง ตอนนี้ท่านกลับไปเถิด”
“ได้! ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”
ยูกิได้ยินทุกอย่างที่ทาคุมิกับนางาโตะคุยกัน ทันใดนั้นฮานะข้าหลวงที่คอยรับใช้นางในตำหนัก ได้นำชามาวางให้กับนาง
“คาซุมิ คือใครกัน”ยูกิถาม
“พระคู่หมั้นขององค์ชายนางาโตะเพคะ”
“พระคู่หมั้น?”
“เพคะ พระนางเป็นองค์รัชทายาทดาวพฤหัสที่มีรูปโฉมที่งดงามมาก ใครๆต่างก็เห็นว่าองค์หญิงคาซุมิช่างเหมาะสมกับองค์ชายนางาโตะยิ่งนัก พระองค์ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน ไม่แปลกที่โตขึ้นจะได้อยู่ด้วยกัน”ฮานะเอ่ยไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขต่างกับอีกคนที่นั่งฟังอย่างใจสั่น
“เหตุใดถึงไม่เคยบอกข้า”ยูกิพูดกับตนเองเหมือนกับว่ากำลังน้อยใจ
หลังจากที่ทาคุมิยอมกลับไปเสียที ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาตำหนักด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเคร่งเครียด แต่พอเจอหน้าของหญิงสาวกลับทำให้อารมณ์เหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง
“ท่านพี่ ดื่มชาสักถ้วยนะเพคะ”ยูกิกล่าว
ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นั่งพร้อมรับถ้วยชาจากหญิงสาวมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ฉุนเฉียวของตน เค้ามองสีหน้าของหญิงสาวจึงพอจะเดาออกว่านางคงได้ยินสิ่งที่เค้าพูดกับทาคุมิเมื่อครู่
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม”
“เพคะ”
“เจ้าคิดเช่นไร”
“ไม่ทราบเพคะ”
กึ่ก! ชายหนุ่มวางถ้วยชาบนโต๊ะแล้วดึงแขนของยูกิมาหาตนพร้อมอุ้มนางให้นั่งบนตักของตน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตา
“แต่ข้าอยากให้เจ้าคิด”
“คิดอะไรเพคะ”
“เจ้าไม่รู้สึกอิจฉาหญิงอื่น...ที่จะได้อภิเษกกับข้าบ้างหรือ”
“ยูกิได้ยินว่า องค์หญิงผู้นั้นมีรูปโฉมงามยิ่งนัก”
“ข้าไม่ได้อยากฟังเรื่องคนอื่น ข้าอยากฟังเรื่องของเจ้า”
ว่าแล้วแขนแกร่งรั้งร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอดของตนพร้อมยื่นริมฝีปากไปประทับบนริมฝีปากบางของนาง นางขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ถูกรวบมือเอาไว้ด้วยมือหนาของชายหนุ่ม เขาส่งผ่านความรู้สึกที่ต้องการให้หญิงสาวได้รับรู้
“ไม่นะเพคะ! ท่านพี่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิง”
“ข้าจะไม่ฟังอะไรจากเจ้าอีกแล้ว”
“O.o! ปล่อยยูกิลงนะ”
ชายหนุ่มไม่อาจทนฟังคำพูดของหญิงสาว เขาอุ้มหญิงสาวในท่าเจ้าสาวและพาเดินมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของตนเพื่อจัดการกินเหยื่อตรงหน้าเสียที แม้ว่าร่างบางจะดิ้นขัดขืนแต่กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยนาง
“ได้โปรด ปล่อยยูกิเถอะนะเพคะ”
“เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะอยู่กับข้า”
นางาโตะอุ้มหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนของตน ไม่วายหญิงสาวก็ยังสรรหาคำพูดจนนางาโตะต้องยืนอุ้มนางและคุยกันทั้งอย่างนั้น
“มันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันสักนิด”
“งั้นข้าจะทิ้งเจ้าลงให้ตรงนี้เลยดีไหม”
“>_< อย่าปล่อยยูกินะ”
ท่าทีของหญิงสาวเมื่อได้ยินคำขู่ของชายหนุ่มกลับยิ่งกอดคอเค้าเอาไว้แน่นเพราะกลัวเค้าจะปล่อยนางลงจริงๆ ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างบางลงฟูกนอนสีขาวสะอาดตาและจึงเดินมาปิดประตูไว้ให้ดี
หลังจากบทรักของทั้งสองได้สิ้นสุดลง นางาโตะนอนมองยูกิที่กำลังหลับไหลอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันในสภาพที่นางและเขาใส่ยูกาตะสีขาว ชายหนุ่มพรมจูบหน้าผากมนของหญิงสาวก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อไปค้นหาของบางอย่าง ทันทีที่นางาโตะหันกระจกส่องไปที่หญิงสาว ภาพในกระจกจึงสะท้อนเป็นร่างของอาซามิในอดีตชาติหรือหากนางไม่ใช่อาซามิจริง จนถึงตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้วเพราะนางเป็นของเค้าก่อนแล้ว
“นั้นอะไรเพคะ”
“ตื่นแล้วหรือ”
“เอ่อ...ยูกิว่ายูกิกลับห้องดีกว่า”
หญิงสาวลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างทุลักทุเลและกำลังจะเดินออกไปจากห้องของนางาโตะ แต่กลับถูกดึงมากอดจากข้างหลัง
“เจ้าอยากรู้เรื่องกระจกนี้ไม่ใช่หรือ”ชายหนุ่มเกยคางบนลาดไหล่เล็กของหญิงสาวพร้อมกับยื่นกระจกที่ถือไว้ในมือให้ยูกิดู
“…..”
“กระจกนี้เป็นสมบัติของวังหลวงสุริยเทพ เจ้ารู้หรือไม่ ว่าความพิเศษของมันที่ทำให้แตกต่างจากกระจกอื่นๆคืออะไร”
“ไม่ทราบเพคะ”
“มันสามารถสะท้อนภาพในอดีตชาติของคนคนนั้นได้”
“ของวิเศษงั้นหรือเพคะ”
“เจ้าจะเรียกอย่างนั้นก็ได้ อยากจะลองใช้มันส่องตัวเจ้าหรือไม่”
ชายหนุ่มเห็นท่าทีของหญิงสาวที่กำลังกระสับกระส่ายจะออกไปจากห้องนี้เสียให้ได้เลยนึกแกล้งนาง มือหนาให้นางถือกระจกเอาไว้พิจารณาเอง ส่วนตัวของเขานั้นค่อยๆแกะโอบิ(โอบิ คือ ผ้าคาดเอว)ออกจากยูกาตะสีขาวของนางเป็นทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างจับมือของชายหนุ่มแทบไม่ทัน
“ฝ่าบาท องค์หญิงคาซุมิฟื้นแล้วและบอกให้หม่อมฉันมาตามเพคะ”
“เจ้าออกไปรอข้าข้างนอก แล้วข้าจะตามไป”
เสียงของฮานะจากหน้าห้องทำให้ทั้งสองหยุดหยอกล้อกัน ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดจากหญิงสาวและเดินไปแง้มประตูบอกฮานะ
“คืนนี้เจ้าจะนอนในห้องนี้ก็ได้”
“แล้วท่านพี่”
“แล้วข้าจะกลับมา”
หลังจากที่ได้ยินว่าคาซุมิฟื้นแล้วจึงรีบคว้าเสื้อคลุมมาทับยูกาตะของตนและเดินออกไปจากห้องเพื่อมุ่งไปพบกับคาซุมิทันที
“นางาโตะ เจ้าเจอยามะหรือไม่ เจ้าหายามะเจอหรือไม่”เมื่อเจอนางาโตะ สิ่งแรกที่คาซุมิเอ่ยถามคือยามะ นางฟื้นมาด้วยความตกใจที่ต้องรู้ว่าคนรักของตนไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
“ไม่เจอ”
“ยามะ เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน เหตุถึงทิ้งข้ากับลูกด้วยเล่า”คาซุมิตัดพ้ออย่างสิ้นหวัง
“เจ้านั้นมันหลอกเจ้า ทำเจ้าท้องแล้วหนีไปยังไงละ!”ทาคุมิเอ่ยว่าร้ายยามะ
“ไม่...ข้าไม่เชื่อท่านแม่ ยามะไม่มีวันทิ้งข้า”
“เจ้าเห็นสภาพของลูกข้าหรือไม่ นางาโตะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยนาง”
“คาซุมิ เจ้าใจเย็นก่อน เวลานี้เจ้ามีอีกชีวิตในครรภ์ หากเจ้ายังทุกข์ใจแบบนี้แล้วลูกของเจ้าจะรู้สึกเช่นไร”
คำพูดของนางาโตะทำให้คาซุมิหยุดร้องฟูมฟายและใช้มือของนางสัมผัสกับหน้าท้องที่มีอีกชีวิตอยู่ในนั้น นางยิ้มทั้งน้ำตาไม่คิดว่าชีวิตของตนจะต้องเป็นเช่นนี้
ทาคุมิไม่อาจทนมองลูกต้องหลั่งน้ำตาแทบเป็นสายเลือด นางจึงลากนางาโตะให้ออกมาคุยกันอีกครั้งเรื่องการอภิเษกระหว่างนางาโตะกับคาซุมิ
“ได้โปรด ถือว่าเจ้าทำเพื่อเด็กที่กำลังจะเกิด”
“บางทียามะอาจจะกลับมา”
“เหอะ! แล้วไหนล่ะ สหายที่เจ้ามั่นใจนักหนาว่ารักลูกสาวข้า ตั้งแต่ลูกข้าฟื้น นางก็เอาแต่ร่ำร้องหายามะ จนข้าต้องเรียกเจ้าให้มาพบนาง”
“ที่แท้ ท่านเองหรือ ที่บอกให้ข้าหลวงมาเรียกข้า”
“เพราะข้ารู้ หากข้าบอกเป็นข้าเรียกเจ้ามา เจ้าคงไม่มาแต่หากข้าใช่นามของคาซุมิ เจ้าก็ต้องมาเพราะเจ้ารักนาง”ทาคุมิพยายามหว่านล้อมชายหนุ่ม
“ข้ารักนางแบบสหาย ไม่เคยคิดเกินจากนั้น”
“เจ้าพามนุษย์เข้ามาอยู่ในวัง หากแม่ของเจ้ารู้ เจ้าคิดว่าคนในวังสุริยเทพของเจ้าจะยอมรับมนุษย์ผู้นั้นงั้นหรือ”
“เหตุใด ท่านถึงมักยกวังหลวงสุริยเทพมาขู่ข้านัก”
“นางาโตะ เจ้าแค่เข้าพิธีอภิเษกสมรสของลูกของข้าเพียงแต่ในนามก็ได้ ข้าไม่อยากให้ใครติฉินนินทาลูกข้าว่าท้องไม่มีพ่อ”ทาคุมิคุกเข่าร้องขอความเห็นใจจากนางาโตะ
ต่อเลยเพคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ