เทพจักรภพ ชุดที่ 1 รักนี้ต้องเป็นของข้า
เขียนโดย CCat21princess
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.10 น.
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560 18.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) คำสัญญากับรอยยิ้ม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยามสายลมพัดส่งผลให้ดอกซากุระโปรยปรายลงจากต้นของมัน หญิงสาวแสดงการร่ายรำใต้ต้นซากุระ นางาโตะยืนมองอยู่ห่างๆ ยิ่งมองก็ยิ่งชื่นชม การแสดงเบื้องหน้านั้นยากจะได้ชม การแสดงร่ายรำที่อ่อนช้อยทั้งยังดอกซากุระโปรยปรายลงมาเป็นฉากให้กับการแสดงในครั้งนี้
“O.o!เห็นตั้งแต่ตอนไหนเจ้าค่ะ”เมื่อการแสดงจบลง นางรำจึงสังเกตเห็นว่ามีผู้ชมอยู่ข้างๆ
“ตั้งแต่แรก”
นางาโตะเดินเข้าไปหายูกิใต้ต้นซากุระสีขาว เขาหยุดอยู่ตรงหน้าของนางและเอื้อมมือไปหยิบดอกซากุระสีขาวที่ร่วงลงมาอยู่บนหัวของนาง นางาโตะเก็บดอกซากุระที่ร่วงหล่นจากต้นเพื่อทำเป็นมงกุฏดอกซากุระ เค้าหันไปมองยูกิก่อนที่จะเดินมาหานางอีกครั้งและวางมงกุฏซากุระไว้บนห้วของนาง
“ข้าว่าแบบนี้จะดีกว่า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ยูกิรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้กับเขา หากเขาเป็นปีศาจจริงก็คงไม่น่ากลัวอะไรเมื่อเทียบกับปีศาจเท็งงุที่นางเจอมาแล้ว เมื่อทั้งสองปรากฏรอยยิ้มให้กัน ดอกซากุระก็ยิ่งโปรยปรายลงมาราวกับว่ากำลังยินดีกับรอยยิ้มของพวกเขา
“การร่ายรำของเจ้าแปลกนัก ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“คุณยายสอนยูกิ คุณยายบอกว่าการร่ายรำเป็นเพียงสมบัติเดียวที่จะให้เก็บรักษาเอาไว้”การเอ่ยถึงคนที่จากไปแล้ว ยูกิก็มีสีหน้าเศร้าจนนางาโตะสังเกตเห็นได้
“งั้นก็แสดงว่าที่เจ้าออกมาร่ายรำในยามเช้า เพราะคิดถึงยายของเจ้า ข้าพูดถูกไหม”
“เจ้าค่ะ ทั้งชีวิตยูกิอยู่กับยายมาตั้งแต่เล็กจนโต เรามีกันแค่สองคน”
“อยากจะร้องไห้งั้นหรือ?หากเจ้ายังอ่อนแอแบบนี้ ยายของเจ้าก็จะเป็นห่วงเจ้า”นางาโตะพยายามพูดปลอบใจหญิงสาว
“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่รู้หรอก แต่ข้าคิดว่ายายของเจ้าก็คิดเช่นเดียวกับข้า”
นางาโตะพายูกิออกเดินทางต่อ ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างที่ทั้งสองกระทำต่อกันอยู่ในสายตาของยามะ ยามะที่ออกสำรวจพื้นที่ในป่าแถบนี้และบังเอิญเจอกับทั้งสองคน เค้าจึงใช้คาถาอำพรางไม่ให้นางาโตะสังเกตเห็น
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสอง ถึงได้อยู่ด้วยกัน”ยามะพูดกับตนเอง
ใช่ว่ายามะจะปกปิดตัวตนของเขาได้ นางาโตะรับรู้ได้ถึงไอปีศาจที่น่าจะเป็นของยามะเพราะโตมาด้วยกัน ดังนั้นการจับไอปีศาจของยามะจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางาโตะ เขากำลังคิดว่า หากเขาเข้าไปหายามะในตอนนี้ ยูกิคงรู้เรื่องทั้งหมดในทันทีและถ้าเกิดยามะต่อสู้กับเขา ยูกิจะต้องพลอยได้รับอันตรายไปด้วย นางาโตะมองหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างกายจึงตัดสินใจว่า ปล่อยเรื่องยามะไว้ก่อน เขาจะต้องไปส่งยูกิถึงวังหลวงโชเท็นแล้วจึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
“ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านก่อน”
“เราไม่ไปต่อหรอเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องแล้ว ตามข้ามา”
นางาโตะพาหญิงสาวเข้าวังหลวงโชเท็น ตั้งแต่ที่ก้าวเข้าในวังหลวง เหล่าข้าหลวงต่างพูดคุยกันเรื่องที่มีหญิงสาวเดินตามองค์รัชทายาทมาด้วย ไม่รู้ว่านางเกี่ยวข้องอะไรกับองค์ชายปีศาจถึงได้พานางเข้าวังมาด้วย
“ท่านอา ข้ากลับมาแล้ว”นางาโตะเข้าเฝ้าอิทามะในท้องพระโรง
“ไม่เจองั้นหรือ”
“เจอขอรับ แต่ข้ามีข้อแม้”นางาโตะคิดจะใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์กับยูกิ
“เจ้าจะขออะไรงั้นหรือ”
“ข้าขอตำหนักหนึ่งในวังหลวงโชเท็น”
สิ่งที่นางาโตะขอทำให้อิทามะเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใด หลานชายคนนี้ถึงได้ขอที่พักอาศัย ทั้งๆที่อิทามะก็จัดการหาที่พักให้กับเขาไว้อยู่แล้ว
“เจ้านี่แปลกคนนัก เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาทสุริยเทพ ข้าต้องให้เกียรติจัดเตรียมที่พักให้กับเจ้าอยู่แล้ว”
“ยังมีอีกเรื่องที่กระผมยังไม่บอกกกับท่านอา”นางาโตะพูดกับอิทามะก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไปและกลับเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวมนุษย์คนหนึ่ง
“เมืองอุมิถูกปีศาจเท็งงุทำลายจนทั้งเมืองลุกเป็นไฟ ข้าเดินทางไปถึงพอดีจึงได้จัดการสังหารพวกมันและพาแม่นางคนนี้กลับมาด้วย เหตุเพราะบ้านถูกไฟไหม้และนางก็ไร้ญาติ”
อิทามะมองยูกิอย่างพินิจพิเคราะห์เห็นทีว่า หลานชายคงจะขอตำหนักให้กับแม่นางคนนี้หรือว่าแม่นางจะเป็นคนที่หลานชายเลือก
“หากเป็นคนอื่น ข้าคงไม่มีทางให้ การตามหาองค์รัชทายาทโชเท็นถือเป็นกิจของโชเท็น แต่เจ้าก็ยังมาช่วยข้า ดังนั้นข้าจะยกตำหนักหนึ่งให้กับเจ้า ถือเป็นค่าตอบแทนจากข้า”
“ขอบพระทัย ฝ่าบาท”นางาโตะกล่าว
ยูกิมีข้อข้องใจตั้งแต่นางาโตะพานางเข้ามาในวังหลวงโชเท็นแล้ว นางจำได้ว่าเคยมาตอนเด็กๆในวังหลวงที่กว้างใหญ่เช่นนี้ เหตุใดนางาโตะถึงได้พานางเข้ามากันเล่า ก่อนที่นางาโตะจะเข้าไปยังท้องพระโรง เขาบอกให้นางรอข้างนอกก่อนแล้วเค้าจะมารับเพื่อเข้าเฝ้าราชาอิทามะ หลังจากที่นางาโตะพายูกิเข้าเฝ้าอิทามะแล้วจึงพานางไปที่ตำหนักเล็กๆอยู่ทางทิศตะวันตะวันตกของวังหลวงโชเท็น
“ยูกิมีเรื่องอยากจะถามท่าน”
“ข้านึกไว้แล้วว่าเจ้าต้องมีคำถาม อยากจะถามอะไรก็ว่ามา”
“เหตุใดท่านถึงพายูกิเข้าวังหลวงโชเท็นและสิ่งที่ท่านพูดกับราชา มันหมายความว่าอย่างไรกัน ตกลงแล้ว...ท่านเป็นใครกันแน่”
ยูกิรู้สึกประหม่าเพราะกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ มือบางประสานกันไว้แน่นพร้อมกัดริมฝีปากตนเองเพื่อรอฟังคำตอบจากปากของนางาโตะ
“ข้าคงปิดเจ้าไม่ได้นาน...งั้นข้าก็จะบอกกับเจ้า นามของข้า นางาโตะ องค์รัชทายาทสุริยเทพ”
“O.o! องค์รัชทายาทสุริยเทพ หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆว่าท่านเป็นองค์รัชทายาท”คำตอบของนางาโตะ ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างและรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อถวายความเคารพต่อหน้าองค์รัชทายาท
“ไม่ต้องมากพิธีกับข้า พูดคุยกับข้าอย่างที่เจ้าเคยพูด”
“แต่ว่าท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท”
นางาโตะเข้าไปหายูกิและจับไหล่บางให้นางลุกขึ้นยืน แต่นางยังคงยกเรื่องตำแหน่งของเค้ามาแบ่งชนชั้นกั้นะระหว่างเค้ากับนาง นางาโตะนึกสนุกจึงเดินบดเบียดหญิงสาวจนนางก้าวถอยหลังไปติดกับผนังห้อง แขนแกร่งยันผนังเอาไว้ไม่ให้นางออกไปจากวงแขนของเขา
“นี่เป็นคำสั่ง หากไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยวิธีของข้า”นางาโตะก้มลงไปกระซิบข้างหูของหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเลื่อนไปหาริมฝีปากบางของหญิงสาว
ปึ่ก! หญิงสาวผลักนางาโตะออกด้วยความตกใจ “เพคะ ยูกิจะเชื่อฟังองค์ชาย เอ้ย! ท่าน”
“เรียกข้าว่า ท่านพี่”
“O.o?! แต่ว่ายูกิคิดว่าเรียก ท่าน แบบเดิมจะดีกว่าเพคะ”
“ต้องให้ข้าลงโทษก่อนใช่หรือไม่ เจ้าถึงจะยอมเรียกข้า”
นางาโตะเดินเข้าไปหายูกิอีกครั้งแต่ครั้งนี้ยูกิรีบวิ่งออกจากผนังตรงนั้นเพื่อไม่ให้นางติดกับดักของเขาอีก หญิงสาวหันไปมองเขาดูเหมือนเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อตลอดเวลา
“ท่านพี่ เรียกท่านพี่ก็ได้เพคะ”
“เจ้าจะต้องอยู่ในตำหนักนี้กับข้า”
ไม่รู้ด้วยเหตุใดนางาโตะถึงได้เลือกท่ีจะพานางเข้าวังหลวงโชเท็น แต่ลึกในใจอยากจะมองหญิงสาวไม่ให้ห่างจากสายตาด้วยเหตุอันใดนั้นยังไม่รู้แน่ชัด
“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้รับสั่งจากราชาอิทามะให้มารับใช้ฝ่าบาทและแม่นางเพคะ”ฮานะ ข้าหลวงที่คอยรับใช้ในวังหลวงเข้ามากราบทูลให้นางาโตะทรงทราบ
นางาโตะกำลังใช้สายตาจ้องมองข้าหลวงคนนี้อย่างครุ่นคิด หากเป็นคำสั่งของของราชาอิทามะแล้ว เค้าคงวางใจได้ว่าจะไม่มีผู้ใดรังแกยูกิ
“จงบอกนามกับข้ามา”
“ฮานะ เพคะ”
“หวังว่าข้าจะไว้ใจเจ้าได้”นางาโตะกล่าวกับฮานะ แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนมองฮานะ ท่าทีกังวลจนนั่งไม่ติดทำให้เขาต้องคิดหาทางให้นางได้คลายความกังวลที่ต้องมาอยู่ในวังหลวง
นางาโตะเดินไปหยุดตรงหน้าของหญิงสาวและยื่นมือออกไปหานาง “วางมือของเจ้าบนมือข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปในที่ที่เจ้าชอบ”
มือบางวางมือของนางบนมือหนาของนางาโตะและเงยหน้าสบสายตากับเขา นางาโตะพาหญิงสาวออกไปจากตำหนักและมุ่งตรงไปที่อุทยานดอกไม้ตระการตา ซึ่งเป็นอุทยานในวังหลวงมีพื้นที่กว้างขวางจนมองเห็นดอกไม้นานาชนิดและหลากสีรายล้อมกาย หญิงสาวเบิกตากว้างจ้องมองไปที่ดอกไม้ที่นางแสนโปรดปราน นางวิ่งเข้าไปหาต้นไม้ต้นนั้น
“เจ้าชอบซากุระสีขาวงั้นหรือ”
“เพคะ เวลาที่มองซากุระสีขาวมันให้ความรู้สึกสะอาดและโล่งใจอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ดอกซากุระสีขาวนี้ไม่จำเป็นต้องมีสีใดแต่งแต้มบนกลีบของมัน ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเพียงเท่านี้ความสวยงามก็มีให้มองแล้วเพคะ”
หญิงสาวสูดดมดอกซากุระจากกิ่งไม้ที่ยื่นลงมา นางาโตะมองยูกิและคลี่ยิ้มตามท่าทีของนาง เมื่อสายลมพัดมาที่ต้นซากุระและยูกิที่ยืนอยู่ต้นลมพัดพากลิ่นของดอกซากุระให้นางาโตะได้สัมผัสกลิ่นนั้นด้วยความหลงใหล
“ที่นี่สวยมากเลยเพคะ”
“หากเจ้าชอบ ข้าจะพาเจ้ามาที่นี่ทุกวัน”
ชายหนุ่มส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้กับหญิงสาวและจ้องมองนางอย่างไม่วางตา หากยามะไม่หนีไปกับคาซุมิและเค้าไม่ได้มาที่โลกมนุษย์ หากมันไม่เกิดขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้พบกับนาง คิดเช่นนั้นแล้วนางาโตะเดินเข้าไปหาหญิงสาว
“สัญญากับข้าสิ ว่าเจ้าจะไม่ไปจากข้า”
หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มและให้คำตอบเป็นรอยยิ้มของนาง แม้ว่าคำตอบนั้นจะไม่ชัดเจนนักแต่ก็ทำให้นางาโตะตอบรับคำตอบของนางด้วยการเข้ากอดนางเอาไว้
มาอีกแล้วเพคะ ฝากติดตามด้วยนะ ติชมได้จ้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ