SweetHunter นักดาบซ่า ล่าขนมหวาน

-

เขียนโดย Dingsufah

วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.57 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,366 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560 17.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 2 สมุนปีศาจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                        หลังจากที่ออกจากหมู่บ้านได้ไม่นาน คุนางิซึ่งบัดนี้ได้เดินทางแต่พียงลำพัง นีเป็นครั้งแรกที่เค้าต้องออกไปใหนมาไหนคนเดียวนอกตัวหมู่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็หาได้มีความกังวลในใจแต่อย่างใด คุนางิเปิดแผนที่ออกดูแล้วพบว่าอีกหลายกิโลกว่าจะถึงจุดหมาย การแวะดูวิวทิวทัศข้างทางก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกอย่างหนึ่งในการผ่อนคลาย

                        ป่าไม้ละแวกนี้เป็นป่าดิบชื้น ใบไม้เปลี่ยนสีทุกๆ สามสิบนาทีโดยประมาณ ฝูงนกบินเกาะกลุ่มผ่าหมูเมฆกลางท้องฟ้ายามบ่าย

                        หลังเพลิดเพลินกับทิวทัศสองข้างทาง คุนางิได้หยุดนิ่ง และเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบ้างอย่าง ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร

                        แต่ เหมือนกำลังวุ่ยวายกันอยู่!!

                        คุนางิย่องเบาตามเสียงนั้นไป มันอยู่ทางซ้าย คุนางิเดินแหวกพุ่มไม้ข้างหน้าไปเรื่อยๆ โดยระวังไม่ได้เกิดเสียง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดนิสัยเค้ามาก เสียงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว

                        “อ๊า!!” เสียงร้องอันทรมารดังขึ้น

                        คุนางิหมอบลง แต่พุ่มไม้ข้างหน้ากลับบังมิดจนมองไม่เห็นอะไร คุนางิคลานศอกแหวกลอดพุ่มไม้ ออกไปจนทางข้างหน้าเปิดออก เค้าเห็นข้างหน้าแล้ว

                        “อะไรกันเนี่ย” คุนางิพึมพำกับตัวเอง เค้ามองเห็นทุ่งวัตถุดิบ  มันเป็นทุ่งกว้างเหมือนการทำไร่นา แต่ที่เห็นคือมันเป็นพืชที่ใช้ทำขนม แต่มีบางส่วนที่เหมือนจะถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว คุนางิมองทอดไปยังตัวหมู่บ้านข้างหน้า เหมือนเค้าจะพบต้นตอของเสียงแล้ว

                        ผู้คนถูกกวาดต้อนให้มารวมกัน โดยมีคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนถืออาวุธล้อมรอบ นี่สินะต้นตอของเสียงเหมือนครู่ เค้าตัดสินใจค่อยย่องเข้าไปเงียบๆ ในใจอยากจะกระโจนเข้าใส่ให้รู้แล้วรู้ลอด แต่ด้วยความอยากรู้ จึงต้องขัดใจตัวเองซักหน่อย

                        คุนางิมาถึงตัวบ้านหลังหนึ่ง ดูจากข้าวของแล้วน่าจะเป็นร้านทำผมผู้ชาย คุนางิซ่อนตัวหลังได้ยินเสียงฝีเท้า เพื่อลดความเสี่ยงจึงหลบเข้าในตัวบ้านไป โชคดีที่หลังนี้มีถึงสามชั้น จึงขึ้นไปอยู่ข้างบนสุด

                        “อย่าทำอะไรพวกเราเลย พวกเราส่งของให้ตามที่ต้องการแล้ว” ชายแก่คนหนึ่งคลุกเข่าอ้อนวอนต่อ ร่างอันใหญยักษ์ ด้านข้างมีร่างไร้วิญญาณสองทับกันอยู่เจ็ดถึงแปดร่าง ดูจากการแต่งกายแล้วรู้ทันทีว่าเป็นนักสู้แบบนักรบของหมู่บ้าน

                        “พวกแกคิดจะทำอะไร” คุนางิกำดาบแน่น และยังคงซุ่มดูราดราวต่อไป แต่ภายในใจอยากจะลงไปเด็ดหัวพวกมันซะไปรู้แล้วรู้ลอด

                        “ของที่ต้องน่ะเราได้ครบแล้ว” เจ้ายักษ์น่าตาน่าเกลียดคำราม “แต่เพื่อให้แน่ใจว่า พวกจะไม่บิดตะหลบหลังท่านทีรามิสุหลัง เอาตัวพวกมันมา” สิ้นเสียงคำสั่ง ยักษ์อีกห้าคนตัวก็คุมตัวเหล่านักสู้ ที่ถูกโซ่ตรวนไว้มาคลุกเข่าต่อหน้าพวกชาวบ้าน สร้างความคีบคั้นใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก

                        เหล่านักสู้ทุกคน สภาพบอบช้าเป็นอย่างมาก ชายสามหญิงสอง หนึ่งในนั้นเป็นนักดาบ

                        “ดูซะพวกแก!!” ตัวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าคำรามก้อง “นี่เป็นตัวอย่างหากว่าพวกแกคิดจะแข็งข้อกับพวกเรา” มันเอาดาบหอกออก และปล่อยเคลื่อนพลังสีม่วงให้ไหลวนล้อมที่ดาบหอก คุนางิสัมผัสได้ถึงพลังอันชั่วช้า

                        “ไม่ไหวแล้ว!!” คุนางิกำดาบแน่น ตัวสั่น และออกจากที่ซ่อน

                        “ดูซะเจ้าพวกสวะทั้งหลาย” เจ้ายักษ์แกว่งหอกเป็นเกลียวคลื่น และหันคมเข้าหาเหล่านักสู้ ท่ามกลางเสียงโอดครวญของเหล่าชาวบ้าน

                        “หยุดนะ!” เสียงนั้น หยุดการลงดาบของเจ้ายักษ์

                        “แกเป็นใคร!!” เจ้ายักษ์คำรามลั่น หลังมองหาต้นตอของเสียงเจอ

                        คุนางิไม่ตอบคำถามพิโรษนั่น เค้าก้มมองด้ยแววตาอาฆาต มือขวาสั่นเครือจากการกำดาบแน่น

                        “ข้าถามว่าแกเป็นใคร” เจ้ายักษ์ชี้หอกมาทางคุนางิที่อยู่บนระเบียงชั้นสามของบ้าน พร้อมเหล่าสนุมด้านหลังทั้งหลาย ที่ดูแล้วกระดาบการลงดาบอย่างมาก

                        “ไม่จำเป็นที่แกต้องรู้” คุนางิตอบ พร้อมกับชี้ดาบลงมาที่พวกยักษ์ทั้งหลาย “ปล่อยพวกเค้าซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก”

                        “ฮ่าๆๆ” เจ้ายักษ์ คำรามลั่น “ไว้ชีวิตพวกข้าอย่างงั้นรึ ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแท้ น่าเสียดายที่ต้องอายุสั้น” เจ้าชี้มือมาทางคุนางิ “เด็ดหัวเจ้าเปี๊ยกนั่นด้วยคน”

                        สิ้นเสียงสั่งการ เหล่าสนุมทั้งหลายพุ่งขึ้นไปที่คุนางิ พร้อมกลับหอกที่ล้อมด้วยคลื่นพลังสีม่วง แต่ยังไม่ทันจะได้แกว่งหอก ร่างทั้งหมดก็ต้องขาดเป็นท่อน จากคมดาบของคุนางิ เด็กหนุ่มกระโดดฟาดฟันกลางอากาศ โดยใช้ร่างของเหล่าสนุมปีศาจเป็นที่เหยียบกระโจน คุนางิลงมายังพื้นข้างล่าง ขั้นระหว่างเหล่าปีศาจกับชาวบ้าน ร่างแต่ละท่อนที่ถูกฟันร่วงหล่นตามลงมา

                        คุนางิฟันโซ่ตรวจเพื่อปลดพันธนาการเหล่านักสู้อย่างรวดเร็ว และอ้อมไปจัดการกับสนุมที่เหลืออีกฝั่งด้านหลัง คุนางิกวัดกว่งเพลงดาบอย่างสวยงามและทรงพลัง ฟันเฉือนร่างแล้วร่างเล่า และมาหยุดตรงหน้าของเจ้าตัวหัวหน้า  

                        หน้าเจ้ายักษ์บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ปะสายตาอันเยือกเย็นของคุนางิ แต่ไม่ทันที่คุนางิจะลงมือ เจ้ายักษ์ใช้หอกฟุ่งเสียบไปที่คุนางิอย่างรวดเร็ว ราวกับเข็มของจักรเย็บผ้าขนาดใหญ่

คุนางิหลบหลีกอย่างรวดเร็ว เจ้ายักษ์จึงได้แต่แทงลม คุนางิอาศัยจังหวะชั่วอึดใจ กระโดดถอยห่างไปตั้งหลัก

                        “ฮ่าๆๆ อย่างแกมันก็เก่งได้แต่กับระดับลูกกระจ๊อกเท่านั้นแหละ” เจ้ายักษ์เย้ยเยาะ พร้อมกระโจนฟาดหอหมาที่คุนางิ

                        แกว๊ง!!

                        คุนางิตะหวัดดาบสวน ทำให้หอกนั้นหักเป็นท่อนเหมือนหักกิ่งไม้ เจ้ายักษ์ไม่ทันได้ตั้งตัว คุนางิพุ่งผ่านร่างเจ้ายักษ์อ้อมมาด้านหลังราวสายลมพัดผ่าน

                        “อย่างแก ฉันไม่นับเป็นลูกกระจ๊อกด้วยซ้ำ” คุนางิใช้คมดาบจี้ที่ลูกกระเดือกของเจ้ายักษ์ แม้ความสูงจะต่างแต่ความยาวของดาบนั้นตัดข้อต่างนั้นขาดไป

                        “ฮึๆๆ ข้าไม่นับเป็นลูกกระจ๊อกย่างนั้นรึ” เจ้ายักษ์ที่ไร้ซึ่งทางหนีคิดที่จะยั่วโทสะ

                        คุนางิจี้ดาบเข้าใกล้มากขึ้น เลือดซึมออกมาแล้ว ใจจริงจะฆ่าทิ้งซะก็ไม่ใช่เรื่องอยาก  แต่อยากจะรู้ว่าใครเป็นคนส่งเจ้าพวกนี้มาทำเรื่องเลวทรามอย่างนี้ ไม่ทันที่คุนางิจะคิดการในหัวต่อ เจ้ายักษ์สลัดการจับกุมได้ แล้วมุ่งไปทางเหล่านักสู้ที่อ่อยแรง

                        ตัวประกัน!!

                        คุนางิกระโจนตามไป แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

                        “ถ้าเจ้าตามมาแม้แต่เก้าเดียวละก็ แม่สาวนักแม่นปืนนี่ลาโลกแน่” ว่าแล้วเจ้ายักษ์ก็กระโจนถอยหลังไป คุนางิปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เค้ากระโจนตามไปทันที เจ้ายักษ์จับตัวประกันไว้ใกล้ตัวมากจนแทบจะติดกัน คุนางิไม่มีทางเลือก จึงต้องฟังที่ต้นขาของแม่นักแม่นปืนแบบถากๆ

                        “แกบ้าไปแล้วรึ” เจ้ายักษ์ตะลึงในความนึกไม่ถึง สายตาของคุนางิไม่เปิดทางหนีให้มันเลย เจ้ายักษ์จำใจปล่อยตัวประกันที่เป็นตัวถ่วง แล้วหนีหายไปในป่าทึบ

                        “ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ หากว่าไม่ได้เจ้า พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง” ชายแกที่คุกเข่าอ้อนวอนเจ้าพวกยักษ์ที่เห็นแต่ทีแรก ได้นำชาวบ้านมายืนกล่าวขอบคุณคุนางิ ที่บัดนี้ได้กลายเป็นผู้มีพระคุณของพวกชาวบ้านไปเรียบร้อยแล้ว

                        คุนางิที่ตอนนี้ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ได้ยืนต่อหน้าเหล่าชาวบ้าน วางท่าสงบเสงี่ยมมาดนิ่ง ทั้งที่ใจจริงอยากจะขออาหารสักมื้อใหญ่ๆ เป็นการตอบแทน

                        “พวกเรานะอาศัยอยู่หมู่บ้านนี้มานาน” หญิงชราอีกคนทีอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยเสียงอาลัย “อาชีพหลักของพวกเราก็คือการทำขนมหวานเพื่อนำไปขายเป็นยารักษาโรคตามเมืองใหญ่ต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน”

                        “แล้วตอนนี่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะครับ” คุนางิถามคำถามที่ตนเองเดาคำตอบไว้อยู่แล้ว

                        “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ชายแกคนเดิมตอบเสียงเศร้า “แต่ว่าตั้งแต่ได้ยินว่าทางเมืองนอร์ทได้เปลี่ยนผู้ปกครองหมู่บ้านใหม่”

                        “เปลี่ยนใหม่หรอ” คุนางิมีท่าทีสงสัยแบบออกอาการ

                        “ใช่” ชายแก่เบิกตากว้าง แววตาบ่งบอกว่ารอคอยความหวังบางอย่าง “เห็นคนเค้าลือกันว่า ผู้ปกครองคนใหม่ เป็นเทพลงมาจุติ และจากนั้นมาก็ได้มีพวก สมุนปีศาจที่เรียกตัวเองว่าตัวแทนของพระเจ้า มากวาดต้อนเอาทั้งขนม และวัตุดิบไปจนหมด และอ้างว่านี่เป็นเครื่องบรรณาการของเทพพระเจ้า จนพวกเราไม่เหลือขนมไว้สำรองแม้แต่จะรักษาตัวจากโรคภัย” ชายแก่ก้มหน้าน้ำตาครอ

                        “เครื่องบรรณาการของเทพพระเจ้าหรอ ข้าไม่เห็นเข้าใจเลยแฮะ” คุนางิทำหน้าเจือนๆ แล้วลูบท้องเบาๆ “นี่ท่านผู้เฒ่า ขอหิวแล้วอะข้าขอรบกวนพวกท่านซักมื้อจะได้มั้ย”

                        “นี่เจ้าดูไม่เหมือนกับ…” ชายแก่มองหน้าคุนางิ ที่บัดนี้แววตาได้เปลี่ยนเป็นแววตาที่ใสซื่อเหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆ ไป

                        “ไม่เหมือนอะไรรึท่าน” คุนางิ ว่าพลางสสะพายดาบไว้ด้านหลัง

                        “เปล่าหรอกๆ ” ชายแก่บอกปัด และส่งยิ้มเอ็นดูให้กับคุนางิ ทำเอาคุนางิทำหน้างงหนักเข้าไปอีก “เห็นบอกว่าหิวอย่างงั้นรึ” ชายแก่เดินเข้าไปในฝูงชาวบ้าน “งั้นพวกข้าและชาวบ้านจะจัดชุดใหญ่ขอบคุณเจ้าเอง ตามมาสิ”

                        เวลาบ่ายล่วงเลยไปแล้ว ฝูงนกบินเกาะกลุ่มกันกลับรัง พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำ ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีส้ม เหล่าชาวบ้านมายืนส่งคุนางิ ที่บัดนี้ได้เริมออกเดินทางต่อแล้ว

                       

                        คุนางิเดินทางแผนที่มาเลื่อย เห็นว่าที่นี่ในแผนที่ อยู่ตรงตะเข็บระหว่างเมืองเซาท์กับเมืองเวสท์ พื้นที่นี้ดูอุดมสมบูรณ์ดี แม้จะอยู่ในช่วงเย็นที่แสงเริ่มน้อยแล้วก็ตาม คุนางิเดินมาถึงตรงจุดในแผนที่มันเขียนว่า หมู่บ้านทะเลทราย

                        “หยุดอยู่ต้องนั้นนะ!!” ร่างของเจ้าของเสียงปรากฏขึ้น เป็นเด็กหนุ่มอายุไม่น่าห่างจากคุนางิมาก แต่ส่วนสุงนับว่ากินขาด

                        “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ แล้ววางอาวุธของแกซะ!!”.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา