บุรุษวิปริต สตรีวิปลาส

7.3

เขียนโดย DontAddMe

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.

  9 บท
  0 วิจารณ์
  10.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) สัจธรรมของโลกมิอาจแปรผัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

บทเรียนที่ ๗    สัจธรรมของโลกมิอาจแปรผัน
 
 
 
 
ในโลกใบนี้มีสัจธรรมบางประการที่มิอาจแปรเปลี่ยนได้
 
 
ดวงตะวันย่อมฉายแสงยามรุ่งในทางทิศตะวันออก ฝูงนกนภาย่อมอพยพทางหนีหนาวในฤดูเหมันต์ คลื่นสมุทรย่อมซัดถาโถมโขดหินหนา...
 
 
...บุตรีดยุกย่อมเป็นสตรีอำมหิต
 
 
และบุตรีอำมหิตผู้ของดยุกนั้นย่อมได้รับสืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นพ่อในสักวันหนึ่ง
 
 
ความจริงเหล่าน้ีเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ปุถุชนเดินดินมิอาจแปรเปลี่ยนได้ มิว่าจะพยายามสวดอ้อนวอน หรือกรีดร้องตัดพ้อเสียเพียงไร...
 
 
หากแต่มีคนวิกลจริตบางกลุ่มที่ยังไม่ละความพยายามสวนกระแสธรรมชาติ เพราะหาไม่แล้วภัยพิบัติย่อมโถมทลายพวกเขาทั้งหลายให้ม้วยมรณาสิ้น...
 
 
***
 
 
 
ภายในห้องมืดปิดทึบลึกลับที่ซุกซ่อนภายใต้พระบรมมหาราชวัง ถูกจัดสรรเป็นห้องประชุมของเหล่าบุคคลสำคัญทั้งหลายแห่งอาณาจักร ขุนนางชั้นสูง พ่อค้านายทุน วีรบุรุษสงคราม หรือกระทั่งตัวแทนจากมหาวิหาร ล้วนนั่งล้อมรมกันรอบโต๊ะกลมใหญ่ 
 
 
ในสถานที่อันถูกความมืดกลืนกิน มีเพียงแสงริบหรี่จากทั่งเทียนทั้งหลายที่ส่องสะท้อนหยาดเหงื่อบนใบหน้าหวาดวิตกของผู้ใหญ่ในแผ่นดินทั้งหลาย แม้ว่าห้องประชุมนี้จะมีอุณหภูมิที่หนาวเหน็บ แต่มันมิอาจเพียงพอที่จะดับกองเพลิงที่ร้อนรุ่มในอกของเหล่าเจ้าขุนมูลนายได้
 
 
ผู้คนนับครึ่งร้อยเดินทางมาจากทั่วดินแดนเพื่อหมายประชุม หากแต่ยามนี้กลับไร้ซึ่งเสียงเจรจา หากหลับตาลงคงได้ยินกระทั่งเสียงเต้นของก้อนเนื้อสูบฉีดโลหิตของแต่ละท่านเต้นสอดประสานกันเป็นคณะกลองชุด
 
 
[ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!]
 
 
หลายท่านผืนกลืนน้ำลายเหนียวสากปากลงลำคอ ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวเปิดองค์ประชุมที่มีอนาคตของอาณาจักร...และที่สำคัญกว่านั้น...อนาคตของศรีษะอันสูงส่งของพวกท่านเป็นเดิมพัน
 
 
[ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!]
 
 
“ทุกท่าน!!”
 
 
ท่ามกลางเสียงสดับ จู่ๆก็มีเสียงหนาทุ้มดังก้องกังวาลขึ้น!
 
 
เสียงอันดังทำให้ผู้ที่นั่งข้างๆ สะดุ้งตัวโยน จนล้มหงายหลังจากเก้าอี้ศรีษะกระแทกพื้นหินแข็งเกิดเลือดคั่งในสมอง ดิ้นกระเด่วๆเป็นปลาขาดน้ำอยู่บนพ้ืน
 
 
ความวุ่นวายเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนที่ท่านนักบวชคนหนึ่งจะใช้เวทรักษาชายผู้ตื่นตูมจนเงียบเสียงไป
 
 
“ทุกท่าน!” เสียงทุ้มหนาโพร่งขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงอันเบาลงเล็กน้อย “ทุกท่านทั้งหลายย่อมรู้ดีว่าพวกเรามารวมตัวในที่นี้เพื่อส่ิงใด”
 
 
“มิใช่ส่ิงใด...แต่เป็นใคร...”
 
 
“…นาง…”
 
 
“อสูรกาย!!”
 
 
“ปีศาจ!!! มันเป็นปีศาจ! มันต้องผุดมาจากนรกสักขุมเป็นแน่!”
 
 
[ตึ่ง!]
 
 
เสียงทุบโต๊ะลั่นจากท่านประธานองค์ประชุมทำให้เหล่าขุนนางที่โวยวายเป็นฝูงผึ้งแตกรังดับเสียงลงอีกครั้ง
 
 
“เรามิได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้เพื่อแหกปากเฉกเช่นทารก! แต่เพื่อช่วยกันหาทางออกของปัญหา!”
 
 
ท่านประธานกวาดสายตามองเหล่าขุนนางที่บัดนี้นั่งตัวลีบเล็กที่สุดที่จะเป็นไปได้ ดั่งต้องการแทรกตัวผ่านรอยต่อพื้นหินหนีไป
 
 
“หลายท่านในที่นี้เป็นหัวกะทิผู้แยบยน เป็นผู้ชักใยในเงามืดของอาณาจักร ในวันนี้ข้าสั่งให้พวกท่านที่ฉลาดนักหนา เค้นมันสมองหาทางออกให้พวกเราทุกคน...หาไม่แล้วไม่ต้องรอนาง ข้าจะลงดาบตัดหัวพวกท่านไปประดับหน้าประตูเมืองเอง!”
 
 
“…”
 
 
เหล่าคนสำคัญต่างหายใจไม่ทั่วท้อง หยาดเหงื่อที่หยดย้อยอยู่แล้วย่ิงหลั่งมากขึ้นเป็นธารน้ำไหล ทำห้องกว้างให้เหม็นเปรี้ยวอับช้ืน บัตเลอร์ชราที่แทบล้มทั้งยืนรีบสั่งข้ารับใช้ไปหาสมุนไพรมาดับกลิ่น
 
 
ในที่สุดก็มีขุนนางหนุ่มใจกล้าที่เพิ่งรับช่วงต่อจากมารดาได้ไม่นางนัก ส่งเสียงเบาขึ้น
 
 
“...หากท่านจะกรุณา ข้ามีข้อสงสัยต้องที่ต้องการความกระจ่าง...นางผู้นั้นเป็นสตรีเพียงคนเดียว ศักดิ์มาชิโอเนสของนางเองก็เป็นเพียงตำแหน่งในนามเท่านั้น ไม่มีกำลังทหารใดในกำมือ หากเพียงเราออกหมายจับ ส่งกองทัพไปคุมตั-”
 
 
“มึงบ้าหรอสาาาด! เราตกอยู่ในสถาณการณ์นี้เพราะอะไร!? คิดสิคิด ไอ้หน้าปรักขิก!”
 
 
“ข...ข้า...แค่หลับตาก็จำวันนั้นได้ทันที วันที่โลหิตชโลมถนน...”
 
 
“...วันที่อากาศอบอ้าวไร้ลม...นางมาแสดงให้เมืองหลวงเห็น...เห็นว่าความกลัวมีหน้าตาเช่นไร”
 
 
“...เด็กหญิงที่อาบเลือดนักฆ่า...”
 
 
“...เสียงกรีดร้องตลอดเส้นทางที่นางก้าวเดิน...”
 
 
“...การแสดงอำมหิตที่ทั้งเมืองหลวงต้องทนดู...”
 
 
“ได้โปรดหยุดเถิด! สามีข้ามีอาการวิกลจริตนับแต่บัดนั้น!”
 
 
“เราทำอะไรนางไม่ได้ นางแข็งแกร่งจนเกินไป เหตุผลเดียวที่แผ่นดินยังไม่ลุกเป็นไฟ คือบิดาของนาง”
 
 
“นั่นมิใช่หรือ? เหตุผลที่เราพยายามเอาใจดยุก กระทั่งต่อต้านองค์รัชทายาทด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง!”
 
 
“นางเก่งกาจจนเกินไป!”
 
 
“นางชาญฉลาดจนเกินไป!”
 
 
“นางเหี้ยมโหดจนเกินไป!”
 
 
 
 
“...จะว่าไปนางเหมือนครูระเบียบข้าเลย”
 
 
“ ’จารย์จอยใช่มั้ยวะแก? แม่งคิดเหมือนกันเลยว่ะ! แม่นางแกโหดพอกัน!”
 
 
“เอ่อว่ะ! ไม่ใช่ว่าดัชเชสไปแอบนอกใจเป็นชู้กับเจ๊แกหรอกนะ!?”
 
 
“จะบ้าเรอะ! หญิงทั้งคู่จะมีลูกกันยังไง!?”
 
 
“โถ่เพื่อนเอ๋ย ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ยังเป็นไดโนเสาร์คร่ำครึอยู่ได้! หากมีความต้องการทุกส่ิงย่อมบังเกิด ทีเมียแกเป็นชายมาก่อนยังมีลูกด้วยกันเลย”
 
 
“เกี่ยวห่าอะไร! นั่นมันบุตรบุญธรรม รับลูกญาติมาเลี้ยงโว้ย!”
 
 
“เอาน่า มันต้องมีมนตร์ซักบทล่-”
 
 
 
 
“…”
 
 
ที่ประชุมอันกอปรด้วยชนชั้นสูงผู้มากด้วยสักดินาถึงกับไร้คำพูด เมื่อท่านหัวหน้าบาทหลวงกับท่านแม่ทัพกองกำลังอัสวินหลวงที่หนึ่งกำลังซุบซิบคุยเล่นไร้สาระดั่งเด็กนักเรีียนหลังห้อง 
 
 
ทุกคนพยายามบังคับสายตาไม่ให้เหลือบมองท่านประธานองค์ประชุมผู้บัดนี้มีเส้นเลือดสีเขียวเต้นกระตุกๆบนขมับ เข้าจังหวะกับเสียงหัวเราะของคนสำคัญสองตัว ผู้บัดนี้ยังไม่รู้ว่าชะตาตนถึงฆาตแล้ว
 
 
เมื่อท่านประธานเริ่มเผยอริมฝีปาก เหล่าขุนนางทุกคนรีบใช้นิ้วอุดรูหูทั้งสอง เตรียมใจรับคำโกรธาที่จะถูกพ่นออกมา...
 
 
“ใช้แล้ว! คิดตั้งนานว่าเหมือนใคร! นี่พวกเจ้าจำได้ไหมตอนนั้นที่เราโดดเรียนไปม้วนยาเส้นกันหลังตึกเก่า?”
 
 
“แน่นอนสิท่าน! ไม่รู้’จารย์แกใช้ญาณทิพท์อะไรถึงตามมาเจอได้! แม่งสั่งลงโทษด้วยการเอาเราไปขังในห้องปิดตาย แล้วรมควันจนปอดแทบพัง!”
 
 
“จำได้ว่าแกสลบก่อนเพื่อนเลยนี่”
 
 
“เอ่อสิ! ทำเอาไม่กล้าแตะยาสูบไปเลย ทุกวันนี้ต้องพ่ึงยาเม็ดกับสูดยาผงแก้ขัดแทน”
 
 
 
 
“…”
 
 
ที่ประชุมอันกอปรด้วยชนชั้นสูงผู้มากด้วยสักดินาถึงกับไร้คำพูด เมื่อท่านประธานองค์ประชุมที่เคารพร่วมวงสนทนาระลึกความหลังกับเขาด้วย แล้วไม่ใช่ว่าท่านหัวหน้าบาทหลวงเพิ่งสารภาพว่าท่านนิยมพี้ยา ต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลายหรอกหรือ!?
 
 
‘เอาเงินบริจาคของพวกข้าคืนมา!!’
 
 
พวกเขาได้แต่พยายามเก็บอาการประสาทแดกไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า
 
 
แต่บทสนทนาชวนสมองตายกลับทำให้บางคนบังเกิดความคิดบางอย่างข้ึน! แม้มันจะเป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่ไม่น่าได้ผล แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!
 
 
“ทุกท่าน!”
 
 
เสียงดังโพล่งขึ้นขัดคอวงเม้าท์มอยครูบาอาจารย์ของสามเสาหลักแห่งเมืองหลวง
 
 
สายตาคมวับของท่านประธานทิ่มแทงผู้ที่อาจหาญกล้าเอ่ยขัดท่าน หากแต่ยับยั้งความไม่พอใจของตนเพื่อฟังข้อเสนอของคนตรงหน้า
 
 
นายทุนเงินหนากลืนเมือกน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนเรียบเรียงคำพูดที่จะตัดสินชีวิตที่เหลือของตน
 
 
“ดั่่งที่ทุกท่านทราบดี ท่านมาชิโอเนสเป็นผู้สืบสายเลือดสายตรงเพียงคนเดียวของท่านดยุกแห่งอีสแลนด์ ทันทีที่ดยุกสละต่ำแหน่ง ลูกสาวของท่านจะได้อำนาจเบ็ดเสร็จจากผู้เป็นพ่อในบัดดล ซึ่งประกอบไปด้วยด้วยพื้นที่ทั้งหมดของอีสแลนด์และกองทหารในประจำการกว่าครึ่งแสน หากวันใดที่นางคุมอำนาจนั้นไว้ในมือแล้วรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของมารดา แม้แต่พระราชวังอันโอฬารนี้คงกลายเป็นเพียงเศษธุรีเถ้าเป็นแน่”
 
 
เพียงเอ่ยถึงความเป็นไปได้ในอนาคต เหล่าผู้ทรงอำนาจที่นั่งล้อมโต๊ะกลมกว้างล้วนไร้แรงกระทั่งจะกระดิกปลายน้ิวก้อย
 
 
“เนื่องจากท่านดยุกคนปัจจุบันเองก็เป็นบุตรหัวโทน เราจึงไม่สามารถแทรกแซงโดยการเสนอญาติจากตระกูลรองให้รับการแต่งตั้งแทนได้ ตราบใดที่ธิดายังคงอยู่”
 
 
ทุกสายตาของที่ประชุมรอคอยข้อเสนอของพ่อค้าเงินหนา
 
 
“แต่หากเราแต่งตั้งท่านมาชิโอเนสให้มีศักดิ์สูงกว่าท่านดยุกเล่า? นางย่อมไม่สามารถลดตัวลงมารับตำแหน่งสืบทอดได้เป็นแน่!”
 
 
หลายท่านทำทีจะพูดขัด ‘ตำแหน่งสูงกว่าดยุกอีกหรือ? ไม่เอาเศียรพวกเขาใส่การเช้าดอกไม้มอบให้นางไปด้วยเลยเล่า!’ หากแต่พ่อค้ารีบเอ่ยคำต่อโดยพลัน
 
 
“มิใช่ทุกอิสริยยศที่มาพร้อมอำนาจ  และไม่ใช่ทุกบรรดาศักดิ์ที่นางจะใช้ทำลายพวกเราได้”
 
 
 
 
“…”
 
 
“...เจ้ากำลังเสนอให้นางขึ้นเป็นเจ้าหญิง”
 
 
“นั่นย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หากแต่วัยของนางห่างจากองค์ชายอยู่มาก และคงไม่มีผู้ใดในที่น้ีต้องการให้นางมีโอกาสขึ้นเป็นองค์ราชินีในสักวันหนึ่งเป็นแน่”
 
 
“แล้วยังมีตำแหน่งใดอี- หรือว่า!”
 
 
“ดั่งที่ท่านคิด ตำแหน่งที่กระทั่งราชวงศ์ต้องค้อมเศียร หากแต่ไร้ที่นั่งในสภาขุนนาง, ตำแหน่งที่คุมอนาคตของอาณาจักร แต่มิอาจสั่งการกองกำลังใด, ตำแหน่งที่ดูแลคนนับหมื่น หากแต่ไร้อำนาจประหัดประหารใคร, มิอยู่ใต้ผู้ใด หากแต่เหนือคนเพียงหยิบมือ...”
 
 
 
 
“...อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนหลวงนอร์ทฟอเรส...”
 
 
 
 
ท่านประธานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย ก่อนหลุบหนังตาทั้งสองลงเพื่อใช้ความคิด 
 
 
ทั้งห้องมืดตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครกล้ากระทั่งหายใจ มีเพียงเปลวเทียนที่สั่นไหวท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด
 
 
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงหรือเพียงอึดใจนั้นไม่มีใครทราบ ในที่สุดท่านประธานองค์ประชุมก็ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า สองตาของท่านทอประการแน่วแน่ ถ้อยคำที่ท่านจะเอ่ยต่อไปมิอาจเรียกกลับคืนได้
 
 
“จงร่างโองการแต่งตั้งมาชิโอเนสแห่งอีสแลนด์ขึ้นเป็นอาร์คดัชเชสแห่งเขตปกครองพิเศษนอร์ทฟอเรสนับแต่บัดนี้จนตราบเท่าชีวิตนาง! ให้นางมีอำนาจเด็ดขาดในเขตสถานศึกษาหลวง เหนือสภาขุนนางหรือราชวงศ์ กระทั่งข้าก็มิมีสิทธิ์ก้าวก่ายหรือถอดถอนตำแหน่งของนางได้!”
 
 
 
 
“น้อมด้วยเกล้าฯพะย่ะค่ะ!”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา