บุรุษวิปริต สตรีวิปลาส
เขียนโดย DontAddMe
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.
แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) การเป็นนักเรียนทุนนั้นไม่ง่าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทเรียนที่ ๒ การเป็นนักเรียนทุนนั้นไม่ง่าย
บุตรคนสุดท้องของบารอนใช้เวลาที่มีก่อนถึงวันเปิดภาคการศึกษาทำการปรับปรุงที่อยู่เสียใหม่
เขาทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างห้องพักนักเรียนทุน ห้องเก็บของ ห้องเก็บไม้กวาด ห้องเก็บเครื่องเรือนไม่ใช้แล้ว ห้องเก็บถุงเท้าเน่า และโถงทางเดินทิ้ง เปลี่ยนทั้งชั้นให้เป็นหอพักส่วนตัว เขาทำความสะอาดปัดกวาดฝุ่นหยากไย่ทั้งหมด คัดเครื่องเรือนใช้แล้วที่สภาพดีที่สุดมาซ่อมแซมโดยใช้ตัวอื่นเป็นอะไหล่
ในที่สุดบุตรคนที่หกก็ได้หอพักในฝันขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยพรมขนสัตว์สำหรับกล้ิงเกลือกกลั้ว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เก้าอี้ โต๊ะ ตั่ง เตียงครบชุด และอ่างน้ำร้อ- ไม่สิ สระน้ำร้อนที่สามารถลงไปว่ายได้เล่นได้
เนื่องจากเขาเป็นบุตรบารอนไม่ใช่บุตรช่างก่อสร้างจึงมีความเป็นไปได้สูงที่น้ำจะรั่วซึมลงชั้นล่าง แต่เนื่องจากเขาเป็นบุตรบารอนไม่ใช่บุตรช่างก่อสร้าง เขาจึงไม่แคร์แม้เศษเสี้ยวความคิด
ห้องนี้ช่างเหมาะกับคนที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากเช่นเขายิ่งนัก หากแต่มันยังขาดอะไรไปบางอย่าง...
“อี๊! กลิ่นตัวอะไรตายในห้องฉันเนี่ย!”
“ใคร! ใครมันบังอาจเล่นพิเรนเอาถุงเท้าเน่ามากองไว้ในห้องนอนฉั-!?”
“กรี๊ด!!มันดิ้นได้ค่า! มันดิ้นด้าาาาาาย เจ้าพระคุณบุญช่วย นางรัศมีเกาไข่เอ๊ย!!!”
คืนนั้น เสียงหวีดแหลมแปดหลอดฟังไม่ได้ศัพท์ สอดประสานเสียงลูกเพลิงระเบิด และเสียงเอะอะโวยวายของคณาจารย์ทั้งหลายที่พยายามหยุดย้ังอาจารย์ใหญ่สติแตกไม่ให้เผาทำลายปราสาท ดังโหวกเหวกโกลาหลไปทั่วโรงเรียนตลอดคืน
เสียงนั้นเป็นบทเพลงไพเราะที่ขับกล่อมให้บุตรบารอนหลับสบายจนถึงเช้า
***
วันเปิดภาคเรียนวันแรกเป็นเช้าที่แสนสดใสของนักเรียนชั้นปีหนึ่งทั้งหลาย สำหรับพวกเขาน้ันส่ิงที่รออยู่หลังประตูสถาบัน คือ ความรักวัยหนุ่มสาว มิตรภาพเพื่อนฝูง และอนาคตอันสดใสของชีวิตการเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักร
เหล่ารุ่นพี่ปีสองถึงหกได้แต่มองประกายอันเจิดจ้าในสายตาเหล่าลูกแกะบริสุทธิ์ด้วยความสงสารระคนสมเพช
‘อิน้อย เดี๋ยวพวกคิงฮู้ซึ้ง เดี๋ยวพวกคิงฮู้ซึ้ง’
เหล่ารุ่นพี่ผู้มากประสบการณ์ได้แต่สวดส่งวิญญาณแก่ให้เด็กน้อยผู้โง่เขลาทั้งหลาย
“ดูนั่น!!!”
ท่ามกลางความเงียบของห้องโถงประชุม จู่ๆ นักเรียนปีสี่คนหนึ่งได้โพล่งเสียงขึ้น!
เสียงอันดังของเขาทำเอาเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างซึ่งภาวนาล้ำลึกไปเล็กน้อยสดุ้งจนพลัดตกเก้าอี้ หลังศรีษะกระแทกพื้นแข็งอย่างจัง เกิดเป็นเลือดคั่งในสมอง สองตาเหลือกขาว ดิ้นกระแด่วๆ เป็นปลาขาดน้ำอยู่บนพื้นหินอ่อน
ความวุ่นว่ายเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่หน่วยพยาบาลจะทำการหามร่างชายผู้โชคร้ายไปรับมนตร์รักษา
“…”
“ดูนั่น!”
นักเรียนปีสี่คนเดิมพูดข้ึนอีกคร้ังด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย เขาชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มผู้หน่ึงที่แต่งกายด้วยชุดที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน เนื้อผ้าเก่าเต่อเห็นได้เด่นชัดในหมู่เสื้อผ้าสั่งตัดเข้ารูปของนักเรียนปีหน่ึงคนอื่นๆ
“ใบหน้ามีเงาทมึนเหมือนโคตรเหง้าเสีย! ดวงตาปลาตายไร้แวว! เงินในกระเป๋าที่แฟบเหมือนโจรห้าร้อยขู่กรรโชกทรัพย์วันละสามเวลา!”
“นั่นมัน!”
“หรือว่า!?”
“ไม่จริงน่า!? นางยังไม่ทันได้ขึ้นกล่าวโอวาทเลย! ถ้างั้นทำไ-!”
“!?”
“…นักเรียนทุน...”
นักเรียนปีหกคนหนึ่งส่งเสียงแผ่วเบาลอดไรฟันออกมา แต่ข้อความนั้นกลับสามารถแทรกเข้ารูหู กระแทกเข้ากลางใจนักเรียนปีสูงทุกคนที่อยู่ที่นั่น!
หลายคนทำหน้าไม่อยากเชื่อ แต่หากพิจารณาจากหลักฐานแล้วคงไม่อาจมีความเป็นไปได้เป็นอื่น
‘ยังมีคนที่ไม่กลัวตายขนาดนี้อยู่อีกหรือ!?’
ชั้นปีสองถึงห้าเคยได้ยินเพียงข่าวลือของนักเรียนทุนคนก่อน แต่เหล่านักเรียนปีหกที่เคยได้เรียนร่วมรุ่นกับเขาเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนใหม่ยังจดจำลายละเอียดได้ดีเป็นรอยบากฝังใจ หลายคนถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นภาพเงาสะท้อนของเขาซ้อนทับนักเรียนทุนคนใหม่นี้
“เราต้องช่วยเขา! ลักลอบพาเขาออกไปทางตะเข็บชายแดน! ไม่สิ! ยัดเข้าถังไม้แล้วลงเรือใบข้ามสมุทร! ”
“มันไม่มีประโยชน์อันใดดอกน้องเอ๋ย”
“แต่ว่า-!”
“ต่อให้หนีไปซ่อนในวังจอมอสูร นางจะตามไปได้อยู่ดี”
“…”
“ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่ามันจะใช้เวลากี่ปี...”
“…”
“...นางจะตามไป...”
“...นางจะไล่ล่า...”
“...นางจะช่วงชิง...”
“...จนถึงเหรียญสุดท้าย...”
“...จนเขาหมดตัว...”
“ไม่เหลือกระทั่งกางเกงในปิดกระเจี๊ยว”
[ฮื้อๆๆ]
“จงปล่อยวางเถิดน้องเอ๋ย...หลังจากที่นางดูดสินทรัพย์เขาจนถึงหยาดหยดสุดท้ายแล้วนางจะปล่อยเขาไปเอง...หากตระกูลของเขาไม่เหลือสมบัติฝังดินซุกซ่อนไว้ล่ะก็นะ...”
เมื่อสิ้นประโยคของท่านประธานนักเรียนปีหก นักเรียนแห่งโรงเรียนหลวงตั้งแต่ชั้นปีสองขึ้นไปล้วนไร้ซึ่งคำพูด คนที่ร้องไห้ก็ยังร้องไห้ต่อไป คนที่สวดภาวนาก็ยังสวดภาวนาต่อไป และคนที่เพิ่งกลับมาจากการรักษาเลือดคั่งในสมองก็ตัดสินใจหลับต่อไป
ทันใดนั้น! บานประตูห้องประชุมพลันเปิดออก ขบวนคณะอาจารย์หัวกะทิของอาณาจักรพากันทยอยลำเลียงกันเข้ามา
แต่น่าแปลกคือทุกคนอยู่ในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำโหลลึก บางคนมีรอยไหม้และร่องรอยเขม่าควันติดเสื้อผ้าและเส้นผม บางคนที่อาการหนัก มีสภาพเหมือนทหารผ่านศึกที่เพิ่งเดินทางกลับจากการทำสงครามแรมปี
แต่เหล่านักเรียนทั้งหลายเป็นลูกผู้ดีไม่ใช่แพทย์ พวกเขาจึงไม่แคร์แม้เศษเสี้ยวความคิด
สายตาพวกเขาจับจ้องไปยังสุดปลายขบวน
ที่สุดขบวนคือสตรีที่อันตรายที่สุดในอาณาจักร สตรีที่แม้กระทั่งอัสวินผู้กล้ายังขอยอมไปสู้กับกองทัพปีศาจเพียงลำพังเสียยังดีกว่าจะเผชิญหน้ากับนางตัวต่อตัว
เพราะอย่างน้อยปีศาจคงไม่หนังหนา หน้าทน บุกไปขนสมบัติของเขาทั้งคฤหาสถ์อย่างหน้าด้านๆ กลางวันแสกๆเป็นแน่
สตรีผู้ที่องค์ราชายังขยาด
สตรีผู้ทำให้พระสังฆราชหวาดกลัว
อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนหลวงนอร์ทฟอร์เรส
ผู้บัดนี้ผมแหว่งหายไปครึ่งหัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ