บุรุษวิปริต สตรีวิปลาส
7.3
เขียนโดย DontAddMe
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.
9 บท
0 วิจารณ์
10.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บุตรคนที่หกของบารอนไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทเรียนที่ ๑ บุตรคนที่หกของบารอนไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก
ชายหนุ่มเป็นบุตรชายอันดับหกจากบุตรหกคนและบุตรีเจ็ดคนของท่านบารอน
กระทั่งหญิงสติไม่สมประกอบยังรู้ว่าบุตรคนแรกนั้นมีไว้สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นพ่อ บุตรคนที่สองมีไว้เป็นตัวสำรองหากบุตรคนแรกตาย และบุตรคนที่สามเป็นเป็นตัวสำรองหากบุตรสองคนแรกถูกสุนัขอสูรคาบไปแดก หรือ ตายจากไข้ป่าที่มากับโคลนตมในฤดูน้ำหลาก หรือถูกปังตอเฉาะหัวเมื่อพ่อค้าเนื้อพบบนเตียงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน หรือดื่มค็อกเทลผสมยาพิษที่บุตรคนที่สามตั้งใจชงให้อย่างสุดความสามารถ
นอกจากนี้ยังเคยมีกรณีที่บุตรอันดับสาม, สี่, หรือกระทั่งห้าได้เป็นผู้สืบตำแหน่ง หากพวกเขาโชคดีเกิดมาในยุคสงคราม หรือโรคฉี่หนูกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
แต่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ฉบับใดที่จารึกไว้ว่าบุตรคนที่หกได้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตระกูล
จริงอยู่ที่บุตรคนที่หกสามารถทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องจดจำชื่อของเขาไว้ โดยการจับบุตรคนที่หนึ่ง, สอง, สาม, สี่, และห้า มอมเหล้า ก่อนแบกพวกเขาไปขึ้นเตียงลูกสาวร่านรักของพ่อค้าเนื้อ
แต่มันคงยุ่งยากน่าดู
บุตรคนที่หกคนนี้ไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก
บุตรคนที่หกเลือกที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนขุนนางแทนที่ต้องไปเป็นผู้ติดตามเป็นอัศวินดั่งบุตรคนที่สอง, ฝากตัวเป็นศิษย์ที่โบสถ์ดั่งบุตรคนที่สามและห้า, หรือเข้ารับการฝึกฝนเป็นบัตเลอร์ดั่งบุตรคนที่สี่ จากทางเลือกทั้งหมดที่เป็นไปได้ การเข้าโรงเรียนลูกผู้ดีนับว่ายุ่งยากน้อยที่สุด
ไม่มีทางที่ท่านบารอนจะเจียดเงินส่งเสียค่าเล่าเรียนให้บุตรที่ไม่มีโอกาสสืบสกุล
ดังนั้นบุตรคนสุดท้องจึงได้แต่ทอดถอนใจก่อนเปิดหนังสือสีน้ำตาลเหลืองกรอบขึ้นอ่าน แทนที่จะใช้มันรองขาเตียงดังที่ผ่านมา เพื่อหวังทำคะแนนสอบเข้าเป็นนักเรียนทุน
หากเทียบกันแล้ว การท่องจำตำรานั้นย่อมง่ายกว่าการฝึกอันแสนหฤโหดของคฤหาสน์บัตเลอร์ หรือการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของโบสถ์เป็นไหนๆ
***
ชีวิตในร้ัวการศึกษาน้ันยุ่งยากกว่าที่บุตรบารอนคาดคิด เขาต้องพยายามคงระดับผลการเรียนไว้เพื่อรักษาทุน แต่ขณะเดียวกันต้องพยายามไม่ข้ามหน้าข้ามตาเหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลายที่มีบุพการียศสูงส่งกว่าบารอนเล็กๆ เช่นบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเขานัก
บุตรคนที่หกไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก และการหายใจโดยไม่มีศรีษะอยู่เหนือบ่านั้นยากนักแล...
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากทุนการศึกษานั้นมีไว้สำหรับผู้ที่มีผลการเรียนอันดับหนึ่งของชั้นปีเท่านั้น
‘เวร’
บุตรคนที่หกเรียนอยู่ในชั้นปีเดียวกับองค์ชายรัชทายาท
‘เวรชิบ'
บุตรบารอนแจ้งเจตจำนงสละสิทธิ์ทันทีที่ทราบเรื่อง หากแต่โรงเรียนต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ทำให้ผู้เข้าสอบคนอื่นเสียโอกาสได้รับทุน
“แล้วยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ทำให้ฉันต้องเซ็นเอกสารเพิ่มจนมือหงิก! ค่าทำงานล่วงเวลาจนขอบตาช้ำ! ค่าปลอบขวัญที่ทำให้ฉันเสียเวลาไปจีบหนุ่ม! น่ียังไม่รวมค่า...ฯลฯ”
‘อีป้าเวร’
บุตรคนที่หกหักห้ามสัญชาตญาณสัตว์ป่าของตนที่สั่งให้กระโดดงับหัวท่านปรมาจารย์ใหญ่อันทรงศักดิ์แห่งสถาบัน ก่อนลากสังขารอันไร้เรี่ยวแรงของตนไปยังหอพักนักเรียนที่เขาต้องอาศัยตลอดหกปี
บุตรคนที่หกมองดูแผนผังตึกที่ศาสตราจารย์ใหญ่ผู้ทรงเกียรติยัดใส่มือเขา ก่อนเดินไปยังตำแหน่งที่ระบุไว้ว่าไว้ว่า ‘ห้องพักนักเรียนทุน’
เขาก้าวเท้าขึ้นบันไดผ่านชั้นที่หนึ่ง...
...สอง...
...สาม...
...สี่...
...
...สิบเอ็ด...
…สิบสอง...
…
…ยี่สิบหก...
…ยี่สิบเจ็ด…
…
...ห้าสิบสาม...
…
...หนึ่งร้อยสิบแปด...
…
…
บุตรคนที่หกใช้แขนต่างขาหน้าปีนบันไดนับหมื่นหรือแสนขั้นมิได้นับ โดยมีท่านอาจารย์ใหญ่ผู้เป็นที่เคารพรักใช้เวทเสกเก้าอี้ให้ขยับขาทั้งสี่แบกนางติดตามมาด้วยเหตุผลใดมิอาจทราบ
ในยุคสมัยที่อาคารทั่วไปสูงมากที่สุดเพียงเจ็ดชั้น หอพักสูงชะลูดเสียดฟ้านี้นับเป็นหนึ่งในส่ิงมหัศจรรย์แห่งโลกก็ว่าได้ สถาปนิกและวิศวกรจากทั่วทั้งดินแดนกระท่ังอาณาจักรโพ้นทะเลล้วนเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคมาเพื่อได้เห็นสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งนี้เป็นบุญตาสักคร้ังในชีวิต
บุตรคนที่หกเองก็รู้สึกประทับใจในความวิเศษของสถาปัตยกรรมนี้เช่นกัน และสัญญากับตนเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องหาโอกาสแนะนำนักออกแบบอัจฉริยะผู้สร้างหอคอยนี้ให้รู้จักกับลูกสาวผู้น่ารักของพ่อค้าเน้ือเป็นการตอบแทนให้จงได้
ในที่สุดบุตรบารอนก็สามารถขึ้นไปถึงชั้นใต้หลังคา เขาทำการปาดเหงื่อที่ชโลมใบหน้าและเก็บลิ้นที่ห้อยต่องแต่งออกมา พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับสายตาของตนไม่ให้เหลือบมองท่านอาจารย์ใหญ่ผู้แสนเลอค่าที่กำลังแสยะยิ้มระรื่นดั่งเด็กน้อยที่ได้ฉีกปีกฉีกขาแมลงเล่นเป็นครั้งแรก
บุตรคนที่หกละความสนใจจากนางแล้วรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นยืน เขาเดินลากขาผ่านห้องเก็บของเก่า, ห้องเก็บไม้กวาด, ห้องเก็บเครื่องเรือนไม่ใช้แล้ว, และห้องเก็บถุงเท้าเน่าจนถึงบานประตูเก่าสุดโถงทางเดิน
สารเคลือบเนื้อไม้ได้ฉีกลอกออกจนหมดแล้ว บนบานประตูมีรอยกรีดขีดเขียนของนักกวีนิพนธ์และศิลปินเอกแทบทุกตารางนิ้ว
[ไอ้มาร์ค พ่อทุกสถาบัน] [’จารย์สอนดาบแม่งอกโตน่าเจี๊ยะชิบ] [มึงโรคจิตชอบคนแก่หรอสัส] [อ่าวไอ้เวณ!กูเจอมึงตาแตกแน่ห่าราก] [กล้าก็เดี่ยวกันตัวๆดิสัส!] [อย่าทะเลาะกันเลยคับ] […]
‘…’
ขอบประตูมุมหนึ่งสลายหายไปอยู่ในกระเพาะของปลวก และด้านล่างบานประตูมีช่องกว้างที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งมีชีวิตหน้าขนบางชนิดใช้เป็นทางผ่านเข้าออกเป็นประจำ
บนบานประตูแปะแผ่นกระดาษยู่ยี่ที่เปื้อนรอยรองเท้าของสตรีบางคน ตัวอักษรหมึกแดงเด่นหลาเขียนด้วยลายมืออันวิจิตรว่า...
[ห้องพักนักเรียนทุน]
“ดูซิ! สบายจะตาย! มีห้องพักส่วนตัวไม่ต้องแชร์กับใคร แถมเหมาทั้งชั้นเป็นของตัวเอง แหม~ เดี๊ยนเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้นะเนี่ย~!”
บุตรบารอนยับยั้งสัญชาตญาณดิบที่บอกให้ตนกระโดดเตะปากท่านอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงคุณวุฒิที่อุตส่าห์เจียดเวลาอันแสนมีค่าของนาง เดินทางมาส่งเขาถึงหน้าประตู
บุตรบารอนหมุนลูกบิดสนิมเขรอะใกล้หลุดเปิดบานประตู เห็นสภาพห้องขนาดเท่าจิ้งเหลนดิ้นตาย เพียงกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดมาตรฐานของเขาก็กินเนื้อที่ไปแล้วกว่าครึ่งห้อง ไม่มีกระทั่งบานหน้าต่างกันลมหนาวที่พัดพาเกล็ดน้ำแข็งจากก้อนเมฆภายนอกเข้ามา
บนพื้นมีเพียงผ้านวมเก่าๆผืนเดียว เนื้อผ้าเต็มไปด้วยเศษขนและรอยฟัดพร้อมคราบน้ำลายของเจ้าของคนก่อน เมื่อตัดสินจากรอยวงดวงสีชาที่ยังไม่แห้งดีนักและกลิ่นรัญจวนที่ทำให้สมองอันอ่อนเพลียจากความเหนื่อยล้าของเขากระปรี้กระเปร่าข้ึนในบัดดล...คาดว่าเจ้าของคนก่อนคงมีจิตอารี ‘อุทิศ’ ให้เขาได้ใช้งานต่อเมื่อไม่ถึงครึ่งช่ัวยามน้ีเป็นแน่
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านบนเพดาน เขาเห็นสิ่งมีชีวิตแปดขาตัวเท่าตัวเท่าจานข้าวนับสิบกำลังร่วมมือร่วมใจกัน สร้างบ้านลอยฟ้าอย่างขยันขันแข็ง
ความสามัคคีของเหล่าพี่น้องแปดตาทำให้เขาน้ำตาไหลด้วยความทราบซึ้งปลื้มปิติ
‘มนุษย์เอ๋ยจงดูเถิด
แม้นเดียรัจฉานยังรู้รักสมัครสมาน
ไฉนไยเล่า มนุษย์เอ๋ยจักแก่งแย่งช่วงชิงกันมิจบส้ิน
ฆ่าได้กระทั่งพี่น้องร่วมอุทรมารดา
มนุษย์เอ๋ย เจ้ามิกระดากใจอายสัตว์มันฤา’
“อ้อ! เกือบลืมบอกไป ค่าอุปกรณ์ หนังสือ อาหารและพยาบาลไม่รวมอยู่ในทุนนะจ๊ะ กู๊ดดดบาย~!!”
บุตรคนที่หกกระชากคอเสื้อครูใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ชิบหายก่อนที่นางจะทันใช้เวทหายตัวหนี
เขาใช้สัญชาตญาณมนุษย์วานรยกนางเหนือข้ึนเหนือหัวก่อนทุ่มตัวนางผ่านบานหน้าต่างกว้าง
“ชิ!”
บุตรบารอนเดาะลิ้นอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าครูใหญ่สติไม่สมประกอบสามารถหายตัวหนีไปได้ทันก่อนที่สมองของนางจะมีโอกาสได้ไหลติดเป็นเนื้อเดียวกับพื้นหินขัดเงาด้านล่างหอคอย
คาดว่าชีวิตวัยเรียนของเขาคงหนีไม่พ้นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว
ชายหนุ่มเป็นบุตรชายอันดับหกจากบุตรหกคนและบุตรีเจ็ดคนของท่านบารอน
กระทั่งหญิงสติไม่สมประกอบยังรู้ว่าบุตรคนแรกนั้นมีไว้สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นพ่อ บุตรคนที่สองมีไว้เป็นตัวสำรองหากบุตรคนแรกตาย และบุตรคนที่สามเป็นเป็นตัวสำรองหากบุตรสองคนแรกถูกสุนัขอสูรคาบไปแดก หรือ ตายจากไข้ป่าที่มากับโคลนตมในฤดูน้ำหลาก หรือถูกปังตอเฉาะหัวเมื่อพ่อค้าเนื้อพบบนเตียงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน หรือดื่มค็อกเทลผสมยาพิษที่บุตรคนที่สามตั้งใจชงให้อย่างสุดความสามารถ
นอกจากนี้ยังเคยมีกรณีที่บุตรอันดับสาม, สี่, หรือกระทั่งห้าได้เป็นผู้สืบตำแหน่ง หากพวกเขาโชคดีเกิดมาในยุคสงคราม หรือโรคฉี่หนูกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
แต่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ฉบับใดที่จารึกไว้ว่าบุตรคนที่หกได้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตระกูล
จริงอยู่ที่บุตรคนที่หกสามารถทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องจดจำชื่อของเขาไว้ โดยการจับบุตรคนที่หนึ่ง, สอง, สาม, สี่, และห้า มอมเหล้า ก่อนแบกพวกเขาไปขึ้นเตียงลูกสาวร่านรักของพ่อค้าเนื้อ
แต่มันคงยุ่งยากน่าดู
บุตรคนที่หกคนนี้ไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก
บุตรคนที่หกเลือกที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนขุนนางแทนที่ต้องไปเป็นผู้ติดตามเป็นอัศวินดั่งบุตรคนที่สอง, ฝากตัวเป็นศิษย์ที่โบสถ์ดั่งบุตรคนที่สามและห้า, หรือเข้ารับการฝึกฝนเป็นบัตเลอร์ดั่งบุตรคนที่สี่ จากทางเลือกทั้งหมดที่เป็นไปได้ การเข้าโรงเรียนลูกผู้ดีนับว่ายุ่งยากน้อยที่สุด
ไม่มีทางที่ท่านบารอนจะเจียดเงินส่งเสียค่าเล่าเรียนให้บุตรที่ไม่มีโอกาสสืบสกุล
ดังนั้นบุตรคนสุดท้องจึงได้แต่ทอดถอนใจก่อนเปิดหนังสือสีน้ำตาลเหลืองกรอบขึ้นอ่าน แทนที่จะใช้มันรองขาเตียงดังที่ผ่านมา เพื่อหวังทำคะแนนสอบเข้าเป็นนักเรียนทุน
หากเทียบกันแล้ว การท่องจำตำรานั้นย่อมง่ายกว่าการฝึกอันแสนหฤโหดของคฤหาสน์บัตเลอร์ หรือการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของโบสถ์เป็นไหนๆ
***
ชีวิตในร้ัวการศึกษาน้ันยุ่งยากกว่าที่บุตรบารอนคาดคิด เขาต้องพยายามคงระดับผลการเรียนไว้เพื่อรักษาทุน แต่ขณะเดียวกันต้องพยายามไม่ข้ามหน้าข้ามตาเหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลายที่มีบุพการียศสูงส่งกว่าบารอนเล็กๆ เช่นบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเขานัก
บุตรคนที่หกไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก และการหายใจโดยไม่มีศรีษะอยู่เหนือบ่านั้นยากนักแล...
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากทุนการศึกษานั้นมีไว้สำหรับผู้ที่มีผลการเรียนอันดับหนึ่งของชั้นปีเท่านั้น
‘เวร’
บุตรคนที่หกเรียนอยู่ในชั้นปีเดียวกับองค์ชายรัชทายาท
‘เวรชิบ'
บุตรบารอนแจ้งเจตจำนงสละสิทธิ์ทันทีที่ทราบเรื่อง หากแต่โรงเรียนต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ทำให้ผู้เข้าสอบคนอื่นเสียโอกาสได้รับทุน
“แล้วยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ทำให้ฉันต้องเซ็นเอกสารเพิ่มจนมือหงิก! ค่าทำงานล่วงเวลาจนขอบตาช้ำ! ค่าปลอบขวัญที่ทำให้ฉันเสียเวลาไปจีบหนุ่ม! น่ียังไม่รวมค่า...ฯลฯ”
‘อีป้าเวร’
บุตรคนที่หกหักห้ามสัญชาตญาณสัตว์ป่าของตนที่สั่งให้กระโดดงับหัวท่านปรมาจารย์ใหญ่อันทรงศักดิ์แห่งสถาบัน ก่อนลากสังขารอันไร้เรี่ยวแรงของตนไปยังหอพักนักเรียนที่เขาต้องอาศัยตลอดหกปี
บุตรคนที่หกมองดูแผนผังตึกที่ศาสตราจารย์ใหญ่ผู้ทรงเกียรติยัดใส่มือเขา ก่อนเดินไปยังตำแหน่งที่ระบุไว้ว่าไว้ว่า ‘ห้องพักนักเรียนทุน’
เขาก้าวเท้าขึ้นบันไดผ่านชั้นที่หนึ่ง...
...สอง...
...สาม...
...สี่...
...
...สิบเอ็ด...
…สิบสอง...
…
…ยี่สิบหก...
…ยี่สิบเจ็ด…
…
...ห้าสิบสาม...
…
...หนึ่งร้อยสิบแปด...
…
…
บุตรคนที่หกใช้แขนต่างขาหน้าปีนบันไดนับหมื่นหรือแสนขั้นมิได้นับ โดยมีท่านอาจารย์ใหญ่ผู้เป็นที่เคารพรักใช้เวทเสกเก้าอี้ให้ขยับขาทั้งสี่แบกนางติดตามมาด้วยเหตุผลใดมิอาจทราบ
ในยุคสมัยที่อาคารทั่วไปสูงมากที่สุดเพียงเจ็ดชั้น หอพักสูงชะลูดเสียดฟ้านี้นับเป็นหนึ่งในส่ิงมหัศจรรย์แห่งโลกก็ว่าได้ สถาปนิกและวิศวกรจากทั่วทั้งดินแดนกระท่ังอาณาจักรโพ้นทะเลล้วนเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคมาเพื่อได้เห็นสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งนี้เป็นบุญตาสักคร้ังในชีวิต
บุตรคนที่หกเองก็รู้สึกประทับใจในความวิเศษของสถาปัตยกรรมนี้เช่นกัน และสัญญากับตนเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องหาโอกาสแนะนำนักออกแบบอัจฉริยะผู้สร้างหอคอยนี้ให้รู้จักกับลูกสาวผู้น่ารักของพ่อค้าเน้ือเป็นการตอบแทนให้จงได้
ในที่สุดบุตรบารอนก็สามารถขึ้นไปถึงชั้นใต้หลังคา เขาทำการปาดเหงื่อที่ชโลมใบหน้าและเก็บลิ้นที่ห้อยต่องแต่งออกมา พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับสายตาของตนไม่ให้เหลือบมองท่านอาจารย์ใหญ่ผู้แสนเลอค่าที่กำลังแสยะยิ้มระรื่นดั่งเด็กน้อยที่ได้ฉีกปีกฉีกขาแมลงเล่นเป็นครั้งแรก
บุตรคนที่หกละความสนใจจากนางแล้วรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นยืน เขาเดินลากขาผ่านห้องเก็บของเก่า, ห้องเก็บไม้กวาด, ห้องเก็บเครื่องเรือนไม่ใช้แล้ว, และห้องเก็บถุงเท้าเน่าจนถึงบานประตูเก่าสุดโถงทางเดิน
สารเคลือบเนื้อไม้ได้ฉีกลอกออกจนหมดแล้ว บนบานประตูมีรอยกรีดขีดเขียนของนักกวีนิพนธ์และศิลปินเอกแทบทุกตารางนิ้ว
[ไอ้มาร์ค พ่อทุกสถาบัน] [’จารย์สอนดาบแม่งอกโตน่าเจี๊ยะชิบ] [มึงโรคจิตชอบคนแก่หรอสัส] [อ่าวไอ้เวณ!กูเจอมึงตาแตกแน่ห่าราก] [กล้าก็เดี่ยวกันตัวๆดิสัส!] [อย่าทะเลาะกันเลยคับ] […]
‘…’
ขอบประตูมุมหนึ่งสลายหายไปอยู่ในกระเพาะของปลวก และด้านล่างบานประตูมีช่องกว้างที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งมีชีวิตหน้าขนบางชนิดใช้เป็นทางผ่านเข้าออกเป็นประจำ
บนบานประตูแปะแผ่นกระดาษยู่ยี่ที่เปื้อนรอยรองเท้าของสตรีบางคน ตัวอักษรหมึกแดงเด่นหลาเขียนด้วยลายมืออันวิจิตรว่า...
[ห้องพักนักเรียนทุน]
“ดูซิ! สบายจะตาย! มีห้องพักส่วนตัวไม่ต้องแชร์กับใคร แถมเหมาทั้งชั้นเป็นของตัวเอง แหม~ เดี๊ยนเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้นะเนี่ย~!”
บุตรบารอนยับยั้งสัญชาตญาณดิบที่บอกให้ตนกระโดดเตะปากท่านอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงคุณวุฒิที่อุตส่าห์เจียดเวลาอันแสนมีค่าของนาง เดินทางมาส่งเขาถึงหน้าประตู
บุตรบารอนหมุนลูกบิดสนิมเขรอะใกล้หลุดเปิดบานประตู เห็นสภาพห้องขนาดเท่าจิ้งเหลนดิ้นตาย เพียงกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดมาตรฐานของเขาก็กินเนื้อที่ไปแล้วกว่าครึ่งห้อง ไม่มีกระทั่งบานหน้าต่างกันลมหนาวที่พัดพาเกล็ดน้ำแข็งจากก้อนเมฆภายนอกเข้ามา
บนพื้นมีเพียงผ้านวมเก่าๆผืนเดียว เนื้อผ้าเต็มไปด้วยเศษขนและรอยฟัดพร้อมคราบน้ำลายของเจ้าของคนก่อน เมื่อตัดสินจากรอยวงดวงสีชาที่ยังไม่แห้งดีนักและกลิ่นรัญจวนที่ทำให้สมองอันอ่อนเพลียจากความเหนื่อยล้าของเขากระปรี้กระเปร่าข้ึนในบัดดล...คาดว่าเจ้าของคนก่อนคงมีจิตอารี ‘อุทิศ’ ให้เขาได้ใช้งานต่อเมื่อไม่ถึงครึ่งช่ัวยามน้ีเป็นแน่
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านบนเพดาน เขาเห็นสิ่งมีชีวิตแปดขาตัวเท่าตัวเท่าจานข้าวนับสิบกำลังร่วมมือร่วมใจกัน สร้างบ้านลอยฟ้าอย่างขยันขันแข็ง
ความสามัคคีของเหล่าพี่น้องแปดตาทำให้เขาน้ำตาไหลด้วยความทราบซึ้งปลื้มปิติ
‘มนุษย์เอ๋ยจงดูเถิด
แม้นเดียรัจฉานยังรู้รักสมัครสมาน
ไฉนไยเล่า มนุษย์เอ๋ยจักแก่งแย่งช่วงชิงกันมิจบส้ิน
ฆ่าได้กระทั่งพี่น้องร่วมอุทรมารดา
มนุษย์เอ๋ย เจ้ามิกระดากใจอายสัตว์มันฤา’
“อ้อ! เกือบลืมบอกไป ค่าอุปกรณ์ หนังสือ อาหารและพยาบาลไม่รวมอยู่ในทุนนะจ๊ะ กู๊ดดดบาย~!!”
บุตรคนที่หกกระชากคอเสื้อครูใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ชิบหายก่อนที่นางจะทันใช้เวทหายตัวหนี
เขาใช้สัญชาตญาณมนุษย์วานรยกนางเหนือข้ึนเหนือหัวก่อนทุ่มตัวนางผ่านบานหน้าต่างกว้าง
“ชิ!”
บุตรบารอนเดาะลิ้นอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าครูใหญ่สติไม่สมประกอบสามารถหายตัวหนีไปได้ทันก่อนที่สมองของนางจะมีโอกาสได้ไหลติดเป็นเนื้อเดียวกับพื้นหินขัดเงาด้านล่างหอคอย
คาดว่าชีวิตวัยเรียนของเขาคงหนีไม่พ้นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ