กลลวงกระตุกหัวใจ ให้หลงรัก

7.0

เขียนโดย Dinสอสี

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.22 น.

  4 บท
  1 วิจารณ์
  5,951 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) นายชื่อ โนเนม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         * หมายเหตุ หากมีคำผิดขออภัยเดี๋ยวมาแก้ให้ทีหลังนะคะเดาๆกันไปก่อน555+ ดึกแล้วตามันลายค่ะ
    
4 ชั่วโมงต่อมา
                    ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นและกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงแดดที่ส่องมากระทบตาของฉัน บริเวณรอบๆห้องมันเต็มไปด้วยสีขาวและคงเดาไม่ยากว่าฉันกำลังนอนอยู่ที่ไหน คงไม่พ้นโรงพยาบาลเพราะล่าสุดก่อนที่ฉันจะหมดสติฉันจำได้ว่าฉันกำลังจะเช่าห้องนอน แต่ดันถูกรถของใครสักคนชนสะก่อน และดูท่าเขาคนนั้นก็คงจะเป็นคนที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล
                    "โอ๊ะ! นายฟื้นแล้วนี่" เสียงทุ้มๆของใครคนหนึ่งเอ่ยก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน และพอฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดๆมันก็ทำให้ฉันนิ่งค้างไปชั่วขณะ ใบหน้าเรียวสวยผิวเนียนไร้รอยสิว ทรงผมซอยสไลด์สั้นกว่าทรงฉันและดูเซอร์กว่า เส้นผมของเขามันเป็นสีบลอนออกเหลืองๆผสมน้ำตาลอ่อนดูเหมาะกับผิวสีแทนที่ไม่ได้แทนจ๋า คนส่วนใหญ่ชอบเรียกผิวแบบนี้ว่าผิวสีน้ำผึ้ง และพอเขาทำผมสีนี้มันยิ่งขับให้ผิวของเขาดูเด่นมีเสน่ห์มากๆ คิ้วสีน้ำตาลเข้มโก่งได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันจนหน้าอิจฉา นัยตาสีนิลคมดุจเหยี่ยวดูเย้ายวนชวนหลงไหลแต่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ไหนจะริมฝีปากสีแดงคล้ำๆตามฉบับผู้ชายมันยิ่งเพิ่มพูนให้เขาดูน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก นี่ยังไม่รวมไปถึงส่วนสูงและสัดส่วนที่แค่คาดคะเนจากสายตายังบอกได้เลยวาเพอร์เฟ็ก ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า180เซนติเมตรแน่นอน รูปร่างบอกได้เลยว่าฟิตแน่น ดูดี นี่ขนาดใส่เสื้อยังดูออก โอ้โห! คุณพระ!! ใครกันช่างสรรสร้างรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนี้ขึ้นมาทำไมมันถึงได้ดูลงตัว ดูโอเค ดูเป๊ะแบบนี้!?
                    "นายเป็นไงบ้าง?" นาย? ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินสรรพนามที่เขาใช้เรียกฉัน นาย... ถ้างั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้ไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงงั้นสินะ
                    "เฮ้ย! ฉันถามไม่ได้ยินรึไงกัน? หรือว่านายหูหนวกไปแล้ว?" 
                    "เอ่อ... ได้ยิน" ฉันเปล่งเสียงออกไปด้วยความยากลำบาก ตอนนี้ลำคอของฉันแห้งผากไปหมด
                    "ได้ยินแล้วนายก็ควรตอบฉันสิ จะเงีบบทำไม" 
                    "คือ... ผมหิวน้ำ" ฉันตัดสินใจบอกสิ่งที่ต้องการออกไป จริงๆฉันไม่ได้อยากจะโกหกเรื่องเพศหรอกนะแต่ในเมื่อเขาเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ชายมันก็ดีเหมือนกัน
                    "รอแปป" เขาเดินไปรินน้ำที่โต๊ะแล้วถือแก้วน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน ฉันรับมาแล้วค่อยๆจิบน้ำกินที่ละนิดช้าๆเพราะกลัวว่ามันจะสำลัก
                    "ว่าแต่นายเนี่ย เป็นผู้ชายแน่หรอ?"
                    "แค่กๆ" จะดื่มเร็วหรือดื่มช้าสุดท้ายฉันก็สำลักอยู่ดี นั่นก็เพราะคำถามของเขานี่แหละ
                    "นายเป็นไรมากมั้ย นี่แค่กินน้ำนายยังสำลักเลย นายเนี่ยเป็นผู้ชายที่ดูบอกบางอ่อนแอมากจริงๆ" เหมือนจะไม่เจ็บแต่มันก็เจ็บ ฉันรู้สึกเหมือนว่าโดนเขาจิกกัดทางอ้อม
                     "ถ้างั้นทำไมคุณถึงได้คิดว่าผมไม่ใช่ผูู้ชายล่ะครับ" ฉันลองหยั่งเชิงถามดูเพื่อที่ฉันจะได้รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป ในตอนนี้สมองของฉันมันมีแผนการหนึ่งผุดขึ้นมาแต่มันยังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะทำตามแผนดีมั้ย
                      "นายน่ะหน้าหวาน ขนตาก็ย๊าวยาว ตาก็โต แถมผิวยังเป็นสีขาวอมชมพูอย่างกับลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แก้มนายมันก็ดูพองๆป่องๆ ปากนิดจมูกหน่อย ถึงฉันจะเคยเห็นผู้ชายหน้าตาน่ารักมาเยอะก็จริง แต่ฉันก็ต้องยอมรับเลยว่านายเนี่ยเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันคิดว่าไม่ใช่ผู้ชาย" ก็ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆนั่นแหละ จริงไก็แอบดีใจอยู่หรอกที่เขาวิจารณ์หน้าตาของฉันไปในทางบวกอ่ะนะ แต่พอลองฟังดีๆแล้วผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนพูดซื่อๆตรงๆดี หรือว่าฉันควรจะยกเลิกแผนการดี
                       "แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงล่ะครับ" นี่แหละที่สงสัย 
                        "เพราะฉันน่ะ ผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนที่หน้าอกแบนราบเรียบฝาแฝดไม้กระดานแบบนี้มากก่อน มันแบนเกินกว่าจะเป็นผู้หญิงได้ ฉันเลยคิดว่านายน่าจะเป็นผู้ชาย" ฉันพันผ้าอยู่ต่างหากล่ะ ของจริงไม่แบนนะบอกเลย
                        "นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณวัดเพศของผมด้วยขนาดของหน้าอก?" ฉันชี้ไปที่หน้าอกของตัวเองซึ่งตอนนี้มันก็แบนราบอย่างที่เขาบอกจริงๆ
                         "ก็นะ มันก็ใช่แหละ ปกติฉันก็ทำแบบนี้" โอ้! แบบนี้ก็ได้หรอ แถมยังตอบได้แบบหน้าตายด้วย เชื่อเขาเลยจริงๆ ฉันตัดสินใจละว่าฉันจะทำตามแผนที่เพิ่งคิดออกเมื่อกี้ ผู้ชายคนนี้ดูพูดจาซื่อๆตรงๆก็จริงแต่เมื่อกี้รู้สึกหมันไส้ขึ้นมา อีกทั้งเขาเองก็เป็นคนขับรถชนฉัน ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะฉันเดินไให้รถเขาชนด้วยก็เถอะ ยังไงสะฉันก็จะขอใช้โอกาสนี้เพืื่อขอใช้เขาเป็นหลุมหลบภัยงานแต่งไปสักระยะแล้วกัน โอเคเริ่มแผนได้!
                         "คุณคิดถูกแล้วล่ะ ผมน่ะเป็นผู้ชายนั่นคือสิ่งเดียวที่ผมรู้ในตอนนี้" ฉันแสร้งตีหน้าเศร้าก้มมองมือของตัวเองอย่างปลงๆและสิ้นหวัง
                         "หมายความว่ายังไง? แล้วอย่างอื่นล่ะ เช่นครอบครัว คนรู้จัก?" หึ!หลงกลฉันแล้วล่ะพ่อหนุ่มเชื่อคนง่าย คุณติดกับดักของฉันแล้ว แผนขั้นต่อไป!
                         "คือ... เรื่องนั้นผมไม่รู้ครับ ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้เลย" 
                         "ห๊ะ!! แล้วชื่อของนายล่ะพอจำได้มั้ย?" เขาดูร้อนรนเมื่อได้ฟังสิ่งที่ฉํนพูด ยังหรอกมันยัไม่จบนี่แผนเพิ่งจะเริ่มเอง
                         "ผม... จำชื่อตัวเองไม่ได้ ตแนแรกผมคิดว่าคุณ... จะรู้จักผม" ฉันพยายามเว้นช่วงการพูดและเล่นเสียงหนักเบาผสมสั่นเครือเพื่อสื่ออารมณ์ให้เขารับรู้ว่าฉันกำลังสิ้นหวังหดหู่ใจเป็็นที่สุด ต้องขอบคุณพ่อที่บังคับให้ฉันไปเรียนพิเศษด้านศิลปะการแสดง ในตอนนี้ฉันได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแล้ว
                         "ฉันไม่รู้จักนาย ฉันเป็นคนที่ขับรถชนนาย"
                         "ผมถูกรถชน แล้วคุณก็เป็นคนชนผม ถ้างั้น... คุณชนผมทำไมล่ะครับ?" ฉันเอียงคอนิดๆขมวดคิ้มหน่อยๆด้วยสายตาสงสัย เพื่อความเเนบเนียน
                         "โอ๊ย!! ปวดหัว! นี่ฉันชนคนความจำเสื่อมหรอ บ้าชิบ! หมออยู่ไหนว่ะ!?" เขาสบถอย่างหัวเสีย และเดินออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิดและเขาคงรีบมากจนทำให้ลืมไปว่าจริงๆบนหัวเตียงของฉันมันมีปุ่มกดเรียกหมอเรียกพยาบาลอยู่ 
                          แต่ไม่นานนักหลังจากที่เขาออกไป ดวงตาของฉันก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญและฉันลืมมันไป เวรแล้ว! โรงพยาบาลมีหมอแสดงว่าหมอก็ต้องมีผลตรวจ แบบนี้ทั้งเรื่องเพศที่ฉันโกหกเขาก็จบเห่พอดี ไหนจะเรื่องความจำอีก ฉันอุตส่าคิดว่าจะขออาศัยบ้านของเขาเป็นบ้านเช่าค้างชำระไปสัก4เดือนอะไรแบบนี้ ฉันมีเงินติดตัวมาแค่5000 แล้วตอนนี้ก็บาดเจ็บหางานทำไม่ได้ ฉันเลยคิดว่าควรจะประหยัดเงินที่มีอยู่ไม่มากนี้ไว้ โดยการอาศัยบ้านเขาเป็นที่พักมันจะได้ประหยัดใช้จ่ายไปด้วยส่วนหนึ่ง เอาไว้ถ้าฉันกลับบ้านได้เมื่อไหร่ฉันจะเอาเงินค่าเช่าบ้านมาให้เขา ฉันคิดไว้แบบนั้น แต่ตอนี้ทุกอย่างกำลังจะพังเพราะไอ้ความคิดไม่รอบคอบของฉัน นี่ถ้าเกิดความแตกแล้วเขาจับได้ขึ้นมามีหวังเขาแจ้งความจับฉันข้อหาหลอกลวงได้เลยนะ โอ๊ยยย!ยัยลูกโซ่! ทำไมแกไม่คิดให้ดีกว่านี้ว๊าาา หรือว่า!! ฉันควรจะหนีดี ใช่ถ้าหนีตอนนี้ล่ะก็ฉันอาจจะรอด
                          แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจฉันได้แค่คิดยังไม่ทันจะได้ขยับเขยื่อนหรือเคลื่อนร่างกายไปไหน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นผู้ชายคนที่ขับรถชนฉันเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายใส่เสื้อกาวด์สีขาวสะอาดตา ฉันนิ่งค้างสตั้นไป10วิ เมื่อหมอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาเป็นหมอที่หล่อคมน่าหลงไหล ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉันตะลึงนั้นไม่ใช่แค่หน้าตาแต่หากหมอคนนี้เป็นคนที่ฉันรู้จักและสนิท เขาเป็นคนที่ครอบครัวของฉันคุ้นชินเป็นอย่างดี เขาชื่อเตชิน และฉันชอบเรียกว่าพี่หมอ เห็นสองเดือนก่อนพี่หมอบอกว่าะย้ายที่ทำงานไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่ เหลือเชื่อแต่แบบนี้ฉันก็รอดตัวแล้วล่ะนะ
                         "คุณเวย์กัสบอกหมอว่า เราจำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ?" พี่หมอยกยิ้มมุมปากและนั่นทำให้ฉันรู้ว่าพี่หมอทราบเรื่องที่ฉันแกล้งความจำเสื่อม ก็เขาเป็นหมอนี่นะ แถมเก่งเรื่องจับผิดด้วย ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นพี่หมอนี่แหละที่รักษาฉันตอนเกิดเหตุ 
                         "ครับหมอ พอผมฟื้นขึ้นมาผมก็จำอะไรไม่ได้เลย" ฉันมองหน้าพี่หมอแล้วตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป
                         "นี่เป็นผู้ชายด้วยหรอ?"
                         "อ้าวหมอ! พูดงี้ได้ไง ผมเนี่ยแมนเต็มร้อยนะบอกเลย!" ฉันโวยพลางถลึงตาใส่ไอ้พี่หมอขี้แกล้ง รู้ทั้งรู้ว่าฉันโกหกยังจะมาก่อกวนกันอีก
                          "ฮะๆโอเค ถ้างั้นเดี๋ยวหมอขอเชิญคุณเวย์กัสไปรอด้านนอกสักครู่นะครับ"พี่เวย์กัสหันไปบอกผู้ชายที่ขับรถชนฉันด้วยรอยยิ้ม
                          "รอด้านในได้มั้ยหมอ?"
                          "ไม่ได้ครับ พอดีหมอต้องตรวจคนไข้เป็นการส่วนตัวเพื่อเช็คอาการให้แน่นอน" 
                          "ครับ งั้นผมรอด้านนอกก็ได้" เขาคนนั้นเดินออกจากห้องไปตอนนี้ภายในห้องเหลือแค่ฉันกับพี่หมอที่กำลังจ้องตากันนิ่งๆ ฉันก็สงสัยอยู่แล้วล่ะว่าทำไมผ้าพันหน้าอกของฉันถึงถูกเปลี่ยนแถมยังพันไว้ให้เหมือนเดิมอีก อีกทั้งเรื่องเพศก็ด้วยพี่หมอคงไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับฉันให้คนๆนั้นได้รู้เขาถึงได้คิดว่าฉันเป็นผู้ชาย
                          "ขอบคุณพี่หมอมากเรื่องผ้าพัน แล้วก็เรื่องข้อมูลส่วนตัว"
                          "ไม่เป็นไร พี่คิดว่าเราน่าจะมีเหตุผลถึงได้พันผ้าที่หน้าอก ตัดผมสั้น แล้วก็มาเดินให้รถชนหัวแตกแถวนี้ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมเราถึงมาอยู่แถวนี้ได้" พีี่หมอมองฉันด้วยสายตาจริงจัง
                          "ไม่เล่าได้มั้ยอ่ะ"
                          "เล่ามา" ฉันถอนหายใจยาวๆเมื่อเจอสายตาดุแกมบังคับของพี่หมอ ไม่อยากเล่าก็ต้องเล่า มาถึงจุดนี้แล้วนี่ ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องให้พี่หมอช่วยด้วย ฉันตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พี่หมอฟังเกี่ยวกับสาเหตุที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่
                           "สรุปคือไม่อยากแต่งงานเลยหนีออกจากบ้าน"
                           "อือ" ฉันพยักหน้ารับคำ
                           "แล้วไปบอกเขาว่าเป็นผู้ชาย แถมความจำเสื่อม คิดจะทำอะไรของเธอกันเเน่ลูกโซ่" 
                           "ลูกโซ่คิดว่าจะขอยืมบ้านเขาเป็นที่พักก่อน ไว้กลับบ้านเมื่อไหร่จะเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าให้เขา ส่วนเรื่องปลอมเป็นผู้ชายเนี่ยก็เพราะมันน่าจะดูปลอดภัยกว่าไปแบบผู้หญิงไง" นี่และคือเหตุผลที่ฉันเลือกโกหกเรื่องเพศไปด้วย เนื่องจากตอนที่ฉันคุยกับเขา เขาเองยังบอกเลยว่าเขาผ่านผู้หญิงมาเยอะ ถึงหน้าคำพูดเขาจะดูซื่อๆทั่วไปไม่มีอะไรมาก แต่ไปในฐานะของผู้ชายมันก็ดูโอเคกว่า 
                           "แล้วรู้จักเขารึไง" พี่หมอยังคงมองหน้าฉันด้วยสายตาดุๆ เหมือนฉันกำลังโดนพี่หมอตำหนิว่าทำอะไรไม่คิดอีกแล้วนะลูกโซ่ ถึงพี่หมอไม่พูดฉันก็สัมผัสได้
                            "ก็เพราะไม่รู้จักเขาไงถึงได้ทำแบบนี้ พี่หมอก็รู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง เอาเป็นว่าพี่หมอช่วยบอกเขาทีว่าลูกโซ่ความจำเสื่อม"
                            "พี่เป็นหมอนะ"
                            "เออก็เพราะพี่เป็นหมอเนี่ยแหละถึงได้ให้ช่วย นะๆถือสะว่าช่วยน้องสาวตาดำๆ"ฉันเขย่าแขนพี่หมอด้วยสายตาอ้อนวอน
                            "ให้พี่ช่วยเราแทนเขาไม่ดีกว่าหรอ"
                            "ไม่ได้ๆทำแบบนั้นถ้าพ่อรู้พี่เดือดร้อนแน่ พี่รู้เรื่องนี้ดีนี่ พ่อน่ะเป็นนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีอิทธิพล เพราะงั้นถึงได้เลือกเขาคนนั้น เพราะเขาไม่ใช่คนรู้จักพ่อไม่มีทางเล่นงานคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นถ้าพี่อยากจะช่วยลูกโซ่จริงๆ แค่ช่วยบอกเขาคนนั้นทีว่าลูกโซ่ความจำเสื่อมแค่นั้นก็พอ" 
                            "เฮ้อ! โอเคๆก็ได้"
                            "ขอบคุณมากนะคะพี่หมอ" ฉันฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่พี่หมอยอมตกลง
                            "ระวังตัวด้วยล่ะ ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย"
                            "หมอลืมไปแล้วหรอครับ ว่าผมก็เป็นผู้ชาย"ฉันแอ๊บเสียงให้แมนขึ้นอีกนิดจนพี่หมอยิ้มอย่างขำๆ แล้วเดินออกไปนอกห้องไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเขาคนที่ขับรถชนฉัน                         
                            "จากที่หมอได้ตรวจดู อาการแบบนี้มีผลมาจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนจึงทำให้เกิดอาการความจำเสื่อม แต่ไม่ต้องกังวลครับเดี๋ยวอีกสักระยะความจำก็จะกลับคืนมา" พี่หมออธิบายด้วยสีหน้าจริงจังดูมีหลักการฉันเลือกคนช่วยไม่ผิดจริงๆ
                            "แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับหมอ?" แจ็กพ็อต ถามแบบนี้ก็เข้าทางสิครับ
                            "หมอแนะนำให้คุณรับเด็กคนนี้ไปดูและสักระยะจนกว่าความจำของเขาจะกลับมา เพราะทางหมอและคุณก็ไม่มีอะไรที่สามารถตามตัวญาติหรือคนรู้จักของเด็กคนนี้ จะปล่อยให้เด็กความจำเสื่อมใช้ชีวิตด้วยตัวคุณเดียวมันก็ดูโหดร้ายไปหน่อยคุณคิดว่าไง" พี่หมอพยายามช่วยฉันอย่างเต็มที่ จนอีกคนครุ่นคิดอย่างหนัก
                             "เอางั้นก็ได้หมอ ยังผมก็เป็นคนชน ต้องรับผิดชอบด้วยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาผมชำระได้เลยรึเปล่า"
                             "หมอรักษาให้ฟรีครับ"
                             "ฟรี?" เขามีสีหน้ามึนงงเมื่อได้ฟังคำพูดของพี่หมอ
                             "ครับฟรี สำหรับคนเจ็บคนนี้หมอรักษาให้ฟรีเป็นกรณีพิเศษเนื่องในโอกาสอย่างช่วยเหลือเด็กน่ะครับ" พี่หมอหันมาส่งยิ้มกวนๆให้ฉัน แหมพี่หมอพี่ทีเอาใหญ่เลยนะ
                              "หมอนี่เป็นคนดีเนอะ มีโปรโมชั่นแบบนี้ด้วย"
                              "นานๆทีมีครั้งก็ดีครับ ยังไงหมอคงต้องให้เด็กคนนี้พักฟื้นดูอาการอีกสักคืน พรุ่งนี้คุณค่อยพาไปนะครับ หมอธุระแล้วเดี๋ยวหมอขอตัวไปตรวจคนไข้คนอื่นก่อน"
                              "ขอบคุณครับหมอ"
                              "ครับ" พี่หมอตอบรับยิ้มๆแล้วเดินไปที่ประตูห้องแต่ก่อนไปก็มิวายขยิบตาให้ฉันทีนึงประมาณมว่า พี่ช่วยเราตามที่ขอแล้วนะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้เลยเหลือแค่ฉันกับเขาที่ชนฉันแค่สองคน ตอนนี้เขาดูใจเย็นลงแล้ว
                               "หมอคนนี้ดูแปลกๆนะ"
                               "ระ... หรอครับ" ฉันตอบแล้วยิ้มแห้งๆ จะว่าไปคนๆนี้มีเซนส์ในการจับผิดคนอยู่พอตัวเลยล่ะ เพราะเขาดูขี้สงสัยและช่างสังเกตุ และสิ่งที่เขาสงสัยมันก็มักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆอย่างเรื่องเพศของฉัน หรือเรื่องหมอที่จริงๆแล้วเ ็ความู้จัริงเขัาดูเป็นคนฉลาดจับผิดเก่งแต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ดูเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน ชอบคิดอะไรง่ายๆและดูไม่ค่อยคิดแบบจริงจังมันเลยทำให้ถึงแม้เขาจะสงสัยแต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามและเชื่ออะไรที่มันดูง่ายๆไม่ต้องคิดเยอะ อีกอย่างที่ฉันรู้คือ ผู้ชายคนนี้เป็คนที่เชื่อในความรู้สึกของตัวเองและแน่วแน่ในความคิดของตัวเองด้วยเช่นกันสังเกตุได้จากการที่เขาคิดว่าฉันเป็นผู้ชายทั้งๆที่ฉันเองก็มีบางอย่างที่บอกอยู่แล้วว่าเป็นผู้หญิง เช่นเสียง หน้าตา หรืออื่นๆ แต่เพราะความรู้สึกแรกของผู้ชายคนนี้คิดว่าฉันเป็นผู้ชายไงเขาเลยเชื่อแบบนั้น แต่นั่นก็ดีแล้วฉันยังต้องพึึ่งเขาอีกเยอะ
                                "เมื่อกี้ฉันขอโทษนะ หงุดหงิดใส่นายเรื่องมันเกิดไวและเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้น่ะ ฉันชื่อเวย์กัสนะ เรียกพี่เวย์ก็ได้ ดูจากหน้าแล้วนายคงอายุน้อยกว่าฉัน"
                                 "แล้วคุณ... เอ่อ พี่เวย์อายุเท่าไหร่ " ฉันพยายามทำความคุ้นชินกับคำสรรพนามที่ใช้เรียกเขายังไงฉันก็ยังต้องอยู่กับเขาคนนี้ไปสักระยะ
                                 "อายุ22 เรียนคณะบริหาร แล้วนายล่ะ"
                                 "ผม..."
                                 "จริงสิฉันลืมไปว่าายความจำเสื่อม" เออลืมเหมือนกันว่าตัวเองความจำเสื่อมอยู่ ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ฉันเกือบเผลอหลุกปากออกแล้วว่าฉันดรอปเรียนไว้อยู่ ต่อไปฉันต้องระวังให้มากขึ้น ฉันยังไม่อยากให้ความเเตกเร็วๆนี้หรอกนะ
                                 "ถ้างั้นนายก็คงจำชื่อตัวเองไม่ได้ อืม... นายอยากชื่ออะไรล่ะ"
                                 "ผมว่าเรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ครับ เดี๋ยวพอความจำผมกลับมาผมก็ลืมอยู่ดี"           
                                 "นายลืมแต่ว่าฉันไม่ได้ลืมนี่ ฉันคิดออกละงั้นนายชื่อ โนเนมละกัน ตกลงมั้ย?" นี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะฟังความเห็นฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันเลยได้แต่พยักหน้าเออออไปตามน้ำ
                                  "โอ๊ะ! ฉัลืมไปว่าวันนี้มีเรียนบ่าย ฉันไปก่อนนะเนมเดี๋ยวไปสาย ไว้ตอนเย็นเดี๋ยวฉันมาหา" เขาวางมือบนหัวของฉันเบาๆ  เขาดูใจดีกว่่าที่ฉันคิดทำเอาแอบรู้สึกผิดเลยที่โกหกเขา
                                  "ขอโทษนะครับพี่เวย์" 
                                  "ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันเดือดร้อนนายไม่ต้องคิดมาก ฉันเองก็ผิดเองที่ประมาท ไม่ต้องกังวล ฉันไปล่ะ ไว้เจอกัน " เขาส่งยิ้มให้ฉันแล้วเดินออกไป ฉันมองตามแผ่นหละงของเขาด้วยความรู้สึกผิดในใจ
                                  ขอโทษนะคะพี่เวย์ที่โกหกพี่ แต่ว่าฉันจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดเอาไว้กลับบ้านได้เมื่อไหร่จะรีบเอาค่าเช่าบ้านมาให้ ถึงพี่จะไม่รูั้เรื่องนี้ก็เถอะ แต่ฉันจะกลับมาตอบแทนพี่ทีหลังแน่นอนค่ะ ฉันสัญญา
 
  
( อัพดึกมากกกเพราะพิมแล้วรอบนึงแต่เน็ตล่มตอนอัพนิยายหายหมดไรท์นี่เซ็ง ยังไงถ้าใครอยากอ่านไวๆกว่าเดิมอีกนิด แวะไปอ่านในเพจไรทฺ์ได้นะ นิยายรักใสๆ มือใหม่หัดแต่ง เป็นเพจในเฟสของไรท์เองค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เขามาอ่าน ไว่เจอกันตอนหน้าเน้อ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา