THE HIDDEN SCENE

-

เขียนโดย Pukkie

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.50 น.

  8 chapter
  0 วิจารณ์
  9,022 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) Evidences

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     “ฉันว่าเธอคงใกล้จะบ้าแล้วล่ะ”

“อะไรยะ”

“เธอดูเหนื่อยมากเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่กลับนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนสาวน้อยถูกชวนไปออกเดตครั้งแรกงั้นแหละ"

“ฉันเปล่า” ฉันขว้างเศษกระดาษใส่หัวเมดิสัน

“เปล่าก็เปล่าสิ จะขึ้นเสียงทำไม” เธอมองอย่างเค้นเอาความจริง “เธอได้ควงหนุ่มฮอตคนไหนงั้นเหรอ”

“เลิกคิดเรื่องผู้ชายสักทีเถอะยัยบ้า” ฉันทำท่าจะขว้างหมอนแต่ก็ต้องสะดุด ฉันจะไปว่าแม้ดได้ไงในเมื่อตัวเองก็กำลังคิดเรื่องผู้ชายอยู่ แถมยังเป็นผู้ชายที่โลภมากและมีความอยากมหาศาลจนทำเอาฉันไม่ได้หลับได้นอนอีกต่างหาก

“ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายแล้วเรื่องอะไร เมื่อคืนได้ทิปเยอะหรือไง”

“ฉันแค่คิดว่าจะดีแค่ไหนถ้าเราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ฉันคิดถึงที่นี่นะแม้ด คิดถึงตอนที่เราเล่นซ่อนหากับจอร์ช” ฉันตอบเบี่ยงประเด็น

เมดิสันอมยิ้ม “จอร์ชไม่เคยหาฉันเจอเลย เขาเจอเธอก่อนตลอด ไม่รู้ว่าฉันซ่อนเก่งหรือเธอไม่เอาไหนกันแน่” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะชอบใจ

แหงล่ะ ในขณะที่ฉันทำตัวสงบเสงี่ยมในคฤหาสน์เพราะรู้ตัวว่าเป็นใคร เมดิสันกลับเอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวายและเล่นซนจนแมรี่แอน แม่ของเธอบ่นอยู่บ่อยๆว่ามีฉันเป็นลูกยังดีซะกว่า

“แม่รักเธอมากนะเชล ฉันรู้ว่าแม่คิดถึงเธอและเบทเสมอ” เมดิสันเอื้อมมือมากุมมือฉัน ฉันรู้ความจริงที่น่าอบอุ่นใจของครอบครัวเกรแฮมดี นอกจากจะคอยปกป้องฉันกับแม่จากพวกเดวิยงและออร์ซินีแล้ว แมรี่แอนยังเป็นเพื่อนกับเอลิซาเบท...แม่ของฉัน ตอนที่น้องสาวของเมดิสันเกิด เธอถึงกับตั้งชื่อลูกสาวตัวเองตามชื่อเพื่อนที่เป็นแค่คนรับใช้ด้วย ทุกคนในบ้านหลังนี้มักจะพูดเสมอว่าแม่เป็นที่ปรึกษา เป็นคนคอยดูแลแมรี่แอนมาตั้งแต่วัยรุ่น พวกเธอสนิทกันมากจนไม่มีใครกล้าคิดว่าแม่ของฉันเป็นแค่คนรับใช้จนๆคนหนึ่ง

“สักวันฉันหวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียที” ฉันถอนหายใจ

“บ้านหลังนี้ยังรอเธออยู่เหมือนเดิม”

“โอ๊ย บทซึ้งแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย”

“แล้วมันเหมาะกับใคร เวอร์จิลเหรอ หมอนั่นร้ายกาจจะตาย” เธอเงียบไปนิดนึงก่อนจะถาม“ทำไมเธอถึงหายไปแค่ปีเดียว”

ฉันมองเมดิสันงงๆ “เธออยากให้ฉันไปนานกว่านี้เหรอ”

“เปล่า แต่ครั้งแรกแม่พาเธอไปตอนสิบขวบ ผ่านไปตั้งหกปีที่เธอทิ้งฉันให้เป็นคนไม่มีเพื่อนเธอถึงจะกลับมา แต่ครั้งนี้เธอไปแค่ปีเดียวเอง”

“แล้วมันไม่ดีหรือไง” ฉันถามเสียงสูง

“ดี แต่มันมีอะไรแอบแฝง” เมดิสันหยุดไปอีก “เรารู้จักกันและกันดีนะเชล ฉันเห็นเธอตั้งแต่ยังเด็ก ไม่สิ ตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ฉันจะโง่แค่ไหนแต่ฉันก็ยังพอจะอ่านใจเธอได้อยู่นะ”

“ฉันอยากทำอะไรบางอย่าง”

“อะไรล่ะ”

“ฉันอยากรู้ว่าใครพยายามจะฆ่าฌากส์แล้วป้ายความผิดให้ฉัน”

“แล้วเธอจะสืบยังไง”

“ฉันจะเริ่มใหม่ทั้งหมด เธอลองคิดดูนะ ในวันเกิดเหตุฉันอยู่กับฌากส์ตั้งแต่หนึ่งทุ่มครึ่ง เป็นเวลาค่ำที่ไม่สมควรจะมีแขกมาเยี่ยมบ้านอีกต่อไป ซึ่งนั่นก็อาจหมายความได้ว่าฆาตกรต้องเป็นคนคุ้นเคยที่เข้าออกคฤหาสน์เดวิยงได้โดยไม่ต้องเกรงใจพวกเขา”

“ตัดพวกที่มาคุยธุรกิจออกไปได้เลย”

“ถูก เพราะเดวิยงไม่คุยธุรกิจหลังอาหารค่ำและถ้าใครมาเวลานั้นถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจริงๆถือว่าเป็นการเสียมารยาทมาก”

“ถ้างั้นก็ต้องเพ่งเล็งไปที่คนใน”

“อาฮะ” ฉันหมุนแหวนเล่นเป็นเชิงครุ่นคิด

“รู้มั้ย ฉันพยายามส่งคนไปสืบเรื่องนี้หลายครั้งหลังจากเธอไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่ว่าจะเอาคนที่มีฝีมือขนาดไหนก็ถูกขัดขวางจากมือมืดอยู่ตลอด”

“แสดงว่ามีคนอยู่เบื้องหลังน่ะสิ” ฉันเผลอขยับยิ้มชั่วร้ายแบบที่เคยห้ามตัวเองอยู่บ่อยครั้งเพราะมันดูเป็นนางร้ายมากกว่านางเอก แต่มันอดไม่ได้จริงๆนะ เวลาเจอเรื่องชั่วช้าที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังฉันจะต้องยิ้มเย้ยโลกแบบนี้ทุกครั้งไป

“อือ แต่เธอเคยบอกฉันว่าฌากส์รู้ว่าใครทำนี่”

“ใช่ แต่เขาไม่ยอมบอก”

“นั่นยิ่งแสดงว่าคนทำเกี่ยวข้องกับเราอย่างมาก เป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมพอที่จะทำให้ฌากส์ออกโรงปกป้อง”

“โดยไม่แคร์ฉัน” เจ็บใจแฮะ ทั้งที่เราสองคนสนิทกันมากแท้ๆ ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยด้วยว่าเรารักกันจริงๆแต่เขากลับยังยืนยันที่จะปกป้องคนๆนั้นอยู่ดี

“เขาถูกผลักลงไปในสระตอนไหนนะ เล่าให้ฉันฟังใหม่ซิ”

“คือฉันไม่แน่ใจนะ แต่ยังไงก็ก่อนสองทุ่มสิบห้าอยู่ดี เพราะยัยเอมิลี่มาเห็นเขากำลังจมลงไปก้นสระตอนนั้น”

“แล้วเธอออกไปรับโทรศัพท์ของเวอร์จิลตอนไหน”

“ตอนสองทุ่มนิดๆมั้ง ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ดูนาฬิกา”

เมดิสันพลิกตัวนอนตะแคง เอาศีรษะหนุนแขนไว้ “ถ้าเธอตอบแบบนี้ในศาล พวกลูกขุนจะตัดสินให้เธอเป็นคนผิด รู้มั้ย”

“เธอจะบอกว่าฉันเข้าข่ายเป็นฆาตกรเหมือนที่คนพวกนั้นกล่าวหาหรือไง” ฉันยิ้มนิดๆ “ก็ฉันไม่รู้จริงๆ”

“เอาเถอะๆ แล้วพวกตำรวจบอกว่าไงตอนหาหลักฐาน”

“บอกว่าฌากส์ถูกผลักหรือขัดขาหรือทั้งสองอย่าง ทำให้เสียหลักล้มหัวกระแทกพื้นก่อนจะตกลงไปในสระ”

“แปลว่าคนลงมือยิ่งเป็นคนใกล้ตัวใหญ่เลย เพราะเรื่องความอ่อนแอของฌากส์ถูกเก็บงำมาตลอด พ่อแม่ตระกูลนั้นรับความบกพร่องของลูกได้ที่ไหน”

“อือฮึ” ฉันพยักหน้ารับ “อีกอย่างนะ คฤหาสน์นั่นมีกล้องอยู่ทั่วไปหมดแหละ แต่น่าแปลกมากที่จับภาพผู้ต้องสงสัยไม่ได้เลย”

“ตรงไหนในคฤหาสน์บ้างที่ไม่มีกล้อง”

“ก็ตรงสระไง”

“อะไรอีก” เมดิสันเอียงคออย่างสนใจ

“สวนหลังบ้าน มันค่อนข้างสงบและรกนิดๆ แล้วก็ตามหน้าห้องที่มีคนพักอยู่เพราะพวกเขารักความเป็นส่วนตัว ส่วนตามทางเดินและทุกมุมทางเลี้ยวจะมีกล้องติดเอาไว้หมด”

“แม้แต่ทางเดินไปด้านหลังงั้นเหรอ”

“เอ่อ ตรงนั้นไม่มีนะ” ฉันหลับตานึก เห็นภาพทางอันคดเคี้ยวและเก่าแก่ของสิ่งก่อสร้างใหญ่โตนั้นได้เป็นอย่างดี “กล้องตรงนั้นเสียมานานแล้วและไม่มีใครใส่ใจ พวกเขาคิดว่าทางเดินด้านหลังที่เชื่อมต่อไปยังสระและสวนไม่ค่อยมีใครไปมากนักเลยไม่อยากจะซ่อมให้เปลืองเงิน”

“นั่นแหละ และคนลงมือก็รู้ในข้อนี้ด้วย มันใช้ความชะล่าใจของเดวิยงเล่นงานฌากส์” เธอดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปหยิบสมุดปกแข็งปักคริสตัลกับกลิตเตอร์มาถือไว้

“ฉันว่าเรามาลิสต์รายชื่อคนในคฤหาสน์ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไว้เลยดีกว่า”

“แต่เธอต้องไม่ลืมนะว่าคฤหาสน์เก่าแก่นั่นใช้คนงานกว่าสามสิบคนในการดูแลบ้าน ทั้งคนสวน คนขับรถ คนงานทั่วไป แม่บ้าน แม่ครัวและ โอย ยุ่บยับไปหมด”

“แต่มันก็ต้องมีสักคนที่เป็นฆาตกรใจโหด ใช่ไหมล่ะ” แล้วเธอก็ยิ้มชั่วร้ายออกมาเหมือนที่ฉันทำ เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเมดิสันเจือความท้าทายปนซุกซนเอาไว้มากกว่า “แต่เธอแน่ใจนะว่าที่ยอมกลับมามันมีแค่เหตุผลนั้นเหตุผลเดียว”

“หมายความว่าไง”

“ก็” เธอยักไหล่ “แค่ถามดู”

“อืม ฉันแค่อยากรู้ว่าใครฆ่าฌากส์” และอยากแก้แค้นคนพวกนั้นด้วย

“งั้นก็ดีแล้ว” เราเงียบกันไปพักหนึ่ง เธอมองเพดานส่วนฉันจ้องมองผ้าม่านปลิวไปมาตามแรงลม ใจพาลคิดไปถึงอาร์ซี่ ฉันอยากกลับอพาร์ทเม้นท์แล้วซุกตัวบนเตียงตรงที่เขาเคยนอนแล้วลืมทุกอย่างไปให้หมด 

“แม้ด” ฉันทำลายความเงียบ

“ว่าไง”

“ถ้าเธอรักใครมากๆแต่เขาเป็นคนที่เธอต้องทำลาย เธอจะทำยังไง”

“ฉันจะไม่ทำ” เมดิสันตอบโดยไม่เสียเวลาคิด

“แล้วถ้าเธอจำเป็นต้องทำล่ะ”

“อะไรคือจำเป็น ถ้าไม่ทำแล้วพี่จอร์ชจะป่วยเป็นมะเร็งเหรอ หรือแม่ของฉันจะแก่ลงไปอีกสิบปี ถ้ามันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ฉันก็ไม่ทำหรอก การทำลายคนที่เรารักก็เท่ากับทำลายตัวเราเอง คนมีสมองที่ไหนจะอยากทำร้ายตัวเองกัน”

นี่แหละเมดิสัน ความคิดเธอไม่เคยซับซ้อน เมดิสันตัดสินทุกอย่างด้วยหัวใจบริสุทธ์แบบที่ฉันจะไม่มีวันเป็นได้

“เป็นอะไรไป”

“แค่คิดมากน่ะ”

“เรื่องเมื่อกี้น่ะนะ”

“เปล่า” ฉันโกหก “เธอว่าเสาร์นี้ฉันใส่เดรสตัวนี้ไปกับอาเธอร์ดีมั้ย”

คนถูกถามทำตาโต เธอลืมเรื่องเครียดเมื่อครู่ไปหมดแค่เพราะฉันเอ่ยเรื่องผู้ชาย “เธอมีนัดกับเขาเหรอ”

“อืม”

“หนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยน่ะเหรอ พ่อกัปตันทีมสุดหล่อนั่นน่ะนะ” ยังทำหน้าไม่เชื่อและอ้าปากค้างอยู่

“ใช่ ถ้าเธอหมายถึงอาเธอร์ เวิร์ทธิงตันล่ะก็” ฉันยักไหล่เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

“ยัยบ้าเอ๊ย ถ้าเป็นฉันล่ะก็จะไม่ใส่อะไรไปเลย!”

“แมดดี้ ยัยทุเรศ” ฉันฟาดหมอนใส่เธอไม่ยั้งและกดลงไปกับที่นอนอย่างหมั่นไส้ เพื่อนคนนี้จะหาสาระอะไรได้บ้างไหมเนี่ย

“ฮ่าๆๆๆ พูดแค่นี้ไม่เห็นต้องว่ากันเลย ฉันก็แค่พูดไปตามที่คิดนี่ยะ แหม”

“ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง น่าเกลียดตายชัก”

“จ้า จะเก็บความสวยบริสุทธิ์เอาไว้ให้ใครก็เชิญเถอะ แต่ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะขอเขาแต่งงานเลยแหละ”

“เธอชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือไง”

ใครๆก็ชอบเขา ฉันกล้าพูดเลย”

“ก็ไม่รู้สิ ฉันจะลองดูแล้วกัน” ฉันล้มตัวลงนอนข้างเมดิสัน ปัดผมออกจากใบหน้าลวกๆก่อนจะหันไปยิ้มตาหยีใส่เธอ “ถ้าฉันหักอกเขาขึ้นมา จะมีคนเกลียดฉันเพิ่มหรือเปล่านะ”

“แน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ และฉันนี่แหละจะเป็นคนแรก”

“เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนเหรอ”

“ใช่” ตอบโดยไม่คิดสักวินาทีเดียว

“เฮอะ” ฉันแกล้งสะบัดหน้า เมดิสันหัวเราะก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด 

“ฉันแค่ล้อเล่นน่า ยังไงเชลซีก็เจ๋งกว่าอาเธอร์อยู่แล้ว ช่างหัวหมอนั่นถ้าเขาไม่เอาไหน ว่าแต่ พวกเธอจะไปเที่ยวที่ไหนกัน”

“ทำไม เธอจะเอาไปอวดในวงสนทนาสิท่า” ฉันดักทางอย่างรู้ทัน

เมดิสันยิ้มเขิน “ก็นิดหน่อยน่ะ มีเพื่อนแซ่บใครจะไปอดเมาท์ได้ล่ะยะ”

“ฉันจะไปดูเขาแข่งแมทช์หน้า แต่ไม่รู้ว่านายอาเธอร์จะฉลาดพอที่จะชวนฉันไปกินข้าวหรือเดินเล่นต่อไหม”

“โอ๊ะ อย่าห่วงเลย แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาฉลาดแถมยังคุยสนุกว่าเวอร์จิลจอมโอ่กับอาร์ซี่ขี้เก๊กตั้งเยอะ”

เราระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างชอบใจจากนั้นก็ลงไปกินของหวานข้างล่าง วันนี้แมรี่แอนเอาใจฉันเป็นพิเศษและพยายามหว่านล้อมให้ฉันย้ายกลับเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์เหมือนเมดิสันเป๊ะ เธอเล่าเรื่องตลกให้เราฟังแถมยังอนุญาตให้เอารถออกไปขับเล่นและกลับบ้านหลังเคอร์ฟิวตอนเที่ยงคืนได้ด้วย

“ฉันบอกแล้วว่าแม่น่ะรักเธอจริงๆ ดูเหมือนจะรักมากกว่าฉันด้วยนะ” เมดิสันเอียงตัวมากระซิบตอนที่แม่ของเธอหันไปรับจานเค้กมาจากแม่บ้าน

“เธอก็พูดไป รีบกินเถอะน่า”

“ชิ”

ฉันตักตุ๊กตาน้ำตาลไอซิ่งของโปรดให้เมดิสันอย่างเอาใจก่อนจะยิ้มรู้ทันกับแมรี่แอนสองคน นี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆ

               ฉันกลับมาถึงห้องหลังหกโมงเล็กน้อย คิดถึงวันที่อาร์ซี่บุกมาที่นี่และทนอยู่ในสภาพโกโรโกโสได้เป็นชั่วโมงก่อนฉันจะกลับมาเจอเขา ฉันไม่แปลกใจที่เขาหากุญแจเข้ามาในห้องได้ แต่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงยังอยากจะมาเจอกันอีก ยิ่งตอนที่เขาบอกว่าคิดถึงฉันและเรามีอะไรกัน มันยิ่งเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย

“เฮ้อ ถ้าเขาไม่เป็นเดวิยงก็ดีสิ” ฉันเปิดประตูเข้าห้องนอน จ้องมองบอร์ดเชื่อมโยงความสัมพันธ์รกๆอยู่นานมาก มันมีตั้งแต่พ่อแม่ของอาร์ซี่ ตัวเขาเอง คนใช้ในบ้านสองสามคนที่ลาออกหลังเกิดเหตุไม่นาน ถัดไปก็เป็นพ่อแม่ของเมดิสัน พี่จอร์ช เมดิสันเอง(ฉันไม่อยากรวมครอบครัวนี้ในบอร์ดหรอกนะ แต่การสืบสวนต้องเป็นไปอย่างยุติธรรมน่ะ) แล้วก็คนจากออร์ซินีสองสามคนที่ร่วมกินมื้อค่ำในคืนนั้น แม้แต่เอมิลี่ แขกไม่ได้รับเชิญก็มีใบหน้าแปะอยู่ด้วยและสุดท้ายก็ตัวฉัน “ฉันพลาดอะไรไปงั้นเหรอ”

ใครบ้างที่รู้ว่าจุดไหนในบ้านไม่มีกล้อง ใครที่รู้จักฌากส์ดีและใครสำคัญกับเขาขนาดนั้น เรื่องมันตันอยู่ตรงนี้เอง และดีไม่ดีคนร้ายอาจแฝงตัวรอคอยโอกาสจะทำร้ายอาร์ซี่อีกคนก็ได้ เขาเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเมืองนี้ด้วย อาร์ซี่จะได้เป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไป เขาคือไพรด์ที่เหมาะสมที่สุด อาจมีใครบางคนไม่ชอบเขา ไม่ชอบพอที่จะทำร้ายคนที่เขารัก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา