เงารักปมอดีต
-
เขียนโดย ดอกไม้หอม
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.53 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,826 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ผู้ที่ถูกเลือก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความที่ห้องตรวจคนไข้ ของหมอกวี
“มีออเดอร์เข้ามาแล้ว นัดส่งต้นเดือนหน้า คราวนี้ราคาแพง เพราะต้องการหัวใจ ไม่ใช่ไตเหมือนที่ผ่านมา” ได้ฟังที่หมอกวีพูดคุณฉวีก็หน้าซีดเผือด
“จะเป็นไปได้อย่างไงถ้าเราผ่าหัวใจเขาก็ตายนะสิ” คุณฉวีตกใจกลัว
“ทำอย่างกับว่าที่เราเอาอวัยวะพวกเขามาไม่มีใครตาย นั้นสิ” หมอกวีพูด
“มันก็ใช่แต่นั้นพวกเขากลับมาใช้ชีวิตปกติก่อนที่เราจะสร้างเรื่องว่าพวกเขาฆ่าตัวตาย แต่นี่เขาตายระหว่างผ่าตัดเลยนะ” คุณฉวียังไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหมอกวี
“แล้วผลมันต่างกันอย่างไง สุดท้ายก็ตายอยู่ดี อย่าทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย พี่เองไม่ใช่หรือที่เป็นคนทำให้พวกเขาฆ่าตัวตาย” หมอกวีพูดพลางจับไหล่คุณฉวีจ้องตาเขม่น
ภาพในอดีต ก่อนมีคนฆ่าตัวตาย
“การผ่าตัดเป็นอย่างไงบ้าง” คุณฉวีถามหมอกวี หลังจากที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัดในตึกแล็บของมูลนิธิ
ภายในตึกแล็บถูกทำความสะอาดอย่างดีไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนภายนอก อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ก็ยังใช้งานได้ปกติ นั้นแสดงว่าคุณฉวีสั่งให้ปิดที่นี่เฉพาะในนามเท่านั้น แต่ยังคงใช้งานตึกนี่แบบปกติอยู่
“ทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะส่งเลือดทั้งหมดเข้าคลัง แล้วจะแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าเลือดบริจาคให้กับลูกสาวพี่ พี่ก็พาลูกสาวไปรับถ่ายเลือดที่โรงพยาบาลได้เลย เรื่องอื่นเดี๋ยวผมจัดการเอง” หมอกวีคุยกับคุณฉวีหน้าห้องพักฟื้น มีผู้ป่วยนอนพักอยู่ในห้องพร้อมพยาบาลคนของหมอกวี 3 คน
“แล้วคนไข้ละเขาจะไม่รู้หรือว่าเราขโมยเลือดกับไตเขามา” คุณฉวีถามหมอกวี
“เขาไม่มีวันรู้หรอก เพราะเขาจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย” หมอกวีตอบคำถามด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“อะไรนะ!!!” คุณฉวีอุทานด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าจะต้องมีคนตาย
หมอกวียื่นขวดยาให้กับคุณฉวี เป็นขวดยากล่อมประสาทชนิดรุนแรง ใครที่ได้กินยาชนิดนี้ไปจะมีอาการทางประสาทเห็นภาพหลอน หูแว่ว ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน ฉะนั้น การที่คุณฉวีจะให้ผู้ที่ถูกเลือกทานยานี้แล้วมีอาการทางจิตจนถึงการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“แล้วจะไม่ถูกจับได้หรือ ทั้งตัวยาในร่างกาย เลือด แล้วก็ไตที่หายไป ถ้ามีคนตายตำรวจก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง” คุณฉวีถามหมอกวี
“คุณก็ส่งศพไปที่โรงพยาบาลผม ผมจะเป็นคนตรวจพิสูจน์เอง พวกญาติพี่น้องก็คงไม่มีใครสงสัยติดใจอะไร ให้เงินช่วยเหลือพวกเขาสักนิดหน่อย แค่นี้ก็เรียบร้อย พอมันกลับไปที่มูลนิธิได้พี่ก็รีบจัดการมันซะ” หมอกวีพูดอย่างไร้ความปรานี
ในคืนที่เกิดเหตุ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลังคลอดกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
คุณฉวีนั่งมองขวดยากล่อมประสาทที่หมอกวีให้ไว้ ตัวยาหายไปครึ่งขวด นั้นแสดงว่ามีการใช้ยาไปหลายครั้งแล้ว
“คุณฉวีค่ะ คุณฉวี น้องฝน อาการคลุ้มคลั่งใหญ่แล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
คุณฉวีรีบวิ่งออกไปที่ตึกห้องพักอาคารหญิง
สภาพหญิงสาว ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยผ้าผูกไว้ที่ขอบเตียง เธอดิ้นรนอาละวาด พร้อมตะโกนด่าทอ
“มึงไอ้ผัวสารเลว มึงมีคนอื่นยังไม่พอ มึงยังจะพรากลูกไปจากกูอีก กูไม่ให้ลูกกับมึงหรอก มึงจะฆ่าลูก จะฆ่ากูด้วย กูรู้”
“อีนังเมียน้อย มึงจะให้มันฆ่ากู มึงจะทรมานลูกกูใช่ไหม”
“กูไม่ให้ กูไม่ให้... ลูก...ลูก...ลูกกู” เธอแผดร้องสุดเสียงแล้วก็สลบไป
“พาไปที่ห้องพักเดี่ยว คนไข้แตกตื่นกันหมดแล้ว” คุณฉวีสั่งเจ้าหน้าที่ให้พาผู้ป่วยไปที่ห้องพักเดี่ยว เป็นห้องพักพิเศษมีเตียงนอนและอุปกรณ์ครบ ประตูล็อกแน่นหนา
“ทำไมถึงมีอาการแบบนี้ได้นะคะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ยังบอกจะได้กลับบ้านไปเลี้ยงลูกแล้ว ” เจ้าหน้าที่คุยกับคุณฉวี
“แล้วจะให้ยามมาเฝ้าหน้าห้องไหมคะ”
“ไม่ต้อง จับล็อกไว้ ประตูก็ล็อกแน่นหนาแล้ว คงออกไปไหนไม่ได้ ฉันให้ยานอนหลับไปแล้ว เดี๋ยวอาการก็คงดีขึ้น กลับไปพักผ่อนได้แล้ว” คุณฉวีคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องพักเดี่ยว
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เหตุการณ์สงบลง
ร่างของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องพักเดี่ยว เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วก็เปิดประตูเข้าห้องไป
“ฝนๆ ตื่นได้แล้วลูก แม่มาแล้ว” ใครคนนั้นเรียกผู้ป่วยที่นอนอยู่ในห้อง เธองัวเงียตื่นขึ้นมา
“ใครนะ” เธอร้องถามเพราะเห็นไม่ถนัด
“แม่เอง แม่ของลูกไง แม่พาลูกของหนูมาหา ผัวหนูมันกำลังจะพาลูกของหนูหนีไป” หญิงคนนั้นพูดพลางแกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าออก
“ไม่!! ฉันไม่ให้มัน” เธอพูดเสียงดังเมื่อได้ยินชื่อลูก
“อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่” หญิงคนนั้นเอามือปิดปากเธอไว้
“ไปเดี๋ยวแม่จะพาหนู ไปหาลูก” หญิงคนนั้นพูดพร้อมจูงมือคนไข้ออกจากห้องไป
ที่ดาดฟ้าบนตึกอาคารหญิง
“นั่นไงลูกของหนู” หญิงคนนั้นชี้มือไปที่ขอบตึก
“ไหนๆ ลูกฉันอยู่ไหน” ผู้ป่วยเดินเข้าไปหาลูก ห่างจากขอบตึกไม่มากนัก
“นั่นไง!!! นั่นไง!!! ผัวหนูมันจะพาลูกหนูไปแล้ว” หญิงคนนั้นชี้ให้ผู้ป่วยดู
“รีบกระโดดไปแย่งมาเร็ว เมียใหม่มันจะบีบคอลูกหนูแล้ว” หญิงคนนั้นพูดให้ผู้ป่วยหวาดกลัว
“เอาลูกฉันมา!!!” ผู้ป่วยที่ชื่อฝน รีบวิ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างเร็วพร้อมทำมือคว้าอากาศไว้ เหมือนกำลังคว้าลูกมากอดแนบอก
เสียงร่างของหญิงสาวตกกระแทกพื้น นอนจมกองเลือด กะโหลกศีรษะแตกจากการเอาหัวลง เธอตายคาที่
หญิงคนที่พาผู้ป่วยที่ชื่อฝนมา วิ่งลงมาแอบร้องไห้ที่บันไดหนีไฟ เธอฟุบลงกอดเข่าร้องไห้ ด้วยสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป เธอเงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นว่าเป็น คุณฉวี นั้นเอง
เพราะลูกสาวที่ป่วยหนักต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ เธอจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับหมอกวีเพื่อนำเลือดจากตัวของผู้ป่วยที่มูลนิธิ เธอเลือกรับผู้ป่วยให้มาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิเป็นคนที่มีเลือดกรุปโอ และเป็นบุคคลที่ญาติๆ ไม่สนใจ เธอต้องการเลือด หมอกวีต้องการไตของคนไข้เพื่อนำไปขาย และแบ่งเงินจากการขายให้กับมูลนิธิเพื่อไว้ใช้จ่าย ทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกัน ผลประโยชน์ที่เกิดจากความตายของคนอื่น.
“มีออเดอร์เข้ามาแล้ว นัดส่งต้นเดือนหน้า คราวนี้ราคาแพง เพราะต้องการหัวใจ ไม่ใช่ไตเหมือนที่ผ่านมา” ได้ฟังที่หมอกวีพูดคุณฉวีก็หน้าซีดเผือด
“จะเป็นไปได้อย่างไงถ้าเราผ่าหัวใจเขาก็ตายนะสิ” คุณฉวีตกใจกลัว
“ทำอย่างกับว่าที่เราเอาอวัยวะพวกเขามาไม่มีใครตาย นั้นสิ” หมอกวีพูด
“มันก็ใช่แต่นั้นพวกเขากลับมาใช้ชีวิตปกติก่อนที่เราจะสร้างเรื่องว่าพวกเขาฆ่าตัวตาย แต่นี่เขาตายระหว่างผ่าตัดเลยนะ” คุณฉวียังไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหมอกวี
“แล้วผลมันต่างกันอย่างไง สุดท้ายก็ตายอยู่ดี อย่าทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย พี่เองไม่ใช่หรือที่เป็นคนทำให้พวกเขาฆ่าตัวตาย” หมอกวีพูดพลางจับไหล่คุณฉวีจ้องตาเขม่น
ภาพในอดีต ก่อนมีคนฆ่าตัวตาย
“การผ่าตัดเป็นอย่างไงบ้าง” คุณฉวีถามหมอกวี หลังจากที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัดในตึกแล็บของมูลนิธิ
ภายในตึกแล็บถูกทำความสะอาดอย่างดีไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนภายนอก อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ก็ยังใช้งานได้ปกติ นั้นแสดงว่าคุณฉวีสั่งให้ปิดที่นี่เฉพาะในนามเท่านั้น แต่ยังคงใช้งานตึกนี่แบบปกติอยู่
“ทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะส่งเลือดทั้งหมดเข้าคลัง แล้วจะแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าเลือดบริจาคให้กับลูกสาวพี่ พี่ก็พาลูกสาวไปรับถ่ายเลือดที่โรงพยาบาลได้เลย เรื่องอื่นเดี๋ยวผมจัดการเอง” หมอกวีคุยกับคุณฉวีหน้าห้องพักฟื้น มีผู้ป่วยนอนพักอยู่ในห้องพร้อมพยาบาลคนของหมอกวี 3 คน
“แล้วคนไข้ละเขาจะไม่รู้หรือว่าเราขโมยเลือดกับไตเขามา” คุณฉวีถามหมอกวี
“เขาไม่มีวันรู้หรอก เพราะเขาจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย” หมอกวีตอบคำถามด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“อะไรนะ!!!” คุณฉวีอุทานด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าจะต้องมีคนตาย
หมอกวียื่นขวดยาให้กับคุณฉวี เป็นขวดยากล่อมประสาทชนิดรุนแรง ใครที่ได้กินยาชนิดนี้ไปจะมีอาการทางประสาทเห็นภาพหลอน หูแว่ว ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน ฉะนั้น การที่คุณฉวีจะให้ผู้ที่ถูกเลือกทานยานี้แล้วมีอาการทางจิตจนถึงการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“แล้วจะไม่ถูกจับได้หรือ ทั้งตัวยาในร่างกาย เลือด แล้วก็ไตที่หายไป ถ้ามีคนตายตำรวจก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง” คุณฉวีถามหมอกวี
“คุณก็ส่งศพไปที่โรงพยาบาลผม ผมจะเป็นคนตรวจพิสูจน์เอง พวกญาติพี่น้องก็คงไม่มีใครสงสัยติดใจอะไร ให้เงินช่วยเหลือพวกเขาสักนิดหน่อย แค่นี้ก็เรียบร้อย พอมันกลับไปที่มูลนิธิได้พี่ก็รีบจัดการมันซะ” หมอกวีพูดอย่างไร้ความปรานี
ในคืนที่เกิดเหตุ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลังคลอดกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
คุณฉวีนั่งมองขวดยากล่อมประสาทที่หมอกวีให้ไว้ ตัวยาหายไปครึ่งขวด นั้นแสดงว่ามีการใช้ยาไปหลายครั้งแล้ว
“คุณฉวีค่ะ คุณฉวี น้องฝน อาการคลุ้มคลั่งใหญ่แล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
คุณฉวีรีบวิ่งออกไปที่ตึกห้องพักอาคารหญิง
สภาพหญิงสาว ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยผ้าผูกไว้ที่ขอบเตียง เธอดิ้นรนอาละวาด พร้อมตะโกนด่าทอ
“มึงไอ้ผัวสารเลว มึงมีคนอื่นยังไม่พอ มึงยังจะพรากลูกไปจากกูอีก กูไม่ให้ลูกกับมึงหรอก มึงจะฆ่าลูก จะฆ่ากูด้วย กูรู้”
“อีนังเมียน้อย มึงจะให้มันฆ่ากู มึงจะทรมานลูกกูใช่ไหม”
“กูไม่ให้ กูไม่ให้... ลูก...ลูก...ลูกกู” เธอแผดร้องสุดเสียงแล้วก็สลบไป
“พาไปที่ห้องพักเดี่ยว คนไข้แตกตื่นกันหมดแล้ว” คุณฉวีสั่งเจ้าหน้าที่ให้พาผู้ป่วยไปที่ห้องพักเดี่ยว เป็นห้องพักพิเศษมีเตียงนอนและอุปกรณ์ครบ ประตูล็อกแน่นหนา
“ทำไมถึงมีอาการแบบนี้ได้นะคะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ยังบอกจะได้กลับบ้านไปเลี้ยงลูกแล้ว ” เจ้าหน้าที่คุยกับคุณฉวี
“แล้วจะให้ยามมาเฝ้าหน้าห้องไหมคะ”
“ไม่ต้อง จับล็อกไว้ ประตูก็ล็อกแน่นหนาแล้ว คงออกไปไหนไม่ได้ ฉันให้ยานอนหลับไปแล้ว เดี๋ยวอาการก็คงดีขึ้น กลับไปพักผ่อนได้แล้ว” คุณฉวีคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องพักเดี่ยว
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เหตุการณ์สงบลง
ร่างของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องพักเดี่ยว เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วก็เปิดประตูเข้าห้องไป
“ฝนๆ ตื่นได้แล้วลูก แม่มาแล้ว” ใครคนนั้นเรียกผู้ป่วยที่นอนอยู่ในห้อง เธองัวเงียตื่นขึ้นมา
“ใครนะ” เธอร้องถามเพราะเห็นไม่ถนัด
“แม่เอง แม่ของลูกไง แม่พาลูกของหนูมาหา ผัวหนูมันกำลังจะพาลูกของหนูหนีไป” หญิงคนนั้นพูดพลางแกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าออก
“ไม่!! ฉันไม่ให้มัน” เธอพูดเสียงดังเมื่อได้ยินชื่อลูก
“อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่” หญิงคนนั้นเอามือปิดปากเธอไว้
“ไปเดี๋ยวแม่จะพาหนู ไปหาลูก” หญิงคนนั้นพูดพร้อมจูงมือคนไข้ออกจากห้องไป
ที่ดาดฟ้าบนตึกอาคารหญิง
“นั่นไงลูกของหนู” หญิงคนนั้นชี้มือไปที่ขอบตึก
“ไหนๆ ลูกฉันอยู่ไหน” ผู้ป่วยเดินเข้าไปหาลูก ห่างจากขอบตึกไม่มากนัก
“นั่นไง!!! นั่นไง!!! ผัวหนูมันจะพาลูกหนูไปแล้ว” หญิงคนนั้นชี้ให้ผู้ป่วยดู
“รีบกระโดดไปแย่งมาเร็ว เมียใหม่มันจะบีบคอลูกหนูแล้ว” หญิงคนนั้นพูดให้ผู้ป่วยหวาดกลัว
“เอาลูกฉันมา!!!” ผู้ป่วยที่ชื่อฝน รีบวิ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างเร็วพร้อมทำมือคว้าอากาศไว้ เหมือนกำลังคว้าลูกมากอดแนบอก
เสียงร่างของหญิงสาวตกกระแทกพื้น นอนจมกองเลือด กะโหลกศีรษะแตกจากการเอาหัวลง เธอตายคาที่
หญิงคนที่พาผู้ป่วยที่ชื่อฝนมา วิ่งลงมาแอบร้องไห้ที่บันไดหนีไฟ เธอฟุบลงกอดเข่าร้องไห้ ด้วยสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป เธอเงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นว่าเป็น คุณฉวี นั้นเอง
เพราะลูกสาวที่ป่วยหนักต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ เธอจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับหมอกวีเพื่อนำเลือดจากตัวของผู้ป่วยที่มูลนิธิ เธอเลือกรับผู้ป่วยให้มาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิเป็นคนที่มีเลือดกรุปโอ และเป็นบุคคลที่ญาติๆ ไม่สนใจ เธอต้องการเลือด หมอกวีต้องการไตของคนไข้เพื่อนำไปขาย และแบ่งเงินจากการขายให้กับมูลนิธิเพื่อไว้ใช้จ่าย ทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกัน ผลประโยชน์ที่เกิดจากความตายของคนอื่น.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ