เงารักปมอดีต

-

เขียนโดย ดอกไม้หอม

วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.53 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,722 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เลือดต่อเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง 9 ปีก่อน

“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะคะ ถึงคุณพ่อกับคุณแม่จะเป็นพาหนะชนิดเดียวกันทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกที่คลอดมาจะเป็นธาลัสซีเมียร้อยเปอร์เซ็นต์ โอกาสที่เด็กจะเป็นโรคนี้1ใน4 เอาเป็นว่า อาทิตย์หน้าหมอจะนัดตรวจน้ำคร่ำแล้วค่อยมาวินิจฉัยกันอีกทีค่ะ” คุณหมอพูดกับชายหญิงคู่หนึ่งหลังจากตรวจการตั้งครรภ์ของฝ่ายหญิง

ถ้าวันนั้นเขาเชื่อผลการตรวจน้ำคร่ำและทำตามคำแนะนำของหมอ เขาก็คงสูญเสียลูกไป แต่เขาเลือกที่จะเก็บลูกไว้ ลูกเขาจึงมีสภาพเช่นนี้

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณแปดขวบ เธอป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียระยะรุนแรง มีร่างกายซีดเหลือง หน้าโหนกชัน กระดูกแก้มสูงนูน ขากรรไกรกว้างใหญ่ คิ้วและลูกตาห่างออกจากกันมากกว่าปกติ การที่ต้องถ่ายเลือดเป็นประจำทำให้เกิดภาวะเหล็กเกินจึงเกิดผิวออกสีเทาอมเขียว ร่างกายเจริญเติบโตช้า ตัวเตี้ย น้ำหนักน้อยไม่สมวัย

เด็กคนนี้ชื่อ “พลอย” ลูกสาวของคุณฉวี

“แม่ขอโทษ ถ้าวันนั้นแม่ไม่ยื้อหนูไว้ ป่านนี้หนูคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ ได้อยู่กับคุณพ่อบนสวรรค์แล้ว”

“แต่แม่ก็ทำใจไม่ได้ แม่สูญเสียพ่อไปคนหนึ่งแล้ว แม่จะไม่ยอมสูญเสียหนูไปอีกคน แม่สัญญาจะทำทุกอย่างให้หนูมีชีวิตอยู่กับแม่ให้นานที่สุด ต่อให้ต้องแลกกับกี่ชีวิต แม่ก็จะทำ” คุณฉวีพูดกับลูกน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แววตาเศร้าทุกข์ระทม

“ผมก็บอกพี่แล้ว ทำใจเสียบ้างเถอะ” หมอกวีเข้ามาตรวจอาการน้องพลอย

“จะให้ฉันทำใจอย่างไง ลูกฉันทั้งคนนะ” คุณฉวีพูดทั้งน้ำตา

“อาการน้องพลอยไม่น่าเป็นห่วงแล้วละ เลือดของแม่ลูกอ่อนก็อย่างนี้แหละ” หมอกวีพูดท่าทางไม่ได้สำนึกในสิ่งที่ทำลงไป

“ก็ฉันบอกเธอแล้ว ว่าไม่ให้เลือกคนนี้ คนที่มูลนิธิก็เลือดกรุ๊ปโอเกือบทั้งหมดนั่นแหละแต่เธอก็ไม่เชื่อ” คุณฉวีพูดเสียงดังขึ้นมา

“เลือกมากไม่ได้หรอก ใครมีโอกาสก็เอาคนนั้นแหละ เลือดในคลังของลูกพี่เหลือน้อยเต็มที ใครที่จะสร้างปัญหาตามมาให้เราน้อยก็เลือกคนนั้น” หมอกวีเป็นคนพูด

ภาพในอดีต หนึ่งเดือนก่อนเกิดเหตุฆ่าตัวตาย

“เอกสารคนไข้ที่ถูกเลือกทั้งหมด” คุณฉวียื่นแฟ้มเอกสารห้าแฟ้มให้หมอกวีที่ห้องทำงานของหมอกวี

“ส่งตัวคนไข้ทั้งห้าคนมาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลนี้ ส่วนพี่ก็จัดการแจ้งปัญหากับญาติคนไข้ถ้ามีญาติคนไหนติดต่อกลับมาก็ยกเลิกคนไข้รายนั้น แต่ถ้าญาติคนไหนไม่สนใจ...” หมอกวีพูดไว้แค่นั้นเพราะรู้ว่าคุณฉวีเข้าใจในสิ่งที่ต้องการให้ทำแล้ว

“เรารอเลือดจากคนบริจาคไม่ได้หรือ” คุณฉวีสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป

“ได้ จะเสี่ยงไหมล่ะ เลือดในคลังของลูกพี่หมดแล้วนะ ถ้าจะรอเลือดบริจาคก็ไม่รู้เมื่อไร รอได้ไหมล่ะ” หมอกวีรู้ในคำตอบดี

“นั้นก็ไม่ต้องให้ถึงตายก็ได้ เราเอาแค่เลือดมาก็พอ เขาไม่รู้หรอก” คุณฉวียังกลัวในสิ่งที่ต้องทำ

“แต่ผมไม่ต้องการแค่เลือด พี่เอาเลือดมาถ่ายให้ลูกสาวพี่ แต่ผมก็ต้องการในส่วนของผมด้วยเหมือนกัน” หมอกวีพูดน้ำเสียงไร้ซึ่งความปรานี

ตัดมาที่ปัจจุบัน คุณฉวีเอามือลูบหัวลูกสาว สำนึกในความผิดที่ทำลงไปแต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี

“เอาเป็นว่าผมจะดูแลน้องพลอยให้ดีที่สุด พี่ไม่ต้องห่วง ไปห่วงพวกที่มันยุ่งวุ่นวายกับงานของเราดีกว่า” หมอกวีพูดแกมสั่งคุณฉวี

“ฉันกำลังจับตาดูมันอยู่ มันคงไม่กล้ายุ่งแล้วละ”

“ระวังไว้หน่อยก็ดี มีงานล็อตใหม่เข้ามาคราวนี้ก้อนโต อาจจะต้องใช้ก่อนสามเดือน” หมอกวีกำลังคุยธุรกิจบางอย่างที่ร่วมกันทำกับคุณฉวี

“ออ...แล้วเงินค่าสินค้าคราวก่อนผมโอนเข้ามูลนิธิแล้วนะ” รับฟังที่หมอกวีพูด คุณฉวีได้แต่ถอนหายใจ แล้วนั่งมองดูใบหน้าลูกสาว สิ่งที่ทำลงไปมันนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานจริงๆ

ที่มูลนิธิ ฉันนั่งทำงานที่ห้องทำงานคุณฉวี

“พี่ฉวีค่ะ พี่ฉวี ข่าวดีค่ะ” แก้ววิ่งตะโกนดังลั่นเข้ามาที่ห้องทำงานคุณฉวี

“อะไรของเธอ ย่าแก้ว เอ็ดตะโรอย่างกับไฟไหม้บ้าน” คุณฉวีดุแก้วที่เสียงดัง

“ข่าวดีค่ะ มีเงินบริจาคเข้ามา” แก้วพูดทั้งที่ยังหายใจหอบอยู่

“มีเงินบริจาคเธอก็ทำไปตามระเบียบ จะตกใจทำไม” คุณฉวีสั่งแก้วให้ทำตามเดิม

“แต่เงินบริจาคเยอะอยู่นะคะ” แก้วยังเถียงต่อ

“เยอะแล้วไง เธอจะเอาไปใช้เองหรือไง” คุณฉวีเริ่มโมโห

“เปล่าค่ะ แค่อยากรู้ว่าใครบริจาคมา” แก้วเสียงอ่อยลงนิดหน่อย

“ถ้าเขาไม่ประสงค์ออกนามก็ไม่ต้องอยากรู้” คุณฉวีพูดกับแก้ว

“ดีจังเลยนะคะ พอมีคนตายปุ๊บก็มีเงินเข้ามาปั๊บทุกครั้งเลย” แก้วพูดโดยไม่ทันคิด

“เธออยากตายบ้างไหมล่ะ เผื่อจะได้เงินบริจาคมากกว่านี้” คุณฉวีพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

แก้วยิ้มแห้งๆ แล้วรีบเดินออกไป คุณฉวีหันมามองหน้าฉัน คงรู้ว่าฉันนั่งฟังอยู่ หลังจากวันที่ฉันเข้าไปพบหมอกวีคุณฉวีก็จับตาดูฉันอยู่ตลอด ฉันก็เลยไม่มีโอกาสหาเบาะแสที่ตึกแล็บเพิ่มเติม แต่วันนี่ได้เบาะแสใหม่ว่าทุกครั้งที่มีคนตายก็จะมีเงินบริจาคก้อนโตเข้ามาที่มูลนิธิมันคงไม่บังเอิญทุกครั้งหรอกนะ

“เธอไม่สงสัยเรื่องเงินบริจาคบ้างหรือแก้ว” ฉันนั่งกับแก้วและป้องช่วงพักทานอาหาร

“ไม่ ฉันไม่สงสัย อยู่ที่นี่ฉันไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น” แก้วรีบปฏิเสธ

“มันไม่มีอะไรหรอกครับ พอมีข่าวออกไปก็คงมีคนอยากบริจาคเงิน” ป้องพูดอธิบายให้ฉันฟัง

“แต่คุณฉวีสั่งให้ปิดข่าวคนตายนิค่ะ” ฉันยังสงสัยต่อ

“ถึงปิดอย่างไงก็คงมีคนรู้บ้าง เขาคงอยากช่วยเหลือผู้ป่วยที่นี่แหละครับ”

“ไม่ต้องสงสัยเรื่องของคนอื่นเลย เอาเรื่องของพุดดีกว่า เจ้าหน้าที่บอกว่าพุดไม่ได้เข้าบำบัดหลายครั้งแล้วนะครับช่วงนี้” ป้องถามฉันน้ำเสียงดุนิดหน่อย

“ขอโทษค่ะ พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย” ฉันพูดพร้อมยิ้มเจื่อนๆ

“ยุ่งอย่างไงก็ต้องเข้ารักษาการฟื้นฝูนะครับ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วง” ป้องพูดพร้อมจับมือฉัน

แอ่ก ๆ ๆ เสียงแก้วสำลักน้ำ

“อะไร อย่างไง กันจ้า สองคนนี้ มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า” แก้วแซวฉันกับป้องเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน มันก็จริงที่ฉันเริ่มสนิทกับป้องมากขึ้น เขาดูแลและคอยเป็นห่วงฉัน แต่มันยังมีเรื่องในอดีตที่ฉันต้องจำมันให้ได้ แถมตอนนี้เรื่องที่มูลนิธิก็มีอะไรน่าสงสัยทั้งเรื่องการตายของผู้ป่วยแล้วก็เงินบริจาค ฉันคงไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่นอีก

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ กินๆ เถอะ” ฉันพูดปฏิเสธแก้ว

เหลือบไปเห็นคุณฉวี กับ หมอกวี นั่งคุยกันอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง พวกเขากำลังจับตามองฉันอยู่โดยเฉพาะสายตาของหมอกวีมันช่างน่ากลัวจริงๆ .

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา