ชมพูนาคี

9.7

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.17 น.

  10 ตอน
  3 วิจารณ์
  14.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) วิมานสิมพลี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                ณ วิมานสิมพลี  ดอกงิ้วสีแดงสดใสกำลังเบ่งบานสะพรั่งริมเชิงเขาพระสุเมรุ  ดินแดนแห่งพญาครุฑ  มีท้าวเวนไตยผู้ครองนครแห่งครุฑ  กำลังเฝ้ามองการเจริญเติบโตของครุฑ  ซึ่งบัดนี้มีลูกครุฑหลายตนกำลังเจริญเติบโตตามบุญกุศลที่เคยทำมา  หากลูกครุฑตนใดที่มีบุญญาธิการมามาก อำนาจจะบันดาลให้เกิดผลงิ้วทิพย์และน้ำหวานจากดอกไม้มาบำเรอลูกครุฑตนนั้นๆ  และลูกครุฑตนดังกล่าวจะเจริญวัยได้อย่างรวดเร็ว
 
           เมื่อถึงเวลาข้างขึ้นพระจันทร์เต็มดวง  ครุฑตนหนึ่งเจริญวัยได้รวดเร็วกว่าบรรดาลูกครุฑตนอื่นๆ  เนื่องด้วยบุญกุศลที่ตนเคยสร้างมาคราได้มีบุญวาสนาได้เกิดเป็นมนุษย์  แต่เนื่องด้วยบุญกุศลที่ตนเคยสร้างไว้นั้นเจือด้วยโมหะ  จึงเป็นเหตุให้เกิดมาเป็นครุฑนามว่าครุฑาเทพ  ครุฑาเทพเป็นครุฑหนุ่มรูปงาม  กอปรด้วยรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน  มีกล้ามเป็นมัดๆ  มีอานุภาพและพละกำลังมหาศาล  แข็งแรง  บินได้รวดเร็ว  มีสติปัญญาเฉียบแหลม  อ่อนน้อมถ่อมตน  มีสัมมาคารวะ  และมีชีวิตที่เป็นอมตะ 
 
           "เจ้าพ่อขอรับ  บัดนี้ลูกเจริญวัยเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์แล้ว  ลูกมีความประสงค์อยากบินไปเที่ยวชมรอบๆ  ป่าหิมพานต์  หาความสำราญเจริญใจด้วยแมกไม้นานาพันธุ์  หรรษากับผองมิตรที่เป็นสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ขอรับท่านพ่อ"  ครุฑาเทพขออนุญาตบิดาด้วยใบหน้าอมยิ้มเปี่ยมฝัน
 
            "ผองมิตรที่เจ้าว่า  คงจะไม่ใช่สาวงามเหล่านางกินรีสินะ"  ท้าวเวนไตยพูดดักคอบุตรชายอย่างรู้ทันด้วยใบหน้ายิ้มๆ
 
             ครุฑาเทพแสร้งทำหน้าขรึมกลบเกลื่อนความสะเทิ้นอายที่ถูกบิดาจับได้
 
             "ท่านพ่อก็กล่าวเกินจริงไปนะขอรับ  ลูกก็อยากมีมิตรกับสัตว์หลายเผ่าพันธุ์  ไม่ได้จำเพาะเฉพาะนางกินรีหรอกขอรับ"  ครุฑาเทพแสร้งเถียงบิดาด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความอาย
 
             "เอาเถอะครุฑาเทพ  ไหนๆ  เจ้าก็เป็นลูกของเราที่เติบใหญ่ไวกว่าพี่น้องตนอื่น  คงเป็นเพราะว่าบุญกุศลที่เจ้าเคยสร้างมาส่งผลให้เจ้าเป็นครุฑหนุ่มรูปงามเช่นนี้  เราอนุณาตให้เจ้าได้เที่ยวชมป่าหิมพานต์จนเพลินใจ  พอเจ้าเบื่อยามใดค่อยกลับวิมานฉิมพลี"  ท้าวเวนไตรบอกบุตรด้วยความเอ็นดู
 
              ครุฑาเทพกราบลาบิดาแล้วบินถลาออกจากดงดอกงิ้วทันใด
 
              ครุฑาเทพบินชมเหล่าสัตว์ในป่าหิมพานต์อย่างเพลินใจ  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวนางหนึ่งได้นอนแน่นิ่งอยู่ในป่าอันรกชัฏ
 
              "เอ๊! นางผู้นี้เป็นใครกันนะ  ทำไมนางจึงมานอนอยู่ผู้เดียวในป่าเช่นนี้"  ครุฑาเทพบ่นพรึมพรำกับตัวเองด้วยความฉงน 
 
              "รีบบินไปดูใกล้ๆ  ดีกว่า"  ครุฑาเทพบินถลาไปหลบหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ  ชมพูนาคีอย่างเร็วพลัน  จากนั้นก็แปลงกายเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์  หน้าตาหล่อเหลา  ใบหน้าเกลี้ยงเกลา  แถมมีไรหนวดเขียวครึ้มขึ้นบางๆ  เสริมให้ดูเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ยิ่งนัก 
 
               ครุฑาเทพยิ้มนิดๆ  ที่มุมปาก  พร้อมดวงตาเป็นประกาย  ขณะใช้แขนช้อนคอชมพูนาคีมาไว้ในอ้อมแขนอย่างเบามือ  กลิ่นกายอันหอมรัญจวนใจคล้ายกล้วยไม้ราตรีของนางยิ่งชวนให้ครุฑาเทพอยากสูดดมกลิ่นกายนางให้เต็มปอดเสียจริง 
 
                "เจ้าช่างมีกลิ่นกายหอมเสียจริงนะแม่นาง"  ครุฑาเทพกระซิบเบาๆ  ที่ริมหูชมพูนาคี  ลมหายใจครุฑาเทพรดบนใบหน้าอันหวานหยดย้อยของชมพูนาคี  ริมฝีปากอันร้อนผ่าวของครุฑาเทพจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มของชมพูนาคีอย่างแผ่วเบา  ร่างบางยังไม่รู้สึกตัว  แต่ร่างกายตอบสนองต่อการสัมผัส  ริมฝีปากชมพูนาคีเผยอขึ้นเล็กน้อยรับการจุมพิตอันแสนหวานอย่างแผ่วเบา  ทำให้ครุฑาเทพยิ่งเสียการควบคุมตัวเองมากยิ่งขึ้น  ครุฑาเทพจับใบหน้าชมพูนาคีให้แหงนรับเรียวลิ้นของครุฑาเทพที่สอดใส่เข้ามาในปากน้อยๆ  ของนางเพืื่อควาญหาความหวานหอมอย่างดูดดื่ม 
 
                  "อ่า.." ครุฑาเทพฝืนใจถอนริมฝีปากจากการจูบชมพูนาคีอย่างอ้อยอิ่ง  ด้วยเกรงว่าตนจะขาดใจตายเสียก่อนเพราะแรงพิศสวาทที่ถาโถมเข้ามาอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว 
 
                  ครุฑาเทพหายใจแรงและถี่เหมือนคนกำลังเหนื่อยหอบ  เวลานี้สายตาครุฑาเทพสำรวจร่างกายชมพูนาคีไปทุกส่วน  จึงพบว่านางได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าและมีเลือดไหล  ครุฑาเทพร่ายมนต์สมานแผลและกระดูกให้นางหายเป็นปกติ  ความรู้สึกของนางขณะนี้ความเจ็บปวดหายไปสิ้น  เหลืออยู่แต่ความหลับไหลที่นางยังคงหลับตาพริ้ม  หายใจเป็นจังหวะแผ่วเบา
 
                     ทันใดนั้นเองชมพูนาคีก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน  นางพยายามดิ้นหนีการกอดรัดของครุฑาเทพ  น้ำตานางไหลรินอาบสองแก้ม 
 
                   "ปล่อยนะ  ปล่อยข้านะ  เจ้าเป็นใคร  บังอาจมาทำกับข้าเช่นนี้.."  ชมพูนาคีสะอื้นไห้พลางต่อว่าครุฑาเทพ
 
                    ครุฑาเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่  ก่อนจะเหลือบมองสายตาคู่หนึ่งที่จ้องเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ  พร้อมกับมือน้อยๆ  ที่กำหมัดแน่นทุบอกครุฑาเทพไม่ยั้งมือ  ครุฑาเทพจับมือน้อยๆ นั้นไว้อย่างง่ายดาย 
 
                    "ปล่อย! ปล่อยข้านะ เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนเลว!" ชมพูนาคีตะโกนด่าทอครุฑาเทพจนแสบคอ  แต่อีกฝ่ายหาสะทกสะท้านไม่  ตรงกันข้าม  อีกฝ่ายกลับยิ้มร่าอย่างผู้มีชัยชนะเหนือกว่า
 
                    "เจ้าเป็นใคร  เหตุใดจึงมานอนสลบไสลอยู่ตรงนี้" 
                    ครุฑาเทพเริ่มเปิดบทสนทนากับสาวน้อยในอ้อมกอด
 
                    "ข้า..ข้าตกหน้าผา..ข้าเป็น.."
                    ชมพูนาคีใคร่ครวญดูแล้วว่าไม่ควรเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับผู้ใดในถิ่นนี้
                    นางเลยแสร้งบอกว่า 
 
                    "ข้าเป็นชาวป่า  หลงทางมา  และตกหน้าผา"
 
                      "อะไรนะ  นี่เจ้าจะบอกข้าว่า  เจ้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาอย่างนั้นหน่ะเหรอ" 
                    ครุฑาเทพทำหน้าไม่เชื่อนัก
 
                    "ใช่" ชมพูนาคีตอบสั้นๆ
 
                    "เห็นจะเชื่อได้ยาก  เพราะที่นี่คือดินแดนมหัศจรรย์  ยากยิ่งที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าจะเข้ามาได้"
 
                    "ก็แล้วแต่เจ้าจะเชื่อหรือไม่  เราไปหล่ะ"  ชมพูนาคีรีบผละตัวออกจากครุฑาเทพอย่างรวดเร็ว  แต่อีกฝ่ายไวกว่า  คว้าข้อมือนางไว้ทัน
 
                    "เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยนะว่าเจ้าชื่ออะไร" 
                    ครุฑาเทพจ้องใบหน้างามๆ  นั้นอย่างเค้นเอาคำตอบ
 
                    "ข้า..ข้าชื่อ..ชมพู" 
 
                    "ชมพู..ชาวโลกมนุษย์นี่ใช้ชื่อสั้นจริง" 
                    ครุฑาเทพนึกขำ  พลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
                    ทำให้อีกฝ่ายถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าที่ถูกหัวเราะเยาะ
 
                    "หัวเราะอะไร!  แล้วเจ้าหล่ะ  ชื่อยาวนักรึไง  เชอะ!"
 
                    "ข้าชื่อ..วายุเทพ"  ครุฑาเทพปิดบังชื่อที่แท้จริงของตน
 
                    "ชื่อเหมือนพระเอกลิเก"  ชมพูนาคีหัวเราะบ้าง
 
                    "อะไรคือพระเอกลิเก?"  ครุฑาเทพถามกลับแบบงงๆ
 
                    "เจ้าก็ลองไปโลกมนุษย์ดูสักครา  เจ้าจะได้ทราบ"
                    ชมพูนาคีไม่ยอมบอก  แถมทำหน้าทะเล้นใส่ครุฑาเทพ 
                    ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะประกบปากชมพูนาคีแล้วบดขยี้ปากนางจนแดงช้ำ
                    เพื่อเป็นการลงโทษอีกฝ่ายที่ชอบแกล้งยั่วโทสะ
 
                    เพรี๊ย!  เสียงฝ่ามือพร้อมกับรอยแดงที่หน้าครุฑาเทพปรากฏชัดเจน
 
                    "เจ้านี่มือหนักใช่ย่อยนะ" 
                    ครุฑาเทพเอ่ยปากชมทั้งที่ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบ  และปวดแสบปวดร้อน
 
                    "รางวัลสำหรับคนไร้มารยาทอย่างเจ้า"
 
                    "ใครไม่มีมารยาท  ก็เจ้าเป็นคู่ของข้าแล้ว"  ครุฑาเทพยิ้มพร้อมทำหน้าทะเล้นบ้าง ทำให้อีกฝ่ายใบหน้าแดงก่ำ
 
                    "ใครเป็นคู่เจ้า  เจ้าก็พูดเอาแต่ได้" 
                    ชมพูนาคีเถียงกลับทั้งที่ร้อนผ่าวทั่วใบหน้าด้วยความอาย
 
                    "ข้าจะไปแล้ว  ไปตามหาครอบครัวของข้า" 
                    ชมพูนาคีกล่าวลาครุฑาเทพอย่างไม่ใยดี  แต่ทำให้อีกฝ่ายใจสั่นไหวในการกล่าวลา
 
                    "เราจะไปด้วยกัน"  ครุฑาเทพไม่ยอมตามใจชมพูนาคี
 
                    ไวอย่างที่พูด  ครุฑาเทพรีบใช้แขนอันทรงพลังช้อนตัวชมพูนาคีไว้ในอ้อนอก
                    แล้วรีบเดินออกไปจากป่ารกชัฏ  เพื่อทำตามความประสงค์ของนาง 
                    โดยไม่ได้สนใจต่อแรงดิ้นรนในอ้อมแขนเลยสักนิด


 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา