ชมพูนาคี
เขียนโดย หิ่งห้อยใต้เงาจันทร์
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.17 น.
แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ภัยในความเป็นมนุษย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ลูกพ่อ บัดนี้เรามีร่างกายเป็นมนุษย์ จิตใจของเราก็จะเป็นมนุษย์ไปด้วย จิตใจมนุษย์นั้นมันซับซ้อนยิ่งนัก มีทั้ง โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท มารยา โกหก กลั่นแกล้ง ชิงดีชิงเด่น ทะเลาะเบาะแว้ง นักเลงอันธพาล..ซึ่งพวกมนุษย์เค้าจะไม่รักและไม่สามัคคีกันเหมือนพวกเรา พ่อกลัวลูกๆของพ่อจะถูกจิตใจแบบมนุษย์กลืนกินจิตวิญญาณของความเป็นนาคแบบเราจนหมดสิ้น ดังนั้นเจ้าจงหมั่นระลึกอยู่ในใจเสมอว่า พวกเราเป็นนาค ไม่ใช่มนุษย์.." ท้าวนาคินเตือนสติลูกๆ
...แต่สิ่งที่พ่อได้ตักเตือนลูกๆ นั้น..มันคงสายเกินไป..
"เจ้าช่างมีผิวพรรณแตกต่างจากพี่เสียจริงนะชมพูนาคี" สุวรรณมาลีนาคี พูดสัพยอกน้องสาวด้วยความอิจฉาริษยา
"น้องคงงามสู้เจ้าพี่ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ" ชมพูนาคีตอบกลับยิ้มๆ อย่างไร้เดียงสา โดยไม่รู้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้นกับนาง
"เชอะ!" สุวรรณมาลีนาคีสบถในลำคอ
"ชมพูนาคี มานี่สิ ตามพี่มา เจ้าดูสิ ที่ป่าหิมพานต์แห่งนี้ช่างสวยงามยิ่งนัก มีสระอโนดาตที่ท่านพ่อเคยเล่าให้พวกเราฟัง พี่จะพาเจ้าไปเล่นน้ำที่นั่น" สุวรรณมาลีออกอุบาย
"แล้วนาคพี่น้องของพวกเราหล่ะจ๊ะเจ้าพี่"
"ปล่อยพวกเค้าไว้ที่นี่หล่ะ ให้ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามกับท่านพ่อท่านแม่เถอะ"
"ทางไกลนะกว่าพวกเราจะไปถึงสระอโนดาต แต่พี่รู้ทางลัด เราต้องปีนหน้าผานี่ไป" สุวรรณมาลีชี้ไปทีีีี่หน้าผาของยอดเขาจิตตะ ซึ่งเป็นรัตนะ มีหน้าผาสูงชัน
"โอ้โห...มันสูงมาก น้องกลัว.."
"เจ้ากลัวอะไร รึเจ้าไม่ใช่ลูกท่านพ่อ ผู้มีใจห้าวหาญ ไม่เคยหวาดกลัวภยันตรายใดๆ แค่หน้าผาแค่นี้เจ้ายังกลัว เชอะ!" นางตะคอกน้องสาวเสียงดัง
...ชมพูนาคีจำใจปีนหน้าผาตามพี่สาวไป...
สุวรรณมาลีนาคีปีนป่ายหน้าผาสูงชันด้วยความคล่องแคล่วว่องไว เพราะนางมีพละกำลังมหาศาลดุจพญาราชสีห์ นางรีบปีนหน้าผานำน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว
"เจ้าพี่ เจ้าพี่เพคะ รอน้องด้วยเจ้าค่ะ" ชมพูนาคีตะโกนบอกพี่สาวให้รอด้วยเสียงสั่นเครือเพราะเหนื่อยหอบกับการใช้พละกำลังมากมายในการปีนหน้าผา นางยังไม่เคยชินกับการใช้พละกำลังมากมายถึงเพียงนี้มาก่อน
ในขณะที่ชมพูนาคีเร่งปีนป่ายหน้าผาให้ทันพี่สาวด้วยความเหนื่อยหอบ นางเอื้อมมือไปคว้าโขดหินข้างหน้านางด้วยแขนอันสั่นระริกเพราะแขนใกล้จะหมดกำลัง ทันใดนั้นเอง นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปที่มือทั้งสองข้างอย่างรุนแรง พอนางเงยหน้าขึ้นมอง นางรู้สึกตกใจบวกกับงุนงงมากว่า เพราะเหตุใดที่สาวแท้ๆ ที่นางรักมากจึงทำร้ายนาง..
"โอ๊ย! เจ้าพี่อย่าเหยียบมือน้อง น้องเจ็บ"
สุวรรณมาลีนาคีเหยียบมือน้องสาวอย่างแรง หวังจะให้นางหล่นลงไปด้านล่าง ในขณะที่นางกำลังห้อยโหนโขดหินเพื่อพยุงตัวปีนตามพี่สาวไป
ทันใดนั้นเอง มือที่อ่อนแรงอยู่แล้ว เมื่อมีสิ่งมากดทับอย่างแรง มือน้อยๆ ของนางจึงหลุดจากโขดหินที่นางพยายามเหนี่ยวรั้งไว้
"เจ้าพี่...." ชมพูนาคีกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะร่างของนางลอยละลิ่วหล่นจากหน้าผาสูงชันในทันใด
ร่างของชมพูนาคีร่วงหล่นลงไปในผืนป่าหิมพานต์ชั้นในอันรกชัฏ ซึ่งเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์รูปร่างแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยมีในโลกมนุษย์
ร่างเล็กตกกระแทกกับโขดหินเบื้องล่างอย่างแรง จนนางสลบไป..นานเท่าไหร่..นางมิอาจทราบได้..
สุวรรณมาลีนาคียิ้มร่าด้วยความสะใจที่ได้กำจัดชมพูนาคีออกจากชีวิตเสียได้
"เชอะ! ตายเสียได้ก็ดี หมั่นไส้มานานแล้ว ทำเป็นออดอ้อนออเซาะท่านพ่อท่านแม่ตลอดดด" นางพำพึมกับตัวเองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูป ตาจิกมองบนพร้อมเบะปาก
นางปีนลงจากหน้าผาอย่างคล่องแคล่วด้วยหัวใจพองโต เปี่ยมสุข ดุจได้เล่นน้ำใสๆ เย็นฉ่ำ ยามเย็นก็ไม่ปาน
เมื่อนางมาถึงบริเวณที่เหล่านาคาพักเอาแรงให้หายเหนื่อย นางก็แสร้งร้องไห้เสียงดังมาตามทาง พลางรายงานเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับชมพูนาคีด้วยเสียงอันสั่นระริก
"ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ น้องชมพูนาคีหายไปแล้วเจ้าค่ะ ฮือ ฮือ น้องแอบหนีท่านพ่อท่านแม่ไปเดินชมป่าหิมพานต์ตามลำพัง ซึ่งลูกพยายามห้ามปรามน้องแล้ว แต่น้องก็ไม่ฟังเจ้าค่ะ ฮือ ฮือ ลูกพยายามติดตามน้องไป..แต่...แต่แล้ว..ลูกก็พลัดหลงกับน้องเจ้าค่ะท่านพ่อ ฮือ ฮือ" นางสะอึกสะอื้นไม่ขาดระยะ ร้องไห้หนักปริ่มว่าจะขาดใจ..
"นางพลัดกับเจ้าบริเวณไหน สุุวรรณมาลีนาคี" ท้าวนาคินถามลูกสาวด้วยความร้อนใจ
"ทางโน้นเจ้าค่ะท่านพ่อ" นางแสร้งชี้มั่วไปทางอื่น
"พวกเราจงเร่งติดตามชมพูนาคีกลับมา" ท้าวนาคินสั่งลูกๆ ทุกคน
"ส่วนเจ้า แก้วกานดานาคี และบุตรีแห่งข้าทั้ง 19 คน พวกเจ้าจงอยู่ที่นี่ รอพวกข้ากลับมา ส่วนบุตรข้าทั้ง 30 คนจะเร่งรุดติดตามชมพูนาคีให้กลับมาโดยเร็วไว" ท้าวนาคินสั่งมเหสีและบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
"เจ้าค่ะท่านพี่ น้องและลูกๆจะรออยู่ที่นี่" แก้วกานดานาคีรับคำสวามีีด้วยสีหน้าเป็นกังวล เป็นห่วงลูกสาว...
"ชมพูนาคี เจ้าอยู่ไหน" เหล่านาคาต่างตะโกนลั่นป่าหิมพานต์ ด้วยความเป็นห่วงชมพูนาคี
ถ้าอยู่บนโลกมนุษย์..ป่านนี้..ท้องฟ้าคงมืดมิด เหล่าสัตว์น้อยใหญ่คงหลับใหลในยามรัตติกาล..แต่ที่นี่..เป็นป่าหิมพานต์ ซึ่งไม่เคยมืดมิดในยามราตรี..
ชมพูนาคีลืมตาขึ้นมองท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ นางกำลังงุนงง ครุ่นคิด และลำดับเหตุการณ์ว่าทำไมนางจึงมาอยู่ที่นี่..
พลัน! ความรู้สึกแรกที่นางรู้สึกคือ เจ็บข้อเท้าอย่างแสนสาหัส นางกรีดร้องลั่นป่า
"โอ๊ย!"
นางมองไปที่ข้อเท้า เห็นว่าเป็นแผลเหวอะหวะและมีเลือดไหลเป็นทางยาว นางรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว เหมือนกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
พอนางตั้งสติได้ สิ่งที่นางระลึกได้เป็นสิ่งแรกคือ ใบหน้าของบิดามารดาที่มองนางด้วยความอ่อนโยน..
เหมือนมีก้อนอะไรมาติดที่หลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตัน นางอดกลั้นในความคิดถึงบิดามารดาไม่ไหว ความรู้สึกมันบีบคั้นให้นางต้องปล่อยโฮ ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวในป่าอันรกชัฏเช่นนี้
"ท่านพ่อ ท่านแม่...ลูกเจ็บ...ลูกกลัว...ลูกคิดถึงท่านพ่อท่านแม่...ฮือ..ฮือ"
ชมพูนาคีร้องไห้คร่ำครวญถึงบิดามารดาจนสลบไปเพราะเสียเลือดมากจากบาดแผลที่ข้อเท้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ