ชมพูนาคี
9.7
เขียนโดย หิ่งห้อยใต้เงาจันทร์
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.17 น.
10 ตอน
3 วิจารณ์
14.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เดินทางไกล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เกล็ดกายเหล่านาคากระทบแสงแดดยามบ่ายระยิบระยับแวววับดุจอัญมณี
"ลูกรักทั้งหลาย บัดนี้พวกเจ้ามาถึงผิวน้ำแล้ว โน่นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ดิินแดนป่าหิมพานต์ พวกเจ้าอาจจะรู้สึกว่าอยู่ใกล้ตา แต่ที่จริงแล้วอยู่ไกลไปหลายโยชน์นัก" ท้าวนาคินบอกลูก
"การเดินทางหลายโยชน์นี้ พวกเจ้าต้องสำรวมกาย วาจา ใจ ไว้ให้ดี เพราะถ้ามีนาคตนใดเผลอตนทำการมิบังควร เจ้าแห่งป่าจะลงโทษพวกเจ้า" นางแก้วกานดานาคีกล่าวย้ำเตือนลูกอีกครั้ง
แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลง เผยให้เห็นท้องฟ้าแดงกล่ำดุจสายเลือด เสียงนกร้องเซ็งแซ่เตรียมกลับรัง ต้นไม้ใหญ่ดูทะมึนยืนต้านลม เถาวัลย์หลายสายพันธุ์เกี่ยวกวัดรัดต้นไม้ไว้แน่นจนดูรกรุงรัง บัดนี้..ถึงเวลายามพลบค่ำในแดนสนธยา
เหล่านาคน้อยผู้พึ่งเคยออกมาเห็นสิ่งแปลกใหม่ ต่างพากันตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและหวาดผวา เมื่อได้ยินเสียงร้องหวีดหวิวแสบแก้วหูดังกระทบมาตามสายลม
"เจ้าจงตั้งสติให้มั่น ทำจิตให้ระลึกรู้ว่า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน เจ้าอย่าเอาอารมณ์ไปปรุงแต่งเพิ่มเติม มิเช่นนั้นดวงจิตของเจ้าจะอ่อนแอ สิ่งชั่วร้ายจะเข้ามาทำร้ายเจ้าได้ง่าย ๆ ลูกรัก" ท้าวนาคินเตือนสติลูก
เมื่อท้องฟ้ามืดดำสนิท เหมือนทุกสิ่งตกอยู่ในภวังค์ เสียงนกร้องสักตัวก็ไม่มี เวลาดึกสงัดเช่นนี้ มีเพียงหิ่งห้อยที่ยังส่งแสงระยิบระยับนำทางเหล่านาคาที่กำลังเดินทางเข้าป่าอาถรรพณ์ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์คนใดกล้าล่วงล้ำเข้าไป
"นี่ก็ดึกสงัดมากแล้ว เราควรนอนพักเอาแรงก่อนดีไม๊เจ้าคะท่านแม่"
ชมพูนาคีออดอ้อนมารดา
"มันอันตรายมากถ้าเราหลับในเวลากลางคืนที่นี่ เพราะมีสัตว์ร้ายหลายชนิดคอยจ้องทำร้ายเรา จงแข็งใจอดทนไว้ลูกรัก" นางแก้วกานดานาคีปลอบโยนลูก
เหล่านาคาเดินทางในป่าอาถรรพ์ทั้งคืนจนสว่าง เห็นแสงแดดส่องกระทบยอดไม้ลงมาตามความสูง ละอองไอน้ำลอยเกาะกลุ่มกันแน่นท่ามกลางป่าอันรกชัฏ
"เช้าแล้วลูกรัก อันตรายยามรัตติกาลได้เบาบางลงแล้ว พ่ออยากให้ลูก ๆ ได้พักเหนื่อยบ้าง" ท้าวนาคินเป็นห่วงลูก
"แถวนี้มีลำธารอยู่ใกล้ๆ ไม๊ขอรับท่านพ่อ ลูกจะไปหาน้ำดื่มมาถวายท่านพ่อกับท่านแม่ได้ดื่มให้ชื่นใจ และจะพาน้อง ๆ ไปเล่นน้ำด้วยขอรับ" สุคินนาคาถามบิดา
"เรายังไม่ควรไว้วางใจอะไรง่ายๆ ลูกเอ๊ย น้ำในลำธารอาจจะมีอยู่ แต่อันตรายอาจจะแอบแฝงในนั้น ทางที่ดีพวกเราควรระมัดระวังตน แล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไปให้ถึงป่าหิมพานต์โดยเร็วไว เพราะที่นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความไว้วางใจของพ่อจะมีมากขึ้นในถิ่นนั้นลูกรัก"
ท้าวนาคินกล่าวกับสุคินนาคา
"ความกระหายน้ำของพ่อกับแม่ย่อมหมดไป เพราะน้ำทิพย์ซึ่งเกิดจากน้ำใจของลูก ได้หล่อเลี้ยงชโลมใจพ่อกับแม่ไว้ เจ้าอย่าห่วงพ่อกับแม่ไปเลยนะลูกรัก"
นางแก้วกานดานาคีบอกสุคินนาคาด้วยสายตาอ่อนโยน
เหล่านาคาน้อยเดินทางผ่านป่าอาถรรพณ์ด้วยความอิดโรยเหนื่อยล้า นาคาบางตนเกิดท้อแท้ใจไม่อยากเดินทางไปต่อ บ้างร้องไห้ บ้างโวยวายกระฟัดกระเฟียด ผืนป่าที่เคยเงียบสงัดวังเวง บัดนี้กลับมีแต่เสียงร้องระงมอื้ออึงของเหล่านาคน้อย
"หยุด! พ่อสั่งพวกเจ้าให้หยุดร้องบัดเดี๋ยวนี้! การร้องไห้โวยวายหามีประโยชน์อันใดไม่ รังแต่จะทำการใหญ่ให้เสียหาย สู้เก็บเสียงไว้ ตั้งสติ ข่มอารมณ์ และอดทนจนพบจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ไม่ดีกว่าหรือลูกรัก" ท้าวนาคินกึ่งดุกึ่งปลอบใจลูก..
"ลูกจะพาน้องๆ ไปเล่นน้ำเพื่อให้คลายจากความทุกข์โศกศัลย์ในขณะนี้นะขอรับท่านพ่อ เผื่อน้องๆ จะมีอาการดีขึ้น.." สุคินนาคาขอร้องบิดาด้วยความสงสารน้องๆ
ท้าวนาคินถอนใจเฮือกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจำใจอนุญาตให้สุคินนาคาพาน้องๆ ไปเล่นน้ำ ทั้งที่ไม่อยากให้ไป ด้วยเพราะห่วงใย กลัวลูกๆ ได้รับอันตรายจากสิ่งที่แอบลอบจะทำร้ายเหล่านาคาน้อย..
น้ำในลำธารใสสะอาด จนมองเห็นเหล่ามัจฉาน้อยแหวกว่ายไปมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจต่อผู้มาเยือนจากต่างถิ่น เหล่านาคน้อยสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกทั่วสรรพางค์กายของน้ำใสที่ไหลเย็น จนทำให้ความขุ่นข้องหมองใจค่อยๆ มลายหายสิ้นไป..
เหล่านาคน้อยเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลินกินเวลาหลายชั่วโมง บ้างหยอกเย้า บ้างหัวเราะ ส่งเสียงดังเซ็งแซ่ แต่ผู้ที่เสียสละความสุขในการเล่นน้ำ และเฝ้าระแวดระวังภัยให้น้องๆ คือ สุคินนาคา นาคผู้พี่ที่พร้อมจะเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องน้องๆ ของตนให้ปลอดภัย ท้าวนาคินกับนางแก้วกานดานาคีก็คลายความกังวลลง เมื่อไม่มีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นกับลูกๆ ของตน และวางใจที่สุคินนาคารับผิดชอบดูแลน้องๆแทนพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี
"ลูกรักทั้งหลาย บัดนี้พวกเจ้ามาถึงผิวน้ำแล้ว โน่นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ดิินแดนป่าหิมพานต์ พวกเจ้าอาจจะรู้สึกว่าอยู่ใกล้ตา แต่ที่จริงแล้วอยู่ไกลไปหลายโยชน์นัก" ท้าวนาคินบอกลูก
"การเดินทางหลายโยชน์นี้ พวกเจ้าต้องสำรวมกาย วาจา ใจ ไว้ให้ดี เพราะถ้ามีนาคตนใดเผลอตนทำการมิบังควร เจ้าแห่งป่าจะลงโทษพวกเจ้า" นางแก้วกานดานาคีกล่าวย้ำเตือนลูกอีกครั้ง
แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลง เผยให้เห็นท้องฟ้าแดงกล่ำดุจสายเลือด เสียงนกร้องเซ็งแซ่เตรียมกลับรัง ต้นไม้ใหญ่ดูทะมึนยืนต้านลม เถาวัลย์หลายสายพันธุ์เกี่ยวกวัดรัดต้นไม้ไว้แน่นจนดูรกรุงรัง บัดนี้..ถึงเวลายามพลบค่ำในแดนสนธยา
เหล่านาคน้อยผู้พึ่งเคยออกมาเห็นสิ่งแปลกใหม่ ต่างพากันตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและหวาดผวา เมื่อได้ยินเสียงร้องหวีดหวิวแสบแก้วหูดังกระทบมาตามสายลม
"เจ้าจงตั้งสติให้มั่น ทำจิตให้ระลึกรู้ว่า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน เจ้าอย่าเอาอารมณ์ไปปรุงแต่งเพิ่มเติม มิเช่นนั้นดวงจิตของเจ้าจะอ่อนแอ สิ่งชั่วร้ายจะเข้ามาทำร้ายเจ้าได้ง่าย ๆ ลูกรัก" ท้าวนาคินเตือนสติลูก
เมื่อท้องฟ้ามืดดำสนิท เหมือนทุกสิ่งตกอยู่ในภวังค์ เสียงนกร้องสักตัวก็ไม่มี เวลาดึกสงัดเช่นนี้ มีเพียงหิ่งห้อยที่ยังส่งแสงระยิบระยับนำทางเหล่านาคาที่กำลังเดินทางเข้าป่าอาถรรพณ์ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์คนใดกล้าล่วงล้ำเข้าไป
"นี่ก็ดึกสงัดมากแล้ว เราควรนอนพักเอาแรงก่อนดีไม๊เจ้าคะท่านแม่"
ชมพูนาคีออดอ้อนมารดา
"มันอันตรายมากถ้าเราหลับในเวลากลางคืนที่นี่ เพราะมีสัตว์ร้ายหลายชนิดคอยจ้องทำร้ายเรา จงแข็งใจอดทนไว้ลูกรัก" นางแก้วกานดานาคีปลอบโยนลูก
เหล่านาคาเดินทางในป่าอาถรรพ์ทั้งคืนจนสว่าง เห็นแสงแดดส่องกระทบยอดไม้ลงมาตามความสูง ละอองไอน้ำลอยเกาะกลุ่มกันแน่นท่ามกลางป่าอันรกชัฏ
"เช้าแล้วลูกรัก อันตรายยามรัตติกาลได้เบาบางลงแล้ว พ่ออยากให้ลูก ๆ ได้พักเหนื่อยบ้าง" ท้าวนาคินเป็นห่วงลูก
"แถวนี้มีลำธารอยู่ใกล้ๆ ไม๊ขอรับท่านพ่อ ลูกจะไปหาน้ำดื่มมาถวายท่านพ่อกับท่านแม่ได้ดื่มให้ชื่นใจ และจะพาน้อง ๆ ไปเล่นน้ำด้วยขอรับ" สุคินนาคาถามบิดา
"เรายังไม่ควรไว้วางใจอะไรง่ายๆ ลูกเอ๊ย น้ำในลำธารอาจจะมีอยู่ แต่อันตรายอาจจะแอบแฝงในนั้น ทางที่ดีพวกเราควรระมัดระวังตน แล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไปให้ถึงป่าหิมพานต์โดยเร็วไว เพราะที่นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความไว้วางใจของพ่อจะมีมากขึ้นในถิ่นนั้นลูกรัก"
ท้าวนาคินกล่าวกับสุคินนาคา
"ความกระหายน้ำของพ่อกับแม่ย่อมหมดไป เพราะน้ำทิพย์ซึ่งเกิดจากน้ำใจของลูก ได้หล่อเลี้ยงชโลมใจพ่อกับแม่ไว้ เจ้าอย่าห่วงพ่อกับแม่ไปเลยนะลูกรัก"
นางแก้วกานดานาคีบอกสุคินนาคาด้วยสายตาอ่อนโยน
เหล่านาคาน้อยเดินทางผ่านป่าอาถรรพณ์ด้วยความอิดโรยเหนื่อยล้า นาคาบางตนเกิดท้อแท้ใจไม่อยากเดินทางไปต่อ บ้างร้องไห้ บ้างโวยวายกระฟัดกระเฟียด ผืนป่าที่เคยเงียบสงัดวังเวง บัดนี้กลับมีแต่เสียงร้องระงมอื้ออึงของเหล่านาคน้อย
"หยุด! พ่อสั่งพวกเจ้าให้หยุดร้องบัดเดี๋ยวนี้! การร้องไห้โวยวายหามีประโยชน์อันใดไม่ รังแต่จะทำการใหญ่ให้เสียหาย สู้เก็บเสียงไว้ ตั้งสติ ข่มอารมณ์ และอดทนจนพบจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ไม่ดีกว่าหรือลูกรัก" ท้าวนาคินกึ่งดุกึ่งปลอบใจลูก..
"ลูกจะพาน้องๆ ไปเล่นน้ำเพื่อให้คลายจากความทุกข์โศกศัลย์ในขณะนี้นะขอรับท่านพ่อ เผื่อน้องๆ จะมีอาการดีขึ้น.." สุคินนาคาขอร้องบิดาด้วยความสงสารน้องๆ
ท้าวนาคินถอนใจเฮือกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจำใจอนุญาตให้สุคินนาคาพาน้องๆ ไปเล่นน้ำ ทั้งที่ไม่อยากให้ไป ด้วยเพราะห่วงใย กลัวลูกๆ ได้รับอันตรายจากสิ่งที่แอบลอบจะทำร้ายเหล่านาคาน้อย..
น้ำในลำธารใสสะอาด จนมองเห็นเหล่ามัจฉาน้อยแหวกว่ายไปมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจต่อผู้มาเยือนจากต่างถิ่น เหล่านาคน้อยสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกทั่วสรรพางค์กายของน้ำใสที่ไหลเย็น จนทำให้ความขุ่นข้องหมองใจค่อยๆ มลายหายสิ้นไป..
เหล่านาคน้อยเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลินกินเวลาหลายชั่วโมง บ้างหยอกเย้า บ้างหัวเราะ ส่งเสียงดังเซ็งแซ่ แต่ผู้ที่เสียสละความสุขในการเล่นน้ำ และเฝ้าระแวดระวังภัยให้น้องๆ คือ สุคินนาคา นาคผู้พี่ที่พร้อมจะเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องน้องๆ ของตนให้ปลอดภัย ท้าวนาคินกับนางแก้วกานดานาคีก็คลายความกังวลลง เมื่อไม่มีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นกับลูกๆ ของตน และวางใจที่สุคินนาคารับผิดชอบดูแลน้องๆแทนพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ