Dark intention :: เจตจำนงค์แห่งความมืด
7.3
เขียนโดย Amilea_Grace
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.47 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
5,489 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน พ.ศ. 2560 22.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เมืองฟรีทาวน์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ อาเบลล์เดินเข้าไปในตัวเมืองฟรีทาวน์ เพื่อเข้าไปรับภารกิจที่เมือง พร้อมกับซื้อของที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง ภายในเมืองมีเหล่านักเดินทางมากมายที่เข้ามาจากเมืองอื่น บ้างก็มาหาข้อมูลข่าวสาร บ้างก็มาตั้งรกรากที่นี่เนื่องจากเมืองฟรีทาวน์เป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ เป็นเมืองที่ควบคุมกฎหมาย และมีบทบาทหลายๆอย่าง ในเมืองนี้จึงมีนักเดินทางที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มซะส่วนมาก ออกเดินทางเป็นกลุ่มเพื่อลดความเสี่ยงอันตราย แต่อาเบลล์ไม่ค่อยสนใจการรวมกลุ่มสักเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงการรวมกลุ่ม มันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นนักเดินทางมือใหม่ การเดินทางที่มีเพียงเธอที่รอดชีวิตกลับมา
“อ้าว เบลล์ จะออกเดินทางแล้วเหรอ มาคนเดียวแบบนี้ยังหากลุ่มไม่ได้ล่ะสิ”
เสียงพูดจากชายผู้หนึ่งดังขึ้น เขาชื่อเอริค เป็นลูกของบาสเตียน ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่คอยรับใช้ราชวงศ์แห่งเมืองฟรีทาวน์และอยู่ในกลุ่มนักเดินทาง “อาร์มันโด” ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เอริคมักจะชวนอาเบลล์เข้ากลุ่มทุกครั้งที่เจอหน้า
“ฉันบอกหลายครั้งแล้วนะว่าไม่นิยมไปเป็นกลุ่ม ไปที่อื่นไป อย่ามายุ่งกันเลยน่า”
อาเบลล์ถอนหายใจ ทำหน้าไม่สบอารมณ์
“นักเดินทางฝีมือดีๆอย่างเธอใครๆก็อยากได้เข้ากลุ่ม มันอดไม่ได้หรอกที่ฉันจะชวนเธอทุกครั้ง เอางี้ ฉันเดินไปเป็นเพื่อนเธอไปที่หอกลางก็แล้วกัน”
“ใครอยากไปกับนายล่ะเนี่ย ว่างมากก็ไปทำภารกิจสิยะ มาตามฉันอยู่ทำไม”
อาเบลล์หันไปมองหน้าเอริค แต่ก็เห็นเอริคทำหน้าเครียด
“เป็นอะไรไป นายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ลองทำหน้าเครียดๆดู” เอริคพูดแถมยังคิ้วกลอกตาใส่เธอ
“โอ๊ยยยย ฉันก็อุตส่าห์เป็นห่วงนะ ”
“มีอะไรก็บอกนะ ถึงนายจะกวนใส่ฉันบ่อย แต่นายก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน”
“แค่เพื่อนเองเหรอ” เอริคจับใหล่ของเธอพลางส่งสายตาให้
“คนอย่างฉันไม่ควรจะรักใคร ชีวิตนักเดินทางอย่างเราน่ะ วันนี้พรุ่งนี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” อาเบลล์หลบสายตาที่เอริคส่งมาให้
“ถึงหอกลางแล้วล่ะ จะมารับภารกิจแบบไหนกัน”
“ก็ต้องดูก่อน ถ้าอันไหนน่าสนใจแถมเงินตอบแทนสูงๆฉันก็จะรับ”
อาเบลล์มองดูบอร์ดประกาศที่ติดภารกิจต่างๆให้เหล่านักเดินทางได้เลือกภารกิจที่ตัวเองสนใจและนำใบประกาศนี้ไปแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ภายในหอกลาง เพื่อลงบันทึก
“เธอนี่งกเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็กเลยนะ” เอริคกอดอกมมองมาที่อาเบลล์
“ตาบ้า ฉันก็อยากได้ผลตอบแทนงามๆและคุ้มแรงที่เสียไป ฉันผิดเหรอ?”
อาเบลล์ไล่ดูประกาศภารกิจเผื่อหาอันที่สนใจที่สุด แล้วก็มาสะดุดตากับใบประกาศเก่าๆที่ติดอยู่ริมสุดของบอร์ด
“สนใจอันนี้เหรอ ไหนๆ” เอริคเดินเข้ามาดูใบประกาศนั้น
“ก็น่าสนใจดี แถมค่าตอบแทนก็สูงมากๆ ตั้ง10 ล้านโกลด์ ทำงานเดียวรวยไปทั้งชาติ” อาเบล์เดินเข้าไปอ่านรายละเอียดใกล้ๆ
“งานจัดการจอมมารแห่งเมืองวอร์ซอ อือหืมมมม น่าสนใจ”
“อะไรนะ วอร์ซอ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ไหม” เอริคขมวดคิ้วมองมาที่เธอ
“ก็เป็นเมืองที่รวบรวมสิ่งผิดกฎหมาย สิ่งไม่ดีทั้งหลายแหล่ แถมเมืองนี้ยังมีภารกิจย่อยๆให้ทำต่อได้ด้วยไงล่ะ” เธอตอบ
“มันก็ใช่ แต่คนที่รับภารกิจแบบนี้ไม่เคยมีใครได้กลับมาเลยนะ”
“สบายมาก! ฉันว่าฉันมีฝีมือพอตัวอยู่นะ แถมเมืองนี้น่าจะมีอะไรสักอย่างที่ฉันกำลังข้องใจอยู่ก็ได้”
อาเบลล์ไม่รอช้า หยิบใบประกาศใบนั้นออกมา เดินดิ่งตรงไปที่จุดรับภารกิจ มีพนักงานเผ่าเอลฟ์ตัวเล็กผมสีทอง รออยู่ตรงนั้น เธอชื่อ ลอร่า
“ฉันขอทำภารกิจนี้ค่ะ” อาเบลล์ยื่นประกาศให้ลอร่า
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าภารกิจนี้ทำกี่คนเหรอคะ?” ลอร่าถาม
“คนเดียวค่ะ ฉันทำคนเดียว” อาเบลล์แสดงท่าทีมั่นใจว่าเธอทำภารกิจนี้ได้แน่นอน
“ภารกิจนี้รับคนเดียวไม่ได้นะคะ เนื่องจากมันค่อนข้างอันตราย ผู้รับภารกิจอย่างน้อยต้องมี5คนค่ะ”
“5 คน!!! อะไรกันทำไมถึง….”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ในประกาศก็แจ้งไว้แล้ว หาคนรวมกลุ่มแล้วค่อยมารับภารกิจดีกว่านะคะ”
อาเบลล์เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย เธออยากรับภารกิจนี้มากแต่เธอเองก็ไม่ค่อยอยากจะไปร่วมกลุ่มกับใคร เธอเดินกลับไปที่บอร์ดประกาศอีกครั้ง เพื่อมองหาภารกิจใหม่ เอริคที่อยู่กับอาเบลล์แต่ต้นก็แสดงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“ให้ฉันบอกคนในกลุ่มร่วมเดินทางกับเธอดีไหม” เอริคจับบ่าอาเบลล์
“มันก็ดีถ้ามีคนร่วมทีม ฉันจะได้ไปที่นั่น แต่ว่า….ฉันไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงอันตรายก็เพราะฉัน” อาเบลล์ได้แต่ก้มหน้า
“อะไรกันไอ้ท่าทีความมั่นใจเมื่อกี๊มันหายไปไหนหมด ”
“ฉันไม่อยากตัดใจเรื่องภารกิจนี้นะ แต่ฉันก็ไม่อยากให้ใครมาตายก็เพราะฉัน” อาเบลล์ตัวสั่น เธอพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ แต่น้ำตาก็ไหลนองหน้าของเธอซะแล้ว
“นี่ฉันทำให้เธอร้องไห้เรอเนี่ย ขอโทษนะ” เอริคกอดอาเบลล์ เพื่อหวังจะให้เธอรู้สึกดี
“ว้าวๆมีฉากเลิฟซีนเกิดขึ้นที่หอกลางด้วยว่ะ ไง อาเบลล์ ขี้ขลาดไม่กล้าออกนอกเมืองหรือยังไง”
เสียงชายร่างใหญ่เดินมาที่เธอ เอาคือ ลูเซี่ยน ผู้นำกลุ่มนักเดินทางของกลุ่ม “มาร์รอน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือไม่แพ้กลุ่มอาร์มันโดที่เอริคสังกัดอยู่ แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องช่อโกงเอารัดเอาเปรียบชาวเมืองอยู่ด้วยเหมือนกัน เขาเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก2-3 ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นคลาสนักรบที่มีฝีมืออยู่เหมือนกัน
“นายมาทำอะไรที่นี่” เอริคถามลูเชี่ยนด้วยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เหอะ ถามอะไรโง่ๆ ฉันก็มาที่นี่เพราะมาส่งภารกิจน่ะสิ ลูกขุ่นนางกระจอกๆแค่นี้ยังคิดไม่ออกอีก”
ลูเซี่ยนและลูกน้องเดินผ่านทั้งสองและมองด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหูเอริค
“อีกไม่นานบาสเตียนพ่อของแกก็จะไม่รอด หึหึหึ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เอริคโมโห เขากระชากคอเสื้อลูเซี่ยน
“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!!!”
แต่เขาก็ต้องเอามือออก เมื่อนึกได้ว่าเขาอยู่ต่อหน้าอาเบลล์ เขาจึงพยายามเก็บความโกรธนี้เอาไว้
“อยู่ต่อหน้าสาวเลยไม่กล้าหรือยังไง?” ลูเซี่ยนทำหน้าเย้ยหยันเอริค
“ฉันไม่อยากใส่ใจคนที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา ไม่อยากยุ่งกับคนให้สินบนกับขุนนางบางคน ถ้านายถือว่านายเก่งจริงอยากเอาชนะฉัน นายก็รับภารกิจเมืองวอร์ซอสิ ฉันจะเอาอาเบลล์ร่วมทีมด้วย ถ้าใครทำภารกิจนี้สำเร็จก็เป็นผู้ชนะ”
เมื่อเขาพูดจบ เหล่านักเดินทางคนอื่นๆที่อยู่ในหอกลางก็มองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน อาเบลล์ได้แต่ยืนเงียบๆ เพราะดูจากสีหน้าเอริคแล้ว เขาดูจริงจังมาก และเธอรู้ดีว่าหากใครมาหยามเกียรติพ่อของเขา เอริคจะไม่ให้อภัยคนผู้นั้น แต่การที่เขาไม่ใช้อารมณ์ตัดสินใจลงมือ ทำให้อาเบลล์ทึ่งในการตัดสินใจของเขาไม่น้อย
“เหอะ!!! เอาสิ ถ้านายคิดว่ากลุ่มนักเดินทางที่มีดีแต่จำนวนของนายจะทำภารกิจยากๆแบบนี้ได้ ก็ลองดู ฉันอยากจะเห็นแกตายเหมือนกันฉันให้เวลาแกไปหาคนมาร่วมทีม วันรุ่งขึ้นเรามาเจอกันที่นี่อีกครั้ง เพื่อรับภารกิจ”
“ได้” เอริคพาอาเบล์เดินออกมาจากหอกลางกลับไปที่กลุ่มของเขาเพื่อหาคนมาร่วมทีมลงภารกิจครั้งนี้ อาเบลล์มองเอริคที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
“จะดีเหรอที่ให้ฉันร่วมทีม ฉันกลัวทุกคนจะมาตายเพราะฉันนะ” อาเบลล์แสดงสีหน้าไม่สบายใจ
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก คนในกลุ่มต่างก็ฝีมือดี เธอก็ด้วย เธอเองก็เคยบอก นักเดินทางจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้” เอริคพูด
เบื้องหลังเอริคและอาเบลล์ มีกลุ่มคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ และตามสะกดรอยอยู่ไม่ห่าง เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาที่ตรอกในเมืองที่ลับตาผู้คนที่สัญจรไปมา หนึ่งในพวกนั้นเลยถือโอกาสจู่โจมเอริคและอาเบลล์
“ฉวั๊ะ!!!!” ดาบนั้นได้ฟันไปที่กลางหลังอาเบลล์พอดี เธอล้มลงไป เอริคชักดาบออกมาสู้กับคนพวกนั้นกลุ่มคนที่ปิดบังใบหน้าที่หวังจะเข้ามาทำร้ายทั้งสอง
“พวกแก หรือว่า!!” เอริคได้แต่ป้องกันการโจมตีของพวกนั้น เขาได้แต่ระแวงว่าพวกนั้นจะเข้าไปทำร้ายอาเบลล์ที่นอนอยู่ กลุ่มคนร้าย 5 คนที่มีฝีมือในการต่อสู้ เขาพลาดโดนผู้ร้ายฟันจนได้รับบาดเจ็บ
“อย่าทำเขา…..” อาเบลล์พยายามพยุงตัวเองขึ้นและใช้เวทย์ไฟยิงใส่ศัตรูเพื่อให้พวกนั้นหันมองที่เธอ
กลุ่มชายที่ปิดบังใบหน้าถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้านั้น พวกเขาคือกลุ่มที่เพิ่งมีเรื่องเมื่อครู่
“ลูเซี่ยน!!! ทำไมพวกคุณถึงได้ใช้วิธีนี้ทำกับพวกเรา” อาเบลล์ถามลูเซี่ยนพร้อมเล็งธนูไปที่เขา
“เพราะพวกเธอมันปากดี หาเรื่องใส่ตัวเองเธอแน่ใจเหรอว่าธนูเก่าๆของเธอจะทำอะไรพวกเราได้”
คำพูดของลูเชี่ยนทำให้อาเบลล์เคืองไม่น้อย เธอร่ายเวทย์ไฟใส่ธนูอีกครั้งและยิงไปที่ลูเชี่ยน แต่ก็ถูกบาเรียกั้นเอาไว้ เอริคเห็นดังนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปฟันลูกเชี่ยนอีกแรง
“ฉันบอกแล้วว่ามันไร้ผล พวกแกคงประเมินฝีมือของฉันต่ำเกินไป”
ลูเซียนชกหน้าเอริคเต็มแรง ตัวเขากระเด็นไปด้านหนึ่ง เขาสลบไป อาเบลล์เห็นท่าไม่ดีรีบยิงธนูรัวไม่ยั้ง ลูเซี่ยนหลบได้ เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา เพียงพริบตาเดียวก็เข้าถึงตัวเธอลูเซี่ยนบีบคอด้วยมือเดียวและยกตัวอาเบลล์ลอยขึ้นจับเธอทุ่มลงพื้นเต็มแรง
ตู๊ม!!!
ร่างอาเบลล์กระแทกพื้นอย่างแรง มันทำให้เธอบาดเจ็บไม่น้อย
“ไม่ดีเลยที่นักเดินทางอายุน้อยอย่างเธอต้องมาจบชีวิตในตรอกแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆ” ลูเซี่ยนแสดงท่าทีสะใจ
“งั้นเหรอ หึหึหึหึ” อาเบลล์ค่อยๆลุกขึ้นมา แสยะยิ้ม ตาแข็งกร้าว แววตาสีแดงเพลิง มีไอควันสีดำกระจายล้อมรอบตัวเธอ อาเบล์จับแขนของลูเซียนที่บีบคอเธอไว้ ลูเซี่ยนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เข้ามาในตัวเขา เขารีบเอามือออกจากอาเบลล์ แต่ก็พบว่ามือตัวเองไหม้กลายเป็นเถ้าไปซะแล้ว
“อ๊ากกกก!!! เป็นแบบนี้ได้ยังไง แกมันตัวอะไร แกไม่ใช่คน ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะใช้เวทย์มนตร์แบบนี้ได้” ลูเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญกับสิ่งๆหนึ่งที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้
“ฉันคือคนที่จะเผาแกให้สิ้นซากไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” เธอเดินเข้าไปหาลูเซียน ใช้มือล้วงเข้าไปในหน้าอก คว้าหัวใจของลูเชี่ยนออกมา
“นายดูสิ นายคงไม่เคยเห็นมันใช่ไหมล่ะ หัวใจชั่วร้ายที่เต้นรัวๆของนายไง หึๆๆๆ” อาเบลล์เผาหัวใจของลูเซียน เขาตาเบิกกว้างและทรุดลงไป
“หึ ไหนว่าเก่งนักเก่งหนา ” อาเบลล์แสยะยิ้มอีกครั้ง เธอมองไปรอบๆ เห็นพวกลูกน้องของลูเชี่ยนที่ตกตลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาเบลล์มองไปที่พวกเขา เหล่าลูกน้องของลูเชียนดิ้นอย่างทุรนทุราย ร่างกายของพวกเขากำลังไหม้จากภายในอาเบลล์ยิ้ม มองร่างที่กำลังไหม้จนไม่เหลือสิ้นส่วน ร่างทุกร่างที่ไหม้นั้นได้หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกนั้นหายไปไหนแล้ว” เอริคพยุงตัวเองขึ้น เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นพวกลูเชี่ยนและลูกน้องแม้แต่คนเดียว เขาเห็นอาเบลล์ที่ยืนโซเซเหมือนจะหมดสติ เอริครีบโผตัวเข้าไปรับอาเบลล์ที่กำลังจะล้มลง
“มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ฉัน….”
สิ้นเสียงที่แผ่วเบา อาเบลล์สลบลงเอริคใช้แขนช้อนร่างของอาเบลล์ขึ้นมา หวังจะพาเธอไปยังที่พักของกลุ่ม เขาเดินออกมาจากตรอกอย่างทุลักทุเล เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และคำพูดก่อนที่อาเบลล์จะสลบไปสร้างความแคลงใจให้กับเขาไม่น้อย เขาหวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรแย่ๆเกิดขึ้นอีก
“อ้าว เบลล์ จะออกเดินทางแล้วเหรอ มาคนเดียวแบบนี้ยังหากลุ่มไม่ได้ล่ะสิ”
เสียงพูดจากชายผู้หนึ่งดังขึ้น เขาชื่อเอริค เป็นลูกของบาสเตียน ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่คอยรับใช้ราชวงศ์แห่งเมืองฟรีทาวน์และอยู่ในกลุ่มนักเดินทาง “อาร์มันโด” ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เอริคมักจะชวนอาเบลล์เข้ากลุ่มทุกครั้งที่เจอหน้า
“ฉันบอกหลายครั้งแล้วนะว่าไม่นิยมไปเป็นกลุ่ม ไปที่อื่นไป อย่ามายุ่งกันเลยน่า”
อาเบลล์ถอนหายใจ ทำหน้าไม่สบอารมณ์
“นักเดินทางฝีมือดีๆอย่างเธอใครๆก็อยากได้เข้ากลุ่ม มันอดไม่ได้หรอกที่ฉันจะชวนเธอทุกครั้ง เอางี้ ฉันเดินไปเป็นเพื่อนเธอไปที่หอกลางก็แล้วกัน”
“ใครอยากไปกับนายล่ะเนี่ย ว่างมากก็ไปทำภารกิจสิยะ มาตามฉันอยู่ทำไม”
อาเบลล์หันไปมองหน้าเอริค แต่ก็เห็นเอริคทำหน้าเครียด
“เป็นอะไรไป นายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ลองทำหน้าเครียดๆดู” เอริคพูดแถมยังคิ้วกลอกตาใส่เธอ
“โอ๊ยยยย ฉันก็อุตส่าห์เป็นห่วงนะ ”
“มีอะไรก็บอกนะ ถึงนายจะกวนใส่ฉันบ่อย แต่นายก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน”
“แค่เพื่อนเองเหรอ” เอริคจับใหล่ของเธอพลางส่งสายตาให้
“คนอย่างฉันไม่ควรจะรักใคร ชีวิตนักเดินทางอย่างเราน่ะ วันนี้พรุ่งนี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” อาเบลล์หลบสายตาที่เอริคส่งมาให้
“ถึงหอกลางแล้วล่ะ จะมารับภารกิจแบบไหนกัน”
“ก็ต้องดูก่อน ถ้าอันไหนน่าสนใจแถมเงินตอบแทนสูงๆฉันก็จะรับ”
อาเบลล์มองดูบอร์ดประกาศที่ติดภารกิจต่างๆให้เหล่านักเดินทางได้เลือกภารกิจที่ตัวเองสนใจและนำใบประกาศนี้ไปแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ภายในหอกลาง เพื่อลงบันทึก
“เธอนี่งกเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็กเลยนะ” เอริคกอดอกมมองมาที่อาเบลล์
“ตาบ้า ฉันก็อยากได้ผลตอบแทนงามๆและคุ้มแรงที่เสียไป ฉันผิดเหรอ?”
อาเบลล์ไล่ดูประกาศภารกิจเผื่อหาอันที่สนใจที่สุด แล้วก็มาสะดุดตากับใบประกาศเก่าๆที่ติดอยู่ริมสุดของบอร์ด
“สนใจอันนี้เหรอ ไหนๆ” เอริคเดินเข้ามาดูใบประกาศนั้น
“ก็น่าสนใจดี แถมค่าตอบแทนก็สูงมากๆ ตั้ง10 ล้านโกลด์ ทำงานเดียวรวยไปทั้งชาติ” อาเบล์เดินเข้าไปอ่านรายละเอียดใกล้ๆ
“งานจัดการจอมมารแห่งเมืองวอร์ซอ อือหืมมมม น่าสนใจ”
“อะไรนะ วอร์ซอ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ไหม” เอริคขมวดคิ้วมองมาที่เธอ
“ก็เป็นเมืองที่รวบรวมสิ่งผิดกฎหมาย สิ่งไม่ดีทั้งหลายแหล่ แถมเมืองนี้ยังมีภารกิจย่อยๆให้ทำต่อได้ด้วยไงล่ะ” เธอตอบ
“มันก็ใช่ แต่คนที่รับภารกิจแบบนี้ไม่เคยมีใครได้กลับมาเลยนะ”
“สบายมาก! ฉันว่าฉันมีฝีมือพอตัวอยู่นะ แถมเมืองนี้น่าจะมีอะไรสักอย่างที่ฉันกำลังข้องใจอยู่ก็ได้”
อาเบลล์ไม่รอช้า หยิบใบประกาศใบนั้นออกมา เดินดิ่งตรงไปที่จุดรับภารกิจ มีพนักงานเผ่าเอลฟ์ตัวเล็กผมสีทอง รออยู่ตรงนั้น เธอชื่อ ลอร่า
“ฉันขอทำภารกิจนี้ค่ะ” อาเบลล์ยื่นประกาศให้ลอร่า
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าภารกิจนี้ทำกี่คนเหรอคะ?” ลอร่าถาม
“คนเดียวค่ะ ฉันทำคนเดียว” อาเบลล์แสดงท่าทีมั่นใจว่าเธอทำภารกิจนี้ได้แน่นอน
“ภารกิจนี้รับคนเดียวไม่ได้นะคะ เนื่องจากมันค่อนข้างอันตราย ผู้รับภารกิจอย่างน้อยต้องมี5คนค่ะ”
“5 คน!!! อะไรกันทำไมถึง….”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ในประกาศก็แจ้งไว้แล้ว หาคนรวมกลุ่มแล้วค่อยมารับภารกิจดีกว่านะคะ”
อาเบลล์เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย เธออยากรับภารกิจนี้มากแต่เธอเองก็ไม่ค่อยอยากจะไปร่วมกลุ่มกับใคร เธอเดินกลับไปที่บอร์ดประกาศอีกครั้ง เพื่อมองหาภารกิจใหม่ เอริคที่อยู่กับอาเบลล์แต่ต้นก็แสดงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“ให้ฉันบอกคนในกลุ่มร่วมเดินทางกับเธอดีไหม” เอริคจับบ่าอาเบลล์
“มันก็ดีถ้ามีคนร่วมทีม ฉันจะได้ไปที่นั่น แต่ว่า….ฉันไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงอันตรายก็เพราะฉัน” อาเบลล์ได้แต่ก้มหน้า
“อะไรกันไอ้ท่าทีความมั่นใจเมื่อกี๊มันหายไปไหนหมด ”
“ฉันไม่อยากตัดใจเรื่องภารกิจนี้นะ แต่ฉันก็ไม่อยากให้ใครมาตายก็เพราะฉัน” อาเบลล์ตัวสั่น เธอพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ แต่น้ำตาก็ไหลนองหน้าของเธอซะแล้ว
“นี่ฉันทำให้เธอร้องไห้เรอเนี่ย ขอโทษนะ” เอริคกอดอาเบลล์ เพื่อหวังจะให้เธอรู้สึกดี
“ว้าวๆมีฉากเลิฟซีนเกิดขึ้นที่หอกลางด้วยว่ะ ไง อาเบลล์ ขี้ขลาดไม่กล้าออกนอกเมืองหรือยังไง”
เสียงชายร่างใหญ่เดินมาที่เธอ เอาคือ ลูเซี่ยน ผู้นำกลุ่มนักเดินทางของกลุ่ม “มาร์รอน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือไม่แพ้กลุ่มอาร์มันโดที่เอริคสังกัดอยู่ แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องช่อโกงเอารัดเอาเปรียบชาวเมืองอยู่ด้วยเหมือนกัน เขาเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก2-3 ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นคลาสนักรบที่มีฝีมืออยู่เหมือนกัน
“นายมาทำอะไรที่นี่” เอริคถามลูเชี่ยนด้วยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เหอะ ถามอะไรโง่ๆ ฉันก็มาที่นี่เพราะมาส่งภารกิจน่ะสิ ลูกขุ่นนางกระจอกๆแค่นี้ยังคิดไม่ออกอีก”
ลูเซี่ยนและลูกน้องเดินผ่านทั้งสองและมองด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหูเอริค
“อีกไม่นานบาสเตียนพ่อของแกก็จะไม่รอด หึหึหึ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เอริคโมโห เขากระชากคอเสื้อลูเซี่ยน
“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!!!”
แต่เขาก็ต้องเอามือออก เมื่อนึกได้ว่าเขาอยู่ต่อหน้าอาเบลล์ เขาจึงพยายามเก็บความโกรธนี้เอาไว้
“อยู่ต่อหน้าสาวเลยไม่กล้าหรือยังไง?” ลูเซี่ยนทำหน้าเย้ยหยันเอริค
“ฉันไม่อยากใส่ใจคนที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา ไม่อยากยุ่งกับคนให้สินบนกับขุนนางบางคน ถ้านายถือว่านายเก่งจริงอยากเอาชนะฉัน นายก็รับภารกิจเมืองวอร์ซอสิ ฉันจะเอาอาเบลล์ร่วมทีมด้วย ถ้าใครทำภารกิจนี้สำเร็จก็เป็นผู้ชนะ”
เมื่อเขาพูดจบ เหล่านักเดินทางคนอื่นๆที่อยู่ในหอกลางก็มองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน อาเบลล์ได้แต่ยืนเงียบๆ เพราะดูจากสีหน้าเอริคแล้ว เขาดูจริงจังมาก และเธอรู้ดีว่าหากใครมาหยามเกียรติพ่อของเขา เอริคจะไม่ให้อภัยคนผู้นั้น แต่การที่เขาไม่ใช้อารมณ์ตัดสินใจลงมือ ทำให้อาเบลล์ทึ่งในการตัดสินใจของเขาไม่น้อย
“เหอะ!!! เอาสิ ถ้านายคิดว่ากลุ่มนักเดินทางที่มีดีแต่จำนวนของนายจะทำภารกิจยากๆแบบนี้ได้ ก็ลองดู ฉันอยากจะเห็นแกตายเหมือนกันฉันให้เวลาแกไปหาคนมาร่วมทีม วันรุ่งขึ้นเรามาเจอกันที่นี่อีกครั้ง เพื่อรับภารกิจ”
“ได้” เอริคพาอาเบล์เดินออกมาจากหอกลางกลับไปที่กลุ่มของเขาเพื่อหาคนมาร่วมทีมลงภารกิจครั้งนี้ อาเบลล์มองเอริคที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
“จะดีเหรอที่ให้ฉันร่วมทีม ฉันกลัวทุกคนจะมาตายเพราะฉันนะ” อาเบลล์แสดงสีหน้าไม่สบายใจ
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก คนในกลุ่มต่างก็ฝีมือดี เธอก็ด้วย เธอเองก็เคยบอก นักเดินทางจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้” เอริคพูด
เบื้องหลังเอริคและอาเบลล์ มีกลุ่มคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ และตามสะกดรอยอยู่ไม่ห่าง เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาที่ตรอกในเมืองที่ลับตาผู้คนที่สัญจรไปมา หนึ่งในพวกนั้นเลยถือโอกาสจู่โจมเอริคและอาเบลล์
“ฉวั๊ะ!!!!” ดาบนั้นได้ฟันไปที่กลางหลังอาเบลล์พอดี เธอล้มลงไป เอริคชักดาบออกมาสู้กับคนพวกนั้นกลุ่มคนที่ปิดบังใบหน้าที่หวังจะเข้ามาทำร้ายทั้งสอง
“พวกแก หรือว่า!!” เอริคได้แต่ป้องกันการโจมตีของพวกนั้น เขาได้แต่ระแวงว่าพวกนั้นจะเข้าไปทำร้ายอาเบลล์ที่นอนอยู่ กลุ่มคนร้าย 5 คนที่มีฝีมือในการต่อสู้ เขาพลาดโดนผู้ร้ายฟันจนได้รับบาดเจ็บ
“อย่าทำเขา…..” อาเบลล์พยายามพยุงตัวเองขึ้นและใช้เวทย์ไฟยิงใส่ศัตรูเพื่อให้พวกนั้นหันมองที่เธอ
กลุ่มชายที่ปิดบังใบหน้าถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้านั้น พวกเขาคือกลุ่มที่เพิ่งมีเรื่องเมื่อครู่
“ลูเซี่ยน!!! ทำไมพวกคุณถึงได้ใช้วิธีนี้ทำกับพวกเรา” อาเบลล์ถามลูเซี่ยนพร้อมเล็งธนูไปที่เขา
“เพราะพวกเธอมันปากดี หาเรื่องใส่ตัวเองเธอแน่ใจเหรอว่าธนูเก่าๆของเธอจะทำอะไรพวกเราได้”
คำพูดของลูเชี่ยนทำให้อาเบลล์เคืองไม่น้อย เธอร่ายเวทย์ไฟใส่ธนูอีกครั้งและยิงไปที่ลูเชี่ยน แต่ก็ถูกบาเรียกั้นเอาไว้ เอริคเห็นดังนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปฟันลูกเชี่ยนอีกแรง
“ฉันบอกแล้วว่ามันไร้ผล พวกแกคงประเมินฝีมือของฉันต่ำเกินไป”
ลูเซียนชกหน้าเอริคเต็มแรง ตัวเขากระเด็นไปด้านหนึ่ง เขาสลบไป อาเบลล์เห็นท่าไม่ดีรีบยิงธนูรัวไม่ยั้ง ลูเซี่ยนหลบได้ เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา เพียงพริบตาเดียวก็เข้าถึงตัวเธอลูเซี่ยนบีบคอด้วยมือเดียวและยกตัวอาเบลล์ลอยขึ้นจับเธอทุ่มลงพื้นเต็มแรง
ตู๊ม!!!
ร่างอาเบลล์กระแทกพื้นอย่างแรง มันทำให้เธอบาดเจ็บไม่น้อย
“ไม่ดีเลยที่นักเดินทางอายุน้อยอย่างเธอต้องมาจบชีวิตในตรอกแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆ” ลูเซี่ยนแสดงท่าทีสะใจ
“งั้นเหรอ หึหึหึหึ” อาเบลล์ค่อยๆลุกขึ้นมา แสยะยิ้ม ตาแข็งกร้าว แววตาสีแดงเพลิง มีไอควันสีดำกระจายล้อมรอบตัวเธอ อาเบล์จับแขนของลูเซียนที่บีบคอเธอไว้ ลูเซี่ยนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เข้ามาในตัวเขา เขารีบเอามือออกจากอาเบลล์ แต่ก็พบว่ามือตัวเองไหม้กลายเป็นเถ้าไปซะแล้ว
“อ๊ากกกก!!! เป็นแบบนี้ได้ยังไง แกมันตัวอะไร แกไม่ใช่คน ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะใช้เวทย์มนตร์แบบนี้ได้” ลูเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญกับสิ่งๆหนึ่งที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้
“ฉันคือคนที่จะเผาแกให้สิ้นซากไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” เธอเดินเข้าไปหาลูเซียน ใช้มือล้วงเข้าไปในหน้าอก คว้าหัวใจของลูเชี่ยนออกมา
“นายดูสิ นายคงไม่เคยเห็นมันใช่ไหมล่ะ หัวใจชั่วร้ายที่เต้นรัวๆของนายไง หึๆๆๆ” อาเบลล์เผาหัวใจของลูเซียน เขาตาเบิกกว้างและทรุดลงไป
“หึ ไหนว่าเก่งนักเก่งหนา ” อาเบลล์แสยะยิ้มอีกครั้ง เธอมองไปรอบๆ เห็นพวกลูกน้องของลูเชี่ยนที่ตกตลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาเบลล์มองไปที่พวกเขา เหล่าลูกน้องของลูเชียนดิ้นอย่างทุรนทุราย ร่างกายของพวกเขากำลังไหม้จากภายในอาเบลล์ยิ้ม มองร่างที่กำลังไหม้จนไม่เหลือสิ้นส่วน ร่างทุกร่างที่ไหม้นั้นได้หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกนั้นหายไปไหนแล้ว” เอริคพยุงตัวเองขึ้น เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นพวกลูเชี่ยนและลูกน้องแม้แต่คนเดียว เขาเห็นอาเบลล์ที่ยืนโซเซเหมือนจะหมดสติ เอริครีบโผตัวเข้าไปรับอาเบลล์ที่กำลังจะล้มลง
“มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ฉัน….”
สิ้นเสียงที่แผ่วเบา อาเบลล์สลบลงเอริคใช้แขนช้อนร่างของอาเบลล์ขึ้นมา หวังจะพาเธอไปยังที่พักของกลุ่ม เขาเดินออกมาจากตรอกอย่างทุลักทุเล เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และคำพูดก่อนที่อาเบลล์จะสลบไปสร้างความแคลงใจให้กับเขาไม่น้อย เขาหวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรแย่ๆเกิดขึ้นอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ