King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ

8.3

เขียนโดย Byตั้งโอ๋

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  15.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) มุมใหม่ๆ ที่ได้พบเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด ปัง!

เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องน้ำก่อนจะตามด้วยเสียงของประตูที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางขาวเนียนที่เปลือยท่อนบน

"พี่รีฟ! ตะ ตัว อะไรก็ไม่รู้ข้างกระจกนะ" ว่าขึ้นอย่างหวาดกลัวพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา หลังจากกระโจนเข้ากอดรีฟเฟอร์ที่พังประตูเข้ามา

"เป็นอะไรจ้าว ร้องเสียเสียงดัง" รีฟเฟอร์พูดก่อนจะค่อยๆ ดันร่างข้าวจ้าวออกจากอก

"ตะ ตัว ตัว อะ"

"ขอใจที่โสมมของเจ้าแก่ข้า หึหึ ขอใจที่มืดบอดแก่ข้า ขอใจที่โส...อ๊ากกกก” เสียงพูดที่ฟังดูน่าขนลุกดังขึ้นมาก่อนจะกรี๊ดร้องอย่างเจ็บปวดทรมานเมื่อรีฟเฟอร์สาดดวงไฟสีแดงเข้าใส่เจ้าตัวประหลาดที่มีรูปร่างไม่แน่นอนพร้อมดวงตาใหญ่โตเพียงดวงเดียวไม่มีแม้ปาก หรือจมูกที่ลอยอยู่ข้างกระจกตรงอ่างล้างหน้า

“ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องกลัวนะ” รีฟเฟอร์พูดขึ้นเมื่อจัดการกับตัวประหลาดเรียบร้อยแล้ว แต่ข้าวจ้าวยังคงซุกอยู่กับอกแกร่งอย่าง สั่นเทา มือใหญ่จึงค่อยๆ ดันร่างบางออกจากอกอย่างเป็นห่วง ข้าวจ้าวคงจะกลัวมากเพราะอาจจะไม่เคยเจอพวกกิสมาก่อนแต่ก็ไม่แปลกที่จะไม่เคยเห็นเนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้อยู่แล้วถึงจะมีเซ้นส์เห็นวิญญาณก็ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะกิสต่างจากพวกวิญญาณ

“ใจเย็นๆ มองหน้าพี่ ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องกลัวนะ เชื่อพี่!” รีพเฟอร์ว่าพรางเอามือจับใบหน้าเล็กให้มองตน

“ไม่มีแล้วจริงๆ ใช่ไหมครับ”

“ครับ ไม่มีแล้วอาบน้ำต่อเถอะนะจะได้กินข้าวเย็นกัน” ก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลบรอนทองอย่างเอ็นดู ภายในใจรู้สึกร้อนรุมไปหมดเมื่อนึกได้ว่าร่างบางตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนน่าสัมผัสกับยอดอกสีชมพูน่าหลงใหลชวนให้ลิ้มลองแต่ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนอาการเอาไว้ภายในจิตใจ

“ไม่เอา จ้าวไม่กล้าอาบ” ข้าวจ้าวรีบพูดขึ้นมาทันทีพร้อมกับใบหน้าหวั่นๆ ราวกับน้ำตาจะใหลเพราะกลัวว่าไอ้ตัวประหลาดนั้นมันจะโผล่มาอีกครั้ง แต่สำหรับรีฟเฟอร์แล้วกลับมองว่าใบหน้านั้นกำลังเชื่อเชิญอยู่จนรู้สึกอย่างจะกระชากร่างบางมาจูบเหลือเกินแต่ก็ทำได้แต่คิดและข่มอารมณ์ไว้

“ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรแล้ว ไปอาบเสีย...หรือจะไม่อาบน้ำ”

“อาบสิครับ” รีบโต้กลับทันควัน ถึงจะกลัวแต่ก็ขาดการอาบน้ำไม่ได้รู้ดีว่าถ้าตนเองไม่อาบน้ำคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่

“งั้นก็ไปอาบเสียนะคนดี พี่รอที่ห้องนั่งเล่นน” รีฟเฟอร์ว่าพร้อมกับลูบเส้นผมสีน้ำตาลบรอนทองอย่างอ่อนโยนก่อนจะหันหลังออกเดินแต่ต้องหยุดเท้าลงเพราะมีมือเล็กมาจับชายเสื้อยืดที่ใส่นอนไว้ทำให้ต้องหันมามองคนที่กระทำอย่างสงสัย

“อยู่เป็นเพื่อนผมอาบน้ำก่อนนะ ผมไม่กล้าอยู่คนเดียว”ใบหน้าเล็กก้มมองอยู่แต่พื้นเพราะอายที่ตนเองเป็นคนขี้กลัวและยังอายที่ขอให้อีกคนอยู่เป็นเพื่อน รีฟเฟอร์สายหน้าให้กับความขี้กลัวของอีกคนแต่มันก็ทำให้เขาเองรู้สึกพอใจไม่น้อย

“งั้นก็รีบไปอาบพี่รออยู่หน้าประตูนี้ ไม่ใส่เสื้ออยู่ตั้งนานไม่หนาวหรือไง” รีฟเฟอร์ว่าแต่ก็ไม่วายแซ่วคนตัวเล็ก ข้าวจ้าวเมื่อได้ยินคำพูดของรีฟเฟอร์ก็รีบมองร่างตนเองทันทีก่อนจะหน้าขึ้นสีด้วยความอายเขาไม่เคยเปลือยท่อนบนต่อหน้าใครนอกจากพี่ชาย คงเพราะตกใจกลัวจนลืมไปว่าตนเองกำลังถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำแต่ก็ดันมีตัวประหลาดโผล่มาเสียก่อน รีฟเฟอร์ได้แต่ยิ้มชอบใจกับความเขินอายของข้าวจ้าวเพราะไม่ใช่แดงเพียงใบหน้าแต่หูและตัวก็แดงระเรืองอย่างเห็นได้ชัด หากวันนี้ไม่มีตัวประหลาดนี้ปรากฏขึ้นมา องครักษ์หนุ่มก็คงไม่รู้เลยว่าเวลาร่างบางเขินอายจะเป็นได้ถึงขนาดนี้รู้สึกอยากจะขอบคุณพวกกิสนั้นขึ้นมาเพราะมันทำให้ได้เห็นมุมอีกมุมหนึ่งของข้าวจ้าว

“ไปอาบน้ำได้แล้ว” เรียกสติของคนที่กำลังบิดกางเกงด้วยความเขินอาย ข้าวจ้าวทำเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะเข้าห้องน้ำไป

รีฟเฟอร์มองดูการกระทำของข้าวจ้าวอยู่ตลอดก็นึกเอะใจขึ้นมาเพราะคนในห้องน้ำแง้มประตูเอาไว้ถึงเมื่อสักครู่จะกระแทกประตูไปเสียแรงแต่ก็น่าจะยังปิดได้ทำไมข้าวจ้าวถึงไม่ปิดประตูหรือว่ายังกลัว เพื่อคล้ายความสงสัยเลยตัดสินใจถามทันที

"จ้าวไม่ปิดประตูหรือไง"

"เอ่อ เอ่อ ก็ผมกลัวนิครับ พี่รีฟอย่าไปไหนนะ" เสียงคนในห้องน้ำตอบกลับมาเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี คงจะกลัวจริงๆแต่ไม่อายกันแล้วหรือไงเห็นเมื่อสักครู่ตัวยังแดงอย่างโดนลวกอยู่เลย รีฟเฟอร์คิด อีกใจหนึ่งก็นึกอยากจะเห็นสภาพคนตัวเล็กตอนนี้จริงๆ ว่าเป็นยังไงจะเขินจนตัวแดงหรือเปล่านะ ขณะคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยเสียงน้ำที่กระทบพื้นก็ดังเรียกสติให้กลับมา ข้าวจ้าวคงจะลงมืออาบน้ำแล้ว จิตใจชายหนุ่มรู้สึกรุมร้อนไปหมดเมื่อนึกถึงคนในห้องน้ำ

ทางด้านข้าวจ้าวก็เหมือนกันแม้จะอาบน้ำแต่จิตใจก็จดจออยู่กับคนด้านนอกตอนแรกก็กลัวตัวประหลาดจริงๆ แต่ตอนนี้ความกลัวมันหายไปหมดแล้วมีแต่ความเขินอายเข้ามาแทนเมื่อคิดได้ว่ารีฟเฟอร์ยืนอยู่หน้าห้องน้ำใจหนึ่งก็กลัวรีฟเฟอร์จะเห็นตนเองตอนอาบน้ำเพราะประตูแง้มเอาไว้นิดหน่อย ด้วยเพราะความกลัวจากเมื่อสักครู่ ที่ผ่านมาซึ่งตอนนี้ข้าวจ้าวคิดว่าตนเองทำผิดพลาดไปเสียแล้วมันไม่มีสมาธิในการอาบน้ำเลยแต่ก็ต้องอดทนจนในที่สุดก็จัดการอาบน้ำ เสร็จจนได้

หลังจากจัดการอาบน้ำจนเสร็จข้าวจ้าวกับรีฟเฟอร์ก็พากันไปกินข้าวในห้องครัว ทั้งสองต่างเงียบไม่พูดอะไร รีฟเฟอร์ก็ได้แต่ยิ้มส่งให้ข้าวจ้าวเพราะรู้ดีที่อีกคนเงียบนั้นคงเพราะว่ายังเขินอายอยู่แต่องครักษ์หนุ่มก็ไม่พูดหรือทำอะไรเช่นกันยังอยากเห็นท่าทางเขินอายที่ค่อยเอาแต่หลบหน้า และทำอะไรเปิ่นๆ มันดูน่ารักมาก

ข้าวจ้าวเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางที่แสดงออกมานั้นเห็นได้จนชัดเจน และเรียกความหื่นกระหายได้ดียิ่งนัก มันเป็นอย่างนั้นจน กินข้าวเสร็จรีฟเฟอร์ก็ขอตัวไปนั่งดูทีวีข้าวจ้าวก็จัดการทำความสะอาดจาน ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนตัวโตต้องรู้แน่ว่าตนเองทำตัวแปลกไปเพราะความเขินอายคงต้องกำจัดอาการนี้ และทำตัวให้เป็นปกติ

"พี่รีฟง่วงนอนยังครับ" ข้าวจ้าวที่เดินออกจากห้องครัวมานั่งที่โซฟาน่าทีวีซึ่งมีรีฟเฟอร์นั่งอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแม้ในใจจะไม่ปกติก็ตาม

"ยังเลย จ้าวง่วงแล้วหืรอ" รีฟเฟอร์ละสายตาจากทีวีมาตอบอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว

"ยังหรอกครับ...เอ่อ พี่รีฟไอ้ตัวประหลาดในห้องน้ำมันคืออะไรอะ ใช่ผีหรือเปล่าครับ" ถามถึงตัวประหลาดที่ตนเองเจอในห้องน้ำอย่างสงสัย รีฟเฟอร์มองข้าวจ้าวอย่างช่างคิดว่าจะบอกดีหรือไม่แต่การให้ข้าวจ้าวรู้เรื่องพวกนี้มันอาจเป็นการดีสำหรับตัวข้าวจ้าวเองเพราะเห็นมันแล้ว

"พวกนั้นเขาเรียกกันว่ากิสไม่ใช้ผีหรอกแต่ก็คล้ายๆ กัน แต่พวกมันเป็นพวกไม่ดีชอบแขวงในจิตใจมนุษย์เพื่อคอยกัดกินความคิดที่ไม่ดีของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในจิตใจนะ ถ้าหากมนุษย์ไม่มีจิตใจชั่วร้ายพวกกิสก็จะคอยชักจูงจิตใจให้ทำเรื่องไม่ดีเพื่อมันจะได้กินจิตใจไม่ดีเหล่านั้น บ้างทีที่มนุษย์ทำเรื่องไม่ดีนั้นไม่ได้มาจากจิตใจที่แท้จริงของพวกเขาหรอกอาจจะเป็นพวกกิสที่ทำนะ" ข้าวจ้าวใจสลดนิดหน่อยกับเรื่องที่ได้ยินเพราะมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ

"จริงเหรอครับ ในโลกมีพวกแบบนี้ด้วยผมนึกว่าจะมีแต่ในการ์ตูนเสียอีก เอ่อ แล้วพวกมันมาที่นี้ได้ไงละครับ" ข้าวจ้าวรู้สึกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ และก็น่ากลัวมาก แต่ก็ยังสงสัยว่าไอ้พวกกิสมันมาอยู่ที่นี้ได้ไง

"พวกมันก็อยู่ไปทั่ว เพียงแต่ไม่มีใครเห็นมันได้ก็เท่านั้นเอง" รีฟเฟอร์พูดพร้อมกับยิ้มให้กับอาการตกใจของข้าวจ้าวที่ดูน่ารักเป็นพิเศษ บวกกับใบหน้างงงันนั้นยิ่งน่ารักมากขึ้นอีกในสายตาร่างสูง

"อ้าวแล้วทำไมจ้าวถึงเห็นละครับ" รีฟเฟอร์บอกไม่มีใครสามารถเห็นได้แต่ทำไมข้าวจ้าวถึงเห็นเลยสงสัยขึ้นมา

"คงเพราะจ้าวอยู่ใกล้ๆ พี่ที่เป็นปีศาจกระมังพลังของพี่เลยส่งผลต่อจ้าว" รีฟเฟอร์พูดขึ้น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วรีฟเฟอร์ก็ไม่รู้เหตุผลที่ข้าวจ้าวเห็นพวกกิสเหมือนกันแต่พูดไปเพราะไม่อยากให้อีกคนสงสัยไปมากกว่านี้

"เอ่อ คือจ้าวสงสัยว่าพี่รีฟอยู่ส่วนไหนของโลกกันครับ โลกปีศาจของพี่นะ ไอ้ตัวประหลาดที่ชื่อกิสก็เหมือนกันอยู่ที่ไหน แล้วมาที่นี้ได้ไงอะครับ" ข้าวจ้าวถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวแต่ด้วยความที่อยากรู้ก็ต้องเสี่ยงถาม

"คือมันก็อธิบายยากนะจ้าวมันซับซ้อนนะเรื่องพวกนี้พวกมนุษย์คงไม่รู้สินะ ยังไงดีละคือโลกของพี่ก็อยู่ที่เดียวกับโลกของจ้าวนี้แหละรวมถึงพวกกิสด้วย" รีฟเฟอร์พูด แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่เข้าใจ "อ้าว! จ้าวงงนะเนี้ยอยู่ที่เดียวกันแล้วทำไมไม่เคยได้ยินละอยู่ส่วนไหนของโลกเหรอพี่รีฟ" ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเก่า และงงกับเรื่องที่รีฟเฟอร์บอกว่าโลกของรีฟเฟอร์อยู่ที่เดียวกันแต่ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

"ที่จ้าวไม่รู้เพราะโลกของพวกเราอยู่กันคนละห้วงมิติ บางทีตอนที่พี่อยู่ที่โลกปีศาจเราสองคนอาจจะเดินชนหรือเดินสวนทางกันก็ได้แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้เพราะเราอยู่คนละห้วงมิติกัน" รีฟเฟอร์อธิบายข้าวจ้าวก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจ

"จ้าวงงนะพี่แล้วห้วงมิตินี้มันคืออะไรละครับ" ไม่เข้าใจเรื่องที่รีฟเฟอร์พูดแต่ฟังๆ ดูเหมือนกับการ์ตูนหรือนิยายเลยเพราะมันดู น่าเหลือเชื่อ และเข้าใจยาก

“ยังไงดีละ มันคงเหมือนคนละเวลากัน พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ”

“ออๆ แล้วพี่มาโลกมนุษย์ได้ไงครับ มันอยู่คนละเวลาแบบนั้นนะ หรือพี่จะนั่งไทม์แมชชีนมาเหมือนโดเรมอน” ข้าวจ้าวถามอย่างสงสัยพลางจ้องรอคำตอบแต่ได้การหัวเราะตอบกลับมาข้าวจ้าวได้แต่ทำหน้างงว่าคนตัวโตหัวเราะเรื่องอะไร ทางรีฟเฟอร์ก็หัวเราะไม่หยุดยิ่งเห็นใบหน้าที่งุนงงของข้าวจ้าวก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น ยิ่งนึกถึงคำถามที่คนตัวเล็กถามก็อดหัวเราะไม่ได้อีก ข้าวจ้าวคงดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่าถึงถามออกมาตั้งใจถามจริงๆ หรือแค่แกล้งเล่นกัน

“นี่จ้าวถามพี่จริงๆหรือแกล้งพี่กัน” รีฟเฟอร์ถามขึ้นพลางหัวเราะไปด้วยข้าวจ้าวก็ยังงงว่าตนเองถามอะไรเล่นๆ ทั้งที่ถามเพราะอยากรู้จริงๆ ได้แต่ครุ่นคิด และเหมือนว่าจะนึกได้ถึงประโยคสุดท้าย “จ้าวถามจริงๆ นะไม่ได้แกล้งเล่นก็เห็นพี่บอกว่าอยู่คนละเวลาก็นึกว่าจะมากับไทม์แมชชีนเหมือนโดเรมอนเพราะโดเรมอนใช้มันนั่งไปในเวลาต่างๆ ได้นี่ครับ” พูดขึ้นเสียงดังก่อนจะเสียงอ่อนลงจนเกือบจะไม่ได้ยินเพราะอายที่ความคิดเหมือนเด็ก

รีฟเฟอร์ลุกไปนั่งลงข้างๆ ข้าวจ้าวก่อนจะขยี่หัวไม่แรงมากนักด้วยความที่ทนกับความน่ารักไม่ไหว

“พี่ไม่ได้นั่งไทม์แมชชีนมาเหมือนโดเรมอนหรอกนะ หึหึ ทุกมิติจะมีประตูเชื่อมต่อไปอีกมิติหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ เพราะทุกประตูที่เชื่อมไปมิติต่างๆ จะมีผู้ดูแล และคอยตรวจสอบอยู่เสมอ แต่ก็มีพวกที่แอบแฝงไปมิติอื่นเหมือนพวกกิสไงมันจะเกาะไปตามผู้ที่เดินทางข้ามมิติไปยังมิติต่างๆ หรือแอบผ่านประตูไปโดยผู้คุมไม่รู้เพราะรูปร่างที่ไม่แน่นอนของมันนั้นแหละมันถึงแอบผ่านไปได้”

"อืมๆ แบบนี้เอง เรื่องมันเข้าใจยากจังเลยนะครับแต่จ้าวว่าจ้าวเข้าใจอยู่นะแบบนี้พี่สวยก็อาจจะกำลังเดินสวนกันหรืออยู่ใกล้กันนะสิครับเพียงแต่รับรู้หรือเห็นไม่ได้ใช่ไหม" ใบหน้าหวานหม่อนลงเมื่อนึกถึงพี่ชายขึ้นมาอดคิดถึงไม่ได้หลายวันมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันทั้งที่เมื่อก่อนเจอกันทุกวันมันก็เลยอดเศร้าใจไม่ได้ยิ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันก็ยิ่งทรมานถ้าไม่มีรีฟเฟอร์อยู่เคียงข้างข้าวจ้าวเองก็คงจะอยู่ไม่ได้เป็นแน่

"คิดถึงองค์...เอ่อข้าวสวยใช่ไหม อยากคุยกับข้าวสวยไหม" รีฟเฟอร์ถามขึ้น

"ได้เหรอครับคุยได้จริงๆ เหรอพี่รีฟ คุยๆ จ้าวอยากคุยกับพี่สวย" ข้าวจ้าวพูดขึ้นอยากดีใจ ลืมอาการหง่อยที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ไปจนเสียสนิท

"ได้สิ เมื่อกี้ตอนจ้าวล้างจานพี่ขอองค์ราชาไว้นะ อีกอย่าง ข้าวสวยก็อยากคุยกับเจ้านะองค์ราชาเลยอนุญาต" ตรงหน้ายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที รีฟเฟอร์รู้ดีว่าข้าวจ้าวคิดถึงข้าวสวยอยู่ตลอดแต่จะไม่ค่อยแสดงออกมาก็เท่านั้น ข้าวจ้าวมักพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น รีฟเฟอร์ก็อยากให้ข้าวจ้าวแสดงความอ่อนแอมาให้เขาเห็นบ้างอยากเป็นคนที่ค่อยช่วยเหลือ ปกป้อง ดูแล และเข้าใจข้าวจ้าวในทุกเรื่องแต่ตนตัวเล็กยังคงไม่เปิดใจยอมรับอย่างเต็มที่ ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนไว้ใจทุกเรื่องแต่ข้าวจ้าวก็ไม่เคยพูดถึงความทุกข์ออกมาเลยสักครั้ง รีฟเฟอร์ก็ได้แต่เพียงหวังว่าสักวันคนตัวเล็กจะยอมเปิดใจพูดทุกอย่าง ตอนนี้ได้แต่คอยดูแล และคอยเป็นห่วงได้เท่านั้น รีฟเฟอร์ดึงตัวเองออกจากความคิดก่อนจะหันมาร่ายมนต์อะไรบางอย่างสักครู่หนึ่งก็ปรากฏจอภาพใสเหมือนกระจกขึ้นมาบนอากาศตรงหน้าโซฟาที่ทั้งสองนั่งอยู่ ข้าวจ้าวมองการกระทำของ รีฟเฟอร์อย่างตื่นเต้นพร้อมกับความดีใจที่จะได้คุยกับผู้เป็นพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน จอภาพค่อยๆ ฉายให้เห็นใบหน้าของผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่บนเตียงใหญ่ ข้างๆ มีชายผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกันมองดูน่ากลัวมากในสายตาของข้าวจ้าวแต่ไม่มีเวลาไปสนใจกับคนอื่นนอกจากพี่ชายตน

"พี่สวย คิดถึงงงงงง" พูดขึ้นเสียงดังด้วยใบหน้าที่ดีใจแบบสุดๆ


"พี่ก็คิดถึง เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม ทำความเดือดร้อนให้ รีฟเฟอร์หรือเปล่า" ข้าวสวยในจอภาพตอบกลับอย่างอ่อนโยน

"จ้าวเป็นเด็กดีไม่ได้ทำให้พี่รีฟเดือดร้อนเลยนะ ใช่ไหมพี่รีฟ" ข้าวจ้าวตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแต่ไม่วายดึงคนข้างๆ ให้มาช่วยพูด

"เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว แล้วทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอนอีก"
"ยังไม่ดึกเลยพี่สวย เดี๋ยวค่อยนอน ว่าแต่พี่เถอะไม่คิดจะแนะนำคนข้างๆ ให้รู้จักบ้างหรือครับ" ข้าวจ้าวว่าพรางยิ้มกรุ่มกริ่มล้อเลียนพี่ชายตนเอง

"ลืมเลยดีใจไปหน่อย คุณนี้ข้าวจ้าวน้องชายผม จ้าวนี้ราชาปีศาจอัสดิบัสแอนด์หรือเรียกสั้นๆ ว่าอัสบัส” ข้าวสวยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันถึงจะรู้ว่าอัสบัสรู้แล้วก็ตามแต่มันคือมารยาท

"ออคนนี้สินะที่เป็นสามีพี่นะ โอเคผมให้ผ่านหล่อมากเลยพี่สวย" ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นว่าอัสบัสดูน่ากลัวแต่พอมองดีๆ แล้ว อัสบัสดูเป็นคนอ่อนโยนมากเพราะสายตาที่มองพี่ชายอยู่มันบ่งบอกอย่างชัดเจนเห็นแบบนี้แล้วข้าวจ้าวก็อดโล่งใจไม่ได้เพราะไม่ต้องกังวลว่าพี่ชายตนเองจะลำบากหรือเป็นอะไร
"มะ..."
"ใช่ข้านี่แหละสามีพี่เจ้า ถึงเจ้าจะไม่ให้ข้าผ่านก็ห้ามข้าไม่ได้หรอกนะเพราะพี่เจ้าเป็นของข้าแล้ว" อัสบัสพูดแทรกข้าวสวยขึ้นอย่างจริงจัง ทำเอาข้าวจ้าวตกใจ

"พี่สวยได้กับพี่เขยแล้วเหรอ หึหึ นึกว่าจะเล่นตัวเยอะกว่านี้ซะอีกผิดคาดนะเนี้ย อุส่าห์รักษาพรมจันทร์มาตั้งนาน หึหึ พี่นี่สุดยอดอ่ะ พรากพรมจันทร์พี่สวยได้ด้วย" ว่าเย้ยพี่ชายตนเอง เพราะรู้ดีว่าข้าวสวยเป็นคนห่วงตัวมากมีคนมาจีบเยอะแยะทั้งหญิงทั้งชายพี่แกก็ไม่เคยสน เห็นหน้าสวยดูเรียบร้อยแต่ก็แสบไม่เบา แต่ภายในกลับเปราะบางมากแถมยังเป็นคนชอบสงสารคนอื่น มีหลายครั้งที่ทำให้ข้าวจ้าวต้องเป็นห่วงเพราะความขี้สงสารของพี่ชายตนเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ไม่เคยหลาบจำสักครั้ง

"บ้าพูดอะไรเป็นเด็กเป็นเล็กเริ่มจะแก่แดดขึ้นทุกวันนะรีฟเฟอร์คอยคุมจ้าวมันบ้างละอย่าตามใจมาก ฉันรู้นะไม่ใช่ไม่รู้ดูอยู่ตลอด" ข้าวสวยว่าแต่ไม่วายไปสั่งรีฟเฟอร์ที่ยืนเงียบอยู่ก่อนจะดุนิดหน่อยเพราะข้าวสวยรู้อยู่ว่ารีฟเฟอร์ตามใจน้องชายตนเองตลอดจากภาพที่อัสบัสคอยฉายให้ดู

"พ่ะย่ะคะองค์ราชินี " รีฟเฟอร์ตอบรับผู้เป็นราชินี คำพูดที่ฟังดูไม่อะไรมากแต่มันแฝงไปด้วยอำนาจมากมาย ทางอัสบัสเองก็ได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำของผู้เป็นภรรยานับวันยิ่งสมกับตำแหน่งราชินีมากขึ้นจนน่าภูมิใจแต่ก็อดที่หวั่นไม่ได้เพราะเมียเริ่มดุขึ้นทุกวันต่อไปอัสบัสคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะเกรงใจเมียขนาดตอนนี้ก็ยอมทำทุกอย่างที่ขอมีเรื่องเดียวที่ยอมไม่ได้ก็บนเตียงไม่มีทางห้ามได้แน่นนอนอัสบัสคิด ทั้งสองพี่น้องก็คุยกันเยอะแยะมากมายจนเวลาล่วงเลยไปมากข้าวสวยเองก็เห็นอาการของข้าวจ้าวว่าง่วงนอนตั้งนานแล้วก็ใช่ให้ไปนอนแต่เจ้าน้องชายก็ดื้นตลอดแต่ครั้งนี้คงต้องบังคับจริงๆ "จ้าวไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องเถียงขอหลายครั้งแล้วนะ" ข้าวสวยพูดขึ้นทางข้าวจ้าวก็จะขัดขึ้นมาแต่ข้าวสวยพูดดักไว้ก่อน สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนถึงจะอยากคุยกับพี่ชายตนเองต่อก็ตาม

"จ้าวคิดถึงพี่นะ รักพี่สวยมากๆ เลย จะได้คุยกันอีกไหมอ่ะ พี่สวย" เสียงออดอ้อนขอพรางรอคำตอบจากพี่ชายในจอใหญ่ที่หันไปคุยกับอัสบัสก่อนจะหันมาตอบกลับข้าวจ้าว

"ได้คุยอีกสิ เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นแหละแต่บ่อยไม่ได้หรอกนะ" ข้าวสวยตอบกลับไป

"ทำไมละพี่สวย" ข้าวจ้าวถามขึ้นอย่างสงสัย

"พี่ไม่ได้ว่างมากนักนะ แล้วอีกอย่างจะคุยอะไรมากมาย รีฟเฟอร์อยู่ด้วยก็คุยไปสิ" ความจริงข้าวสวยเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไรแต่ไม่อยากรบกวนอัสบัส และอีกอย่างอยากให้ข้าวจ้าวชินกับการที่ไม่มี เขาอยู่ใกล้ๆ

"พี่สวยอ่ะได้สามีแล้วลืมน้อง เชอะ จ้าวอยู่กับพี่รีฟก็ได้ไม่สนพี่สวยแล้ว" ข้าวจ้าวว่าอย่างงอนๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนักทาง ข้าวสวยก็ได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ ให้กับน้องชายตนเอง ก่อนจะจากลากันไป

"ยืนมองอยู่นั้นเขาไปแล้ว" รีฟเฟอร์พูดขึ้นเพราะเห็นข้าวจ้าวยังยืนมองกลางอากาศอยู่ทั้งที่จอภาพหายไปนานแล้ว

"พี่รีฟก็"

"ไปนอนดีกว่าดึกแล้วนะจ้าว" รีฟเฟอร์สั่งให้ไปนอนเพราะเวลานี้มันก็ดึกมากแล้ว

"จ้าวขอกินไอศครีมก่อนได้ไหมพี่รีฟ" ขอขึ่นเพราะนึกได้ว่ายังไม่ได้กินของโปรดที่ต้องกินทุกวันหลังอาหารเย็นซึ่งวันนี้ยังไม่ได้กินเลย

"มันดึกแล้วนะจ้าว ค่อยกินพรุ่งนี้" รีฟเฟอร์พูดเสียงติดดุเพราะมันดึกมากแล้วคนตัวเล็กยังจะกินไอศครีมอยู่อีก

"แต่เจ้าอยากกิน นะ นะ ถ้าจ้าวไม่ได้กินนอนไม่หลับแน่เลย" พยายามอ้อนขอคนตัวโตทุกทาง มือสองข้างยื่นมากุมมือข้างหนึ่งของรีฟเฟอร์ไว้ใบหน้าก็ซบลงกับไหล่กว้างพรางถูไปมาอย่างอ้อนๆ รีฟเฟอร์เห็นการกระทำนั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้เพราะมันน่ารักเหลือเกินราวกับเด็กน้อยอ้อนของขนม

"ก็ได้ๆๆ"

"เย้ ขอบคุณครับ" ข้าวจ้าวร้องอย่างดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องครัวไปเปิดตู้เย็นเอาไอศครีมที่ซื้อติดตู้เย็นไว้ตลอดไม่เคยขาดมานั่งกินที่โซฟาหน้าทีวี

รีฟเฟอร์นั่งมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจเพราะใบหน้าของ ข้าวจ้าวดูมีความสุขมากเวลาได้กินไอศครีมรสวนิลา ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าไม่มีเรื่องทุกร้อนใดๆ ทุกสิ่งมีเพียงความสุขที่ได้รับมันช่างเป็นใบหน้าที่น่าหลงใหลเหลือเกินไม่อยากให้ใบหน้านั่นมัวหม่องลงไปแม้แต่น้อยรีฟเฟอร์คิด เวลาผ่านไปได้สักครู่หนึ่งข้าวจ้าวก็จัดการกับ ไอศรีมเรียบร้อยทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนรีฟเฟอร์ไปส่งข้าวจ้าวที่ห้องก่อนจะเดินกลับมาห้องของตนเองที่อยู่ไม่ไกลกัน

ข้าวจ้าวนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเรียบร้อยไฟในห้องก็ไม่ได้ปิดเนื่องจากนึกกลัวไอ้ตัวประหลาดที่ชื่อว่ากิส แต่พอจะข่มตาหลับภาพตัวประหลาดนั้นก็ฉายขึ้นมาจนไม่กล้าหลับพร่อยให้นอนไม่หลับ ร่างบางก็ได้แต่ผลิกไปมาจนทนไม่ไหวลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าหมอนกับผ้าห่มของตนเองลงจากเตียงแล้วออกจากห้องไปมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของรีฟเฟอร์แต่ก็ไม่ได้เคาะประตูแต่อย่างใดเพราะกลัวว่าจะรบกวนคนในห้องที่อาจจะหลับไปแล้ว แต่ถ้าหากไม่เรียกข้าวจ้าวเองก็คงจะไม่ได้นอน ยืนอยู่หน้าประตูคนเดียวก็กลัวมากพอแล้วถ้ายืนนานไปมากกว่านี้คงจะไม่ไหวเลยตัดสินใจเคาะประตูไปสองสามครั้ง ประตูยังคงเงียบไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมาเลยกะจะเรียกอีกรอบหนึ่งแต่ก่อนที่มือเล็กจะเคาะลงบนประตูนั้นก็เปิดออกมาเสียก่อน เผยให้เห็นร่างของรีฟเฟอร์ที่กำลังหน้านิ่วคิวขมวดเพราะความสงสัย

"พี่รีฟจ้าวนอนด้วยสิจ้าวนอนไม่หลับ กลัวไอ้ตัวประหลาดนั้นด้วย” ข้าวจ้าวพูดขึ้นพร้อมกับร้อยยิ้มแยะๆ เพราะเกรงใจ

"ก็ได้เข้ามาสิ" ตอบรับก่อนจะเลื่อนตัวหลบให้ข้าวจ้าวเดินเข้ามาในห้อง มองร่างบางที่หอบหิ้วหมอนกับผ้าห่มเดินเข้ามาในห้องอย่างยิ้มๆ นึกดีใจที่ข้าวจ้าวมาขอนอนด้วย จึงตอบรับทันทีเพราะมันคือโอกาสที่เขาเองจะได้นอนกับคนตัวเล็กซึ่งมันไม่ใช่จะมาง่ายๆเพราะฉะนั้นมาแล้วต้องรีบคว้าไว้รีฟเฟอร์จัดการปิดไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงที่มีข้าวจ้าวนอนทำตาปริบๆ อยู่

"นอนได้แล้ว ฝันดีนะครับ" รีฟเฟอร์ที่นอนลงหันมาบอก "ครับ" ข้าวจ้าวตอบกลับมาทั้งรอยยิ้มก่อนจะเลื่อนมือมา โอบกอด และเอาหน้าซุกบนอกแกร่ง รีฟเฟอร์ชะงักไปแวบหนึ่งเพราะตกใจไม่คิดว่าข้าวจ้าวจะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ดันตัวอีกคนออกชอบเสียมากกว่าที่ข้าวเจ้าทำแบบนี้เลยปล่อยอีกคนให้ทำคามใจ รีฟเฟอร์กอดตอบกลับไปข้าวจ้าวก็ไม่ได้ขัดขึนอะไรมันเป็นการดีมากจริงๆ นึกขอบคุณพวกกิสขึ้นมาอีกครั้งที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเช่นนี้

"อุ่นจังเลยครับพี่รีฟ ฝันดีนะครับ" ข้าวจ้าวที่ยังเอาใบหน้าซุกอกอยู่ว่าขึ้น รีฟเฟอร์ได้แต่ยิ้มร่าออกมาอย่างสุขใจ พรางกระชับกอดให้แน่นขึ้นสักครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงลมหายใจของคนในอ้อมกอดสม่ำเสมอซึ่งแสดงว่าคงหลับไปแล้ว รีฟเฟอร์ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าไป จูบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลบรอนทองที่อย่างอ่อนโยนก่อนที่ตนเอง จะจัดการท่านอนให้นอนสบายขึ้นและค่อยๆ หลับลงสู่ห้วงนิทราตามอีกคนไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา