King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ
8.3
เขียนโดย Byตั้งโอ๋
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
15.24K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ผู้ปกครองคนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4 ผู้ปกครองคนใหม่
ณ โลกมนุษย์
“วันนี้ทำอะไรกินดีละ อยู่คนเดียวคงไม่ต้องเอาอะไรมากหรอกมั้ง” ร่างบางกล่าวขึ้นกับตนเองทั้งกำลังมองดูผักบนชั้นวางในห้างเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหยิบผักสองสามอย่างลงตะกร้าเดินเลือกซื้อของอีกสามสี่อย่างก่อนจะไปจ่ายเงินเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากห้างมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์เด็กหนุ่มยืนรออยู่สักพักรถเมล์สายที่ตนเองนั่งประจำก็มาถึง รถเมล์แล่นเข้ามาจอดที่ป้ายรถข้างซอยเล็กๆ ขาเรียวก้าวลงเดินไปตามซอยเล็กที่มีทั้งบ้านเล็กบ้านใหญ่อยู่ตลอดทาง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่บ้านชั้นเดียวไม่ใหญ่มากนักซึ่งเป็นบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตนก่อนท่านจะเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน เขามองประตูรั้วบ้านก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าโซ่กับลูกกุญแจที่ใช่ปิดประตูนั้นกองอยู่กับพื้น ‘พี่กลับมาแล้วหรือ’ เขาคิดก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นคนตัวเล็กก็ไม่รอช้ารีบคว้าประตูรั้วออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอย่างเร็ว จนมาหยุดอยู่หน้าประตูของตัวบ้านก็แปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อไม่เห็นรองเท้าของผู้เป็นพี่ชายที่หน้าประตู เขามองประตูนิ่งก่อนจะเลื่อนมือเล็กไปจับลูกบิดประตูแล้วค่อยๆ เปิดออกเมื่อกวาดสายตาเข้าไปก็พบชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหล่า คมคาย แต่นิ่งเฉย สายตานั้นดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งอยู่ในชุดแปลกๆ นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัยก่อนจะถามออกไป
“คุณมาหาใครหรือครับ” ปากเรียวสวยเอ่ยถามอย่างยิ้มฝืดๆ เพราะไม่รู้คนตรงหน้าเป็นใครเลยต้องใจดีสู้เสือไว้ก่อน คนถูกถามยืนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนจะโน้มตัวเป็นการเคารพให้กับร่างเล็กตรงหน้า ทำเอาเด็กหนุ่มยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่อเจอการกระทำแปลกๆ ก่อนจะเอามือมาเกาหัวตัวเองอย่างเก้กังแล้วยิ้มฝืดๆ ให้กับร่างหนาที่อยู่ตรงหน้าเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ๆ มีคนแต่งตัวแปลกๆ เข้ามาอยู่ในบ้านแถมมาคำนับใส่อีก
“เอ่อ คุณเป็นใครครับ เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง” ปากสวยยกถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบจากอีกคนสักที
“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะที่เข้ามาโดยพลการ” ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะโน้มตัวเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้ง เด็กหนุ่มนิ่งชะงักเมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้ามาพูดใช่คำราชาศัพท์กับตนเองที่เป็นแค่คนธรรมดา
“พูดกับผมธรรมดาก็ได้ครับ ผมมันคนสามัญชนธรรมดาไม่ได้มีเชื่อเจ้าอะไร” ปากเล็กพูดขึ้นอย่างเกลงอกเกลงใจปนงงๆ กับคนตรงหน้าที่อยู่ๆ ก็พูดกับเขาแบบนั้น
“คงมิได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะพระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินี” ร่างหนาตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่
“อะ...องค์ราชินี?” คนฟังว่าขึ้นอย่างติดขัดเพราะตกใจกับคำตอบที่ได้รับ ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยมีพี่เป็นราชินีนะ
“ถุกต้องพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินีข้าวสวย” เมื่อได้ยินชื่อพี่ของตนเองก็ตกใจขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าพี่ที่หายไปสี่วันนั้นจะไปเป็นองค์ราชินี แต่พี่เขาเป็นผู้ชายจะไปเป็นองค์ราชินีใครได้ไงคงจะเข้าใจผิดกันไปสินะ ร่างบางคิดก่อนจะตัดสินใจถามย่ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“พี่สวยนะเหรอครับเป็นองค์ราชินี”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับมานิ่งราวกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติ สงสัยเข้าใจผิดกันละมั้งเนี้ย คนตัวเล็กคิด
“พี่ผมเป็นผู้ชายนะ จะเป็นองค์ราชินีได้ไงละครับ” เมื่อคล้ายตกใจลงบ้างก็ถามขึ้นถึงข้อสงสัยทันที
“เรื่องเพศไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ขอแค่เป็นผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เป็นพอพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงสงสัยแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะทิ้งคำให้คนตัวเล็กตรงหน้าสงสัยเข้าอีกเพราะคิ้วสวยขมวดจนยุ่งอย่างครุ่นคิดจึงขยายความจุดที่คนตรงหน้าน่าจะสงสัยอยู่
“มณีจันทราคือดวงแก้วที่จักทำการเลือกคู่ครองให้กับองค์ราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งผู้ถูกเลือกก็คือพระเชษฐาของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
เมื่อได้ฟังก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะบุคคลแต่งตัวแปลกประหลาดนั้นบอกว่าพี่ชายของตนจะไปเป็นภรรยาของราชาปีศาจซึ่งก็แสดงว่าพี่ชายเขาได้สามีเป็นปีศาจนะสิ คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามคนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อความแน่ใจ
“งั้นพี่สวยก็ไปเป็นมะ...เอ่อภรรยาปีศาจนะสิครับ แบบนี้พี่ผมจะไม่เป็นอะไรหรือ ผมเป็นห่วงพี่ ผมอยากเจอพี่ ผมงงไปหมดแล้วนี้มันเรื่องอะไรกันครับ มันจะการ์ตูนไปแล้วนะครับผมทำใจเชื่อไม่ไหวจริงๆ” เด็กหนุ่มรัวคำถามใส่ร่างหนาจนสะดุ้งนิดหน่อยเพราะไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
“กระหม่อมว่าพระองค์ทรงประทับก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะประเดี๋ยวกระหม่อมจะอธิบายให้พ่ะย่ะค่ะ” คนตัวโตพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบ อีกคนที่ยืนรอคำตอบอยู่เมื่อบอกว่าจะอธิบายก็เดินมานั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย
“เอาละเล่าให้ผมฟังได้หรือยังว่าเรื่องมันเป็นยังไง” คนตัวโตก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กับคนตัวเล็กฟัง คนฟังนั่งฟังอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรแทรกขึ้นมาแม้แต่น้อย
“สรุปแล้วพี่สวยต้องไปเป็นเมียราชาปีศาจซึ่งเป็นเจ้านายของคุณเพราะเป็นคนที่ถูกเลือก ที่สำคัญพวกเขาแต่งงานไปแล้ว และต้องอยู่ที่โลกปีศาจกับเจ้านายของคุณ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นเป็นการสรุปอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาตอบพลางยักหน้า
“แล้วพี่สวยจะได้กลับมาที่นี้อีกไหมละครับ” คนตัวเล็กถามขึ้นอย่างหง่อยๆๆ เมื่อคิดว่าจะได้เจอพี่ชายอีกหรือไม่
“เรื่องนี้กระหม่อมตอบไม่ได้หรอกพะยะค่ะว่าองค์ราชินีจะได้กลับมาที่โลกนี้อีกหรือไม่” ตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“ทำไมละครับ ถ้าแบบนี้ผมก็จะไม่ได้เจอพี่อีกนะสิ ผมต้องอยู่ ฮึก คนเดียวนะสิ ฮึก ทุกคนเล่นทิ้งผมไปหมดเลย ฮึก ฮึก” ปากเรียวเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับร้องไห้สะอื้นเมื่อรู้ว่าตนเองต้องอยู่คนเดียวมันน่าเศร้านะที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
“พระองค์ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นพรางเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวเนียนอย่างอ่อนโยน ‘มนุษย์นี้ช่างเปราะบางยิ่งนัก’ นึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าจับใจ
“ผมจะ ฮึก ไม่ได้อยู่คนเดียว ฮึก ได้ไงก็ในเมื่อพี่สวย ฮึก ไปอยู่กับเจ้านายของคุณแล้วนิ ฮึก ฮึก” พูด ขึ้นทั้งที่ยังคงสะอื้นอยู่
“ก็อยู่กับกระหม่อมไงเล่า กระหม่อมมาที่นี้เพื่อดูแลพระองค์แทนองค์ราชินี” เอ่ยบอก มือทั้งสองข้างยังคงเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่สองแก้มขาว เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยน้ำตาที่ไหลรินก็เริ่มหยุดลง รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดีกับเขาเหลือเกินแม้จะดูเงียบขรึมมีสายตาที่นิ่งราวกับไม่มีเรื่องอะไรให้ทุกร้อนในตอนแรกที่เจอกัน ตอนนี้สายตานั้นดูอ่อนโยนอย่างกับคนละคน เมื่อได้รับความอ่อนโยนจากร่างหนาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา และรู้สึกดีใจที่ตนเองไม่ต้องอยู่คนเดียว
“คุณจะอยู่ที่นี้กับผมจริงๆ เหรอครับ” ถามขึ้นด้วยแววตาเป็นกังวลว่าอีกคนจะอยู่กับเขาจริงๆ หรือไม่
“กระหม่อมจะอยู่กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” คำพูดหนักแน่นดังขึ้นก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาอัตโนมัติ มือเล็กสองข้างก็คว้ามือหนาเข้ามากุมก่อนจะเขย่าไปมาอย่างดีใจ
“เอ่อ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย ผมชื่อข้าวจ้าวครับ” คนตัวเล็กที่ดีใจจนออกนอกหน้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำความรู้จังกับคนตรงหน้าเลย
“กระหม่อมชื่อรีฟเฟอร์พ่ะย่ะค่ะ”
“ชื่อแปลกดีนะครับ เอ่อ พี่ช่วยเลิกพูดกับผมเหมือนผมมีเชื่อเจ้าสักทีเถอะครับ ผมไม่ชินเลย” ข้าวจ้าวพูดขึ้น
“แต่กระหม่อมว่า…”
“ไม่ต้องมีตงมีแต่ทั้งนั้นแหละ พูดกับผมแบบปกติก็พอแล้ว ถ้ายังพูดแบบนั้นอยู่อีกผมให้พี่นอนนอกบ้านแน่ครับ” ข้าวจ้าวพูดแทรกรีฟเฟอร์ขึ้นมาก่อนที่จะพูดจบ
“ก็ได้พ่ะย่ะ...เอ่อ...ครับ” รีฟเฟอร์ตอบรับ
“งั้นฝากตัวด้วยนะครับผู้ปกครองคนใหม่ของผม” ข้าวจ้าวยืนขึ้นแล้วพูดออกมาก่อนจะยื่นมือไปให้รีฟเฟอร์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังร้องไห้อยู่เลย ชายหนุ่มจึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือไปจับมือเล็กของข้าวจ้าว
“ครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ” รีฟเฟอร์พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มที่ไม่เคยมีให้ใครแก่ข้าวจ้าว ภายในใจอดคิดไม่ได้ตั้งแต่มาที่นี้ตนเองยิ้มให้คนตรงหน้าไปหลายครั้งแล้วทั้งๆ ที่อยู่โลกปีศาจแทบจะไม่ได้ยิ้มเลยจนได้ฉายาว่าเป็นปีศาจน้ำแข็ง
รีฟเฟอร์มักจะแสดงอาการเย็นชาให้กับผ้คนรอบข้างเสมอบวกกับใบหน้าที่นิ่งเฉยทำให้เขาได้ฉายานี้มา แต่กับข้าวจ้าวกลับอยากที่จะดูแลและอยากยิ้มให้ทุกวันยิ่งมาเห็นข้าวจ้าวร้องไห้ง่ายขนาดนี้รีเฟอร์ยิ่งอยากจะปกป้องอยากจะดูแลให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มได้ทราบประวัติคร่าวๆ ของข้าวสวยและข้าวจ้าวมาแล้วบ้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะมีชีวิตที่น่าสงสารต้องอยู่กันสองคนตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้ รีฟเฟอร์เพียงได้แค่หวังว่าต่อไปทั้งสองจะมีความสุขบางแต่ดูเหมือนมันจะยากถ้าพวกอาเทอร์ทราบถึงการมีตัวตนของท่านทั้งสอง ตัวรีฟเฟอร์เองคงทำได้เพียงแค่ปกป้องและดูแลให้ดีจนกว่าเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเข้ามาจบลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
“อะ ทุ่มหนึ่งแล้ว” ข้าวจ้าวพูดขึ้นเมื่อสายตาไปเห็นว่านาฬิกาบอกเวลาทุ่มหนึ่งแล้วซึ่งเขายังไม่ได้ทำข้าวเย็นเลย รีฟเฟอร์เมื่อได้ยินเสียงข้าวจ้าวก็หลุดออกจากห้วงความคิดทันที
“ผมไปทำข้าวเย็นก่อนดีกว่าครับ พี่รีฟคงหิวแล้วใช่ไหม” ข้าวจ้าวที่กำลังปล่อยมือจากรีฟเฟอร์พูดขึ้น
“พี่รีฟ” รีฟเฟอร์งงกับชื่อเรียกของตนที่ออกมาจากข้าวจ้าวอย่างงงๆ พลางเอามือชี้เข้าหาตัวเอง
“ใช่ครับ พี่รีฟ ก็รีฟเฟอร์มันเรียกยากนี่ครับแถมยังแปลกอีก เรียกว่าพี่รีฟนะดีแล้วง่ายดีด้วย” คนตัวเล็กพูดขึ้นเพราะเห็นรีฟเฟอร์ทำหน้าตาสงสัย ตลกดีเหมือนกันอย่างน้อยก็ได้เห็นสีหน้าอื่นนอกจากนิ่งๆ บ้าง
“อ่อ แบบนั้นก็ได้แล้วแต่ข้าวจ้าวเลยครับ” รีฟเฟอร์ฟังแล้วก็เข้าใจทันทีเลยยอมให้เรียกตนว่ารีฟ
“งั้นผมไปทำข้าวเย็นก่อนนะครับ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัวที่อยู่ไม่ไกลเพราะบ้านของเขาไม่ได้ใหญ่มากมีแค่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ห้องครัว ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องนอนสามห้องเล็กๆ ซึ่งจะมีห้องที่เป็นของพ่อกับแม่ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่งที่ตอนนี้ก็ว่างไปแล้ว
ข้าวจ้าวเป็นเด็กร่าเริงและเข้ากับคนง่าย คิดในแง่บวกเสมอไม่เคยคิดว่าใครจะมาทำร้ายตนหากตนดีกับคนอื่น ไม่แปลกเลยที่ข้าวจ้าวจะดูเหมือนไม่กลัวรีฟเฟอร์ เพราะแม่เคยบอกว่าแค่เขายิ้มทุกคนก็จะดีกับเขา และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดเหมือนกับที่แม่เคยบอกไว้ข้าวจ้าวเลยเป็นเด็กที่ยิ้มง่ายแต่เปราะบางมากแค่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจนิดหน่อยก็จะร้องไห้ขึ้นมาทันที
รีฟเฟอร์เดินตามข้าวจ้าวเข้ามาในครัวทำเอาตกใจที่อยู่ๆ หันมาก็เจอกับรีฟเฟอร์เพราะยังไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่
“ให้พี่ช่วยไหม” รีฟเฟอร์พูดขึ้นเมื่อข้าวจ้าวหันมา
“ไม่เป็นอะไรครับพี่ไปรอข้างนอกเถอะครับ” ข้าวจ้าวตอบกลับไป มือก็หยิบจับผักที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชำนาญเพราะเขาเป็นคนทำกับข้าวทุกมื้อเนื่องจากว่าข้าวสวยต้องออกไปทำงานพาร์ทไทม์ข้าวจ้าวก็เลยอยากจะช่วยลดภาระของพี่ชายบ้างถึงแม้จะมีเงินของพ่อแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรพวกเขาสองพี่น้องเลยต้องใช่กันอย่างประหยัด
ข้าวจ้าวก็จัดการทำอาหารเย็นจนเสร็จเลยออกมาตามรีฟเฟอร์ที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นให้ไปทานข้าวด้วยกันในครัวเพราะมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งทานข้าวอยู่
รีฟเฟอร์ที่นั่งมองอาหารก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะมันต่างจากโลกปีศาจ แต่ก็ตักมันมาทานจนเกือบจะครบทุกอย่างซึ่งข้าวจ้าวก็สังเกตเห็นว่ารีฟเฟอร์ไม่ได้เตะต้นหอมทอดที่เป็นอาหารโปรดของเขาเลย
“พี่รีฟไม่ลองชิมต้นหอมทอดดูละครับอร่อยนะ จ้าวชอบมากที่สุดเลยละครับ ลองดูสิ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะตักต้อนหอมที่ชุบแป้งทอดกรอบลงในจานของรีฟเฟอร์ เจ้าของจานนั่งมองต้นหอมทอดในจานนิ่งไม่กล้าจะตักกินเพราะมันแปลกๆ แต่ก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะเสียใจ เลยยอมกินต้นหอมทอดเข้าไปโดยมีข้าวจ้าวที่จ้องมองอยู่ตลอดอย่างลุ้นๆ
“เป็นยังไงบ้างครับ” ข้าวจ้าวถามขึ้นทันที่เมื่อเห็นรีฟฟอร์กินเข้าไปจนหมด
“อร่อยดี เห็นมันน่าตาแปลกๆ พี่เลยไม่กล้ากินนะ” ตอบพลางเลื่อนช้อนไปตักต้นหอมทอดมาใส่จาน คนตัวเล็กมองรีฟเฟอร์อย่างภูมิที่เห็นว่าพี่รีฟของเขาเหมือนจะติดใจต้นหอมทอดไปเสียแล้ว ทั้งสองใช่เวลาจัดการกับอาหารบนโต๊ะพักใหญ่จนกว่าจะหมด ซึ่งไอ้ต้นหอมทอดไม่เหลือเลยแม้แต่ซากเพราะฝีมือของคนที่บอกว่าหน้าตามันแปลก
ข้าวจ้าวจัดการกับถ้วยชามจนเสร็จก็ไปจัดห้องนอนที่เคยเป็นของพ่อและแม่ให้กับรีฟเฟอร์แต่จัดไม่นานก็เสร็จเพราะข้าวจ้าวกับข้าวสวยมักเข้ามาทำความสะอาดบ่อยๆ จากนั้นก็ไปอาบน้ำทิ้งให้รีฟเฟอร์ดูโทรทัศน์ที่ตนเองเปิดให้แก้เบื่อ อย่าได้สงสัยว่าทำไมข้าวจ้าวถึงต้องเปิดโทรทัศน์ให้กับรีฟเฟอร์เพราะเจ้าตัวเปิดเองไม่เป็นแถมยังทำท่าตกใจอีกเมื่อเห็นภาพในโทรทัศน์
“พี่จะอาบน้ำเลยไหมครับ” ข้าวจ้าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วมาถามรีฟเฟอร์ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรศัทน์อย่างตั้งอกตั้งใจ
"อาบเลยก็ได้ครับ ข้าวจ้าวไปนอนเถอะดึกมากแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่หรอก" รีฟเฟอร์พูดขึ้น ข้าวจ้าวพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องของตัวเอง รีฟเฟอร์มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่เดินออกไปอย่างอ่อนโยน
"พี่รีฟฝันดีนะครับ" ข้าวจ้าวที่เดินไปใกล้ถึงประตูห้องหันมาบอกรีฟเฟอร์พร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่ใครมองมามักจะอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
"ฝันดีเช่นกันครับ" รีฟเฟอร์บอกกลับไปพลางส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่ารีฟเฟอร์ตอบกลับมาก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวเข้าห้องของตนเองไปเรียบร้อยแล้วก็จัดการติดต่อกับเจ้านายตนเองทันที
"ว่าไง ดูแลน้องชายของข้าวสวยดีหรือไม่ มีอะไรผิดปกติไหม"เสียงของอัสบัสดังขึ้นผ่านจอภาพขยาดใหญ่กลางอากาศ
"ทุกอย่างปกติดีพ่ะย่ะค่ะ ทางนั้นละพ่ะย่ะค่ะเป็นอย่างไรบ้าง" รีฟเฟอร์ตอบกลับไปแต่ไม่วายถามไถ่ถึงที่ที่ตนเองจากมา
"ก็ปกติดี พวกอาเทอร์ยังไม่เคลื่อนไหวคงเพราะไม่รูว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ที่นี่ เจ้าดูแลน้องของข้าวสวยดีๆ ละ ข้าไปละ"ว่าเสร็จภาพหน้าจอขนาดใหญ่ก็หายไป รีฟเฟอร์เห็นว่าเจ้านายของตนเองไปแล้วก็เดินมายังห้องของข้าวจ้าวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเผื่อเช็คดูว่าข้าวจ้าวหลับหรือยัง 'หลับไวจริงๆ' รีฟเฟอร์คิดเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวหลับไปแล้ว เขามองใบหน้าหวานที่ตอนหลับดูราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าหวานอย่างใกล้ชิดซึ่งเขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย
ณ โลกมนุษย์
“วันนี้ทำอะไรกินดีละ อยู่คนเดียวคงไม่ต้องเอาอะไรมากหรอกมั้ง” ร่างบางกล่าวขึ้นกับตนเองทั้งกำลังมองดูผักบนชั้นวางในห้างเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหยิบผักสองสามอย่างลงตะกร้าเดินเลือกซื้อของอีกสามสี่อย่างก่อนจะไปจ่ายเงินเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากห้างมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์เด็กหนุ่มยืนรออยู่สักพักรถเมล์สายที่ตนเองนั่งประจำก็มาถึง รถเมล์แล่นเข้ามาจอดที่ป้ายรถข้างซอยเล็กๆ ขาเรียวก้าวลงเดินไปตามซอยเล็กที่มีทั้งบ้านเล็กบ้านใหญ่อยู่ตลอดทาง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่บ้านชั้นเดียวไม่ใหญ่มากนักซึ่งเป็นบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตนก่อนท่านจะเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน เขามองประตูรั้วบ้านก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าโซ่กับลูกกุญแจที่ใช่ปิดประตูนั้นกองอยู่กับพื้น ‘พี่กลับมาแล้วหรือ’ เขาคิดก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นคนตัวเล็กก็ไม่รอช้ารีบคว้าประตูรั้วออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอย่างเร็ว จนมาหยุดอยู่หน้าประตูของตัวบ้านก็แปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อไม่เห็นรองเท้าของผู้เป็นพี่ชายที่หน้าประตู เขามองประตูนิ่งก่อนจะเลื่อนมือเล็กไปจับลูกบิดประตูแล้วค่อยๆ เปิดออกเมื่อกวาดสายตาเข้าไปก็พบชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหล่า คมคาย แต่นิ่งเฉย สายตานั้นดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งอยู่ในชุดแปลกๆ นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัยก่อนจะถามออกไป
“คุณมาหาใครหรือครับ” ปากเรียวสวยเอ่ยถามอย่างยิ้มฝืดๆ เพราะไม่รู้คนตรงหน้าเป็นใครเลยต้องใจดีสู้เสือไว้ก่อน คนถูกถามยืนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนจะโน้มตัวเป็นการเคารพให้กับร่างเล็กตรงหน้า ทำเอาเด็กหนุ่มยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่อเจอการกระทำแปลกๆ ก่อนจะเอามือมาเกาหัวตัวเองอย่างเก้กังแล้วยิ้มฝืดๆ ให้กับร่างหนาที่อยู่ตรงหน้าเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ๆ มีคนแต่งตัวแปลกๆ เข้ามาอยู่ในบ้านแถมมาคำนับใส่อีก
“เอ่อ คุณเป็นใครครับ เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง” ปากสวยยกถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบจากอีกคนสักที
“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะที่เข้ามาโดยพลการ” ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะโน้มตัวเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้ง เด็กหนุ่มนิ่งชะงักเมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้ามาพูดใช่คำราชาศัพท์กับตนเองที่เป็นแค่คนธรรมดา
“พูดกับผมธรรมดาก็ได้ครับ ผมมันคนสามัญชนธรรมดาไม่ได้มีเชื่อเจ้าอะไร” ปากเล็กพูดขึ้นอย่างเกลงอกเกลงใจปนงงๆ กับคนตรงหน้าที่อยู่ๆ ก็พูดกับเขาแบบนั้น
“คงมิได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะพระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินี” ร่างหนาตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่
“อะ...องค์ราชินี?” คนฟังว่าขึ้นอย่างติดขัดเพราะตกใจกับคำตอบที่ได้รับ ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยมีพี่เป็นราชินีนะ
“ถุกต้องพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินีข้าวสวย” เมื่อได้ยินชื่อพี่ของตนเองก็ตกใจขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าพี่ที่หายไปสี่วันนั้นจะไปเป็นองค์ราชินี แต่พี่เขาเป็นผู้ชายจะไปเป็นองค์ราชินีใครได้ไงคงจะเข้าใจผิดกันไปสินะ ร่างบางคิดก่อนจะตัดสินใจถามย่ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“พี่สวยนะเหรอครับเป็นองค์ราชินี”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับมานิ่งราวกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติ สงสัยเข้าใจผิดกันละมั้งเนี้ย คนตัวเล็กคิด
“พี่ผมเป็นผู้ชายนะ จะเป็นองค์ราชินีได้ไงละครับ” เมื่อคล้ายตกใจลงบ้างก็ถามขึ้นถึงข้อสงสัยทันที
“เรื่องเพศไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ขอแค่เป็นผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เป็นพอพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงสงสัยแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะทิ้งคำให้คนตัวเล็กตรงหน้าสงสัยเข้าอีกเพราะคิ้วสวยขมวดจนยุ่งอย่างครุ่นคิดจึงขยายความจุดที่คนตรงหน้าน่าจะสงสัยอยู่
“มณีจันทราคือดวงแก้วที่จักทำการเลือกคู่ครองให้กับองค์ราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งผู้ถูกเลือกก็คือพระเชษฐาของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
เมื่อได้ฟังก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะบุคคลแต่งตัวแปลกประหลาดนั้นบอกว่าพี่ชายของตนจะไปเป็นภรรยาของราชาปีศาจซึ่งก็แสดงว่าพี่ชายเขาได้สามีเป็นปีศาจนะสิ คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามคนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อความแน่ใจ
“งั้นพี่สวยก็ไปเป็นมะ...เอ่อภรรยาปีศาจนะสิครับ แบบนี้พี่ผมจะไม่เป็นอะไรหรือ ผมเป็นห่วงพี่ ผมอยากเจอพี่ ผมงงไปหมดแล้วนี้มันเรื่องอะไรกันครับ มันจะการ์ตูนไปแล้วนะครับผมทำใจเชื่อไม่ไหวจริงๆ” เด็กหนุ่มรัวคำถามใส่ร่างหนาจนสะดุ้งนิดหน่อยเพราะไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
“กระหม่อมว่าพระองค์ทรงประทับก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะประเดี๋ยวกระหม่อมจะอธิบายให้พ่ะย่ะค่ะ” คนตัวโตพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบ อีกคนที่ยืนรอคำตอบอยู่เมื่อบอกว่าจะอธิบายก็เดินมานั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย
“เอาละเล่าให้ผมฟังได้หรือยังว่าเรื่องมันเป็นยังไง” คนตัวโตก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กับคนตัวเล็กฟัง คนฟังนั่งฟังอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรแทรกขึ้นมาแม้แต่น้อย
“สรุปแล้วพี่สวยต้องไปเป็นเมียราชาปีศาจซึ่งเป็นเจ้านายของคุณเพราะเป็นคนที่ถูกเลือก ที่สำคัญพวกเขาแต่งงานไปแล้ว และต้องอยู่ที่โลกปีศาจกับเจ้านายของคุณ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นเป็นการสรุปอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาตอบพลางยักหน้า
“แล้วพี่สวยจะได้กลับมาที่นี้อีกไหมละครับ” คนตัวเล็กถามขึ้นอย่างหง่อยๆๆ เมื่อคิดว่าจะได้เจอพี่ชายอีกหรือไม่
“เรื่องนี้กระหม่อมตอบไม่ได้หรอกพะยะค่ะว่าองค์ราชินีจะได้กลับมาที่โลกนี้อีกหรือไม่” ตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“ทำไมละครับ ถ้าแบบนี้ผมก็จะไม่ได้เจอพี่อีกนะสิ ผมต้องอยู่ ฮึก คนเดียวนะสิ ฮึก ทุกคนเล่นทิ้งผมไปหมดเลย ฮึก ฮึก” ปากเรียวเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับร้องไห้สะอื้นเมื่อรู้ว่าตนเองต้องอยู่คนเดียวมันน่าเศร้านะที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
“พระองค์ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นพรางเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวเนียนอย่างอ่อนโยน ‘มนุษย์นี้ช่างเปราะบางยิ่งนัก’ นึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าจับใจ
“ผมจะ ฮึก ไม่ได้อยู่คนเดียว ฮึก ได้ไงก็ในเมื่อพี่สวย ฮึก ไปอยู่กับเจ้านายของคุณแล้วนิ ฮึก ฮึก” พูด ขึ้นทั้งที่ยังคงสะอื้นอยู่
“ก็อยู่กับกระหม่อมไงเล่า กระหม่อมมาที่นี้เพื่อดูแลพระองค์แทนองค์ราชินี” เอ่ยบอก มือทั้งสองข้างยังคงเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่สองแก้มขาว เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยน้ำตาที่ไหลรินก็เริ่มหยุดลง รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดีกับเขาเหลือเกินแม้จะดูเงียบขรึมมีสายตาที่นิ่งราวกับไม่มีเรื่องอะไรให้ทุกร้อนในตอนแรกที่เจอกัน ตอนนี้สายตานั้นดูอ่อนโยนอย่างกับคนละคน เมื่อได้รับความอ่อนโยนจากร่างหนาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา และรู้สึกดีใจที่ตนเองไม่ต้องอยู่คนเดียว
“คุณจะอยู่ที่นี้กับผมจริงๆ เหรอครับ” ถามขึ้นด้วยแววตาเป็นกังวลว่าอีกคนจะอยู่กับเขาจริงๆ หรือไม่
“กระหม่อมจะอยู่กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” คำพูดหนักแน่นดังขึ้นก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาอัตโนมัติ มือเล็กสองข้างก็คว้ามือหนาเข้ามากุมก่อนจะเขย่าไปมาอย่างดีใจ
“เอ่อ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย ผมชื่อข้าวจ้าวครับ” คนตัวเล็กที่ดีใจจนออกนอกหน้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำความรู้จังกับคนตรงหน้าเลย
“กระหม่อมชื่อรีฟเฟอร์พ่ะย่ะค่ะ”
“ชื่อแปลกดีนะครับ เอ่อ พี่ช่วยเลิกพูดกับผมเหมือนผมมีเชื่อเจ้าสักทีเถอะครับ ผมไม่ชินเลย” ข้าวจ้าวพูดขึ้น
“แต่กระหม่อมว่า…”
“ไม่ต้องมีตงมีแต่ทั้งนั้นแหละ พูดกับผมแบบปกติก็พอแล้ว ถ้ายังพูดแบบนั้นอยู่อีกผมให้พี่นอนนอกบ้านแน่ครับ” ข้าวจ้าวพูดแทรกรีฟเฟอร์ขึ้นมาก่อนที่จะพูดจบ
“ก็ได้พ่ะย่ะ...เอ่อ...ครับ” รีฟเฟอร์ตอบรับ
“งั้นฝากตัวด้วยนะครับผู้ปกครองคนใหม่ของผม” ข้าวจ้าวยืนขึ้นแล้วพูดออกมาก่อนจะยื่นมือไปให้รีฟเฟอร์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังร้องไห้อยู่เลย ชายหนุ่มจึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือไปจับมือเล็กของข้าวจ้าว
“ครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ” รีฟเฟอร์พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มที่ไม่เคยมีให้ใครแก่ข้าวจ้าว ภายในใจอดคิดไม่ได้ตั้งแต่มาที่นี้ตนเองยิ้มให้คนตรงหน้าไปหลายครั้งแล้วทั้งๆ ที่อยู่โลกปีศาจแทบจะไม่ได้ยิ้มเลยจนได้ฉายาว่าเป็นปีศาจน้ำแข็ง
รีฟเฟอร์มักจะแสดงอาการเย็นชาให้กับผ้คนรอบข้างเสมอบวกกับใบหน้าที่นิ่งเฉยทำให้เขาได้ฉายานี้มา แต่กับข้าวจ้าวกลับอยากที่จะดูแลและอยากยิ้มให้ทุกวันยิ่งมาเห็นข้าวจ้าวร้องไห้ง่ายขนาดนี้รีเฟอร์ยิ่งอยากจะปกป้องอยากจะดูแลให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มได้ทราบประวัติคร่าวๆ ของข้าวสวยและข้าวจ้าวมาแล้วบ้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะมีชีวิตที่น่าสงสารต้องอยู่กันสองคนตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้ รีฟเฟอร์เพียงได้แค่หวังว่าต่อไปทั้งสองจะมีความสุขบางแต่ดูเหมือนมันจะยากถ้าพวกอาเทอร์ทราบถึงการมีตัวตนของท่านทั้งสอง ตัวรีฟเฟอร์เองคงทำได้เพียงแค่ปกป้องและดูแลให้ดีจนกว่าเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเข้ามาจบลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
“อะ ทุ่มหนึ่งแล้ว” ข้าวจ้าวพูดขึ้นเมื่อสายตาไปเห็นว่านาฬิกาบอกเวลาทุ่มหนึ่งแล้วซึ่งเขายังไม่ได้ทำข้าวเย็นเลย รีฟเฟอร์เมื่อได้ยินเสียงข้าวจ้าวก็หลุดออกจากห้วงความคิดทันที
“ผมไปทำข้าวเย็นก่อนดีกว่าครับ พี่รีฟคงหิวแล้วใช่ไหม” ข้าวจ้าวที่กำลังปล่อยมือจากรีฟเฟอร์พูดขึ้น
“พี่รีฟ” รีฟเฟอร์งงกับชื่อเรียกของตนที่ออกมาจากข้าวจ้าวอย่างงงๆ พลางเอามือชี้เข้าหาตัวเอง
“ใช่ครับ พี่รีฟ ก็รีฟเฟอร์มันเรียกยากนี่ครับแถมยังแปลกอีก เรียกว่าพี่รีฟนะดีแล้วง่ายดีด้วย” คนตัวเล็กพูดขึ้นเพราะเห็นรีฟเฟอร์ทำหน้าตาสงสัย ตลกดีเหมือนกันอย่างน้อยก็ได้เห็นสีหน้าอื่นนอกจากนิ่งๆ บ้าง
“อ่อ แบบนั้นก็ได้แล้วแต่ข้าวจ้าวเลยครับ” รีฟเฟอร์ฟังแล้วก็เข้าใจทันทีเลยยอมให้เรียกตนว่ารีฟ
“งั้นผมไปทำข้าวเย็นก่อนนะครับ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัวที่อยู่ไม่ไกลเพราะบ้านของเขาไม่ได้ใหญ่มากมีแค่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ห้องครัว ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องนอนสามห้องเล็กๆ ซึ่งจะมีห้องที่เป็นของพ่อกับแม่ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่งที่ตอนนี้ก็ว่างไปแล้ว
ข้าวจ้าวเป็นเด็กร่าเริงและเข้ากับคนง่าย คิดในแง่บวกเสมอไม่เคยคิดว่าใครจะมาทำร้ายตนหากตนดีกับคนอื่น ไม่แปลกเลยที่ข้าวจ้าวจะดูเหมือนไม่กลัวรีฟเฟอร์ เพราะแม่เคยบอกว่าแค่เขายิ้มทุกคนก็จะดีกับเขา และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดเหมือนกับที่แม่เคยบอกไว้ข้าวจ้าวเลยเป็นเด็กที่ยิ้มง่ายแต่เปราะบางมากแค่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจนิดหน่อยก็จะร้องไห้ขึ้นมาทันที
รีฟเฟอร์เดินตามข้าวจ้าวเข้ามาในครัวทำเอาตกใจที่อยู่ๆ หันมาก็เจอกับรีฟเฟอร์เพราะยังไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่
“ให้พี่ช่วยไหม” รีฟเฟอร์พูดขึ้นเมื่อข้าวจ้าวหันมา
“ไม่เป็นอะไรครับพี่ไปรอข้างนอกเถอะครับ” ข้าวจ้าวตอบกลับไป มือก็หยิบจับผักที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชำนาญเพราะเขาเป็นคนทำกับข้าวทุกมื้อเนื่องจากว่าข้าวสวยต้องออกไปทำงานพาร์ทไทม์ข้าวจ้าวก็เลยอยากจะช่วยลดภาระของพี่ชายบ้างถึงแม้จะมีเงินของพ่อแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรพวกเขาสองพี่น้องเลยต้องใช่กันอย่างประหยัด
ข้าวจ้าวก็จัดการทำอาหารเย็นจนเสร็จเลยออกมาตามรีฟเฟอร์ที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นให้ไปทานข้าวด้วยกันในครัวเพราะมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งทานข้าวอยู่
รีฟเฟอร์ที่นั่งมองอาหารก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะมันต่างจากโลกปีศาจ แต่ก็ตักมันมาทานจนเกือบจะครบทุกอย่างซึ่งข้าวจ้าวก็สังเกตเห็นว่ารีฟเฟอร์ไม่ได้เตะต้นหอมทอดที่เป็นอาหารโปรดของเขาเลย
“พี่รีฟไม่ลองชิมต้นหอมทอดดูละครับอร่อยนะ จ้าวชอบมากที่สุดเลยละครับ ลองดูสิ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะตักต้อนหอมที่ชุบแป้งทอดกรอบลงในจานของรีฟเฟอร์ เจ้าของจานนั่งมองต้นหอมทอดในจานนิ่งไม่กล้าจะตักกินเพราะมันแปลกๆ แต่ก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะเสียใจ เลยยอมกินต้นหอมทอดเข้าไปโดยมีข้าวจ้าวที่จ้องมองอยู่ตลอดอย่างลุ้นๆ
“เป็นยังไงบ้างครับ” ข้าวจ้าวถามขึ้นทันที่เมื่อเห็นรีฟฟอร์กินเข้าไปจนหมด
“อร่อยดี เห็นมันน่าตาแปลกๆ พี่เลยไม่กล้ากินนะ” ตอบพลางเลื่อนช้อนไปตักต้นหอมทอดมาใส่จาน คนตัวเล็กมองรีฟเฟอร์อย่างภูมิที่เห็นว่าพี่รีฟของเขาเหมือนจะติดใจต้นหอมทอดไปเสียแล้ว ทั้งสองใช่เวลาจัดการกับอาหารบนโต๊ะพักใหญ่จนกว่าจะหมด ซึ่งไอ้ต้นหอมทอดไม่เหลือเลยแม้แต่ซากเพราะฝีมือของคนที่บอกว่าหน้าตามันแปลก
ข้าวจ้าวจัดการกับถ้วยชามจนเสร็จก็ไปจัดห้องนอนที่เคยเป็นของพ่อและแม่ให้กับรีฟเฟอร์แต่จัดไม่นานก็เสร็จเพราะข้าวจ้าวกับข้าวสวยมักเข้ามาทำความสะอาดบ่อยๆ จากนั้นก็ไปอาบน้ำทิ้งให้รีฟเฟอร์ดูโทรทัศน์ที่ตนเองเปิดให้แก้เบื่อ อย่าได้สงสัยว่าทำไมข้าวจ้าวถึงต้องเปิดโทรทัศน์ให้กับรีฟเฟอร์เพราะเจ้าตัวเปิดเองไม่เป็นแถมยังทำท่าตกใจอีกเมื่อเห็นภาพในโทรทัศน์
“พี่จะอาบน้ำเลยไหมครับ” ข้าวจ้าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วมาถามรีฟเฟอร์ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรศัทน์อย่างตั้งอกตั้งใจ
"อาบเลยก็ได้ครับ ข้าวจ้าวไปนอนเถอะดึกมากแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่หรอก" รีฟเฟอร์พูดขึ้น ข้าวจ้าวพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องของตัวเอง รีฟเฟอร์มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่เดินออกไปอย่างอ่อนโยน
"พี่รีฟฝันดีนะครับ" ข้าวจ้าวที่เดินไปใกล้ถึงประตูห้องหันมาบอกรีฟเฟอร์พร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่ใครมองมามักจะอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
"ฝันดีเช่นกันครับ" รีฟเฟอร์บอกกลับไปพลางส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่ารีฟเฟอร์ตอบกลับมาก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวเข้าห้องของตนเองไปเรียบร้อยแล้วก็จัดการติดต่อกับเจ้านายตนเองทันที
"ว่าไง ดูแลน้องชายของข้าวสวยดีหรือไม่ มีอะไรผิดปกติไหม"เสียงของอัสบัสดังขึ้นผ่านจอภาพขยาดใหญ่กลางอากาศ
"ทุกอย่างปกติดีพ่ะย่ะค่ะ ทางนั้นละพ่ะย่ะค่ะเป็นอย่างไรบ้าง" รีฟเฟอร์ตอบกลับไปแต่ไม่วายถามไถ่ถึงที่ที่ตนเองจากมา
"ก็ปกติดี พวกอาเทอร์ยังไม่เคลื่อนไหวคงเพราะไม่รูว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ที่นี่ เจ้าดูแลน้องของข้าวสวยดีๆ ละ ข้าไปละ"ว่าเสร็จภาพหน้าจอขนาดใหญ่ก็หายไป รีฟเฟอร์เห็นว่าเจ้านายของตนเองไปแล้วก็เดินมายังห้องของข้าวจ้าวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเผื่อเช็คดูว่าข้าวจ้าวหลับหรือยัง 'หลับไวจริงๆ' รีฟเฟอร์คิดเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวหลับไปแล้ว เขามองใบหน้าหวานที่ตอนหลับดูราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าหวานอย่างใกล้ชิดซึ่งเขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ