King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ
เขียนโดย Byตั้งโอ๋
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ปัญหาที่กำลังเคลื่อนไหวเข้ามา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 5 ปัญหาที่กำลังเคลื่อนไหวเข้ามา
ณ โลกปีศาจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาคู่สวยที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่จนต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะยันตัวให้นั่งมองไปด้านข้างของตนเองก็พบผู้เป็นสามีนอนหลับอยู่ก่อนจะถอดหายใจเฮือกใหญ่ มาอยู่ที่นี้ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วมีแต่เรื่องวุ่นวายให้รำคาญใจซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากเรื่องของสามีตนเองที่ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการทำอย่างกับว่าเขาเป็นสมบัติไม่ยอมให้อยู่คนเดียวเลยแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ บางทีก็คิดนะว่าอัสบัสเป็นราชาจริงๆ หรือเปล่าเพราะวันๆ ไม่ทำอะไรได้แต่ลากเขาไปนู้นนี้นั้นไปทั่ว
“เฮ้ออออ” ข้าวสวยถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “เขาหลับอยู่ แอบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ไม่รอช้าข้าวสวยรีบก้าวลงจากเตียงอย่างช้าๆ เพราะกลัวคนที่นอนหลับอยู่จะตื่นขึ้นมา เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำก็รีบจัดการอาบน้ำล้างตัวทันทีก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่นๆ ที่มีกลีบกุหลาบสีฟ้าอยู่เต็มอ่างอย่างสบายใจพร้อมกับยิ้มอย่างชอบใจที่ไม่ต้องมีสามีของตนเองเข้ามารบกวน เพราะทุกครั้งที่อาบน้ำอัสบัสชอบทำตัวหื่นใส่เสมอแม้จะบอกว่าไม่ชอบหรือไม่ยอมยังไงก็ไม่เคยรอดสักครั้งอดคิดไม่ได้ว่าตนเองมีสามีโรคจิตหรือไงที่ชอบมีอะไรที่อ่างอาบน้ำข้าวสวยคิดไปก็นึกขำและสับสนกับความรู้สึกในใจของตัวเองมากๆ เรื่องทุกอย่างที่เจอมาตลอดหลายวันนี้มันเป็นอะไรที่เกินจะเชื่อได้จริงๆ อัสบัสก็ดีกับข้าวสวยมากจนบ้างครั้งก็แอบใจสั่นแต่ถ้าจะให้บอกว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกับอัสบัสนั้นข้าวสวยเองก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่ารู้สึกยังไงแต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบแต่ก็ไม่ใช่รักเพราะเราสองคนพึ่งจะเจอกันอยู่ๆ จะให้รักเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าวสวยยอมรับว่ารู้สึกดีกับอัสบัสจริงๆ แต่ถ้าลดความหื่นลงได้คงจะดีกว่านี้ ถามว่าตนเองตอนนี้เป็นยังไงก็บอกได้ว่าสบายดีไม่ต้องทำงานหนักๆ และไม่ต้องนอนดึกๆ อย่างเมื่อก่อนเพราะก่อนจะมาอยู่ที่นี้ข้าวสวยต้องทำงานตลอดตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไปเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างกะทันหันก็ไม่ได้มากมายอะไรข้าวสวยจึงต้องทำงานเพื่อหาเงินมาตลอด แม้ที่นี้จะรู้สึกสบายแต่ในใจก็อดเป็นห่วงข้าวจ้าวที่โลกมนุษย์ไม่ได้ถึงอัสบัสจะบอกว่าให้รีฟเฟอร์ไปดูแลและถึงจะเห็นภาพการเป็นอยู่ของข้าวจ้าวด้วยพลังของอัสบัสแล้วก็ตามแม้เห็นว่าน้องมีความสุขดีรีฟเฟอร์ก็ดูแลอย่างดีจนข้าวสวยกับอัสบัสไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นเลยเพราะมันขัดกับประวัติของรีฟเฟอร์จริงๆ ซึ่งตอนแรกข้าวสวยเองก็หวั่นๆ เหมือนกันกลัวรีฟเฟอร์จะทำอะไรน้องชายของตนเองแต่เมื่อเห็นอย่างนั้นก็อุ่นใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี ข้าวสวยนั่งพิงขอบอ่างคิดเรื่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงของผู้เป็นสามีลอยเข้ามาในโสตประสาท
“เจ้า! เหตุใดไม่รอข้า” เสียงของอัสบัสดังขึ้นทำให้ข้าวสวยที่อาบน้ำอยู่สะดุ้งขึ้นทันทีก่อนจะค่อยๆ หันมามองทางต้นเสียง
“ก็คุณหลับอยู่ ผมไม่อยากปลุกและผมก็ขี้เกียจรอด้วย” ข้าวสวยตอบกลับตามด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“แต่ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าต้องอาบน้ำพร้อมข้าตลอด ขัดคำสั่งข้ารู้หรือไม่ต้องเจอโทษอะไร” อัสบัสพูดขึ้นก่อจะส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนรัก ข้าวสวยเมื่อเห็นการกระทำของอัสบัสก็รู้ได้ทันทีเลยว่าบทลงโทษที่ตนเองจะต้องโดนคืออะไรเลยคิดจะชิ่งหนีโดยการรีบออกจากห้องอาบน้ำให้เร็วที่สุด เมื่อนึกได้ก็ไม่รอช้าข้าวสวยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างอ่างอาบน้ำมาคลุมตัวก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงจากอ่าง อัสบัสมองนิ่งรู้ดีว่าข้าวสวยจะทำอะไรและเขาจะไม่ปล่อยไปแน่ๆ กล้าขัดคำสั่งแบบนี้ก็ต้องถูกลงโทษ
“จะไปไหน” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าข้าวสวยที่ยืนอยู่ที่ข้างขอบอ่างอาบน้ำนั้นกำลังจะก้าวเดินออกไปแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับมา
“ยังไปไม่ได้ข้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย” อัสบัสที่ยืนมองข้าวสวยอยู่พูดขึ้นอย่างเสียงเรียบอีกครั้ง
“คุณก็อาบไปสิ” ตอบกลับมาอย่างหงุดหงิดทันทีที่อัสบัสไม่ยอมให้ไป เมื่อเห็นว่าข้าวสวยเริ่มหงุดหงิดก็นึกอยากแกล้งให้มากกว่านี้ก็ไม่ได้โกรธอะไรข้าวสวยที่มาอาบน้ำโดยไม่รอ แค่อยากแหย่เล่นเพราะเวลาข้าวสวยหงุดหงิดหรือไม่พอใจอะไรมักชอบทำแก้มป่องๆเหมือนเด็กซึ่งมันดูน่ารักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“อ๊ะ! คุณทำอะไรนะ” ข้าวสวยร้องขึ้นเมื่ออัสบัสเดินเข้ามากระชากร่างของตนเข้าไปกอดไว้ มือเล็กพยายามแกะมือใหญ่ที่กำลังจับกุมร่างอยู่ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงอันน้อยนิดไม่อาจสู้แรงของอัสบัสได้ ข้าวสวยมองอัสบัสที่กำลังยิ้มอย่างชอบใจด้วยความหงุดหงิดที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรอีกคนได้เลย ได้แต่ทำแก้มป่องๆ กับส่งสายตาดุให้กับคนเป็นสามีเท่านั้น อัสบัสเมื่อเห็นอาการของคนในอ้อมกอดก็ยิ่งชอบใจใหญ่ อดที่จะฝังจมูกลงบนแก้มป่องๆ ขาวเนียนนั้นไม่ได้
“นี้คุณปล่อยผมนะ จะมาหื่นอะไรเช้าๆแบบนี้กันฮะ” ข้าวสวยที่อยู่ในอ้อมกอดโวยวายขึ้นเมื่ออัสบัสเข้ามาหอมแก้ม ซุกไซ้ไปตามซอกคอและใบหู
“ข้าไม่ปล่อย คนทำผิดก็ย่อมถูกลงโทษ” พูดจบอัสบัสก็ซุกไซ้ไปตามแผงอกขาวเนียนทันที มือข้างหนึ่งที่กำลังโอบกอดร่างบางอยู่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ตามต้นขา ใบหน้าก็ซุกไซ้ไปทั่ว ลิ้นร้อนกวาดเลียไปทั่วทั้งแผงอกก่อนจะมาหยุดที่ยอดอกสีชมพูที่กำลังชูช่ออย่างสวยงาม ลิ้นร้อนค่อยๆ กวาดเลียไปที่ยอดอกสีชมพูช้าๆ ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นแล้วเปลี่ยนมาเป็นดูดดึงแทน และนั้นมันก็เรียกเสียงครางของข้าวสวยได้เป็นอย่างดี
“อะ! อ๊า อืม” ข้าวสวยครางขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ มือหนาลูบไล้ไปตามต้นขา ข้าวสวยได้แต่บิดตัวด้วยความเสียวซ่าน พยายาม หลบหลีกจากการสัมผัสแต่อัสบัสไม่ยอมปล่อยให้ข้าวสวยได้หนีเลยแม้แต่น้อย
“โทษข้าไม่ได้ เจ้าอยากขัดคำสั่ง ข้าก็ต้องลงโทษเจ้า” อัสบัสที่ละจากยอดอกสีชมพูสีสวยพูดขึ้นก็จะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
“หื่นเองก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาอ้างว่าลงโทษเลย” คนถูกกระทำพูดขึ้นก่อนจะทำแก้มป่องบ่งบอกว่าไม่พอใจใส่อัสบัส ข้าวสวยไม่รู้เลยว่ายิ่งตนเองทำแบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเชื่อเชิญราชาปีศาจตรงหน้ามากเท่านั้น
“เจ้าว่าข้าหื่นเองนะ ได้เดี๋ยวข้าจะหื่นให้เจ้าดูว่าหื่นของจริงมันเป็นอย่างไร” พูดจบอัสบัสก็ไม่รอช้ารีบบรรเลงเพลงรักทันที
“โอ๊ย!” เสียงร้องของข้าวสวยดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัวก่อนมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงใหญ่เสื้อผ้าก็ถูกใส่เรียบร้อยจำได้ว่าอัสบัสเล่นบทเพลงรักไปสามยกกว่าจะหยุด ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยมากๆ จนหลับไปเพราะอัสบัสเล่นบรรเลงเพลงรักไปทั่วห้องน้ำก่อนจะมาต่อที่เตียงอีกรอบหนึ่งทำเอาหมดแรงไปเลยทีเดียว
“ตื่นแล้วหรือ กินอะไรหน่อยไหม” เสียงอัสบัสที่ยืนอยู่ข้างระเบียงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ข้าวสวยมองหน้าอัสบัสนิ่งก่อนจะทำแก้มป่องและส่งสายตาคาดโทษให้ที่ทำเขาหมดสภาพแบบนี้
“โกรธข้าหรือ มันความผิดเจ้า อยากทำผิดและยังไอ้หน้าตาเชิญชวนนั้นอีก”
“อะไรของคุณ ผมไปทำหน้าเชิญชวนคุณตอนไหนกัน” ข้าวสวยว่ากลับไป ไม่วายทำแก้มป่องใส่คนตรงหน้าอีกที
“ก็หน้าแบบที่เจ้ากำลังทำอยู่นี้อย่างไร ไอ้แก้มป่องๆๆนั้น หึหึ” อัสบัสพูดพลางหัวเราะ คนถูกว่านั้นตอนนี้กำลังจับใบหน้าของตนเองอย่างสงสัย คิดอยู่ว่าไอ้หน้าตาที่ทำมันดูน่าเชิญชวนให้ทำเรื่องอย่างว่าได้ไงกัน ก็ทำแบบนี้ตลอดเวลารู้สึกไม่พอใจอะไร มันก็เป็นไปเองอัตโนมัติคงเพราะติดจากตอนเด็กๆ ‘สัญญาเลยว่าต่อไปจะไม่ทำหน้าตาแบบนี้ตลอดชีวิตเลย’ ข้าวสวยคิด
“ตกลงจะกินอะไรไหม แก้มป่องจนจะแตกอยู่แล้วนั้น” อัสบัสถามขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่วายที่จะแซว
“ไม่กินผมไม่หิว”
“งั้นออกไปเดินเล่นในสวนทางฝั่งเหนือไหมยังไม่เคยไปเลยไม่ใช่หรือ แต่ว่าเจ้าคงไปไม่ไหวสินะ” อัสบัสเอ่ยชวนขึ้นคนได้ยินก็ตา ลุกวาวทันทีแต่ก็ต้องหน้างออีกเพราะคำพูดต่อท้ายของคนตัวโต
“ไหวสิทำไมจะไม่ไหวละ” คนตัวเล็กพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังทันที ทั้งที่ความจริงแล้วตนเองยังรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลังอยู่เลย
เมื่อตกลงกันได้ก็ไม่รอช้าทั้งสองรีบตรงมายังสวนทางฝั่งเหนือทันที ข้าวสวยยิ้มหน้าบานทันทีที่เห็นสวนดอกกุหลาบสีฟ้าเต็มไปหมด แถมยังมีซุ่มทางเดินที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีฟ้าอย่างสวยงาม ข้าวสวยยืนมองดอกไม้ตรงหน้านิ่งได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงมีแต่ดอกกุหลาบสีฟ้า
“นี่คุณผมสงสัยนานละทำไหมที่นี่ดอกกุหลาบสีฟ้าเยอะจังสีอื่นหรือดอกไม้อื่นไม่ค่อยมีเลย” ข้าวสวยถามขึ้นอย่างสงสัย สายตาก็ยังคงทอดมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
“ก็ดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรแห่งนี้” คนถูกถามหันมามองก่อนจะตอบออกไป เมื่อได้คำตอบข้าวสวยก็นึกรู้สึกคุ้นๆ เหมือนจะมีคนเคยบอกว่าดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี้จริงๆ
“มีสีฟ้างั้นก็ต้องมสีน้ำเงินด้วยนะสิ สีมันคล้ายกันเลยนะ” มือเล็กก็ยื่นจับดอกกุหลาบที่อยู่ใกล้ๆ
“ไม่มีหรอก” คำตอบที่ได้ทำให้คนถามต้องหันหน้ามามองอย่างสสัย
"???"
“ถึงมันจะสีคล้ายกันแต่ความหมายมันก็ต่างกันนัก” อัสบัสตอบเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กข้างๆ ตนเหมือนกับสงสัยในคำตอบ แต่ดูเหมือนการอธิบายนี้จะยิ่งทำให้ข้าวสวยงงมากขึ้นกว่าเดิม
“ผมไม่เข้าใจอ่ะ มันหมายถึงอะไรเหรอ” ข้าวสวยที่ยังงงอยู่ถามขึ้น อัสบัสถอดหายใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ อธิบายให้ฟัง
“ก็ดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นดอกไม้แห่งความอดทน แข็งแกร่ง เป็นดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล แต่ดอกกุหลาบสีน้ำเงินความหมายของมันคือ การไม่สมหวัง การบอกลา เพราะแบบนี้อาณาจักรถึงไม่มีดอกกุหลาบสีน้ำเงิน” อัสบัสอธิบายด้วยใบหน้า นิ่งเรียบ คนฟังก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
“อ่อ แบบนี้เอง” พยักหน้าเป็นการเข้าใจ แก้ไขข้อข้องใจได้แล้ว ข้าวสวยก็หันมาสนใจกับดอกกุหลาบที่ตนเองยังจับอยู่ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมนั้นอย่างเต็มปอด
"อ๊ะ!" ข้าวสวยตกใจเมื่อรับรู้ถึงแรงกอดรัดที่เอวจนต้องละสายตาจากกุหลาบเพื่อหันมาต่อว่าคนที่กำลังกอดรัดเขาอยู่แต่ก็ต้องตกใจเมื่อจมูกปะทะเข้ากับแก้มของอัสบัสที่กำลังเอาคางมาวางบนไหล่ ข้าวสวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนผลักออกเพราะรับรู้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว รู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดบนใบหน้าจนต้องก้มลงมองพื้นเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงกร่ำเพราะความเขินอาย
"เมื่อไหร่เจ้าจะมีลูกให้ข้าเสียที ข้าทำกับเจ้าหลายครั้งแล้วนะ หรือเป็นเพราะเจ้าไม่รักข้า เจ้าถึงไม่มีลูกให้ข้า" อัสบัสพูดทั้งที่ยังเอาคางวางอยู่บนไหล่ สองมือก็ยังคงโอบกอดอยู่ที่เอวเล็กๆ คนถูกถามตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ อัสบัสก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
"ผะ ผมเป็นผู้ชายนะมันก็ต้องมีลูกไม่ได้อยู่แล้ว และที่ว่าผมรักหรือไม่รักคุณนะมันเกี่ยวกับที่ผมจะมีลูกได้หรือไม่ได้ๆ ยังไงกัน" ข้าวสวยพูดอย่างขัดๆ พลางสงสัยในคำพูดของอัสบัส
"เกี่ยวสิเพราะสัญลักษณ์บนหน้าเจ้าตอนวันอภิเษก ถ้าเจ้ารักข้าและอยากมีลูกกับข้า พอเราทำกันเจ้าก็จะมีลูกได้ แต่นี้ข้าทำกับเจ้าตั้งหลายครั้งแล้วไม่เห็นเจ้าท้องก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้รักข้า" อัสบัสพูดอย่างยืดยาว ก่อนจะค่อยๆ ยกคางออกจากไหล่แล้วจับตัวของข้าวสวยให้หันมา ข้าวสวยที่หันมาก็หลบสายตาของอัสบัสทันทีเพราะยังรู้สึกแปลกๆ ยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าอัสบัสเพราะเรื่องที่คุยกันยังอยู่ในความคิดซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสับสนกับใจตัวเองมากๆ และยังงงกับเรื่องที่อัสบัสพูดซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังแค่รักกันแค่เราอยากมีลูกก็จะมีนี้มันชีวิตจริงนะไม่ใช่นิยายข้าวสวยครุ่นคิดอยู่นานแล้วยังไอ้รอยนั้นบนใบหน้าเขาอีกเกี่ยวอะไรกัน
"ว่าไงเจ้ารักข้าหรือไม่" เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าข้าวสวยยืนนิ่งไม่พูดอะไร
"เอ่อ เอ่อ คือ คือ ผมไม่ได้ไม่ชอบคุณนะ เอ่อ เอ่อ"
"แต่ก็ไม่ได้รักข้าใช่หรือไม่" ได้ยินข้าวสวยตอบอ่อมแอ้มแต่ก็ทำให้อัสบัสพอรู้ว่าคนต้องหน้าต้องการสื่อถึงอะไร
"เอ่อ ไม่ใช่นะ คือ ยังไงดีละ คือเราสองคนพึ่งเจอกันเองอยู่ๆ จะให้ผมบอกว่ารักคุณได้ยังไง ผะ ผมยังสับสนอยู่เลย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกะทันหันไปหมด จนตอนนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ผมชอบที่คุณดีกับผม ที่ค่อยดูแลผม ผมรู้สึกดีมากๆๆ ผมพูดจริงๆ นะ ขอเวลาผมหน่อยได้ไหม" ข้าวสวยตอบออกไปตรงๆเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากปิดบังหรือโกหกอัสบัส
"ได้สิ แค่ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกดีต่อข้า ข้าก็ดีใจมากแล้ว ข้าจะรอนะ รอวันที่เจ้ารักข้า" เสียงอ่อนโยนที่ตอบกลับทำให้ข้าวสวยรู้สึกใจตัวเองเต้นแรงขึ้นมาทันที
"อ๊ะ กุหลาบตรงไหนสวยจัง" ข้าวสวยเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาแก้เขินทันทีพลางผลักออกจากอ้อมกอดของอัสบัสก่อนจะวิ่งไปยังแปลงกุหลาบสีฟ้าที่กำลังแบ่งบานอย่างสวยงาม อัสบัสมองร่างที่กำลังวิ่งไปอย่างลุกลนก็ได้แต่สายหน้าให้กับความน่ารักของผู้เป็นภรรยา
เมื่อมาถึงแปลงกุหลาบข้าวสวยก็จัดการสูดดมและเชยชมดอกกุหลาบเหล่านั้นอย่างสนุกก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับอัสบัสพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงชวนให้มาที่ตน
อัสบัสยิ้มตอบรับก่อนจะเดินไปหาคนรักแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเถาไม้ปลายแหลมพุ่งมาทางข้าวสวยจนต้องรีบวิ่งเข้ามาคว้าร่างเล็กทันทีแต่ก็พลาดทำให้เถาไม้แหลมแทงเข้าที่ต้นแขนข้างซ้าย อัสบัสใช้มือขวามาจับเถาไม้นั้นไว้ครู่หนึ่งเถาไม้สีเขียวนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นผงธุลี แล้วหันมาสนใจกับข้าวสวยที่กำลังเกาะเสื้อเขาแน่นด้วยความตกใจ
"เป็นอะไรหรือไม่" อัสบัสถามข้าวสวยที่กำลังเกาะเสื้อเขาซะแน่น ใบหน้าสวยสายหน้ารัวเป็นการบอกก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือจากเสื้อของคนตัวใหญ่ แต่แล้วสายตาก็ไปสบเข้ากับเลือดสีแดงที่แขนของอัสบัส
"คะ คุณบาดเจ็บ" ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างตกใจก่อนจะแสดงใบหน้าหม่นหม่องลงเพราะรู้สึกผิดอัสบัสต้องมาเจ็บตัวเพื่อช่วยตน
"ไม่เป็นอะไรหรอกแผลแค่นี้ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" อัสบัสว่าก่อนจะกวาดสายตาไปมองรอบๆ อย่างระวังเพราะอัสบัสรู้ดีว่าคนที่ทำต้องการอะไร แต่ก็อดโมโหไม่ได้ที่กล้ามาทำร้ายคนรักของเขารู้สึกอยากจะไปเด็ดหัวคนทำให้รู้แล้วรู้รอดเพราะรู้ดีว่าเป็นฝีมือใครซึ่งดูจากเถาไม้นั้นก็เดาได้ไม่ยาก แต่อัสบัสไม่อาจทิ้งข้าวสวยไว้คนเดียวได้
"เรากลับกันเถอะดูเหมือนมันจะไม่ค่อยปลอดภัย" ข้าวสวยพยักหน้าเป็นการตอบรับ เมื่อได้คำตอบก็คว้ามือเล็กออกเดินทันที
"อ๊ะ! อัสบัส..." ข้าวสวยร้องขึ้นเมื่ออยู่ๆ ร่างกายถูกกระชากอย่างแรงจนมือหลุดจากกัน อัสบัสรับรู้สึกถึงแรงกระชากกับเสียงของข้าวสวยก็หันมาทันทีแต่คว้ามือเล็กนั้นที่กำลังลอยขึ้นเพราะเถาไม้ไม่ทันร่างของข้าวสวยลอยมาหยุดข้างๆ ร่างของชายหนุ่มร่างกายกำย่ำที่มีกิริยาท่าทางเป็นหญิง
"ไพทรี! เจ้าปล่อยข้าวสวยเดี๋ยวนี้" เมื่อเห็นผู้ปองร้ายก็ โมโหยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเป็นพวกปีศาจที่อยู่ในความดูแลของตนเอง
"พระทัยเย็นๆ สิเพคะฝ่าบาทหม่อมฉันก็แค่จะมาขอพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ก็เท่าเองนะเพคะ" ไพทรีจีบปากจีบคอพูดขึ้น
"เจ้าจะมาเอาข้าวสวยไปทำไมกัน" อัสบัสถามขึ้นทั้งๆ ที่พอจะคาดเดาคำตอบได้บ้างอยู่แล้ว
"ไม่รู้จริงๆหรือเพคะข่าวออกจะดังไปทั่วอีกไม่นานเหล่าพวกปีศาจทั้งหลายคงแห่กันมาเอาหัวใจของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรากันให้ควักเพคะ" คนฟังขมวดคิ้วพลางคิดถึงเรื่องที่ไพทรีพูดเขารู้ดีว่าใครๆก็ต้องการตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเพราะมีพลังในการรักษาอาการเจ็บปวดได้เพียงแค่คิดอาการนั้นก็จะหายไปแต่ที่ว่าต้องการหัวใจนั้นทำไมกัน ถือเป็นข่าวใหม่สำหรับอัสบัสเลยก็ว่าได้และมันก็มาพร้อมกับความยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม อันตรายกว่าเดิมอย่างแน่นอนอัสบัสคิดถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเหล่านั้นต้องการหัวใจข้าวสวยไปทำไมก็เถอะแต่สิ่งที่ตัวอัสบัสรู้คือต้องปกป้องข้าวสวยให้สุดชีวิต
"อัสบัสผมกลัว" เสียงที่สั่นเคืองของข้าวสวยเรียกให้อัสบัสหลุดจากความคิดทันที มองร่างของข้าวสวยที่มีน้ำตาไหลรินอย่างเป็นห่วง
"เอาตัวข้าวสวยคืนมาถ้าเจ้ายังไม่อยากตาย" ส่งสายตาเกลียวกลาดให้เมื่อเริ่มหมดความอดทนกับไพทรีแต่อัสบัสจะทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะข้าวสวยอยู่ในกำมือของไพทรี
"หม่อมฉันไม่กลัวหรอกเพคะ แค่ได้หัวใจของหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้มาหม่อมฉันก็จะไม่มีวันเป็นอะไร ฮาๆๆๆ" ไพทรีพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่สำหรับอัสบัสแล้วมันเป็นการยั่วโมโหเขามากขึ้น คิดเสมอว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากข้าวสวยไปจากเขาเด็ดขาดคิดได้เช่นนั้นก็รีบกระโจนเข้าหาไพทรีทันที ไพทรีเมื่อเห็นอัสบัสกระโจนเข้าหาตนอยากรวดเร็วก็รีบกระโดดหลบทำให้พ้นปลายดาบแหลมที่อัสบัสเรียกออกมาจากกลางอากาศได้อย่างเฉียดฉิวก็หัวเราะเย้ยยั่นทันทีที่หลบได้ อัสบัสยกยิ้มทันทีที่เห็นไพทรีหลบคมดาบ เพราะจุดประสงค์จริงๆ คือร่างของข้าวสวยที่อยู่ข้างๆ ไพทรี อัสบัสคาดการไว้ล่วงหน้าแล้วว่าไพทรีต้องหลบคมดาบและจะไม่เอาข้าวสวยไปด้วยแน่นอน ไพทรีนึกได้ก็สายไปแล้วเพราะตอนนี้ร่างของข้าวสวยไปอยู่ในอ้อมกอดอัสบัสเรียบร้อยแล้ว ข้าวสวยที่หลุดจากการจับกุมของเถาไม้โผเข้ากอดอัสบัสทั้งน้ำตา ร่างบางสั่นเทาไปด้วยความกลัวอัสบัสทำอะไรไม่ถูกรู้ดีว่าข้าวสวยกลัวมากแค่ไหนยิ่งมาได้ยินว่ามีเหล่าปีศาจมากมายต้องการหัวใจของตนก็ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับข้าวสวยเป็นอย่างมาก
"ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี้ทั้งคน ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเจ้าหรอก" อัสบัสพยายามพูดปลอบประโลมคนในอ้อมกอดที่ยังคงสะอื้นอยู่
"ยังไงวันนี้หม่อมฉันก็ต้องได้หัวใจของหนุ่มน้อยนั้นเพคะ" เสียงของไพทรีดังขึ้นทำให้อัสบัสเหลือบไปมองแต่ก็ตกใจเมื่อเห็นเถาไม้นับสิบที่ออกมาจากมือของไพทรีพุ่งมาทางที่เขาทั้งสองยืนอยู่
อัสบัสรีบกระชากร่างของข้าวสวยให้อยู่ด้านหลังของตนเองทันทีก่อนจะตวัดดาบใส่เถาไม้นับสิบจนขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปหมด
"อยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด" อัสบัสหันมาสั่งข้าวสวยก่อนจะกระโจนเข้าไปต่อสู้กับไพทรีทั้งสองต่อสู่กันอยากดุเดือดไม่มีใครยอมใครเสียงคมดาบที่กระทบกันดังสนั่นไปทั่วแม้ดาบของไพทรีจะทำจากเถาไม้แต่ก็แข็งแรงราวโลหะหรือมันจะเป็นโลหะเพราะฟังจากเสียงกระทบกันแล้วไม่ต่างจากโลหะเลย
"เจ้ากล้ามากไพทรีทั้งที่รู้ว่าข้าวสวยเป็นนายของเจ้าแท้ๆ แต่ก็กล้าทำเรื่องแบบนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง" อัสบัสที่ตวัดดาบใส่ไพทรีพูดขึ้นอย่างดุดัน
"หม่อมฉันรู้ดีเพคะ แต่หม่อมฉันต้องทำ พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าหม่อมฉันต้องทนคำดูหมิ่นต่างๆ มากมายจากพวกปีศาจด้วยกันเพียงก็แค่เพราะหม่อมฉันเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะครอบครัว ญาติพี่น้องต่างทอดทิ้งหม่อมฉันทั้งที่หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย" ไพทรีที่ยังคงตวัดดาบเพื่อป้องกันคมดาบ อัสบัสรู้ประวัติของไพทรีดีเพราะอัสบัสเป็นคนรับไพทรีมาอยู่ในวังค่อยให้ดูแลสวนดอกไม้ต่างๆ เพราะไพทรีเป็นปีศาจดอกไม้
"แล้วที่ข้ามอบให้ละมันไม่พออีกหรือไงกัน" เขาไม่เข้าใจไพทรีจริงๆ ว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรทั้งที่อัสบัสให้ทุกอย่างกับไพทรี
"หม่อมฉันดีใจที่พระองค์ทรงดีกับหม่อมฉัน ช่วยหม่อมฉัน และให้ที่อยู่แก่หม่อมฉัน แต่มันก็แค่พระองค์ คนอื่นๆไม่มีเลย ไม่มีใครที่จะยอมเป็นเพื่อนหม่อมฉันเลย ขนาดพวกทหาร นางกำนัลยังรังเกียจหม่อมฉัน" รู้สึกขอบคุณอัสบัสที่ค่อยช่วยตน แต่ก็ต้องตามมาด้วยความแค้นเคืองต่อเพื่อนร่วมโลกที่มีแต่รังเกียจไพทรีที่เป็นชายแต่มีใจเป็นหญิง ถึงแม้โลกปีศาจนี้จะไม่ได้จำกัดความชอบทางเพศก็ตามแต่พวกที่มีเพศกับใจคนละเพศนั้นเหล่าปีศาจส่วนใหญ่มักต่อต้านแต่สำหรับอัสบัสนั้นมันไม่ใช่ เขาคิดว่าไม่ว่าใครจะเป็นยังไงทุกคนก็คือเพื่อนรวมโลก ข้าวสวยที่ยืนมองอยู่ตลอดก็ได้ยินทุกการสนทนารู้สึกสงสารไพทรีจับใจแม้จะไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่ข้าวสวยรู้ดีว่าไพทรีเจ็บปวดแค่ไหนเพราะสีหน้าที่ไพทรีแสดงออกมา
ทั้งสองต่อสู้กันได้ครู่ใหญ่แล้ว ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือดโดยหารู้ไม่ว่าทุกการกระทำตั้งแต่ข้าวสวยกับอัสบัสก้าวมาที่สวนจนถึงตอนนี้ถูกจับจ้องโดยใครคนหนึ่งที่อยู่ในมุมมืดของตำหนักที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ทางฝ่ายไพทรีดูท่าจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะถูกคมดาบของอัสบัสไปหลายที ทางอัสบัสก็ดูเหนื่อยๆ คงเพราะแผลที่ถูกเถาไม้แท่งก่อนหน้านี้ที่ยังมีเลือดสีแดงไหลซึมอยู่ แต่ทั้งสองยังคงสู้รบกันอย่างไม่ยอมแพ้ ข้าวสวยได้แต่ร้องขอต่อพระเจ้าให้อัสบัสปลอดภัย แต่ในใจก็สงสารและเห็นใจไพทรีเป็นอย่างมากอยากจะให้ทั้งสองหยุดต่อสู้กัน ข้าวสวยสังเกตเห็นว่าไพทรีก็ไม่ได้อยากทำร้ายอัสบัสแต่มันคงเพราะความจำเป็น ไพทรีคงจะทรมานกับเรื่องนี้มากจริงๆ จากที่รู้สึกไม่พอใจไพทรีในตอนแรกตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนไป รู้สึกอยากช่วยให้ไพทรีพ้นจากความทรมานภายในจิตใจนี้จริง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อัสบัสก็ดูโมโหอย่างมากจนข้าวสวยรู้สึกกลัวเพราะไม่เคยเห็นสีหน้าที่เงียบขรึมและดุดันมากแบบนี้มาก่อนดวงตาสีแดงนั้นดูน่ากลัวมาก ข้าวสวยที่ยืนมองอยู่เมื่อเห็นว่าอัสบัสตวัดดาบลงบนลำตัวของไพทรีจนทรุดลงกับพื้นก็รู้สึกใจหายที่เห็นไพทรีบาดเจ็บมากขนาดนั้นแต่ก็แอบดีใจที่ดูเหมือนอัสบัสจะไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องตกใจเพราะไพทรีใช้เถาไม้ที่เลื่อนอยู่กับพื้นพุ่งเข้าหาอัสบัสจากด้านหลัง และดูเหมือน อัสบัสจะไม่รู้เลยว่าเถาไม้ปลายแหลมกำลังพุ่งเข้าหาตน เชื่อเลยว่าการกระทำเร็วการความคิดจริงๆ เพราะไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ร่างของข้าวสวยก็มุ่งไปที่อัสบัสเสียแล้ว
"อัสบัสระวัง" เสียงเล็กที่ดังขึ้นเรียกให้อัสบัสต้องหันไปมอง ก็พบร่างของข้าวสวยวิ่งมาขวางเถาไม้ที่กำลังพุ่งมาทางตนแต่ก็ทำอะไรไม่ทันเสียแล้วเมื่อมันพุ่งมาจนถึงร่างของข้าวสวยที่วิ่งมาขวางไว้พอดี
"ข้าวสวย!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ