King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ

8.3

เขียนโดย Byตั้งโอ๋

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  15.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ชะตากรรมที่มิอาจหนีได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
   
          ยามค่ำคืนในเมืองหลวงที่เจริญไปด้วยแสงสีจะมองหาดวงดาวบนท้องฟ้าเท่าไรก็แทบจะไม่เห็นมันคงเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างตามตึกราบ้านช่อง และตามถนนสายยาวที่มีรถรามากมายจนกลืนแสงของเหล่าดาวดวงน้อยจนริบหรี่ลง ในซอยเล็กๆ ปรากฏให้เห็นร่างบางร่างหนึ่งที่เดินทอดมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดเส้นผมสีทองที่กระทบกับแสงไฟนวลข้างทางนั้นแลดูสว่างน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวเล็กก้มต่ำลงมองดูนาฬิกาที่มือของตนเองซึ่งบอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
          เส้นทางข้างหน้าหากเขาจะไม่มองมันก็คงไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อยเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี มันคือเส้นทางที่ใช้เดินกลับบ้านอยู่เป็นประจำและทุกครั้งก็มักมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นี้เสมอ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังคงมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท เขาค่อยๆ ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
 
          “วันนี้ก็ไม่เห็นดาวอีกแล้ว อยู่เมืองหลวงหาดาวยากจริงๆเลย” ขาเรียวก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและต้องหยุดลงเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับดวงไฟสีแดงที่เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ เด็กหนุ่มมองอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่ามันค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ทุกทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังมาหาเขาหรือไม่ และก็ได้คำตอบเมื่อดวงไฟสีแดงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานปราศจากการตกแต่งใดๆ ขมวดคิ้วเป็นปมมองลูกแก้วที่มีแสงสีแดงตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นไปจับลูกแก้วนั้นเพื่อพิสูจน์ดูให้แน่ชัดว่ามันคืออะไรแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมือเล็กสัมผัสกับลูกแก้วมันก็เปล่งแสงสีแดงออกมาสว่างมากจนไม่สามารถที่จะทนลืมตาอยู่ได้ ดวงตาสวยที่มีขนตางอนยาวจึงรีบหลับตาลงเพราะทนต่อแสงที่สว่างนี้ไม่ไหว
          แต่แล้วร่างกายก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของตนเองทั้งที่เขาไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ร่างกายไม่ยอมเป็นไปตามที่ใจคิดแม้จะพยายามบังคับมันแล้วก็ตาม ดวงตาที่หลับอยู่นั้นก็พยายามเปิดออกแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายมันก็จบลงความรู้สึกถึงการควบคุมตนเองไม่ได้ได้หายไปเขาไม่รอช้าที่จะเปิดเปลือกตาออกก่อนจะปรับสายตาของตนเองให้เป็นปกติ
 
          “เฮ้ยยย!!!” เสียงร้องอย่างตกใจเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ตรงถนน แต่กลับเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อสังเกตเห็นผู้คนที่แต่งกายแปลกๆ แถมบางคนมีหู มีหางยื่นออกมา
 
          “มาอยู่ในงานคอสเพลย์ได้ไงกัน” ปากเล็กเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ ณ เวลานี้คิดได้เพียงว่าคงมาอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรสักอย่างหนึ่งเพราะทุกคนที่อยู่โดยรอบแต่งกายประหลาดทั้งนั้นดวงตาคู่สวยค่อยๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ ก็ทำให้รู้ว่าจุดที่ตนยืนอยู่นั้นคือพรมแดงกลางห้องที่ปูยาวอยู่เพียงคนเดียวและล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่แต่งกายประหลาดพวกนั้น
 
          “ว่าอย่างไรคู่ครองของข้า” ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งเพราะตั้งแต่เขายืนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครพูดอะไรเลยมีแค่เพียงสายตาที่ดูตื่นเต้นมองมาที่เขาเพียงเท่านั้น
          ใบหน้าสวยค่อยๆ หันไปมองตามเสียง แต่แล้วดวงตาทั้งสองต้องเบิกกว้างเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ตรงแท่นที่นั่งหรูหราราวกับอยู่ในพระราชวัง ตรงนั้นมีหนุ่มร่างใหญ่ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกัน ข้างแก้มยังมีรอยสักคล้ายจะเป็นรูปดอกกุหลาบเล็กๆ บนโหนกแก้มซ้ายประกอบกับท่าทีเย็นชาและนิ่งแลดูน่ากลัวมากในสายตาของเขาแต่ก็ต้องหลุดขำเพราะร่างใหญ่ตรงหน้ามีเขาสีดำสองข้างที่แทรกกลุ่มผมสีแดงขึ้นมา
 
          “ฮาๆ นายก็แต่งคอสเพลย์ แถมมีเขาด้วยหรือ ฮาๆ ดูไม่เข้ากันเลย” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นอย่างนึกตลกก็คนหน้าโหดๆ มีเขานั้นมันไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
 
          “คอสเพลย์? คือสิ่งใดกันข้าหารู้จักไม่ ข้ารู้แค่ว่าเจ้าคือเมียของข้า” เสียงทุ้มที่ฟังดูน่ากลัวถูกเอ่ยออกจากคนผมสีแดงเพลินคนฟังถึงกับหยุดหัวเราะทันที
 
          “ผมเป็นเมียคุณ?” พูดไปพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองใบหน้าสวยตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด ไม่เข้าใจที่อีกคนพูดสักเท่าไหร่
 
          “ใช่! จะให้เป็นผู้ใดกันก็ในเมื่อมณีจันทราส่งเจ้ามาให้ข้า”
 
          “คุณจะบ้าหรือไง อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” ได้ยินคนมีเขาพูดก็รีบตอบกลับอย่างหงุดหงิด อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเขาเป็นเมียทั้งที่ไม่เคยเจอกันเลยแท้ๆ แถมเขายังเป็นผู้ชายจะเป็นเมียได้ยังไงกัน
 
          “รีฟเฟอร์เจ้าช่วยบอกความให้คู่ครองข้าได้รู้ เหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งใดเลย” ร่างใหญ่พูดกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้านิ่งเฉยที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่มีหาง หูหรือเขาเลยซึ่งคงเป็นคนเดียวสินะที่ปกติ แล้วที่บอกว่าไม่เข้าใจนะมันก็แน่อยู่แล้วจะไปเข้าใจได้อย่างไรกันอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเขาเป็นเมียเฉยเลยทั้งที่ตลอดอายุ 23 ปียังไม่เคยคบใครมาก่อนแท้ๆ
 
          “กระหม่อมขออนุญาตชี้แจงพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้นี้คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์ องค์ราชาทรงทำการปล่อยมณีจันทราไป มณีจันทราจะเป็นผู้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่องค์ราชา...ผู้นั้นก็คือท่านพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มนามรีฟเฟอร์พูดขึ้น
 
          “มณีจันทรา?” คนฟังพูดขึ้นอย่างงงๆ ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไรกัน มณีจันทรานั้นคืออะไรยังไม่รู้เลย
 
          “มณีจันทราคือลูกแก้วสีแดงที่จะทำการคัดเลือกคู่ครองให้กับราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์กล่าวเพิ่มเมื่อเห็นว่าคนถูกเลือกให้เป็นเป็นพระชายาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนัก ร่างเล็กเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดตกใจไม่ได้ ‘ไอ้ลูกแก้วนั้นคือมณีจันทรานี้เอง มันจะเป็นคนเลือกพระชายาให้ไอ้เขาควายนั่น แล้วทำไมเป็นเขาละแล้วอีกอย่างผู้ชายจะให้มาเป็นเมียได้ไงกัน ‘
 
          “ก็อย่างที่บอก เจ้าคือเมียของข้า” ร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนักจนคนฟังนึกหมั่นไส้ในๆ นี้หรือคู่ครองช่างสนใจกันมากเหลือเกิน
 
          “ใครบอกผมจะเป็นเมียคุณ ผมผู้ชายนะ ไม่คิดที่จะไปเป็นเมียใครทั้งนั้น!” ไอ้เขาควายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ อยู่ๆ มาบอกว่าเขาเป็นเมียเฉยเลยเขานะเหรอเมียราชาปีศาจนี้มันเรื่องอะไรกัน ร่างเล็กหมุนตัวเดินไปเพราะสังเกตเห็นประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลัง แต่ทว่าต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมีชายร่างใหญ่ในชุดเกราะที่มีทั้งหูทั้งหางเหมือนหมามายืนขวางอยู่ ‘อยากรู้จริงไอ้เขาควายนั้นมันจะมีหางป่าวเนี้ย’ แม้จะอยู่ในวินาทีนี้ก็ยังมีใจคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงเพราะมันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ คิ้วสวยขมวดนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงขอให้หลีกทางแต่ร่างใหญ่ในชุดเกราะกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย
 
          “เจ้าไปจากที่นี้ไม่ได้หรอก เพราะชะตากรรมของเจ้าคือเป็นเมียของข้า” สิ้นเสียงของราชาปีศาจเขาแทบหันมามองตามเสียงนั้นทันทีแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งตอนนี้กำลังเดินมาใกล้ตัวเขาเต็มทีเด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเร็วของหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นทุกครั้งยามที่กายใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้
 
          “ผมบอกแล้วไงว่าไม่เป็น ผมจะกลับบ้าน พาผมกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผม” พูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหสายตาจ้องคนที่กำลังเข้าหาอย่างเอาเรื่องจะให้เขารู้สึกพอใจได้อย่างไรกันในเมื่อคนตรงกำลังบังคับให้เขาเป็นพระชายา
 
          “ไม่ได้ก็คือไม่ได้สิเมียของข้า” ร่างใหญ่ที่เดินมาถึงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับคางมนสวยให้เงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีแดงเพลิง ปากหนากระตุกยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กำลังนิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโห เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงใจเจ้ากรรมที่เต้นเร็วอย่างไม่หยุดหย่อนใบหน้าของอีกคนที่ใกล้เข้ามานั้นช่างดูหล่อเหล่าและคมคายยิ่งนักจมูกโค้งเป็นสัน โครงหน้าได้รูป ปากหนาที่ดูน่าสัมผัสสิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มทำให้เขาใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ดวงตาสีแดงนั้นจะแข็งกร้าวจนดูน่ากลัวแต่กลับทำให้คนผมแดงนั้นดูยิ่งน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นไม่รู้ว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่คืออะไรเขาอาจจะกลัวคนตรงหน้าเลยทำให้ใจมันเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้
 
          “ปล่อยผม อย่ามาแตะตัวผมนะ” แม้จะถูกจับกุมเสียงเล็กๆ ก็ยังคงพยายามแปร่งเสียงออกมาบอกกับคนตรงหน้าพร้อมกับสะบัดใบหน้าให้หลุดจากการจับกุมแม้มันจะเป็นไปได้ยากแต่ตัวเขาไม่อาจจะอยู่เฉยให้คนตรงหน้ากระทำถึงจะรู้ดีว่าแรงอันน้อยนิดนั้นจะสู้คนตัวใหญ่ไม่ได้ก็ตาม
 
          “ทำไมข้าจะแตะตัวเจ้าไม่ได้ในเมื่อเจ้าคือคู่ครองของข้า และจะต้องมีบุตรให้แก่ข้า” ราชาปีศาจพูดขึ้นพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายขาวที่ชวนให้สูดดม
          ยามเมื่ออยู่ใกล้ทำให้รู้ว่าร่างเล็กนั้นช่างน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าเล็กๆที่ ไร้การตกแต่งใดๆ ดวงตาสีน้ำตาลโตบวกกับแผงขนตายาวงอนนั้นทำให้ดวงตาคู่นั้นดูหวานและดึงดูดมาก เส้นผมสีทองดูแวววาวสวยจนเขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปสัมผัสมัน ส่วนอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสายตาความต้องที่ถูกส่งมาเลยแม้แต่น้อยเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ และเด็กหนุ่มคงไม่รู้เลยว่ายิ่งพยายามจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้เท่าไรมือใหญ่ก็ยิ่งโอบรัดเขาไว้แน่นมากยิ่งขึ้น
 
          “ปล่อยผมนะ!” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นพร้อมกับดิ้นตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้เขาเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
 
          “ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่ปล่อย หึหึ” น้ำเสียงเข้มที่ฟังยังไงก็กำลังกวนอย่างแน่ๆนั้นเอ่ยขึ้น ก่อนจะกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง มือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าเล็กให้หยุดนิ่งก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากเข้ากับปากเล็กสีสวยอย่างรวดเร็ว คนถูกกระทำถึงกับหยุดนิ่งแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาคู่โตเบิกกว้างอย่างตกใจเขาไม่เคยจูบใครและไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน นี้มันคือจูบแรกของเขาเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญไอ้เขาควายกำลังจูบเขาท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย แถมยังเป็นจูบเร้าร้อนที่ทำร่างกายเขาอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนอยู่ได้ไม่รู้ว่าสัมผัสนั้นหยุดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่รู้เพียงตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนได้แต่ทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นอย่างรู้สึกมึนงง เด็กหนุ่มพยายามมากเหลือเกินที่จะควบคุมหัวใจที่เต้นแรงให้มันกลับมาเป็นปกติ
 
          ราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์มองหน้าผู้ที่ถูกขานนามว่าเป็นเมียก็ต้องกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนไปจับกุมแก้มทั้งสองข้างของคนที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นออกแรงกดเล็กน้อยลงบนแก้มขาวๆ ที่ดูขึ้นสีแดงระเรือง อะไรกันแค่จูบนิดหน่อยเท่านั้นใยคนตัวเล็กถึงได้ดูไร้เรียวแรงถึงเพียงนี้ คนถูกจับกุมรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าแต่ก็ทำให้เรียกสติตัวเองกลับมาได้เขาไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ ที่พูดมานั้นเขาไม่อาจทำใจยอมรับได้เลยก็จะให้มาเป็นเมียทั้งที่ไม่รู้จักกันได้อย่างไรกันไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ถ้าจะมีขอเป็นใครสักคนที่เขารู้สึกรักด้วยหัวใจของเขาไม่ใช่แค่เพราะถูกเลือกจากใคร ใบหน้าสวยสะบัดหนีจากมือใหญ่แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น แรงเขากับชายหนุ่มตรงหน้ามันต่างกันเกินไป
 
          “เจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้น
 
          “ผมไม่จำเป็นต้องบอกคนอย่างคุณ” ปากเล็กพูดตอบกลับไปอย่างยากลำบากเพราะถูกจับกุมตรงบริเวณสองแก้ม มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาแกะมือใหญ่ที่จับแก้มออกแต่ก็ไม่เป็นผลมือนั้นราวกับคีบเหล็กแข็ง
 
          “บอกข้ามาเจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้นเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงที่มือของตนเอง จนเด็กหนุ่มต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง
 
          “ขะ ข้าวสวย” เสียงเล็กตอบออกไปจะไม่ตอบก็กลัวว่าคนมีเขาจะเพิ่มแรงขึ้นมาอีกเขาไม่ไหวเจ็บตรงบริเวณแก้มจนรู้สึกระบมไปหมดทำไมถึงต้องทำอะไรรุนแรงใส่กันด้วยไม่เข้าใจเลย
 
          “ข้าวสวย ชื่อแปลกดีนัก เป็นมนุษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะยิ้มมุมปากอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ปล่อยมือที่จะกุมแก้มออก มือเล็กๆ รีบยกขึ้นลูบแก้มของตนเองทันทีที่รับรู้ว่ามันเป็นอิสระแก้มจะต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ ข้าวสวยรู้สึกอย่างนั้น
 
          “ไอ้บ้าบีบมาได้เจ็บนะรู้ไหม” ข้าวสวยพูดขึ้นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเอามือลูบแก้มก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
 
          “ก็เจ้าไม่เชื่อฟังข้า” อีกคนตอบสวนหลับมา แม้จะเป็นแค่เสียงบ่นเบาๆ แต่ก็ได้ยินอดไม่ได้ที่จะว่าอีกคนกลับไป ข้าวสวยดูไม่มีอะไรก็จริงแต่ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้นเป็นแน่
 
          “จะให้ผมเชื่อฟังคุณแล้วเป็นเมียคุณเนี่ยนะใครจะไปทำกันเล่า...ไอ้เขาควาย!" เถียงกลับไปพร้อมกับชื่อใหม่ของราชาปีศาจที่ข้าวสวยคิดได้สดๆร้อนๆ
 
          “ไอ้เขาควาย? เจ้าเรียกข้าว่าไอ้เขาควายอย่างนั้นหรือ” คนเป็นราชาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัยถึงเขาจะไม่ค่อยเขาใจแต่ไอ้ชื่อนี้มันไม่เหมาะเลยจริงๆ
 
          “ใช่แล้วจะทำไม ก็เขานายมันเหมือนควายจริงๆ และผมก็ไม่รู้ชื่อคุณสักหน่อย” ข้าวสวยพูดหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะได้ยินชื่อของคนตรงหน้าแล้วแต่ก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อเล่นยาวไม่พอยังแปลกอีกผิดตรงไหนถ้าเขาจะจำมันไม่ได้ อีกคนดูจะไม่พอใจกับชื่อใหม่ของตัวเองสักเท่าไหร่
 
          “อัสบัส เรียกข้าว่าอัสบัส”
 
          “ผมว่าไอ้เขาควายเหมาะกับคุณมากว่านะ คิคิ” ข้าวสวยพูดพร้อมกับหัวเราะทั้งที่ยังคงรู้สึกกลัวอยู่แต่ไม่อยากจะแสดงมันออกมาให้คนตรงหน้าเห็น เขาต้องเข้มแข็งข้าวสวยท่องคำนี้มาตลอด
 
          “เจ้าอยากเสียตัวก่อนแต่งหรือไง” อัสบัสกระชากแขนเล็กทั้งพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คนถูกกระชากตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางกลัวต่อการกระทำของอัสบัสก่อนจะเลื่อนเท้าของตนเองไปเหยียบบนเท้าของคนตรงหน้า อัสบัสตกใจจนปล่อยมือของข้าวสวย
 
          เมื่อหลุดจากการจับกุมก็วิ่งไปยังประตูทันที โชคดีที่ไม่มีใครขวางทางไว้อีก ซึ่งเขาเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มาขวางไว้เหมือนเมื่อสักครู่ หรือจะปล่อยเขาให้กลับบ้าน ข้าวสวยยิ้มให้กับความคิดของตัวเองทันทีดีใจที่จะได้กลับบ้าน ครั้นเมื่อถึงบานประตูใหญ่ก็หันมาแลบลิ้นอย่างเยอะเย้ยให้กับอัสบัสที่ดูไม่ทุกร้อนใดๆ
 
          “ฝันไปเถอะใครจะไปเป็นเมียนายกันเล่า” เมื่อพูดจบก็หันไปเปิดบานประตูทันที แต่ทว่าเปิดมันเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
 
          “หึหึ” เสียงหัวเราะนั้นทำให้ข้าวสวยต้องหันไปมองชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงอย่างทันทีก็พบว่ากำลังส่งรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้เขา คิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที เพราะแบบนี้พวกของไอ้เขาควายถึงไม่มาขวางไว้ รู้กันอยู่แล้วว่าประตูเปิดไม่ได้ ทำไมกันเขาถึงไม่ชุกคิดให้เร็วกว่านี้
 
          “ก็บอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีจากที่นี้ไม่ได้ หึหึ” อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามา ข้าวสวยรีบถอยหลังหนีแต่ก็ต้องจนมุมเมื่อแผ่นหลังชนประตูเสียแล้วไม่มีที่ให้ถอยหนีร่างใหญ่ของอัสบัสอีกต่อไปได้แต่ยืนชิดประตูมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัสบัสอย่างหวั่นๆ คนตัวใหญ่ค่อยๆ ใช้มือจับคางมนให้ยกขึ้นเพื่อมองดวงตานั้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยว่า
 
          “เจ้าคือคู่ครองของข้า ต่อให้เจ้าคิดหนีสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นชะตากรรมนี้ จงมาเป็นเมียของข้าและมีบุตรสืบสกุลให้แก่ข้า”
 
          “ชะตากรรม เป็นเมียคุณ มีบุตรให้คุณเข้าใจอะไรผิดไหม ผมเป็นผู้ชายนะจะมาเอาผมไปเป็นเมียได้ไง และอีกอย่างผมมีลูกได้ที่ไหน คุณบ้าหรือเปล่า คิดได้ไง ผมไม่ยอมผมจะกลับบ้าน” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะจับมือของอัสบัสออกจากคางของตน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เขาจำไม่ได้เลยว่ารู้สึกหงุดหงิดไอ้คำพูดของไอ้ราชาเขาควายนี้ไปกี่รอบแล้วจากที่เคยกลัวตอนนี้มันได้หายไปหมดสิ้นมีแต่ความโกรธเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ไม่เข้าใจทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้
 
          “เรื่องเหล่านั้นไม่เป็นปัญหาเพราะต่อให้เจ้าจะเป็นหญิงหรือชายมันไม่เกี่ยว แค่เจ้าคือผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เพียงพอแล้ว...แต่เหตุใดเจ้าถึงเป็นมนุษย์” อัสบัสพูดด้วยใบหน้าสงสัย
 
          “เป็นมนุษย์แล้วไงละ ใครจะเป็นไอ้พวกมีเขาควายเหมือนคุณเล่า” ข้าวสวยพูดตอบกลับไป
 
          “เจ้า! ข้าบอกให้เรียกอัสบัสไม่เข้าใจหรืออย่างไร อยากเสียตัวจริงๆ ใช่หรือไม่” ว่าด้วยใบหน้าหื่นกระหายเพียงเพื่อต้องการแกล้งคนตรงหน้าเท่านั้น
 
          “บ้า! ไอ้เขาควายหื่น ไอ้เขาควายโรคจิต ” ข้าวสวยพูดกลับอย่างหงุดหงิด มือเล็กๆ ก็ชี้หน้าอัสบัสไปด้วย แต่ดูเหมือนคำว่าของเขาจะไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าทุกร้อนแต่อย่างใดแต่ทำให้ชายหนุ่มหื่นกระหายแทนมากกว่าเพราะใบหน้าที่ฉายแววอย่างชัดเจนนั้นทำให้เขาได้แต่ยืนพิงประตูอย่างหวาดระแวง
 
          “ถ้าไม่อยากโดนก็อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังที่ข้าพูดก็เป็นพอ” อัสบัสพูดก่อนจะยิ้มมุมปากกับอาการของคนตรงหน้า
 
          “ใครจะไปฟังกันได้เป็นเมียปีศาจกันพอดี” ข้าวสวยเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้อัสบัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินแต่ก็ทำนิ่งเฉยอย่างไรเสียคนตรงหน้าก็ไม่อาจหนีชะตากรรมนี้พ้นอยู่ดี
 
          “อีกสามวันข้าจะจัดงานอภิเษกพวกเจ้าไปเตรียมการให้พร้อม ส่วนเจ้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับข้า” คนเป็นราชาปีศาจเอ่ยสั่งเหล่าพวกบริวารก่อนจะหันมาสั่งข้าวสวย
 
          “ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” ข้าวสวยพูดค้านขึ้นมาอย่างโมโห อะไรกันมาบังคับกันได้อย่างไร
 
          “เจ้าไม่มีสิทธ์ปฏิเสธ” อัสบัสตอบกลับมาเสียงดังก่อนจะส่งยิ้มที่ข้าวสวยมองยังไงก็กวนเขาชัดๆ ไม่มีเลยหรือไงที่เขาจะเถียงคนๆ นี้ได้ชนะสักครั้งหนึ่ง
 
          “ไอ้เขาควายบ้าพูดเองเออเองทุกอย่าง" ข้าวสวยได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับคนที่เป็นถึงราชาของโลกปีศาจนี้ได้มีเพียงก็ต้องทำตามที่อีกคนบอกใช่หรือไม่แต่ข้าสวยไม่ได้ชอบชายหนุ่มแม้แต่น้อยไม่อยากแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักจะทำอย่างไรให้ออกไปจากที่นี้ได้กันควรทำอย่างไรดีข้าวสวยได้แต่คิดวงวนไปมาอยู่กับความคิดของตัวเองจนเสียงใครอีกคนเรียกให้ออกจากภวังค์นั้น
 
          “ข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักผ่อน” อัสบัสหันมาบอกกับข้าวสวย ก่อนจะเรียกหญิงสาววัยกลางคนๆ หนึ่งที่มีหูกับหางเหมือนแมวมาทางที่เขายืนอยู่ครั้นจะเถียงออกไปก็ทำไม่ได้คงต้องยอมไปก่อนแล้วค่อยหาทางทีหลังอีกครั้งข้าวสวยได้แต่คิดเช่นนั้น
 
          “เจ้าพาเมียข้าไปพักผ่อนที่ตำหนักทางทิศเหนือ” คนเป็นราชาสั่งขึ้นอีกครั้ง ตำหนักทิศเหนืออยู่คนละฝั่งกับตำหนักที่อัสบัสอยู่คือตำหนักทิศใต้การที่ชายหนุ่มไม่ให้ข้าวสวยไปอยู่ตำหนักทิศใต้นั้นเพราะมันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษก่อนเข้าพิธีอภิเษกจะไม่สามารถพบเจอกันได้เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันอภิเษกทั้งที่ในใจนั้นอยากอยู่กับข้าวสวยก็ตามก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแค่เพียงได้พบเจอข้าวสวยอัสบัสรู้สึกได้ว่าการรอค่อยมันได้สิ้นสุดลงแล้วทั้งที่ตนเองไม่รู้เลยว่ารอค่อยสิ่งใดอยู่รู้เพิ่มหัวใจมันรู้สึกเติมเต็มแค่เพียงได้พบ หัวใจที่เคยด้านชากลับสดใสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนไม่มีใครรู้หรอกว่าเขายินดีแค่ไหนที่ได้พบกับข้าวสวยซึ่งเป็นความยินดีที่ตัวอัสบัสเองก็แปลกใจ
 
          ข้าวสวยออกไปจากท้องพระโรงแล้วเรียบร้อยเหล่าบริวารคนอื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายไปทำงานตามคำสั่งของผู้เป็นราชา ครู่หนึ่งท้องพระโรงที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนบัดนี้เหลือเพียงผู้เป็นราชาและคนสนิทอีกคนเพียงเท่านั้น
 
          “ฝ่าบาทเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์เล่า ตั้งแต่อดีตคู่ครองที่ถูกเลือกล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าปีศาจด้วยกันทั้งนั้นเหตุใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่ปล่อยให้ท้องพระโรงนั้นปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่นานรีฟเฟอร์ก็เอ่ยแทรกผ่านความเงียบขึ้นมาอย่างสงสัย
 
          “ข้าก็หารู้ไม่ว่าเพราะเหตุใด แต่ในกฎหาได้บอกไว้ว่าห้ามเป็นมนุษย์” อัสบัสพูดขึ้น
 
          “มันจะไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ฝ่าบาท โลกปีศาจกับโลกมนุษย์หาเคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
 
          “จะทำการใดได้ในเมื่อมณีจันทราเลือกแล้วและอีกอย่างเขาก็ถูกใจข้ายิ่งนัก” คนเป็นราชาเอ่ยอย่างยิ้มๆ ดวงตาฉายแววความต้องการอย่างเด็นชัดคนเป็นลูกน้องอย่างรีฟเฟอร์ได้แต่นึกสงสารว่าที่ราชินีของเขาเหลือเกิน
 
          “พบเจอราชินีประเดี๋ยวเดียวฝ่าบาทถึงกับเปลี่ยนไปนะพ่ะย่ะค่ะ จากราชาผู้เยือกเย็นกลายมาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไปเสียกระนั้น” รีฟเฟอร์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันประสงค์ของผู้เป็นนาย
 
          “เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ทันข้า”
 
          “แล้วฝ่าบาทจะทรงทำอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนราชินีจะไม่ยอมโดยง่าย ฝ่าบาทก็รู้หากฝ่าบาทและราชินีไม่มีใจตรงกันก็ไม่สามารถมีบุตรได้”
 
          “เจ้าอย่าได้ห่วงไปข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วข้าวสวยต้องมีใจให้ข้าเป็นแน่” อัสบัสตอบอย่างหมั่นใจกับความคิดตัวเอง ก่อนร่างสูงใหญ่จะออกเดินแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างกายทรุดลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บ
แปลบที่หน้าอกอย่างกะทันหัน
 
          “ฝ่าบาททรงเป็นอะไรมากหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ที่รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายอย่างตกใจก็ราชาของเขาเคยเป็นอะไรที่ไหนกันเจออย่างนี้คนเป็นองครักษ์เลยค่อนข้างที่จะตกใจอยู่ไม่น้อย
 
          “ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงตราแสงแห่งราวินทราเพียงเท่านั้น” อัสบัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูติดจะทรมาน มือทั้งสองกอบกุมหน้าอกแน่น
 
          “แต่ฝ่าบาทไม่เคยปวดมาก่อนเลยนะพ่ะย่ะค่ะ หรือจะเป็นเหมือนดังตำนานที่กล่าวไว้” องครักษ์หนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ
 
          “อ๊ากกกกก” อัสบัสร้องอย่างเจ็บปวดเพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่หน้าอกอย่างมหาศาลจนต้านทานไม่ไหว
 
          “ฝ่าบาท!” รีฟเฟอร์ประคองร่างของผู้เป็นนายด้วยความกังวลมองใบหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมานแต่ฉายแววความปิติยินดีออกมาแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
 
          “ผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ในที่สุดข้าก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเสียที
 
 
 
 
 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา