King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ
เขียนโดย Byตั้งโอ๋
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) วิวาห์โลหิตที่หอมหวาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ลิลลี่สีชมพู” ข้าวสวยที่นั่งอยู่บนเตียงใหญ่หลังจากพึ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนมือเรียวค่อยๆ เลื่อนไปหยิบช่อดอกลิลลี่นั้นก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ปากเล็กยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัวคงเป็นเพราะดอกไม้หอมๆ ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
“ตื่นแล้วหรือเพคะ” เสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้นทำให้ข้าวสวยต้องหันไปมองก็พบเป็นหญิงสาววัยกลางคนคนเดิมที่เจอเมื่อวานนี้และค่อยดูแลมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้
“ครับ” ตอบกลับไปอย่างอ่อนน้อมเพราะหญิงสาวมีอายุมากกว่า เขาจำได้เสมอแม่สอนอยู่เป็นประจำว่าเราต้องเคารพผู้มีอายุมากกว่าไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม
“องค์ราชาทรงนำมาถวายเพคะ สวยใช่หรือไม่เพคะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นช่อดอกไม้ในมือของเจ้านายตน ข้าวสวยมองหญิงสาวอย่างสงสัย
“ที่นี้มีดอกลิลลี่สีชมพูด้วยหรือครับ ผมนึกว่าจะต่างจากโลกมนุษย์เสียอีก”
“หม่อมฉันก็บอกไม่ได้หรอกเพคะ เพราะหม่อมฉันไม่เคยเห็นโลกมนุษย์มาก่อนเลย”
“หรือครับ แล้วทำไมเขาต้องเอามาให้ผมด้วยละ” ใบหน้าสวยมุ่ยแก้มป่องทันทีที่พูดจบ นึกถึงเจ้าของช่อดอกไม้สวยงามนี้แล้วก็อดโมโหไม่ได้
“ก็เพราะพระองค์ทรงเป็นว่าที่ราชินีอย่างไรเล่าเพคะ" คนถูกถามตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มอีกเช่นเคยแต่สำหรับข้าวสวยมันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแม้แต่น้อย
“ก็ผมบอกแล้วจะไม่เป็นเมีย...เอ่อ...ภรรยาไอ้เขาคะ...เอ่อ...อัสบัสนี่” ใบหน้าสวยเกินชายเชิดขึ้นพร้อมกับตอบกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิดรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทำไมต้องมาเป็นพระชายาอะไรนั้นกัน
“เพราะเหตุใดถึงทรงไม่อยากเป็นเล่าเพคะ”
“ก็ผมกับเขาพึ่งเจอกันอีกอย่างผมเป็นผู้ชายจะให้ไปเป็นเมียเอ่อ ภรรยาใครได้ไงละครับ” เขาคิดอย่างที่พูดจริงๆ คนจะเป็นสามีภรรยากันได้ก็ต้องเกิดจากความรักไม่ใช่เพราะถูกเลือกมาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และที่สำคัญตัวเขาเป็นชายจะให้ไปเป็นเมียของใครมันก็ออกจะแปลกๆ ข้าวสวยไม่อาจยอมรับได้จริงๆ จะทำอย่างไรให้หลุดพ้นไปจากที่นี้ได้กัน
“ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็นเพคะเพราะมณีจันทราและองค์ราชาได้ตัดสินใจเลือกพระองค์แล้วนะเพคะ”
“แล้วรู้ได้ไงละครับว่าอัสบัสเลือกผมนะ” ข้าวสวยถามขึ้นเขาเข้าใจที่บอกว่ามณีจันทราเลือกเพราะเรื่องนี้มันก็จริงไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แต่กับอีกคนมันจะเป็นไปได้อย่างไรกันหรือเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะมณีจันทราเป็นผู้เลือกข้าวสวยมาคิดแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ทำไมถึงต้องยอมแต่งงานกับคนทีไม่รู้จักกัน
“ก็ดอกไม้ช่อสวยในมือพระองค์อย่างไรละเพคะ” หญิงสาววัยกลางคนพูดขึ้นก่อนจะส่งสายตาไปยังช่อดอกลิลลี่สีชมพูที่อยู่ในมือผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของเธอในอนาคต ใบหน้างามก้มมองดอกไม้ในมืออย่างสงสัย งงก็แค่ดอกไม้
“ดอกลิลลี่นี่นะหรือครับ” ปากเรียวสวยถามขึ้นพร้อมกับยกช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่เป็นเชิงถามอย่างสงสัย
“ใช่เพคะ”
“มันก็แค่ดอกไม้จะเป็นตัวยื่นยันได้ยังไงครับว่าอัสบัสเลือกผมนะ" พูดขึ้นพลางนึกขำกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า อะไรกันแค่ดอกไม้ช่อเดียวก็คิดไปว่าเลือกเขาเป็นเมียถ้าเป็นแบบนี้ในโลกของข้าวสวยคงมีแต่คนที่ถูกเลือกเป็นเมียไม่รู้กี่ครั้งในหนึ่งคนนะสิ
“พระองค์ทรงทราบความหมายของดอกลิลลี่สีชมพูหรือไม่เพคะ” หญิงสาวพูดขึ้น คนที่ฟังอยู่ถึงกับหยุดหัวเราะทันทีก่อนจะหันไปมองคนถามและสายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่รู้
“ดอกลิลลี่สีชมพูความหมายของมันก็คือ ที่สุดของหัวใจที่ฉันตามหาเพคะ ซึ่งแสดงว่าองค์ราชานั้นได้พบเจอบุคคลที่ตนเองต้องการแล้วและคนๆ นั้นก็คือพระองค์อย่างไรละเพคะ” ข้าวสวยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยแก้เขินขึ้นมา
“บางทีเขาก็แค่ส่งมามั่วๆ ก็ได้ครับ คงจะไม่มีอะไร” ตอบกลับไปแบบไม่ใส่ใจแต่ใจกลับเต้นแรงจนเจ้าตัวเองกลัวว่ามันจะทะลุออกมา หญิงสาวสายหน้าให้กับความรั้นของว่าที่ราชินีที่ไม่ยอมเชื่อเสียทีจนต้องบอกกล่าวเพิ่มเพื่อช่วยเจ้านายของตน
“ไม่หรอกเพคะ ที่โลกปีศาจเราจะนิยมใช้ดอกไม้สื่อถึงความรู้สึกแก่กันเพคะโดยเราจะให้ดอกไม้ตามความหมายและโอกาสที่จะให้ อีกอย่างองค์ราชาไม่เคยให้ดอกไม้แสดงความรักแก่ใครนอกเสียจากดอกไม้แสดงความยินดีหรือเคารพเท่านั้นเพคะ” เธอกล่าวยืดยาวจนข้าวสวยไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปได้แต่เงียบและหันมาสนใจกับดอกไม้สีสวยในมือแทนแต่ในใจกลับคิดถึงอีกคน‘เป็นปีศาจแท้ๆ แต่ทำไมชอบดอกไม้กันจัง ยิ่งนึกถึงไอ้เขาควายแล้วนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ’ ใครๆ ต่างว่าปีศาจนั้นน่ากลัวและโหดร้ายแต่เหตุใดการกระทำเหล่านี้ถึงได้ดูโอนโยนยิ่งนัก
“เอ่อ...ถ้าผมจะขอพบไอ้เขาคะ..เอ่อ อัสบัสนะครับ...ได้ไหม” ข้าวสวยถามหญิงคนเดิมที่ยืนมองตนเองอยู่ข้างเตียง เขาก็แค่อยากจะคุยกับอัสบัสให้รู้เรื่องก่อนจะถึงวันเข้าพิธี ชายหนุ่มแน่ใจแล้วหรือที่จะแต่งงานกับเขาจริงๆ
“ไม่ได้หรอกเพคะ ก่อนเข้าพิธีอภิเษกพระองค์กับองค์ราชาไม่สามารถพบเจอกันได้ จนกว่าจะถึงวันอภิเษกเพคะ” คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อได้รับคำตอบ
“ทำไมถึงพบไม่ได้ละครับ”
“มันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษมาเพคะ”
“แต่ผมอยากขอเขากลับบ้าน ผมเป็นห่วงน้องที่บ้าน” ข้าวสวยตอบกลับไปด้วยใบหน้าเศร้าๆ นึกถึงใบหน้าคนสำคัญที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้วอยากร้องไห้ตอนนี้คงนั่งรอเขากลับไปจนไม่ยอมหลับยอมนอนเป็นแน่
“ไม่ได้จริงๆ เพคะ พระองค์อย่าทรงเป็นห่วงไปเลยองค์ราชาคงจะส่งคนไปดูแลแล้วละเพคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาทันทีแต่ว่าอัสบัสรู้เรื่องครอบครัวเขาด้วยหรืออย่างไร
“อัสบัสรู้เรื่องของผมด้วยหรือครับ”
“รู้สิเพคะ องค์ราชาต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างของผู้ที่จะมาเป็นองค์ราชินีอยู่แล้วเพคะ อย่าทรงเป็นห่วงไปเลยเพคะ”
“ครับ” ตอบรับกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ในใจก็ยังคงนึกเป็นห่วงน้องชายของตนเองเพราะเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องไม่มีญาติคนอื่นอีกแล้ว ถ้าเขาหายไปน้องก็ต้องอยู่คนเดียวยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงถึงจะบอกว่าอัสบัสส่งคนไปค่อยดูแลแล้วก็ตามทีแต่น้องจะไม่ตกใจหรือไงกัน
ณ ท้องพระโรง
“เรียนองค์ราชา กระหม่อมได้ทำการตรวจสอบรอบบริเวณอาณาจักรแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่พบผู้ใดที่มีปานแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หน้าอกเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสียงนายทหารในชุดเกราะที่รัดกุมแต่ไม่วายยังมีหูกับหางเหมือนสุนัขกล่าวรายงานแก่ผู้เป็นนายซึ่งก็คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอนด์หรืออัสบัส อัสบัสที่ได้ฟังต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อคำรายงานไม่เป็นไปอย่างที่คิด
“เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่พบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราในเมื่อข้าสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากปราสาท” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชาของเล่าปีศาจพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“พวกเจ้าจงออกไปค้นหาต่อ ค้นหาจนกว่าจะพบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรา หากไม่พบไม่ต้องกลับมา” อัสบัสสั่งขึ้นอย่างเสียงดังด้วยความกังวล ทหารร่างกำยำเมื่อได้ยินคำสั่งก็ต่างรีบออกไปในทันที ทางอัสบัสเมื่อเห็นทหารออกไปจนหมดก็ได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ
“ทำไมถึงไม่พบกันทั้งที่ข้าสัมผัสได้แท้ๆ” เอ่ยพูดกับลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเครียดๆ
“พระองค์อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์พูดปลอบใจผู้เป็นนาย
“ข้าไม่กังวลได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าอาเทอร์ผู้ต้องคำสาปราหูทมิฬนั้นเริ่มบุกรุกกินพื้นที่โลกปีศาจไปเกือบครึ่งแล้ว เมฆสีดำของมันก็กลืนกินโลกปีศาจไปเรื่อยๆ ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ครองของโลกนี้ข้าไม่อาจทนอยู่เฉยได้ยิ่งสัมผัสถึงผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราข้าก็ยิ่งทนไม่ได้” อัสบัสพูดขึ้นอย่างหัวเสียเขาเป็นถึงราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแต่เมื่อรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเขากลับนึกกลัวขึ้นมา กลัวผู้ที่ทั้งเขาและเหล่าปีศาจทั้งหลายที่รอค่อยมานานจะหายไป
“กระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่พระองค์ต้องทรงพระทัยเย็นๆ เสียก่อน พระองค์ก็ทรงทราบว่าฝ่ายนั้นก็ต้องสัมผัสได้เหมือนกันว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราปรากฎตัวแล้ว และกระหม่อมเชื่อว่าพวกมันก็คงไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน มันจะต้องหาวิธีกำจัดผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเป็นแน่แท้”
“ข้ารู้ เพราะอย่างนี้ไงข้าถึงได้รีบหาตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราให้เจอโดยเร็วที่สุด”
“กระหม่อมว่าพระองค์อย่างกังวลพระทัยไปเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกมันก็คงจะยังหาผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราไม่พบนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี่พระองค์ทรงกังวลเรื่องพิธีอภิเษกมากว่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“นั้นสิ มันก็จริงของเจ้า เจ้าให้คนไปค่อยดูแลที่บ้านของข้าวสวย
หรือยัง” อัสบัสที่คล้ายกังวลลงถามขึ้น
“ได้ส่งคนไปค่อยระวังโดยไม่ให้ทางบ้านขององค์ราชินีรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ และทรงแจ้งให้คนที่บ้านขององค์ราชินีทรงทราบแล้วว่าองค์ราชินีจะไม่กลับมาบ้านสักระยะพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์รีบรายงานทันทีที่ผู้เป็นนายเอ่ยถาม
“อืมดี หลังสิ้นพิธีอภิเษกค่อยแก้ปัญหานี้กันอีกครา แล้วข้าวสวยเป็นอย่างไรบ้าง” อัสบัสพูดขึ้น แต่ไม่ลืมถามถึงความเป็นอยู่ของคู่ครองตนเอง
“ตอนนี้ทรงได้ให้นางกำนัลเตรียมตัวให้แก่องค์ราชินีเพื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วพะยะค่ะ”
“อีกสองวันแล้วสินะ ใกล้เข้ามาเต็มที ข้ายังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกมนุษย์ผู้นี้กัน” ปากหนายกพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาสีแดงเพลิงที่ดูน่าเกรงกลัวแต่บัดนี้ฉายแววความสงสัยอย่างชัดเจนตั้งแต่เมื่อวานที่ทราบว่ามณีจันทราทรงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์ให้แก่ตนตลอดเวลาทั้งคืนเขาพยายามหาคำตอบแต่มันก็ไร้ซึ่งวี่แววใดๆดังสิ้น
สองวันผ่านไป
วันนี้เป็นวันที่พระราชวังทรงจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นอย่างใหญ่โต มีผู้คนมาเข้าร่วมมากมายจนเต็มไปทุกพื้นที่ ทุกสิ่งล้วนแต่ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีฟ้าซึ่งเป็นดอกไม้ประจำอาณาจักร
ข้าวสวยที่อยู่ในชุดทักซิโด้สีขาวสะอาดศีรษะถูกคลุมทับด้วยผ้าสีขาวลายลูกไม้บางเบาที่ดูหรูหราลากยาวมาตามพื้นพรมสีแดง ใบหน้ารูปไข่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมนั้นยิ่งน่ามองอย่างที่ไม่อาจละสายตาได้ มือเล็กๆมีช่อดอกกุหลาบสีฟ้าขนาดกลางอยู่
ร่างทรงสง่านั้นกำลังเดินผ่านหน้าผู้คนนับพันนับหมื่นที่จ้องมองด้วยสายตาแวววาว เท้าทั้งสองนำพาร่างสะโอดสะองไปตาม พรมแดงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีฟ้าที่ถูกโปรยปรายลงทุกครั้งยามที่เขาก้าวเดินความตื่นเต้นเข้ามากอบกุมหัวใจของข้าวสวย รับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจเร็วจนเขานั้นนึกกลัวไม่เคยคิดว่าคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเรียบง่ายและจำเจจะได้มีโอกาสเข้าพิธีอภิเษกที่ใหญ่โตและอลังการเช่นนี้
แม้มันจะเป็นการแต่งงานที่ตัวเขาเองไม่เต็มใจนักแต่ในเมื่อไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมนี้ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับมัน ร่างสุดแสนสง่างามค่อยๆ ก้าวเดินไปยังแท่นพิธีที่อยู่ไม่ไกลนักแต่กลับต้องใช้เวลาที่แสนยาวนานในการเดินไปยังที่ตรงนั้น
เมื่อมองไปด้านหน้าแท่นพิธีก็พบร่างใหญ่ของผู้เป็นราชาปีศาจอยู่ในชุดทักซิโด้สีเงิน มีหูกระต่ายและผ้าคาดเอวสีดำนั้นยิ่งขับให้ชุดดูเด่นมากยิ่งขึ้นผมยาวสีแดงเพลิงถูกปล่อยให้ปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดมาตัดกับเขาคู่สีดำทำให้ดูสง่างามใบหน้าที่ขาวสะอาดแต่มีรอยดอกกุหลาบเล็กๆบนโหนกแก้มซ้าย ปากหนาที่มีรอยยิ้มเล็กๆ นั้นยิ่งทำให้อัสบัสดูน่าหลงใหล
ข้าวสวยใช่เวลาไม่นานนักก็มาถึงแท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวของเขายืนอยู่แต่สำหรับเด็กหนุ่มมันเนินนานเหลือเกิน ภายในสถานที่จัดงานนั้นต่างมีเสียงพูดคุยและโห่ร้องด้วยความปิติยินดีดังไปทั่วทั้งบริเวณจนข้าวสวยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อัสบัสที่ยืนรออยู่เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนมาถึงก็ยื่นมือส่งไปรับมือเล็กๆ เขายอมรับเลยว่าวันนี้คนตรงหน้านั้นดูงดงามยิ่งนักราวกับว่าข้าวสวยนั้นเป็นดังเทพธิดา เทพบุตรในดินแดนสวรรค์ ใบหน้าที่ได้รูปนั้น จมูก ปาก นัยน์ตาสีน้ำตาล กับชุดเข้ารูปสีขาวสง่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่จะลงตัวอย่าง น่าประหลาดความงดงามนั้นสมดั่งตำแหน่งราชินีของโลกปีศาจเหลือเกินครั้งเจอกันครั้งแรกก็ว่างดงามมากแล้วแต่วันนี้กลับยิ่งงดงามจนหาคำเปรียบเปรยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
อัสบัสอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาอีกคนที่มองมานั้นได้แต่งวยงงกับท่าทีของคนตรงหน้าสีหน้าที่เปลี่ยนไปมานั้นมันทำให้เขาไม่มั่นใจจนต้องยกมือออกจากมือของอีกคนที่นิ่งค้างอยู่แต่กลับถูกมือใหญ่กอบกุมไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ข้าวสวยนั้นหัวใจเต้นอย่างผิดปกติใบหน้าเห่อร้อนจนรู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดบนใบหน้าพาลให้ต้องหลบสายตาที่ส่งมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เจ้าบ่าวค่อยๆ พาเจ้าสาวมายืนอยู่ตรงหน้าแท่นพิธีที่มีผู้อาวุโสยืนรออยู่ก่อนแล้ว ต่อจากนี้พิธีก็ได้เริ่มขึ้นทั้งสองต่างกล่าวปฏิญาณตนกันว่าจะรัก มีกันและกันตลอดไป ข้าวสวยรู้สึกไม่ค่อยสู้ดีที่ต้องกล่าวคำปฏิญาณแบบนั้นออกไปเพราะเขาไม่ได้รักอัสบัสแต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือเกลียดอะไรคนข้างกายเพียงแต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนรับมือกับมันไม่ทันก็เพียงเท่านั้น
พิธีดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนั้นคือการหลั่งโลหิตเพื่อทำสัญญารักของปีศาจที่เป็นพิธีสำคัญมากที่สุดในโลกของปีศาจก็ว่าได้เพราะจะบ่งบอกว่าเราทั้งสองจะเป็นของกันและกันและจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ข้าวสวยตกใจนิดหน่อยเมื่อถึงพิธีนี้ถึงจะรู้มาก่อนแล้วก็ตามทีแต่ก็ไม่วายกลัวอยู่ดี ตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาได้เตรียมตัวเข้าพิธีและเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ของพิธีในวันนี้ แต่ถึงจะทำใจมาแล้วก็อดที่จะหวั่นกลัวไม่ได้ต้องดื่มเลือดที่หยดลงในน้ำสะอาดนั้นโดยมีทั้งเลือดของเขาเองและของอีกคน
“เป็นอะไร เจ้ากลัวรึ” อัสบัสถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าซีดๆ ของคนข้างกายยามมองไปยังถาดในมือผู้อาวุโสที่มีเข็มสองเล่มและถ้วยสีทองภายในมีน้ำที่ดูสะอาดมากอยู่ ใบหน้าสวยหันมองคนถามทันที ก่อนจะสายหน้าไปมาเป็นการตอบกลับไป คนได้รับคำตอบก็ยิ้ม มุมปากเล็กน้อยให้กับอาการของคนปากแข็งทั้งที่ใบหน้าซีดแล้วยังมาสายหน้าบอกว่าไม่กลัว อัสบัสรู้ดีว่าข้าวสวยต้องกลัวแน่นอนเพียงแต่ไม่กล้าบอกเท่านั้น
เมื่อเห็นอัสบัสทำท่าทางเหมือนเยาะเย้ยใบหน้าสวยก็จัดการแบะปากใส่ทันทีก่อนจะหันไปจดจ่อกับพิธีตรงหน้าต่อที่ตอนนี้ผู้อาวุโสกำลังทำปากขมุบขมิบเหมือนสวดอะไรสักอย่างอยู่หน้าถาดนั้น มือเรียวค่อยๆ ยื่นช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาววัยกลางคนที่เดินเข้ามาขอช่อดอกไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปยิบเข็มที่เหลืออยู่หนึ่งเล่มมาเพราะอีกเล่มหนึ่งอัสบัสได้เอามาถือไว้ก่อนแล้ว
“ขอให้พระองค์ทั้งสองทำการหลั่งโลหิตพร้อมกันนะพะยะค่ะ” ผู้อาวุโสที่ถือถาดทำพิธีกล่าวขึ้น ข้าวสวยกับอัสบัสหันมามองหน้ากันก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมา การหลั่งโลหิตในที่นี่คือการที่ทั้งสองนำเข็นจิ่มลงบนปลายนิ้วชี้และให้เลือดหนึ่งหยดหยดลงสู่ถ้วยที่มีน้ำสะอาดอยู่พร้อมๆ กัน ทั้งสองค่อยๆ เลื่อนมือไปยังถ้วยที่มีน้ำสะอาดและใช่ปลายเข็มแหลมจิ้มลงบนปลายนิ้วพร้อมกันทำให้เลือดสีแดงฉาดไหลออกมาจากนิ้วเรียวของทั้งสอง ข้าวสวยรู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้วจนต้องยู้หน้าเลือดของทั้งสองค่อยๆ หยดลงในถ้วยน้ำ เมื่อเลือดสองหยดหยดลงในน้ำก็ต้องทำให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะอยู่ๆ เลือดนั้นได้กระจายตัวออกและน้ำก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเป็นของเลือดทั้งหมดทั้งที่ความจริงแล้วเลือดมันแค่เพียงสองหยดเท่านั้นไม่ควรจะกลายเป็นสีแดงขนาดนี้ ข้าวสวยเริ่มหน้าซีดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดว่าต้องดื่มน้ำเลือดสีแดงตรงหน้า แต่แล้วความกลัวก็เริ่มจางหายเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่มหอมหวานราวกับกลิ่นของกุหลาบ ใบหน้าสวยมุ่ยให้กับความแปลกประหลาดตรงหน้านิดหน่อย นึกสงสัยว่านั้นมันเพราะอะไรทำไมถึงมีกลิ่นหอม น่าลิ้มลองขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังไม่มีกลิ่นอะไรเลยแถมยังดู น่ากลัวแต่ตอนนี้กลับรู้สึกที่อยากจะลิ้มลองน้ำสีแดงกลิ่นกุหลาบที่อยู่ตรงหน้าจนหลงลืมไปเสียว่ามันคือเลือดของตนเองและอัสบัส
“เชิญพระองค์ทั้งสองดื่ม วารีพิษวาส เริ่มจากองค์ราชาก่อนเลยพะยะค่ะ” ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นก่อนจะยืนถ้วยที่บรรจุน้ำสีแดงให้แก่อัสบัส
อัสบัสค่อยๆ ดื่มน้ำสีแดงฉาดลงไปโดยมีข้าวสวยมองดูอยู่ไม่ละสายตา ก่อนจะยืนถ้วยที่บรรจุน้ำที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งให้กับ ข้าวสวย มือเล็กๆ เลื่อนไปรับมาด้วยสองมือพลางมองหน้าอัสบัสที่กำลังส่งยิ้มให้ เขาก้มมองถ้วยในมือเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นดื่มยามที่สายน้ำแตะลิ้นนั้นรับรู้ได้ถึงรสชาติที่หอมหวาน ความอ่อนละมุนที่ได้สัมผัสจากหยดน้ำราวกับความอบอุ่นที่โอบล้อมไปทั่วทั้งร่างกายความอบอุ่นที่ได้รับนั้นค่อยรู้สึกแปรเปลี่ยนไป ข้าวสวยรู้สึกว่าใจเต้นแรงผิดปกติเลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้าจนรู้สึกร้อนผ่า เขาชำเลืองมองอีกคนก็พบว่าคงมีอาการเช่นเดียวกันเพราะใบหน้าของอัสบัสมี สีแดงระเรืองปรากฏอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองใบหน้าเจ้าบ่าวของตนไม่วางตาและต้องตกใจที่อยู่ๆ ก็มีลวดลายเกิดขึ้นที่ละนิดบน โหน่งแก้มข้างขวาของอัสบัส ซึ่งข้าวสวยเองก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อนที่อยู่บนโหน่งแก้มข้างซ้ายของตนเองเช่นกัน ลวดลายนั้นได้หยุดลงแล้วก็ปรากฏให้เห็นว่ามันเป็นลายดอกกุหลายสีน้ำเงินหนึ่งดอกที่กำลังแบ่งบานอยู่บนหน้าของอัสบัสทั้งที่เขามีรอยสักตรงข้างแก้มซ้ายอยู่ก่อนแล้วแต่มีรอยนี้เพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าอัน หล่อเหล่านั้นลดลงแม่แต่น้อย ข้าวสวยจ้องมองใบหน้าของอีกคนอยู่นานจนสายตาไปสบเข้ากับภาพที่สะท้อนในตาสีแดงคู่นั้นซึ่งเห็นรางๆ ว่าบนใบหน้าของเขาก็มีรอยดอกกุหลาบบานเหมือนกัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างทันทีมือเล็กที่ปกคลุมไปด้วยถุงมือยกขึ้นไปจับใบหน้าของตนเองอย่างตกใจ
“หน้าผมมีรอยดอกกุหลาบขึ้นใช่ไหม มันขึ้นได้ไงของคุณด้วย” ข้าวสวยที่ยืนจับใบหน้าของตนเองพูดขึ้นอย่างร้อนร้น ไม่อยากให้บนใบหน้ามีสิ่งอื่นใดแค่ที่อกมีปานนั้นก็แปลกมากพออยู่แล้ว
“ก็สัญลักษณ์อย่างไร” อัสบัสพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“สัญลักษณ์อะไรกันไม่เอานะ” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“มันเป็นสัญญาลักษณ์ที่แสดงว่าพระองค์ทั้งสองเป็นของกันและกันนะพ่ะย่ะค่ะ มันไม่มีทางหายไปพ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าข้าวสวยสงสัยในรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของตน อัสบัสมองว่าที่ราชินีของตนเองอย่างอดยิ้มให้กับความน่ารักนี้ไม่ได้
“ยิ้มอะไรไอ้เขาควาย” ข้าวสวยที่เห็นอัสบัสยิ้มอยู่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้แต่ก็รู้สึกเขินด้วยเช่นเดียวเลยต่อว่ากลบเกลื่อนไป นี้เขาเป็นเมียของไอ้เขาควายไปแล้วสินะ คิดแล้วก็ปวดหัวเป็นแค่คนธรรมดาๆ อยู่แท้ๆ แปบเดียวมาเป็นเมียคนอื่นไปซะได้และที่สำคัญยังเป็นราชาปีศาจเสียอีก เฮ้อออออ...ผมนะเหรอเมียราชาปีศาจ คิดแล้วสับสนกับชีวิตจริงๆๆๆ
หลังจากพิธีเสร็จสิ้นก็ตามด้วยการแต่งตั้งข้าวสวยเป็นราชินีของโลกปีศาจทุกอย่างนั้นผ่านไปได้ด้วยดีพร้อมทั้งรอยยิ้มและเสียงยินดีจากเหล่าผู้คนนับหมื่น นับแสน หรือนับล้านของโลกปีศาจ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่าาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ