BEST FRIEND(?) #เบสเฟรนด์ชิโระ
6.2
เขียนโดย Khunpor
วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 04.35 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
12.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กันยายน พ.ศ. 2560 06.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) BEST FRIEND(?) 7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่7
เช้าวันจันทร์อากาศแจ่มใสไม่มีเมฆฝน ผู้คนที่เดินไปมาก็ดูเพลินตาดีแถมเป็นการเรียนวันที่สองของการเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งๆที่มันควรเป็นวันที่ดี แต่ผม! ชิโระคนนี้! กำลังใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้วเว้ย!!!!!
ตั้งแต่วันเสาร์ที่ไอ้เวรเบสหายหัวไปมันก็ไม่โผล่หัวกลับมาห้องอีกเลย ย้ำ! ไม่กลับมาเลย! ที่ผมมั่นใจก็เพราะตลอดเวลาสองวันผมไม่ได้ย่างกลายออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว! จะให้ผมออกได้ไงสภาพผมแย่มาก ตามคอมีรอยแดงเต็มไปหมดลบยังไงก็ออกไม่หมด ไหนจะตามหน้าอกที่มองภายนอกไม่เห็นอีกเพียบ! ผมทั้งโกรธทั้งอายแต่ไอ้ตัวปัญหากลับไม่มาให้ผมกระทืบให้หายแค้นเลยสักนิด! โมโห!!!! แต่ในความบัดสบก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่วันนี้รอยแดงจางไปบ้างแล้ว ส่วนตรงไหนที่ยังพอเหลือรอยผมก็เอาแผ่นแก้ปวดแปะทับไว้ก่อน ยิ่งคิดยิ่งแค้น!
ตะดึ๋ง!
ผมที่กำลังนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ ก็มีเสียงจากแอพไลน์ดังขึ้น ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่ิอเห็นชื่อคนที่ส่งมาก็เผลอยิ้มขึ้นมานิดๆ
เฟริส : ไปเรียนยัง
ชิโระ : มาแล้วนั่งอยู่โรงอาหารคนเดียวเบื่ิอมาก
เฟริส : อ้าว แล้วเพื่อนมึงไปไหนหมดละ
ชิโระ : ไม่รู้วะ กูไม่มีเบอร์ไลน์ใครเลย มาตั้งแต่หกโมงครึ่งละเนี่ย
เฟริส : เฮ้ย! มึงรีบไปช่วยภารโรงเปิดประตูไง รีบไปอะไรขนาดนั้น
ชิโระ : ก็กูเป็นเด็กดีไง
เฟริส : คร้าบๆ ตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งละมึงนั่งคนเดียวตลอดเลยหรอวะ ให้กูโทรคุยเป็นเพื่อนมั้ย
ชิโระ : ไม่เป็นไรมึงรีบเตรียมตัวของมึงเถอะ เดี๋ยวก็สายหรอก
เฟริส : อ่าๆ ถ้ามีไรก็โทรหรือทักไลน์มาหากูได้นะ ตั้งใจเรียนนะมึง คิดถึงนะ
ชิโระ : คิดถึงพ่อง!!
ผมส่ายหน้าเอือมๆกับการหยอดของเฟริสก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้เหมือนเดิม ตั้งแต่เฟริสได้เบอร์กับไลน์ผมไปมันก็ส่งมาคุยกับผมทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน คุยนานบ้างเร็วบ้าง ทำให้การอยู่คนเดียวตลอดสองวันไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงตกหลุมรักเฟริสไปแล้ว คนดีๆแบบมันไม่น่ามาชอบผู้ชายแบบผมเลย - -"
พรึ่บ!
"ไอ้เหี้ย! กูตามหามึงทั่วโรงเรียนเลยมึงรู้มั้ยเนี่ย!" ผมสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆก็มีคนเอากระเป๋าทิ้งลงโต๊ะอย่างแรงก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้างผมอย่างหอบๆ
"อ้าว บิว มานานแล้วหรอวะ" พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าสวยขมวดคิ้วหงุดหงิดมองผมกลับอยู่ โมโหห่าไรมาละนั่น
"ไม่ต้องมาองมาอ้าว ทำไมไม่นั่งอยู่ในห้องวะ กูจะไปตรัสรูมั้ยว่ามึงอยู่ตรงไหนของโรงเรียน เบอร์ไลน์ก็ไม่ให้กูไว้ รู้มั้ยกูหามึงทั่วโรงเรียนเลย กูนึกว่ามึงจะมีมวยแต่เช้าซะอีก มึงยิ่งอ้อนตีนชาวบ้านอยู่" อือหือ ใส่เป็นชุด
"โทษทีวะ กูไม่อยากอยู่ในห้องถ้ามีคนเข้ามากูกลัวว่าจะมีปัญหามึงก็รู้ว่าทุกคนไม่ชอบขี้หน้ากูอยู่ เลยคิดว่ามารอที่อื่นดีกว่า" บิวถอนหายใจพรืดแล้วมองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง เอาเถอะผมก็ทำใจไว้แล้วละว่าวันจันทร์ต้องเจอการรังแกแน่ๆ แต่โชคดีหน่อยที่ผมกับไอ้เบสไม่เขม่นกันแล้วเลยไม่ต้องปวดหัวเท่าไหร่
"แล้วหน้ามึงเป็นไงบ้าง เห็นมีคนลือกันว่ามึงได้เป็นรูมเมทกับปริ้นซ์ ตอนมาถึงกูก็ยังไม่ได้เจอปริ้นซ์เลย มึงคงไม่ได้ฆ่าเขาไปแล้วหรอกใช่มั้ย" นี่เห็นกูเป็นคนยังไงวะ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงฆ่ามันจริงๆนั่นละ โอ้ย!!! ไม่น่าคิดถึงเลยโมโหขึ้นมาเลยเนี่ย!
"ยัง! กูยังไม่ฆ่ามัน แต่วันนี้กูฆ่ามันแน่ๆ" ต่อให้ไอ้เวรเบสจะไม่กลับหอยังไงมันก็ต้องมาเรียน ถ้าผมเห็นมันก้าวเข้าห้องมาเมื่อไหร่ผมจะพุ่งไปกระทืบมันให้ตายเลย!
"เฮ้ยๆ แค้นไรขนาดนั้นวะ มีเรื่องอะไรกันอีกหรือป่าว แต่มึงอย่าลืมนะว่ามึงโดนหมายหัวตอนมีเรื่องกับปริ้นซ์เมื่อวันศุกร์ไปแล้ว ถ้ามีอีกกูไม่คิดว่าพี่นายจะใจดีปล่อยไปแน่ๆ" ชิบหาย ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย แม่งเอ้ย! นี่ผมต้องมาเก็บกดมองหน้ามันโดยทำอะไรไม่ได้เลยหรอวะ! อ้ากกกกก
"กูดักฆ่ามันก่อนที่มันจะเดินเข้าโรงเรียนดีปะวะ"
"หน้ามึงเริ่มเหมือนฆาตกรโรคจิตละ"
"โอ้ยยยยย! กูโมโหวะ แม่งงงงง" ผมร้องตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ผมไม่เคยหงุดหงิดอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยนะเว้ย ทำไมไอ้เบสถึงได้ทำให้ผมเสียศูนย์ขนาดนี้วะ
"เหี้ย! เบาๆสิวะ คนมองเต็มแล้วเนี่ย! เฮ้อ กูละเครียดกับพวกมึงจริงๆ เอาเถอะเขาว่ายิ่งทะเลาะยิ่งรักกัน"
"รักพ่องมึงสิ"
"ฮ่าๆ ถ้าวันไหนพวกมึงได้กันเองกูจะหัวเราะให้ฟันล่วงเลยคอยดู" บิวพูดเกลื้อหัวเราะพรางหยิบโทรศัพท์มาคุยไลน์โดยไม่สนใจผมที่จะกระโดดทีบปากมันลอมล่อ แม่ง! พูดห่าไรไม่รู้ขนลุกชิบหาย!
"ปากเสียละมึง เฮ้อ งั้นกูไปหาซื้อไรแดกก่อนนะ มึงเอาไรม่ะ" พอได้ระบายท้องก็เริ่มหิวแหะ ตลอดสองวันผมไม่ได้กินข้าวซะด้วยเอาแต่อยู่ในห้องกินขนมนมเนยที่ซื้อมากับไอ้เบสแทน
"ไม่ว่ะ เดี๋ยวกูค่อยไปซื้อทีหลังมึงไปก่อนเลย เออ! เพื่อนกูจะมานั่งด้วยมึงโอเคปะวะ" บิวเงยหน้าจากการตอบแชทไลน์ถามผมอย่างเกรงใจ มันคงเข้าใจละว่าตอนกินข้าวผมต้องถอดแมทมันคงไม่อยากให้ผมอึดอัด
"อื้ม มาก็มาสิ ถ้าเขาไม่รังเกลียดกูก็ไม่มีปัญหา"
"ไม่มีทางถ้าพวกมันทำท่าทางอะไรไม่ดีใส่มึงกูนี่ละจะกระทืบให้" ผมยิ้มบางๆอย่างขอบใจถึงบิวจะไม่เห็นว่าผมทำหน้ายังไงแต่มันคงรู้ละว่าผมรู้สึกยังไงมันเลยยิ้มกลับผม
"ขอบใจว่ะ มึงแม่งโคตรดีกับกูเลยนี่ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูจีบไปแล้วนะเนี่ย"
"สัส พอเลย ไปๆ จะไปหาซื้อไรแดกก็ไป อย่ามาทำซึ้งกูไม่อยากปลอบคนขี้แงอีกรอบ" ผมหัวเราะเบาๆกับการแก้เขินของเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินไปหาซื้ออะไรกินเป็นอาหารเช้า
ผมเดินมองสองข้างทางในโรงอาหารใหญ่อย่างลังเล ฝั่งนึงเป็นร้านกับข้าวอาหารตามสั่งยาวไปทั้งแถบอีกฝั่งเป็นก๋วยเตี๋ยวอาหารนานาชาติมีอาหารญี่ปุ่นด้วย โหย เอาไงดีเลือกไม่ถูกแหะ ผมเดินหาสักพักเลยคิดว่าตอนเช้าอยากกินข้าวต้มร้อนๆน่าจะลื่นคอดี พอคิดได้ดังนั้นก็เดินไปฝั่งร้านอาหารและต่อแถวเพื่อสั่งข้าวต้ม
"โหว ตัวเล็กจัง" อยู่ๆคนที่เดินมาต่อท้ายผมก็พูดขึ้นพร้อมกับขยับเข้าใกล้ผมจนผมต้องเดินหน้าด้วยความตกใจ อะไรของมันวะ!
"นี่ตัวเล็กชื่ออะไรหรอ" ตัวเล็ก? เมื่อกี้เขาคุยกับผมอยู่ช่ะ?
"พี่ถามเรานั่นละ ตัวเล็ก" พอผมมองกลับไปก็เห็นเขามองผมด้วยสายตาวิบวับ ชัดเลย แม่งคุยกับผมจริงด้วย แล้วเสือกเรียกตัวเล็กอีก!! เย็นไว้ชิโระ เย็นไว้
"อ้าว พี่คุยด้วยทำไมเมินกันอย่างนั้นละ" กูไม่หันไปถีบปากก็บุญแล้วครับ!! นี่เห็นว่าโดนหมายหัวและเห็นว่าเป็นรุ่นพี่นะเลยไม่อยากมีปัญหา อย่ามายุ่งกับผมมมมมม
"ตัวเล็กไม่พอใจอะไรพี่หรือป่าวครับ" คนตัวสูงยังไม่หยุดวุ่นวายแถมยังเอานิ้วมาจิ้มไหล่ผมจากด้านหลังอีก!
"นี่ ตัวเล็กคุยกับพี่หน่อยสิ นี่ นี่!" กูจะบ้า คนก็เริ่มมองแล้วด้วย แม่ง ไม่ดงไม่แดกมันแล้วข้าวต้มเนี่ย!
หมับ
"ตัวเล็กจะไปไหน" ผมที่ตัดสินใจจะกลับโต๊ะอยู่ๆอีกฝ่ายก็คว้าแขนผมเฉย คราวนี้เด่นกว่าเดิมอีก! โอ้ย! อย่ามายุ่งกับกู๊ TT
"กรุณาปล่อยผมด้วยครับ" ผมพูดเสียงเรียบและพยายามใจเย็นที่สุด แต่พออีกฝ่ายได้ยินผมพูดกลับทำหน้าดีใจและจับแขนผมแน่นกว่าเดิม!
"ตัวเล็กก็พูดได้นิ พี่เห็นเราใส่แมทนึกว่าไม่สบายเจ็บคอเลยไม่พูดซะอีก" ป่าวที่ไม่พูดเพราะรำคาญล้วนๆเลยครับ
"ครับก็ แค่กๆ เจ็บคอนิดหน่อย ช่วยปล่อยผมด้วยครับ" เออ ไหนๆก็ไหนๆละ เอาแผนนี้ก็ได้ ปล่อยกูซักทีคนมองเต็มแล้วเนี่ย!
"อ่ะ ไม่สบายจริงหรอเนี่ย งั้นเดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาลนะ" ไอ้...! ไม่เข้าใจคำว่าปล่อยหรือไงวะ!!!
"ไม่เป็น..."
"รุ่นพี่มีปัญหาอะไรกับเด็กของปริ้นซ์หรือป่าวครับ"
ผมที่กำลังใกล้จะระเบิดและพูดปฎิเสธอีกครั้งอยู่ๆก็มีเสียงของบุคคลที่สามแทรกขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินมากับพวกของตัวเองอีก2-3คน เอ๊ะ! ไอ้พวกนี้ที่เคยเจอในห้องพยาบาลนิ
"อ้าวเฮล มากินข้าวหรอ แล้วเมื่อกี้พูดว่าอะไร ใครเด็กปริ้นซ์" จะคุยกันก็ช่วยปล่อยแขนกูทีเถอะครับ บิดจนจะตากได้อยู่แล้วยังไม่ยอมปล่อยอีก
"ก็คนที่รุ่นพี่กำลังจับแขนจนแขนเค้าแดงอยู่นั่นละเด็กไอ้ปริ้นซ์มัน"
หะ! เดี๋ยวๆ มึงพูดเชี่ยไร!! ผมที่ได้ยินสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์ก็กำลังจะอ้าปากค้านแต่ร่างสูงกลับส่งสายตาประมาณว่าถ้ามึงอยากไปจากตรงนี้ก็หุบปากซะ ผมเลยต้องสงบปากสงบคำไว้เหมือนเดิม
"เห ปริ้นซ์ก็สนใจอะไร'แบบนี้'เหมือนกันหรอเนี่ย" รุ่นพี่พูดเน้นคำว่าแบบนี้แล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างน่ารังเกลียด! ไอ้เวรนี่! ไอ้แบบนี้มันแบบไหนวะ
"จะยังไงก็ชั่งช่วยปล่อยแขนเด็กคนนั้นด้วยครับ" เฮลพูดด้วยน้ำเสียงติดห้วนเมื่ออีกฝ่ายเริ่มทำตัวน่ารังเกลียดแถมยังตื้อไม่เลิก
"นายอาจจะพูดโกหกเพื่อจีบเด็กนี่เองก็ได้ ฉันเคยได้ข่าวดังเหมือนกันนะว่ามีเด็กใหม่มีเรื่องกับปริ้นซ์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน เด็กใหม่คนนั้นคงเป็นตัวเล็กแน่ๆ แล้วคนที่มีเรื่ิองกันขนาดนั้นจะยอมอ้าขาให้อีกฝ่ายหรอ" สิ้นคำพูดแสนทุเรศของรุ่นพี่คนที่มุงอยู่ก็เริ่มส่งเสียงฮือฮา แต่ผมนี่สิเริ่มจะหมดความอดทนซะแล้ว
"เฮ้อ มึงโดนหมายหัวเรื่องวันศุกร์อยู่จะเอาไง จะทำเองหรือให้พวกกูทำ" ประโยคนี้ดังมาจากหนึ่งในกลุ่มของเฮล แค่นี้ก็น่าจะรู้ละว่ามันถามใคร ไอ้เรื่องวันศุกร์ชั่งมันก่อน วันนี้วันจันทร์ถือซะว่าต้อนรับสัปดาห์แรกของการเรียนแล้วกัน!
ผมกระตุกยิ้มภายใต้หน้ากากก่อนจะบิดแขนแล้วจับแขนอีกฝ่ายบิดอย่างรวดเร็วแล้วหักแขนมาด้านหลังเสร็จแล้วจึงใช้เท้าเหยียบหลังอีกฝ่ายให้นั่งลง
"โอ้ยยย!! ปล่อยนะเว้ย!!!" รุ่นพี่ร้องขึ้นอย่างโมโหพร้อมใบหน้าเหยเก คนมุงทั้งหลายต่างส่งเสียงตกใจและกรี๊ดกันดังไปหมด
"โหย ไม่ยุติธรรมวะ ทีตอนกูจับมึงตอนนั้นแม่งทุ่มกู ทีมันจับตั้งนานทำแค่นี้เอง"
คนในกลุ่มของเฮลที่เคยโดนผมทุ่มท้วงขึ้นอย่างหงุดหงิด แหม จะให้ผมจับมันทุ่มกลางคนเยอะๆก็กลัวจะไปโดนคนอื่นด้วยน่ะสิ แถมทำแบบนี้เจ็บหนักกว่าอีกนะ ถ้าผมใส่แรงมากกว่านี้อีกฝ่ายมีสิทธิแขนหักได้เลยนะเนี่ยยยยย
"ปล่อย! ปล่อยสิวะ ไอ้เด็กเวรนี่!!"
"อ้าว ไม่เรียกตัวเล็กแล้วหรอครับ" ผมตอบกลับเสียงเย็นแอบเห็นอีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายด้วย ฮ่าๆ
"มึงรีบไปได้ละ มึงโดนหมายหัวเรื่องวันศุกร์อยู่นะ อย่าทำอะไรอึกทึก" เฮลพูดขึ้นเมื่อเห็นผมยังไม่ยอมปล่อยอีกฝ่าย แม่ง ยังโมโหอยู่เลย ข้าวก็ไม่ได้กิน
"ชิ ปล่อยก็ได้ ครั้งหน้ากรุณาอย่ามาวุ่นวายกับผมนะครับ ถึงผมจะเตี้ยแต่เตะปากรุ่นพี่ถึงแน่นอนไม่ต้องห่วง" หมดแล้วภาพเด็กดี แม่งไม่มีตั้งแต่ผมย้ายมาเรียนที่นี้แล้วมั้ง ทำไมทำตัวเหลวแหลกอย่างนี้ชิโระ TT
"ฮ่าๆๆๆๆ ด่าเจ็บตีนหนักเหมือนเดิม เหมือนที่ปรินซ์บอกเลยว่าไอ้เตี้ยนี่มันดูแลตัวเองได้" เดี๋ยวมึงจะได้โดนกูทุ่มอีกรอบซะหรอก - -"
"หึ" เฮลแค่หัวเราะนิดๆ ก่อนจะมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
"งั้นกูไปละ ขอบคุณที่ช่วยนะ" ผมหันไปพูดกับเฮลอีกฝ่ายแค่พยักหน้านิดๆ ผมเลยเดินจากมา แต่เอาจริงๆก็งงพอสมควรนะ พวกมันมาช่วยผมทำไม?
"ชิโระ มึงไปปลูกข้าวมาหรอ ช้าชิบหาย ไหนละข้าวมึง" พอมาถึงโต๊ะบิวก็ถามแถมเหน็บมาอีกระลอก
"กูขี้เกลียดตอนเกี่ยวข้าวเลยกลับมาก่อน" พอได้ยินคำตอบผมบิวก็ตบหัวผมดังป๊าบ เดี๋ยวนี้ทำร้ายร่างกายนะ
"กวนตีนละ เออ เรื่องของมึง กูจะแนะนำเพื่อนกูให้รู้จัก" บิวเลิกสนใจข้าวผมและเรียกให้ผมหันไปมองสองคนที่มานั่งเพิ่มแทน
"ไอ้นี่ชื่อเรย์อยู่ห้องเดียวกับเรานั่นละแต่วันศุกร์มันไม่ได้มา ส่วนอีกคนชื่อมีนอยู่คนละห้องกับเรา เรย์มีน นี่ชิโระ เพื่อนกูพึ่งย้ายมาตอนวันศุกร์" พอบิวแนะนำเสร็จพวกผมก็มองหน้ากันก่อนก้มหน้าเป็นการทักทายนิดๆ
"ชื่อชิโระหรอ ชื่อน่ารักว่ะ แล้วทำไมใส่แมทวะไม่สบายไง"
คนชื่อมีนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงใส เขาเป็นผู้ชายร่างเล็กสูงกว่าผมแต่เตี้ยกว่าอีกสองคนอยู่มาก ผิวเหลืองดูเท่ทั้งๆที่ตัวเล็ก อาจจะเพราะทรงผมและการเจาะหูของเขามั้งที่ทำให้ดูแบดสมชายสุดๆ
"ป่าวหรอกเราสบายดีแค่ใส่เฉยๆ" ผมตอบมีนอย่างเกร็งๆ อย่างที่บอกผมไม่เคยมีเพื่อนแค่มีไอ้บิวกับไอ้เบสก็ตกใจจะแย่และตอนได้เป็นเพื่อนกับเบสก็ได้เป็นแบบงงๆเลยยังไม่รู้วิธีเข้าหาคนอื่นนัก
"ไม่ต้องเกร็ง พูดกับพวกกูเหมือนที่มึงพูดกับบิวก็ได้"
เรย์พูดขึ้นเสียงเรียบ ใบหน้าและดวงตาไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งนั้น นั่นยิ่งทำให้กูเกร็งมากกว่าเดิมอีกเถอะ! อย่างมีนยังพอเข้าหาได้ แต่เรย์ดูเข้าหายากสุดๆ เงียบๆหน้านิ่ง สายตามองออกไปไกลๆจนผมงงว่าแม่งมองอะไรอยู่ ผิวขาว สูง รวมๆเลยคือหล่อ หล่อ มีแต่คำว่าหล่อเต็มไปหมด นี่กูมาอยู่กับกลุ่มนี้ได้ไง มีนถึงตัวเล็กแต่ก็เท่ บิวถึงจะสวยแต่สูงโปร่งสาวๆก็น่าจะชอบ เรย์กับเบสไม่ต้องพูดถึง แล้วดูผมสิ เชี่ย! ไหนวะความยุติธรรมเนี่ย
"ทำไมมึงทำคิ้วขมวดงั้นวะ" บิวที่เห็นผมทำหน้าเครียดถามขึ้นอย่างกังวล มันคงกลัวผมเข้ากับอีกสองคนไม่ได้มั้ง
"ป่าว กูแค่รู้สึกว่าตัวเองแปลก" พอผมพูดจบอีกสามคนก็มองผมทันที
"แปลกไงวะ กูก็ไม่เห็ยมึงมีหางมีปีก" กวนตีนละไอ้บิว - -
"นั่นสิ มึงคิดมากว่ะ ถ้ามึงกังวลว่าตัวเองเตี้ย มึงโดนกูเตะปากแน่เพราะแม่งกระทบกู" มีนพูดทีเล่นมีจริงทำผมหัวเราะความสดใสของมันเบาๆ
"แล้วสรุปมึงรู้สึกแปลกอะไร" เรย์ถามบ้าง แล้วทุกคนก็รอฟังคำตอบผมอย่างตั้งใจ พวกมึงจะซีเรียสอะไรกันขนาดนั้นวะ
"ไม่มีไรหรอก กูแค่กลัวพวกมึงรังเกลียดกูเฉยๆ"
"ปัญญาอ่อนนึกว่าอะไร กูจะไปรังเกลียดมึงเรื่องอะไรวะ" มีนพูดพรางหัวเราะเมื่อรู้ว่าผมกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"หรือว่ามึงกังวลว่าพวกกูจะรังเกลียดหน้ามึง" พอเรย์พูดจบทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ
ใช่ เรย์เดาถูก เพราะร่างกายและหน้าตาแบบนี้แหละที่ทำให้ผมไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยมีแฟน โดนรังแก ดูถูกเหยียดหยามมาตลอด ผมกลัว ถึงแม้บิวจะเคยเห็นหน้าผมแต่ก็แค่เห็นตอนมีแผลเต็มหน้าพอมีแผลมันเลยดูสมชายหน่อย แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วไง ผมยิ่งกลัว ถ้าบิวรับไม่ได้อีกคนละผมจะทำไงดี ผมต้องไม่เหลือใครแน่ๆ
เบส...
หืม...ไหงอยู่ๆ ถึงคิดถึงเบสวะ ทำไมถึงรู้สึกว่าถ้าเป็นเบสจะไม่เป็นไรละ?
"ชิโระ ชิโระ ไอ้เหี้ยชิโระ!!!"
"หะๆ ตะโกนทำไมนั่งใกล้แค่นี้เอง" ผมหันไปแวดใส่บิวที่อยู่ๆก็ตะโกนใส่หูผมดังลั่น แม่งตกใจหมด
"ไอ้บิวแม่งเรียกตั้งนานแล้วเหอะ มึงนั่นละใจลอยไปไหน อยู่ๆก็นั่งนิ่งจนพวกกูคิดว่าวิญญาณลอยออกจากร่างไปแล้วซะอีก" มีนพูดแขวะผมเพิ่ม
"ป่าวกูแค่คิดเรื่องที่เรย์ถามเฉยๆ"
"เฮ้อ ชิโระ มึงถอดแมทดิ" ผมงงกับคำสั่งของมีนแต่ยังไม่ทันได้ประมวลคำสั่งอย่างถีถ้วนมือเล็กก็เอื้อมมาจะดึงแมทผมจนผมต้องหลบ พอหลบทันอีกฝ่ายก็ส่งเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจ อันตรายๆ
"มึงจะหลบไอ้มีนทำไมวะ ถ้ามึงกังวลมึงก็แค่ถอดให้พวกกูเห็นมึงจะได้รู้คำตอบ ไม่ใช่มานั่งคิดมากเป็นบ้าแบบนี้" ผมเม้มปากอย่างเครียดๆ บิวพูดถูก แต่นี่มันโรงอาหารนะเว้ย ถึงแม้ที่นั่งเราจะอยู่หลบมุมแต่ถ้าคนเดินมาเห็นละ
"ไม่มีใครเดินมาเห็นหรอก ถอดเลย" เหมือนเรย์อ่านใจผมออก อีกฝ่ายจึงพูดดักทางและขยั้นขะยอให้ผมถอดอีกคน
"ถ้ากูถอดแล้วพวกมึงไม่โอเคกับกู กูเข้าใจนะ"
"ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดไร้สาระกูจะลุกขึ้นทีบปากมึงจริงๆด้วย" ผมยิ้มเมื่อมีนพูดแบบนี้ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถอดแมทปิดปากออกด้วยมือสั่นๆ ทั้งสามคนจ้องหน้าผมแบบไม่กระพริบ พอแมทหลุดออกจากหน้าผมก็รีบยกมือปิดหน้าและลูบแรงๆเพื่อตั้งสติก่อนจะปล่อยมือออกช้าๆ
"..."
เกิดความเงียบขึ้นมาทั้งโต๊ะ ทุกคนจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าไม่แตกต่างกันมากนัก ออกแนว อึ้ง เคลิ้ม และ อิจฉา ทำไมเรย์มองหน้าผมงั้นอะ ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่สายตาที่เรย์มองผมมันเหมือนสายตาที่พวกผู้หญิงมองผมบ่อยๆ ผมเลยรู้จักกับสายตานี้ดี แต่ของเรย์ต่างจากผู้หญิงตรงที่แค่ดูอิจฉาแวบเดียวแล้วหายไปไม่ได้เกลียดชังอะไรทั้งสิ้น
"กูนึกว่าที่มึงซ่อนหน้าเพราะหน้าตาอุบาท ปากบิดจมูกเบี้ยวซะอีก" มีนพูดขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงสดใสทำให้ผมคลียิ้มอย่างโล่งใจ
"หยุด! มึงอย่ายิ้ม ห้ามยิ้ม ตลอดเวลาที่ผ่านมากูจีบผู้หญิงและฟันมาอย่างโชกโชน อย่าเอารอยยิ้มมึงมาทำกูไขวเขว แค่นี้กูก็อยากพุ่งไปกดมึงจะแย่" อือหือ ไม่บอกดูไม่ออกเลยนะว่าไอ้มีนเป็นเพลย์บอย ฮ่าๆ
"มึงน่ารักกว่าตอนเป็นแผลเยอะเลยวะ ครั้งหน้าลงสมัครดาวโรงเรียนดูดิ กูว่าชนะขาด"
"มึงอยากไปเกิดใหม่มั้ยบิว" พวกเราพูดคุยหัวเราะกันไปเรื่อยโดยมีเรย์นั่งฟังเงียบๆและเหม่อจนผมใจคอไม่ดี หรือว่าเรย์ไม่ชอบผม?
"เรย์ มึง..."
"กูไม่ได้รังเกลียดมึง กูแค่อิจฉา" ผมที่กำลังจะถามเรย์ก็สวนขึ้นมาก่อนจนผมตกใจ อิจฉา? ผมสิควรอิจฉามัน จะบ้าหรอ TT
"มึงประสาทกลับหรอเรย์ กูต่างหากที่อิจฉามึง มีหน้าแบบกูชาตินี้คงไม่มีแฟนอ่ะ" ผมพูดพรางถอนหายใจอย่างปลงๆ ครั้นจะไปเอาผู้ชายผมก็เอาไม่ลงอีก ชีวิตรันทดแท้
"เฮ้อ แต่ถ้ากูมีหน้าตาแบบมึงกูคงไปบอกรักกับคนที่แอบชอบได้" ผมตาโตตกใจที่หน้าตาอย่างเรย์แอบชอบคนอื่นอยู่ผมก็นึกว่ามันจะเพลย์บอยเหมือนมีนกับไอ้เบสซะอีก
"ตลกละเรย์ มึงเอาหน้าตาแบบกูไปบอกชอบผู้หญิงคงโดนตบกลับมา" ผมพูดจบมีนกับบิวก็หัวเราะกันใหญ่ ขำห่าไรกันวะ
"เอาเป็นว่า ถ้ามีหน้าตาแบบมึงกูคงกล้าไปบอกรักเขา นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้ว อีกไม่กี่เดือนพี่เขาก็จะจบ ม.6 แล้ว กูแม่ง เฮ้อ"
เรย์พูดอย่างเพ้อๆก่อนจะมองออกไปไกลๆอีกครั้ง เอาจริงๆนะ พอมานั่งสังเกตจริงๆแล้วเรย์มันไม่ได้เงียบขรึมหรือลึกลับหรอก มันแค่เหม่อเฉยๆ มันดูเด๋อๆ เหม่อๆ งงๆ กับชีวิตยังไงไม่รู้ ถ้ามองเผินๆคงเหมือนเจ้าชายเย็นชา แต่พอสัมผัสจริงๆแม่งเหมือนเจ้าหญิงไม่เต็มบาทมากกว่าวะ - -"
"มึงกูอยากช่วยเรย์วะ" ผมพูดขึ้นให้ได้ยินกันแค่สามคน ส่วนเรย์แม่งก็เหม่อมองห่าไรก็ไม่รู้
"เอาจริงหรอวะ มึงยังไม่รู้เลยว่าไอ้เรย์มันชอบใคร ถ้ามึงรู้ว่าคนที่มันชอบเป็นใครมึงอาจจะไม่อยากสนับสนุนมันก็ได้นะเว้ย" มีนพูดด้วยหน้าตาจริงจัง แสดงว่าทุกคนรู้หมดแล้วว่าคนที่เรย์ชอบเป็นใครยกเว้นผม
"ทำไมวะ จะเป็นใครก็ชั่งแม่งดิ แค่เพื่อนมันรักก็พอแล้วป่ะวะ มึงไม่อยากให้เรย์มีความสุขอ่อ" พอได้ยินผมพูดงั้นอีกสองคนก็ทำหน้าลังเลก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับผมช้าๆ
"งั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือยุให้ไอ้เรย์ไปสารภาพรักก่อน" ผมพูดด้วยท่าทีสนุก เอ้ย! จริงจัง เราต้องช่วยเพื่อนๆ
"เอาจริงดิ!" พอได้ยินแผนผมอีกสองคนถึงกับร้องขึ้นพร้อมกัน ทำไมวะ? แค่ไปสารภาพรักกับคนที่ชอบทำไมต้องตกใจขนาดนั้น
"พวกมึงซุบซิบไรกัน"
"เฮ้ย!" พวกผมร้องตกใจเมื่อจู่ๆเรย์ก็ยื่นหน้าเข้ามากลางวง
"ป่าว กูแค่กำลังคิดว่าทำไมมึงไม่ลองไปสารภาพรักพี่เขาดูวะ" ผมเริ่มพูดเปิดเรื่องเพื่อหาทางกล่อมให้เรย์ไปสารภาพรักรุ่นพี่ที่แอบชอบ
"กูไม่กล้า กูกลัวเขารังเกลียดกู กูกลัวเขาจะหนีกู" เรย์พูดด้วยน้ำเสียงสั่น จนพวกผมตกใจ เรย์ดูสับสนมาก ท่าทางจะชอบมากแหะ
"มึงพึ่งบอกกูว่าอย่าคิดไปเองไหงมึงมาคิดแทนพี่เค้างี้ละ" คราวนี้เป็นบิวเริ่มบิ้วบ้าง
"แต่พวกมึงสองคนก็รู้ว่าคนที่กูชอบเป็นใคร ตอนแรกๆพวกมึงยังบอกให้กูตัดใจเลย" เรย์พูดเสียงแผ่วแล้วประสานมือเข้าหากันบีบจนแน่นเหมือนคนกังวลใจ
"แต่ครั้งนี้พวกกูจะสนับสนุนมึงเอง มึงชอบพี่เขามาเทอมนึงแล้วนะเว้ย อีกไม่กี่เดือนพี่เขาก็จะจบแล้ว ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้สิวะ" มีนพูดให้กำลังใจพร้อมเอื้อมมือไปแตะที่มือเรย์เบาๆ
"พะ...พวกมึง กูขอบใจมากนะเว้ย" เรย์พูดเสียงสั่นพร้อมรอยยิ้มบางๆ เอาเว้ยเป็นไงเป็นกัน ความรักเพื่อนต้องสมหวัง!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ