ปริศนาอาถรรพ์ วังเปรต

-

เขียนโดย ไปรยาลน้อย

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.05 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  10.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ยายขีด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
บทที่ ๕ ยายขีด
 
ผมกับชายเดินไปทางซ้ายของหมู่บ้าน เพื่อหาแนวชายเขตป่า ตอนนี้พายุก่อตัวชัดเจน ลมเริ่มกระโชกแรงมากขึ้น ใบไม้ปลิวไปตามลมแรงพร้อมทั้งฝุ่นดิน ขณะที่วิ่งไป ใบไม้และฝุ่นดิน พัดเข้ามาตีหน้าผมกับชาย พวกเราต้องวิ่งกันอย่างหรี่ตาในพายุนั้นไป 
 
 “ทำไมเราถึงมากันทางซ้ายล่ะ!”  ชายถามพร้อม ๆ กับลมที่พัดอย่างแรง ชายต้องเอามือบังหน้าขณะพูด
 
ผมตอบ “ตอนแรกโรจน์ ก็จะวัดดวงเลย !” ใบไม้ปลิวมาโดน ผมต้องละคำพูดไปชั่วครู่
 
 “แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าทางขวาเป็นทิศที่แม่น้ำไหลลงมาหมู่บ้าน น้ำไหลบ่ามาครั้งนั้น มาพร้อมกับดินถล่มด้วยแน่ ๆ !”  ผมตอบชาย พร้อมปิดปากบังเศษฝุ่นที่พัดเข้าหน้า
 
“ก็ ถ้าแม่น้ำกับแผ่นดินถล่มมาทางนั้น มันก็เป็นไปได้ว่า แนวดินทางขวาจะเปลี่ยนไป!” ผมพูดต่อ ลมกระโชกแรงอีกครั้งจนเราต้องหยุดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งต่อ
 
“ป้าหวี แกเป็นคนรอบคอบ แกต้องไปทางซ้ายแน่ ๆ”
 
ผมกับชายวิ่งฝ่าพายุไป จนเราเริ่มสังเกตว่าตามพื้น ไม่มีเศษบ้านเท่าไหร่แล้ว เราน่าจะเริ่มเข้าใกล้แนวเขตป่า เราเริ่มเห็นเงาลาง ๆ  เหมือนคนอยู่แต่ไกล
 
“ชาย ๆ ตรงนั้นมีเงาคนอยู่” ผมพูดขึ้น
 
“ โรจน์!” เสียงของชายตะโกน  “มีอะไรตามเรามาก็ไม่รู้! “ ผมหันไปเห็นชายมองไปทางด้านหลัง มองชายตาตามชายไป เห็นเป็นดวงตาสีแดง สีเหมือนตาของแมวตัวนั้น แต่ครั้งนี้ มันใหญ่กว่า มันขนาดเท่ากับตาของคน 
 
ผมกับชายตัดสินใจวิ่งไป อย่างน้อยก็หนีเจ้าสิ่งนั้นก่อน ไม่แน่มันอาจเป็นสิ่งที่ฆ่า ลุงจี๊ด
 
พวกเราวิ่งไป ชนดัง ปึก! เป็นกล้องวัดมุม เราชนมันหล่นแตก “นี่มันกล้องวัดมุมนี่” 
 
 
“ เรามาถูกทางแล้ว “ ชายพูดขึ้น หลังสิ้นเสียงผม
 
“เห้ย ๆ!” เราได้ยินเสียงเรียกดังมาจากในป่า เสียงเหมือนไอปุณย์
 
เราเห็นไอปุณย์ ยืนขึ้นมาจาก ที่หลบมุมอยู่กับต้นไม้ใหญ่ในป่า 
 
“มานี่ ๆ มาหลบพายุกันก่อน” เสียงปุณย์พูดขึ้น
 
ผมกับชายวิ่งเข้าไปอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เห็นป้าหวี นั่งพักอยู่ ผมรู้สึกโล่งใจที่เห็นทั้งสองคนปลอดภัย
 
หันกลับไปก็ไม่เห็นเจ้าดวงตานั้นอีกแล้ว
 
เราหลบอยู่ตรงต้นไม้ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ เป็นต้นโพธิ์ยืนต้นคู่กันสองต้น เป็นแนวใหญ่พอจะบังเราทั้งสี่คน 
 
 
“ผม เห็นลุงจี๊ด แกตายแล้ว” ผมพูดขึ้น
 
 
“จริงเหรอ แกอย่ามาหลอกฉันเล่นนะ” ป้าหวีพูดขึ้น
 
 
“จริง” ชายพูดขึ้น “เราสองคนเห็นศพลุงจี๊ด นอนตายอยู่หลังเสาเปรต” 
 
 
ป้าหวีกับปุณย์ มีสีหน้าที่ตกใจพร้อมกัน ไอปุณย์หน้าซีดขึ้นมาเห็นชัด 
 
“แกตายยังไง” ป้าหวีถามขึ้น 
 
“ผมไม่รู้ ผมเห็นรอยแกโดนปาดคอ ตามตัวมีรอยแมวข่วน” ผมพูดขึ้น
 
“แมวที่ไหน” ป้าหวี ถาม
 
“แมวสีดำ” ผมตอบ
 
“แมวไม่น่าจะอยู่แถวนี้ได้ ต้องมีคนเลี้ยงไว้” ป้าหวีพูด
 
“ก็มีแต่ยายขีด” ปุณย์พูดขึ้น 
 
“ ฉันว่า ที่นี่มันแปลกว่ะ โรจน์" ป้าหวีพูด 
 
“เมื่อกี้ ฉันกับไอปุณย์ วัดมุม ดูเส้นเขตกันอยู่ ฉันกับมันวัดเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ตรงกับในข้อมูล”
 
“แถม ที่ดินมันเยื้องกันเป็นสิบ ๆ เมตรตอนวัด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนมาขนาดนั้น” ป้าหวีพูด
 
“พวกบ้านมัน โดนซัดมาหรือเปล่า” ชายถาม
 
“ไม่หรอก ฉันเห็นแนวหมุดที่ดินเก่า ตอนแรกมันตรงกันกับข้อมูล จู่ ๆ วัดใหม่มันก็เปลี่ยนไป”
 
“หมู่บ้านนี้มีอะไร แปลก ๆ” ป้าหวีพูด ก่อนพูดต่อว่า “ไหนจะแมว แถมลุงจี๊ดตายเพราะอะไรไม่รู้”
 
โอ้ย! ชายร้องเจ็บที่แผล ก่อนบอกป้าหวีกับแชมป์ว่าโดนแมวควั่นและกัดมา
“ไหนเอามาดูสิ ฉันเตรียมยาล้างแผลมา” ป้าหวีนั้นรอบคอบและเตรียมพร้อมเป็นนิสัย จากนั้นป้าหวีก็ล้างแผลให้ชาย 
หลังล้างเสร็จ “เราต้องรีบออกไป อยู่ที่นี่มีแต่อันตราย” ป้าหวีพูดขึ้น 
 
“เราต้องไปแจ้งตาย กับผู้ใหญ่บ้านด้วย” ผมพูดขึ้น
 
“นี่ กี่โมงแล้ว“ ปุณย์ถาม
 
“นี่จะ 4 โมงเย็นแล้ว” ป้าหวีตอบ ผมเห็นบรรยากาศ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผม ที่เวลา 4 โมงเย็น มืดได้ขนาดนี้ พอเห็นได้โดยไม่ต้องใช้ไฟ แต่ลมพายุแรงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความมืดอีก
 
พวกเราคงรอพายุสงบไม่ได้ เพราะพายุมีแต่แววจะแรงขึ้น ก่อนที่ ๆ นี่จะมืดค่ำ เราตัดสินใจที่จะฝ่าพายุกลับไป ผมพยุงชายขึ้น แล้วพวกเราจะต้องลุยกันไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันอันตราย บางทีถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจะไม่ทำอย่างนั้น
 
พวกเราเดินฝ่าโดยจะต้องเดินกลับไปยังเสาเปรตก่อน ถึงจะไปทางเข้าหมู่บ้านกันได้ พายุแรงมากขึ้น พวกเราฝ่ากันไป เราเดินเรียงแถว เพราะถ้ามีอะไรคนด้านหลังก็จะได้ช่วยดูอีกแรง ผมอยู่ด้านหน้าสุด เพราะผมสูงจะเห็นภาพข้างหน้าได้ชัดเจนกว่า แชมป์อยู่ด้านหลังสุด ชายอยู่ที่ด้านหลังผม ป้าหวีเดินเป็นลำดับที่สาม จนเห็นเสาเปรตอยู่ลาง ๆ 
 
ป้าหวีกับปุณย์ เดินเกาะชายเสื้อกันเพื่อที่จะได้ช่วยให้ไม่ล้ม ส่วนชายต้องจับแขนผมไว้ เพราะผมไม่ได้ใส่เสื้อ ผมเอาเสื้อไปพันแผลให้ชายไปแล้ว
เราเดินกันมาใกล้จะถึงเสาเปรต ผมเห็นเสาเปรตอยู่ไม่ไกล 
 
ปุณย์ตะโกนขึ้น “อะไรน่ะ!” ป้าหวีบอก “ระวัง ทางซ้าย” ผมหันไปเห็นบ้านทางซ้าย ไม่ใช่ซากบ้าน ตอนเราเดินกันมาก็ไม่เห็นบ้านหลังนี้ เราเห็นศพลุงจี๊ดถูกแขวนห้อยอยู่ และบ้านที่มีซากกระดูกห้อยเต็มไปหมด ด้านข้างผมเห็นเป็นผู้หญิงผมหงอก ไว้ผมเซอะเซิง มีดวงตาสีแดงก่ำในพายุที่มีฝุ่นพัดบังจนเห็นไม่ชัด 
 
“ นั่นมัน ยายขีด” ชายพูดขึ้น พร้อมกับบีบแขนของผมแน่น
 
ผมเห็น แกยืนถือมีดตะขอสับอยู่และทำท่าจะมาทำร้ายพวกเรา 
 
“ฉัน บอกแล้วไง ฉันไม่รับผิดชอบถ้ามีอะไรจะเกิดขึ้น” “ฮ่า ๆ ๆ” เสียงยายขีดหัวเราะอย่างหอบแห้ง
 
พวกเราตัดสินใจวิ่งหลบไปอีกทาง แกปามีดตะขอนั้นมา มันแรงมากนี่ไม่ใช่แรงของคนแก่เลย ชายหลบเข้ามากอดตัวผมไว้ ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่ชายทำแบบนี้
 
ปึก! เราเห็นมีดตะขอนั้น เสียบเข้าทะลุขาปุณย์ โอ้ย ๆ!! ปุณย์ ร้องอย่างเจ็บปวด ป้าหวีกับชายเข้าไปพยุงดูไอปุณย์ ผมเห็นยายขีดไม่มีอาวุธ ผมวิ่งเข้าไปจะจัดการกับแก ผมเห็นภาพของแกชัดเจน มีดวงตาสีแดง แต่ที่มือมีเล็บยาว ยายเข้ามาจะเอาเล็บมาข่วนผม ผมหลบและพุ่งเข่าอย่างแรง เข้าไปที่ท้องยายคนนั้นโดยไม่สนใจว่าข้างหน้าเป็นยายแก่หรือไม่
 
ยายแกกระอัก และอ้วกออกมาเป็นเลือด “แรงแกดีนี่” เสียงยายพูดขึ้นอย่างกระอักกระอวน ก่อนอ้วกออกมาเป็นลำไส้และเลือด ผมรู้สึกคลื่นไส้หลังจากเห็นภาพสยดสยอง ร่างของแกขยายใหญ่ขึ้น มีหลังงอกโผล่ออกมา และขายาวขึ้น จากที่เตี้ยไม่ถึงหน้าอกผม ค่อย ๆ แสดงร่างออกมาสูงเกือบสองเมตรได้ ร่างกายเปลี่ยนเป็น ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำสีแดงสด
 
ผมตะโกน “วิ่ง!” ไปยังป้าหวีและชาย ที่ประคองปุณย์อยู่
 
ผมวิ่งกลับเข้าไปหาปุณย์และไม่สนใจความเจ็บปวดของปุณย์ ผมพยุงปุณย์ขึ้น มีชายหามอยู่อีกข้างและลากปุณย์ไป
 
ผมบอกให้ป้าหวีวิ่งไปก่อนเลย ยายหวีวิ่งด้านหน้า ผมรีบเดินอ้อมเสาเปรต ผ่านไปก็ใกล้จะถึงทางออกแล้ว 
 
จังหวะนั้น ผมหันไปที่ด้านหลัง เพื่อดูร่างของยายขีดที่เปลี่ยนไป ตอนนี้มันสูงขึ้นเกือบเท่าต้นไม้ใหญ่ ค่อย ๆ คลาน ตามพวกเรามาขณะกลายร่าง พร้อมเสียงกรีดร้องดังมาก
 
กระแสลมจู่ ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางจากที่พัดเข้ามาจากด้านหน้า เปลี่ยนเป็นพัดมาจากด้านหลังของเราอย่างแรง ปีศาจตัวนั้น เปลี่ยนกระแสลมพัดโหมกระหน่ำเข้ามาทางเรา ป้าหวีไปถึงป้ายหมู่บ้านแล้ว ก่อนหันมารอพวกเรา
 
พวกเราวิ่งใกล้จะถึงแล้วสุดทางแล้ว “ทุกคนหลบ!” ป้าหวีตะโกน ผมหันหลังกลับไป เป็นหลังคาสังกะสีพัดลอยเข้ามา ผมบอกให้ก้ม แต่ปุณย์ก้มไม่ได้เพราะแผลและมีดที่คาอยู่
 
จังหวะนั้น เราต่างคนต่างเอาตัวรอด ผมปล่อยตัวปุณย์ และชายก็ปล่อยตาม เพื่อหมอบตัวลง
 
 ปุณย์ไม่ได้หมอบลงเพราความเจ็บปวดที่ขา สังกะสีแผ่นหนึ่ง ลอยผ่านหัวของปุณย์ไป ฉับ! ผมและชายหันไปด้วยความช็อค หัวของปุณย์ค่อย ๆ หลุดจากบ่า และเลือดพวยพุ่ง
 
        มีสังกะสีแผ่นหนึ่งปลิวมาเข้าทางผม อย่างจัง แต่ผมเห็นเงาบางอย่างบังผมเอาไว้สังกะสีนั้นพุ่งเข้าหาผม แต่เมื่อกระทบร่างเงามืดนั้นก็กระเด็นอันตรธานไป
      
 
“ไอ้ปุณย์ ๆ! ฮือ ๆ” ป้าหวีตะโกนและค่อย ๆ ร้องไห้ พร้อมน้ำตา ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาร่างของปุณย์
 
ผมคิดว่าไม่ได้การ ผมต้องเข้าไปดึงป้าหวี ออกมาโดยมีชายช่วย ส่วนป้าหวีพยายามลากร่างที่ไร้หัวนั้นออกมา “ไม่ทันแล้ว เราต้องทิ้งไว้ ป้าหวี!” ผมพูดใส่ป้า พร้อมทั้งดึงลากป้าหวี โดยศพปุณย์ก็ลากมาพร้อมกับป้าหวีที่ดึงไว้
 
ปีศาจตัวนั้น คืบคลานเข้ามาใกล้อีก มือของมันกำลังจะคว้ามาถึงเรา ผมตัดสินใจใช้กำลังดึงป้าหวี จนผละออกจากร่างของปุณย์ ผมอุ้มป้าหวีขึ้นและวิ่งไปจากที่นี่  และทิ้งร่างของปุณย์เอาไว้เพื่อจะไปทางแยก…
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา