พันธะสวาท ตรวนเสน่หา
7.8
เขียนโดย Alixia
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.34 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,868 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 16.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3. กษมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อแก้วกาแฟหล่นจากมือของหล่อนไปอีกเป็นใบที่สองของวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเพราะความเลื่อนลอยสับเพร่าของหล่อนเอง แต่ใบที่สองเกิดขึ้นเพราะเสียงที่คุ้นหูและน้ำเสียงนั้นฟังดูผิดปกติกว่าทุกครั้ง นั่นคือจากที่แค่มาดขรึม เขากลับส่งยิ้มมาให้กับพนักงานทุกคน
"พี่อิ๋ว เป็นอะไรหรือเปล่าพี่?" เสียงถามอย่างห่วงใยของรุ่งฤดีดังพอที่จะเรียกสติของกษมาให้คืนมาได้บ้าง
"เปล่าจ๊ะ" หล่อนตอบสั้นๆ ไม่กล้ามองสบตากับลูกค้าที่ยืนส่งยิ้มมาให้ หรือจริงๆ หล่อนก็ไม่คิดว่าเขาจะโผล่หน้ามาในตอนนี้เลยสักนิด
"พี่ปวดหัวขอตัวไปสูดเอาอากาศข้างนอกหน่อยนะ รุ่งทำออเดอร์ให้ลูกค้าไปก่อนก็แล้วกัน" พูดเสร็จกษมาก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนั้นทันที ทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเขาที่เผลอแสดงออกมาแค่แวบเดียว
อากาศข้างนอกไม่ได้ทำให้ความกังวลของหล่อนหายไปได้เลย มิหนำซ้ำยังสร้างความปวดหัวเพิ่มมากขึ้นเพราะความร้อนอบอ้าวนั่นเอง
"พี่อิ๋วมาเร็ว!" เสียงเรียกอย่างเหนื่อยหอบของการุณ ทำให้คนที่ถูกเรียกต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันอะไรกันนักหนานะ กษมารู้สึกว่าชีวิตไม่ได้พบความสงบสุขเลยในช่วงนี้
"ไปเลยนะพี่...เขา...อยากพบพี่คนดียว" อาการพูดของการุณนั้นตื่นเต้นไม่เบา และมีรุ่งฤดีคอยพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นไม่ต่างกัน
"ไปไหน?"
"ก็อีตาชีสเค้กไงพี่อิ๋ว เขาจะพบพี่ให้ได้ ระบุ...ว่าต้องเป็นรองผู้จัดการสาวหน้าเด็กด้วยนะ และเดี๋ยวนี้!" การุณพูดเสียงแข็งในตอนท้ายเพื่อที่จะเลียนแบบท่าทางแข็งขึงของชายหนุ่ม ซึ่งนั่นยิ่งทำเอากษมาอยากกรี๊ดเสียให้ได้
"ไปทำกาแฟหกใส่เขาอีกเหรอ?" หล่อนถามออกไปอย่างหงุดหงิดแค่ได้ยินชื่อ พ่อหนุ่มชีสเค้ก เท่านั้นแหละที่ทำเอาหล่อนไม่อยากจะแบกหน้าไปหาเขาเลย การุณส่ายหัวเป็นพัลวัน
"ตั้งแต่วันนั้น ผมไม่กล้าเฉียดกายไปใกล้ครับ คนอะไรหน้าตาหล่อแต่ดุมาก"
"นั่นนะสิ โกนหนวดออกยิ่งหล่อ ดูตั้งนานนึกว่าลูกค้ารายใหม่ ที่ไหนได้พ่อหนุ่มชีสเค้กของเรานี่เอง" รุ่งฤดีเสริมขึ้นมาอีก แล้วทั้งการุณและรุ่งฤดีก็กันหน้ากรี๊ดกร๊าดใส่กันอย่างมีความสุข เหมือนเจอดาราดัง นักค้องดังก็ไม่ปาน
"ไปเถอะพี่ เดี๋ยวโกรธถามหาผู้จัดการล่ะคราวนี้โดนไล่ออกหมดทั้งแก้งแน่" การุณฉุดกระชากคนที่ไม่ขยับร่างกายให้ลุกขึ้น
"คุณให้เพื่อนฉันไปตามฉันมา มีอะไรจะให้รับใช้ไม่ทราบ...คะ" หล่อนถามเขาเสียงเบา มือสวยวางประสานกันตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมแต่คำพูดนั้นแดกดันสิ้นดี ซึ่งเขาก็พอจะมองออก
"ผมก็แค่อยากทบทวนความจำของคุณว่าวันนี้เรามีนัดเจอกันที่ธนาคาร หวังว่าคุณจะไม่คิดเบี้ยวนะ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเอง" เขาพูดพร้อมกับจิบกาแฟลงคอไปอย่างใจเย็น
"ฉันทราบดีค่ะ ไม่ต้องบอก" หล่อนเชิดหน้าใส่เขา ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มตัว หันซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงขยับกายมาใกล้กับหญิงสาวมากขึ้น
"ก็ดี แต่ถ้าคิดเบี้ยวล่ะก็ ผมเอาคุณออกจากงานแน่ ไม่ได้ขู่ แต่อย่าลองดีกว่า" แล้วเสื้อสูทตัวนอกก็ถูกเหวี่ยงขึ้นมาบนบ่าหนา เขาก็เดินจากไปแล้ว ทิ้งให้หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่คนเดียวระคนแค้นเคือง ซึ่งก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะโกรธเขาหรือตัวเองกันแน่ที่ปากไม่มีหูรูดตอบรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนั้นได้
หลังจากที่ชายหนุ่มคล้อยหลังไปแล้ว รุ่งฤดีกับการุณก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนทำหน้าซีดเผือด
"พี่อิ๋วเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่?" การุณแม้ปากจะถามแต่สายตากลับมองตามคนหลังตรงที่เดินหายแหวกผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านนอกค็อฟฟี่ช็อฟ
"ไม่เป็นไรสักหน่อย" กษมาตอบออกไปอย่างอารมณ์เสีย
"วันนี้รุ่งว่าเขามาแปลกนะพี่อิ๋ว ยิ้มด้วย" รุ่งฤดีว่าอย่างอารมณ์ดีเหมือนไม่ใส่ใจว่าอีกคนจะเริ่มหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม เพราะไม่อยากจะได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาอีกในตอนนี้
"แล้วรู้ไหมพี่อิ๋ว เขาจ่ายเงินแบงค์พันนะเขาบอกว่าไม่ต้องทอน โหทิปล้วนๆ" รุ่งฤดีพูดต่อด้วยความดีใจ การุณหันมามองค้อนอย่างหมั่นไส้
"ย๊ะ โชคดีของหล่อน แล้วอีตาชีสเค้กของเรา เขาเป็นใครกันนะผมชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ" การุณทำหน้าครุ่นคิด รุ่งฤดีก็พลอยทำสีหน้าแบบนั้นด้วยคืออยากรู้ขึ้นมาจริงๆ จังๆ ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมจู่ๆ เขาต้องทำตัวเอาเงินมาแจกที่ร้านกาแฟแถมหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเสียด้วย กษมาถอนใจก่อนจะรวบรวมเอากาแฟและจานชีสเค้กที่เหลือเพียงแค่คราบเดินหายออกไป เพราะไม่อยากจะสนทนากับเพื่อนทั้งสองที่เอาแต่ชื่นชมและพูดถึงคนที่หล่อนเริ่มเหม็นขี้หน้าขึ้นมาทุกวินาที!
อาการชะเง้อคอมองเหมือนต้องการมองหาใครสักคน ทำให้พนักงานของธนาคารอายุน้อยต้องเดินเข้ามาหา พร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อมมายังกษมาที่ต้องรีบยกมือไหว้คืนแทบไม่ทัน
"เชิญที่ห้องวีไอพีชั้นสองเลยค่ะ" พนักงานสาวสวยบอกออกมา แต่กษมาส่ายหัวเป็นพัลวัน
"ไม่ค่ะ...ไม่" แล้วก็มองหาใครสักคนต่อ
"ฉันนัดใครสักคนไว้ที่นี่ แต่นี่ก็เลยเวลามาเป็นชั่วโมงแล้ว เขาคงกลับไปแล้ว" หรืออาจจะไม่มาเลย หล่อนคิดอย่างใจแป๋ว ไม่ใช่เพราะอยากเจอเขา แต่เป็นเพราะจำนวนเงินนั้นมันมากมายมากพอที่หล่อนจะไปปลดหนี้ให้พ่อแม่ได้นะสิ
"เชิญข้างบนดีกว่าค่ะ มีคนคอยคุณอยู่" เสียงพูดนั้นฟังดูมั่นใจว่าบอกหญิงสาวไม่ผิดแน่ และเดินหันหลังทำให้กษมาต้องเดินตามอย่างไม่สามารถปฏเสธอะไรได้ และเมื่อหล่อนก้าวเข้ามาในห้องก็พบกับเขา ซึ่งนั่งหน้าตาบึ้งตึงคอยอยู่ก่อนอย่างไม่พอใจ
เขากัดกรามแน่นอย่างอดทนเป็นที่สุด แล้วยกนาฬิกาข้อมือดูจากนั้นเหลือบตาคมมาหาหล่อนอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าหล่อนผิดนัดมากทีเดียว ซึ่งกษมารู้ตัวดี และมันเป็นเจตนาแบบนั้นของหญิงสาวเอง เพราะความลังเล สับสนทำให้กษมากล้าๆ กลัวๆ และตัดสินใจอยู่นานว่าควรจะมาตามนัดที่บอกเขาไว้ หรือว่าควรจะทำเป็นไม่สนใจ แต่คำขู่ที่เขาให้ไว้ว่าจะเอาหล่อนออกจากงานนั้นก็ทำเอาหล่อนร้อนๆ หนาวๆ ได้มากทีเดียว และคิดอีกว่าหากหล่อนผิดนัดสักหน่อย เขาอาจจะกลับไปแล้ว แค่นั้นวันนี้หล่อนก็รู้สึกโล่งอก แต่ก็ยังเสียดายเงินจำนวนมหาศาลที่เขาเสนอให้อยู่ดีถ้าหากว่าไม่ติดเรื่องหนี้สินหล่อนก็คงไม่คิดหนักหรือเสียดายมันนัก แต่เพราะตอนนี้มันจวนจะได้เวลาที่พ่อแม่จะต้องเสียที่แล้วนะสิ ที่ทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจ
"รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?" เสียงหวานของพนักงานสาวทำลายความเงียบขึ้น ทำให้กษมาหันมาส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งถามหล่อน พร้อมกับขอแค่น้ำเย็นๆ สักแก้ว กษมานั่งลงไปยังโซฟาตรงข้ามกับเขาด้วยใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่าหล่อนมาสายมากแค่ไหน เสียงประตูปิดลงเบาๆ ชายหนุ่มจึงพิงหลังตรงไปยังพนักโซฟาตัวนุ่ม
"มาสายมากนะ คุณทำอะไรอยู่?" คำถามนั้นแม้จะดูเหมือนราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจมากพอสมควร
"ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า" หล่อนบอก เพราะตอนนี้หญิงสาวเองก็มาในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเก่าๆ เสื้อยืดคอโปโลสีขาวนวล จะเหลือก็แต่ผมที่ยังมัดเป็นจุกไว้กลางศีรษะ
"แต่ผมเผื่อเวลาให้แล้วนะ" เขาพูดเหมือนรู้ทัน
"รถติดค่ะ กรุงเทพ! คุณน่าจะรู้ดีว่าปัญหาการจราจรแก้ไม่เคยได้" หล่อนเถียงคืนบ้าง ไม่พอใจนักว่าเขาจะมาทำตัวเป็นพ่อของหล่อนได้ยังไง
"ถ้าคุณไม่พอใจเรายกเลิกก็ได้นะคะ" หล่อนพูดต่อ ทำให้เขาได้แต่ยิ้มเหมือนรู้ทันแผนที่หล่อนตั้งใจวางไว้
"ผมนั่งคอยเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะยกเลิกสิ่งที่เราพูดกันไว้ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?" เขาหรี่ตามองคนที่นั่งตั้งคอเชิดใส่เขาอย่างถือดี
"อย่าเถียงกันเลย เรารีบทำธุระให้เสร็จ ผมจองโรงแรมไว้แล้ว" เขาพูดเสียงเบาในตอนท้าย แต่คนที่ได้ยินหูผึ่งขึ้นมาทันที
"นี่คุณ...คุณเอาจริงเหรอ!?" ความหมายของคำถามที่เพิ่งถามออกไปคือตัวเขามีเงินเป็นสิบล้านจริงๆ นะเหรอ!!!
หญิงสาวแทบก้าวขาไม่ออก เมื่อเขาพาหล่อนมายังโรงแรมระดับห้าดาวที่ตัวเขาสั่งจองไว้ก่อนหน้านี้ตามที่เขาประกาศก้องไว้ ไม่คิดว่าเขาจะบ้าดีเดือดได้ขนาดนี้ และที่สำคัญหล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขามีจำนวนเงินอันมากมายนั้นจริงๆ
กษมาและเพื่อนที่ทำงานต่างก็คิดว่าเขาเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ทำงานอยู่ตึกไหนสักตึกในบริเวณนั้น ซึ่งค็อฟฟี่ช็อฟที่หล่อนทำงานอยู่มีที่ตั้งใกล้กับสำนักงานมากมาย
"เชิญครับ" พนักงานของโรมแรมเปิดห้องพักให้พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรมายังคนทั้งสอง หญิงสาวไม่ได้รับรู้อะไรเลยนอกจากเดินเข้ามายังห้องพักสวยหรูที่เพรียบพร้อมไปด้วโซฟา ทีวีและเตียงขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทตัวนอกออกอย่างใจเย็น ตาคมมองตรงมายังคนรูปร่างบอบบางหลังสวยที่เคยตั้งตรงตอนนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย เขาก้าวเท้าเสียงเบามายืนข้างหลัง มือทั้งสองล้วงไปยังกระเป๋ากางเกงของตัวเองอย่างใจเย็น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วแอบยกยิ้มที่มุมปาก
หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับเขาเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจไม่ห่างจากหล่อนมากนัก แล้วขาเรียวสวยที่เคยก้าวแทบไม่ออก ก็เริ่มขยับถอยหลังช้าๆ อย่างไม่ให้เขารู้ได้ว่าหล่อนกำลังคิดหาทางหนีทีไล่ แต่เมื่อร่างระหงเริ่มห่างออกไปทีละนิด เขาก็ก้าวขาตามทีละนิดเช่นกัน จนกระทั่งหลังบอบบางก้าวถอยมาติดกับผนัง ทำให้คนที่คิดจะหนีเริ่มหน้าซีดขึ้นมา เมื่อรู้ว่าตอนนี้หล่อนเดินมาถึงทางตันเข้าให้แล้ว และมันเป็นทางตันจริงๆ หล่อนไม่มีทางหนีเขาไปไหนได้แล้วจริงๆ กษมาคิดอย่างเป็นกังวล ลำแขนแข็งแรงข้างหนึ่งวางไว้เหนือศีรษะของคนที่หน้าซีดเผือด เขารู้ว่าหล่อนกำลังกลัวจับใจ แม้จะไม่เข้าใจดีนักว่าทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย จำนวนเงินมหาศาลที่หล่อนเรียกร้องเขาก็โอนให้แล้ว รูปร่างหน้าตาของเขาเองก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ว่าได้
"กลัวเหรอ?" คำถามนั้นใจเย็น แม้จะรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นโครมครามจนมันแทบจะกระโดดออกมานอกอกแกร่งของเขาเสียแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นมันก็กำลังเกิดขึ้นกับกษมาเช่นกัน
"เปล่า!" หล่อนยังคงปากแข็งใส่เขา แม้ตอนนี้หลังบางจะติดหนึบไปกับผนังห้องและยึดมันเป็นที่พึ่งตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่จะทำให้หล่อนยืนได้ด้วยขาตัวเอง เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นถือวิสาสะเกลี่ยผมที่ตกลงเกะกะมายังหน้าผากเกลี้ยงเกลาของหล่อนอย่างเบามือ สัมผัสแผ่วเบานั้น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อน คนที่เขาเฝ้ามองตลอดระยะเวลาสามเดือนจะมายืนอยู่ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ได้ และก็เพราะหล่อนนั่นเองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต้องเลื่อนงานแต่งงานของตัวเองออกไปอีก โดยให้เหตุผลแค่ยังรักสนุกอยู่...
กษมาสะบัดใบหน้าหนีการสัมผัสจากเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าท้องไส้มันปั่นป่วนยังไงชอบกลและหล่อนก็ไม่ค่อยจะชอบการกระทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แม้ว่าครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้ใกล้ชิดกับคนรักเก่าแบบแนบชิดแบบนี้มาก่อนก็ตาม และรู้แน่ชัดว่าความต้องการตามธรรมชาติมันมักจะก่อตัวขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อนึกถึงคนรักเก่า ทำให้หัวใจของกษมากระตุกวูบ ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ คงมีความสุขอยู่กับคนที่เขาเลือกแต่งงานด้วย เลือกคนที่เหมาะสมกับเขาทางสังคมมากกว่าเลือกหัวใจตัวเอง! ดวงตาคู่สวยมองคนที่ยืนส่งยิ้มมาให้เขม็ง นี่ก็เป็นอีกคนที่เห็นแก่ตัวถือว่ามีเงินก็ใช้ฟาดหัวให้ได้มาแค่กามารมณ์ ผู้ชายที่ดีๆ ในโลกนี้มันจะเหลือให้หล่อนได้พบพานบ้างหรือเปล่ากันนะ
"ถ้าไม่กลัวก็ดี..." เขาค่อยๆ แก้มัดผมจุกของหญิงสาวตรงหน้า แล้วผมยาวก็ร่วงกรูกันลงมายังบ่าของหล่อน เจ้าตัวต้องเอามือลูบผมตัวเองไปมา มองเขาอย่างโกรธเคือง เขาทำมากเกินไปแล้ว นี่มันผมของหล่อนนะ
"ผมฉันยุ่งหมดแล้ว!" หล่อนแหวให้เขาอย่างหมั่นไส้พร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง แต่ก็ต้องหน้าแดงซ่านเมื่อเขาเลื่อนมือมายังปลายผมสีดำขลับ แล้วยกขึ้นยังจมูกคมสัน ดวงตายังคงจับจ้องมายังใบหน้าสีลูกตำลึงไม่วางตา พร้อมกับรอยยิ้มอย่างถึงพอใจ เขาค่อยๆ ก้มหน้าเขามาใกล้ นั่นเรียกสติของคนที่ยืนแข็งทื่อให้กลับมาได้เหมือนเดิม ทำให้หล่อนรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเขาได้ทัน การปฏิเสธแบบนั้นทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ หรี่ตามองคนที่เบือนหน้าหนีและไม่ยอมสบตากับเขา ชายหนุ่มจึงดึงตัวเองออกห่างร่างระหงแล้วยืนล้วงกระเป๋ามองหล่อนสำรวจตรวจตราอีกครั้ง
เขากลืนนำ้ลายลงคอ ควบคุมความต้องการบางอย่างที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วกายแกร่งของตัวเอง "ถอดเสื้อให้ผม"
"พี่อิ๋ว เป็นอะไรหรือเปล่าพี่?" เสียงถามอย่างห่วงใยของรุ่งฤดีดังพอที่จะเรียกสติของกษมาให้คืนมาได้บ้าง
"เปล่าจ๊ะ" หล่อนตอบสั้นๆ ไม่กล้ามองสบตากับลูกค้าที่ยืนส่งยิ้มมาให้ หรือจริงๆ หล่อนก็ไม่คิดว่าเขาจะโผล่หน้ามาในตอนนี้เลยสักนิด
"พี่ปวดหัวขอตัวไปสูดเอาอากาศข้างนอกหน่อยนะ รุ่งทำออเดอร์ให้ลูกค้าไปก่อนก็แล้วกัน" พูดเสร็จกษมาก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนั้นทันที ทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเขาที่เผลอแสดงออกมาแค่แวบเดียว
อากาศข้างนอกไม่ได้ทำให้ความกังวลของหล่อนหายไปได้เลย มิหนำซ้ำยังสร้างความปวดหัวเพิ่มมากขึ้นเพราะความร้อนอบอ้าวนั่นเอง
"พี่อิ๋วมาเร็ว!" เสียงเรียกอย่างเหนื่อยหอบของการุณ ทำให้คนที่ถูกเรียกต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันอะไรกันนักหนานะ กษมารู้สึกว่าชีวิตไม่ได้พบความสงบสุขเลยในช่วงนี้
"ไปเลยนะพี่...เขา...อยากพบพี่คนดียว" อาการพูดของการุณนั้นตื่นเต้นไม่เบา และมีรุ่งฤดีคอยพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นไม่ต่างกัน
"ไปไหน?"
"ก็อีตาชีสเค้กไงพี่อิ๋ว เขาจะพบพี่ให้ได้ ระบุ...ว่าต้องเป็นรองผู้จัดการสาวหน้าเด็กด้วยนะ และเดี๋ยวนี้!" การุณพูดเสียงแข็งในตอนท้ายเพื่อที่จะเลียนแบบท่าทางแข็งขึงของชายหนุ่ม ซึ่งนั่นยิ่งทำเอากษมาอยากกรี๊ดเสียให้ได้
"ไปทำกาแฟหกใส่เขาอีกเหรอ?" หล่อนถามออกไปอย่างหงุดหงิดแค่ได้ยินชื่อ พ่อหนุ่มชีสเค้ก เท่านั้นแหละที่ทำเอาหล่อนไม่อยากจะแบกหน้าไปหาเขาเลย การุณส่ายหัวเป็นพัลวัน
"ตั้งแต่วันนั้น ผมไม่กล้าเฉียดกายไปใกล้ครับ คนอะไรหน้าตาหล่อแต่ดุมาก"
"นั่นนะสิ โกนหนวดออกยิ่งหล่อ ดูตั้งนานนึกว่าลูกค้ารายใหม่ ที่ไหนได้พ่อหนุ่มชีสเค้กของเรานี่เอง" รุ่งฤดีเสริมขึ้นมาอีก แล้วทั้งการุณและรุ่งฤดีก็กันหน้ากรี๊ดกร๊าดใส่กันอย่างมีความสุข เหมือนเจอดาราดัง นักค้องดังก็ไม่ปาน
"ไปเถอะพี่ เดี๋ยวโกรธถามหาผู้จัดการล่ะคราวนี้โดนไล่ออกหมดทั้งแก้งแน่" การุณฉุดกระชากคนที่ไม่ขยับร่างกายให้ลุกขึ้น
"คุณให้เพื่อนฉันไปตามฉันมา มีอะไรจะให้รับใช้ไม่ทราบ...คะ" หล่อนถามเขาเสียงเบา มือสวยวางประสานกันตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมแต่คำพูดนั้นแดกดันสิ้นดี ซึ่งเขาก็พอจะมองออก
"ผมก็แค่อยากทบทวนความจำของคุณว่าวันนี้เรามีนัดเจอกันที่ธนาคาร หวังว่าคุณจะไม่คิดเบี้ยวนะ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเอง" เขาพูดพร้อมกับจิบกาแฟลงคอไปอย่างใจเย็น
"ฉันทราบดีค่ะ ไม่ต้องบอก" หล่อนเชิดหน้าใส่เขา ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มตัว หันซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงขยับกายมาใกล้กับหญิงสาวมากขึ้น
"ก็ดี แต่ถ้าคิดเบี้ยวล่ะก็ ผมเอาคุณออกจากงานแน่ ไม่ได้ขู่ แต่อย่าลองดีกว่า" แล้วเสื้อสูทตัวนอกก็ถูกเหวี่ยงขึ้นมาบนบ่าหนา เขาก็เดินจากไปแล้ว ทิ้งให้หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่คนเดียวระคนแค้นเคือง ซึ่งก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะโกรธเขาหรือตัวเองกันแน่ที่ปากไม่มีหูรูดตอบรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนั้นได้
หลังจากที่ชายหนุ่มคล้อยหลังไปแล้ว รุ่งฤดีกับการุณก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนทำหน้าซีดเผือด
"พี่อิ๋วเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่?" การุณแม้ปากจะถามแต่สายตากลับมองตามคนหลังตรงที่เดินหายแหวกผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านนอกค็อฟฟี่ช็อฟ
"ไม่เป็นไรสักหน่อย" กษมาตอบออกไปอย่างอารมณ์เสีย
"วันนี้รุ่งว่าเขามาแปลกนะพี่อิ๋ว ยิ้มด้วย" รุ่งฤดีว่าอย่างอารมณ์ดีเหมือนไม่ใส่ใจว่าอีกคนจะเริ่มหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม เพราะไม่อยากจะได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาอีกในตอนนี้
"แล้วรู้ไหมพี่อิ๋ว เขาจ่ายเงินแบงค์พันนะเขาบอกว่าไม่ต้องทอน โหทิปล้วนๆ" รุ่งฤดีพูดต่อด้วยความดีใจ การุณหันมามองค้อนอย่างหมั่นไส้
"ย๊ะ โชคดีของหล่อน แล้วอีตาชีสเค้กของเรา เขาเป็นใครกันนะผมชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ" การุณทำหน้าครุ่นคิด รุ่งฤดีก็พลอยทำสีหน้าแบบนั้นด้วยคืออยากรู้ขึ้นมาจริงๆ จังๆ ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมจู่ๆ เขาต้องทำตัวเอาเงินมาแจกที่ร้านกาแฟแถมหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเสียด้วย กษมาถอนใจก่อนจะรวบรวมเอากาแฟและจานชีสเค้กที่เหลือเพียงแค่คราบเดินหายออกไป เพราะไม่อยากจะสนทนากับเพื่อนทั้งสองที่เอาแต่ชื่นชมและพูดถึงคนที่หล่อนเริ่มเหม็นขี้หน้าขึ้นมาทุกวินาที!
อาการชะเง้อคอมองเหมือนต้องการมองหาใครสักคน ทำให้พนักงานของธนาคารอายุน้อยต้องเดินเข้ามาหา พร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อมมายังกษมาที่ต้องรีบยกมือไหว้คืนแทบไม่ทัน
"เชิญที่ห้องวีไอพีชั้นสองเลยค่ะ" พนักงานสาวสวยบอกออกมา แต่กษมาส่ายหัวเป็นพัลวัน
"ไม่ค่ะ...ไม่" แล้วก็มองหาใครสักคนต่อ
"ฉันนัดใครสักคนไว้ที่นี่ แต่นี่ก็เลยเวลามาเป็นชั่วโมงแล้ว เขาคงกลับไปแล้ว" หรืออาจจะไม่มาเลย หล่อนคิดอย่างใจแป๋ว ไม่ใช่เพราะอยากเจอเขา แต่เป็นเพราะจำนวนเงินนั้นมันมากมายมากพอที่หล่อนจะไปปลดหนี้ให้พ่อแม่ได้นะสิ
"เชิญข้างบนดีกว่าค่ะ มีคนคอยคุณอยู่" เสียงพูดนั้นฟังดูมั่นใจว่าบอกหญิงสาวไม่ผิดแน่ และเดินหันหลังทำให้กษมาต้องเดินตามอย่างไม่สามารถปฏเสธอะไรได้ และเมื่อหล่อนก้าวเข้ามาในห้องก็พบกับเขา ซึ่งนั่งหน้าตาบึ้งตึงคอยอยู่ก่อนอย่างไม่พอใจ
เขากัดกรามแน่นอย่างอดทนเป็นที่สุด แล้วยกนาฬิกาข้อมือดูจากนั้นเหลือบตาคมมาหาหล่อนอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าหล่อนผิดนัดมากทีเดียว ซึ่งกษมารู้ตัวดี และมันเป็นเจตนาแบบนั้นของหญิงสาวเอง เพราะความลังเล สับสนทำให้กษมากล้าๆ กลัวๆ และตัดสินใจอยู่นานว่าควรจะมาตามนัดที่บอกเขาไว้ หรือว่าควรจะทำเป็นไม่สนใจ แต่คำขู่ที่เขาให้ไว้ว่าจะเอาหล่อนออกจากงานนั้นก็ทำเอาหล่อนร้อนๆ หนาวๆ ได้มากทีเดียว และคิดอีกว่าหากหล่อนผิดนัดสักหน่อย เขาอาจจะกลับไปแล้ว แค่นั้นวันนี้หล่อนก็รู้สึกโล่งอก แต่ก็ยังเสียดายเงินจำนวนมหาศาลที่เขาเสนอให้อยู่ดีถ้าหากว่าไม่ติดเรื่องหนี้สินหล่อนก็คงไม่คิดหนักหรือเสียดายมันนัก แต่เพราะตอนนี้มันจวนจะได้เวลาที่พ่อแม่จะต้องเสียที่แล้วนะสิ ที่ทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจ
"รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?" เสียงหวานของพนักงานสาวทำลายความเงียบขึ้น ทำให้กษมาหันมาส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งถามหล่อน พร้อมกับขอแค่น้ำเย็นๆ สักแก้ว กษมานั่งลงไปยังโซฟาตรงข้ามกับเขาด้วยใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่าหล่อนมาสายมากแค่ไหน เสียงประตูปิดลงเบาๆ ชายหนุ่มจึงพิงหลังตรงไปยังพนักโซฟาตัวนุ่ม
"มาสายมากนะ คุณทำอะไรอยู่?" คำถามนั้นแม้จะดูเหมือนราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจมากพอสมควร
"ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า" หล่อนบอก เพราะตอนนี้หญิงสาวเองก็มาในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเก่าๆ เสื้อยืดคอโปโลสีขาวนวล จะเหลือก็แต่ผมที่ยังมัดเป็นจุกไว้กลางศีรษะ
"แต่ผมเผื่อเวลาให้แล้วนะ" เขาพูดเหมือนรู้ทัน
"รถติดค่ะ กรุงเทพ! คุณน่าจะรู้ดีว่าปัญหาการจราจรแก้ไม่เคยได้" หล่อนเถียงคืนบ้าง ไม่พอใจนักว่าเขาจะมาทำตัวเป็นพ่อของหล่อนได้ยังไง
"ถ้าคุณไม่พอใจเรายกเลิกก็ได้นะคะ" หล่อนพูดต่อ ทำให้เขาได้แต่ยิ้มเหมือนรู้ทันแผนที่หล่อนตั้งใจวางไว้
"ผมนั่งคอยเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะยกเลิกสิ่งที่เราพูดกันไว้ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?" เขาหรี่ตามองคนที่นั่งตั้งคอเชิดใส่เขาอย่างถือดี
"อย่าเถียงกันเลย เรารีบทำธุระให้เสร็จ ผมจองโรงแรมไว้แล้ว" เขาพูดเสียงเบาในตอนท้าย แต่คนที่ได้ยินหูผึ่งขึ้นมาทันที
"นี่คุณ...คุณเอาจริงเหรอ!?" ความหมายของคำถามที่เพิ่งถามออกไปคือตัวเขามีเงินเป็นสิบล้านจริงๆ นะเหรอ!!!
หญิงสาวแทบก้าวขาไม่ออก เมื่อเขาพาหล่อนมายังโรงแรมระดับห้าดาวที่ตัวเขาสั่งจองไว้ก่อนหน้านี้ตามที่เขาประกาศก้องไว้ ไม่คิดว่าเขาจะบ้าดีเดือดได้ขนาดนี้ และที่สำคัญหล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขามีจำนวนเงินอันมากมายนั้นจริงๆ
กษมาและเพื่อนที่ทำงานต่างก็คิดว่าเขาเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ทำงานอยู่ตึกไหนสักตึกในบริเวณนั้น ซึ่งค็อฟฟี่ช็อฟที่หล่อนทำงานอยู่มีที่ตั้งใกล้กับสำนักงานมากมาย
"เชิญครับ" พนักงานของโรมแรมเปิดห้องพักให้พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรมายังคนทั้งสอง หญิงสาวไม่ได้รับรู้อะไรเลยนอกจากเดินเข้ามายังห้องพักสวยหรูที่เพรียบพร้อมไปด้วโซฟา ทีวีและเตียงขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทตัวนอกออกอย่างใจเย็น ตาคมมองตรงมายังคนรูปร่างบอบบางหลังสวยที่เคยตั้งตรงตอนนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย เขาก้าวเท้าเสียงเบามายืนข้างหลัง มือทั้งสองล้วงไปยังกระเป๋ากางเกงของตัวเองอย่างใจเย็น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วแอบยกยิ้มที่มุมปาก
หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับเขาเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจไม่ห่างจากหล่อนมากนัก แล้วขาเรียวสวยที่เคยก้าวแทบไม่ออก ก็เริ่มขยับถอยหลังช้าๆ อย่างไม่ให้เขารู้ได้ว่าหล่อนกำลังคิดหาทางหนีทีไล่ แต่เมื่อร่างระหงเริ่มห่างออกไปทีละนิด เขาก็ก้าวขาตามทีละนิดเช่นกัน จนกระทั่งหลังบอบบางก้าวถอยมาติดกับผนัง ทำให้คนที่คิดจะหนีเริ่มหน้าซีดขึ้นมา เมื่อรู้ว่าตอนนี้หล่อนเดินมาถึงทางตันเข้าให้แล้ว และมันเป็นทางตันจริงๆ หล่อนไม่มีทางหนีเขาไปไหนได้แล้วจริงๆ กษมาคิดอย่างเป็นกังวล ลำแขนแข็งแรงข้างหนึ่งวางไว้เหนือศีรษะของคนที่หน้าซีดเผือด เขารู้ว่าหล่อนกำลังกลัวจับใจ แม้จะไม่เข้าใจดีนักว่าทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย จำนวนเงินมหาศาลที่หล่อนเรียกร้องเขาก็โอนให้แล้ว รูปร่างหน้าตาของเขาเองก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ว่าได้
"กลัวเหรอ?" คำถามนั้นใจเย็น แม้จะรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นโครมครามจนมันแทบจะกระโดดออกมานอกอกแกร่งของเขาเสียแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นมันก็กำลังเกิดขึ้นกับกษมาเช่นกัน
"เปล่า!" หล่อนยังคงปากแข็งใส่เขา แม้ตอนนี้หลังบางจะติดหนึบไปกับผนังห้องและยึดมันเป็นที่พึ่งตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่จะทำให้หล่อนยืนได้ด้วยขาตัวเอง เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นถือวิสาสะเกลี่ยผมที่ตกลงเกะกะมายังหน้าผากเกลี้ยงเกลาของหล่อนอย่างเบามือ สัมผัสแผ่วเบานั้น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อน คนที่เขาเฝ้ามองตลอดระยะเวลาสามเดือนจะมายืนอยู่ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ได้ และก็เพราะหล่อนนั่นเองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต้องเลื่อนงานแต่งงานของตัวเองออกไปอีก โดยให้เหตุผลแค่ยังรักสนุกอยู่...
กษมาสะบัดใบหน้าหนีการสัมผัสจากเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าท้องไส้มันปั่นป่วนยังไงชอบกลและหล่อนก็ไม่ค่อยจะชอบการกระทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แม้ว่าครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้ใกล้ชิดกับคนรักเก่าแบบแนบชิดแบบนี้มาก่อนก็ตาม และรู้แน่ชัดว่าความต้องการตามธรรมชาติมันมักจะก่อตัวขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อนึกถึงคนรักเก่า ทำให้หัวใจของกษมากระตุกวูบ ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ คงมีความสุขอยู่กับคนที่เขาเลือกแต่งงานด้วย เลือกคนที่เหมาะสมกับเขาทางสังคมมากกว่าเลือกหัวใจตัวเอง! ดวงตาคู่สวยมองคนที่ยืนส่งยิ้มมาให้เขม็ง นี่ก็เป็นอีกคนที่เห็นแก่ตัวถือว่ามีเงินก็ใช้ฟาดหัวให้ได้มาแค่กามารมณ์ ผู้ชายที่ดีๆ ในโลกนี้มันจะเหลือให้หล่อนได้พบพานบ้างหรือเปล่ากันนะ
"ถ้าไม่กลัวก็ดี..." เขาค่อยๆ แก้มัดผมจุกของหญิงสาวตรงหน้า แล้วผมยาวก็ร่วงกรูกันลงมายังบ่าของหล่อน เจ้าตัวต้องเอามือลูบผมตัวเองไปมา มองเขาอย่างโกรธเคือง เขาทำมากเกินไปแล้ว นี่มันผมของหล่อนนะ
"ผมฉันยุ่งหมดแล้ว!" หล่อนแหวให้เขาอย่างหมั่นไส้พร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง แต่ก็ต้องหน้าแดงซ่านเมื่อเขาเลื่อนมือมายังปลายผมสีดำขลับ แล้วยกขึ้นยังจมูกคมสัน ดวงตายังคงจับจ้องมายังใบหน้าสีลูกตำลึงไม่วางตา พร้อมกับรอยยิ้มอย่างถึงพอใจ เขาค่อยๆ ก้มหน้าเขามาใกล้ นั่นเรียกสติของคนที่ยืนแข็งทื่อให้กลับมาได้เหมือนเดิม ทำให้หล่อนรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเขาได้ทัน การปฏิเสธแบบนั้นทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ หรี่ตามองคนที่เบือนหน้าหนีและไม่ยอมสบตากับเขา ชายหนุ่มจึงดึงตัวเองออกห่างร่างระหงแล้วยืนล้วงกระเป๋ามองหล่อนสำรวจตรวจตราอีกครั้ง
เขากลืนนำ้ลายลงคอ ควบคุมความต้องการบางอย่างที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วกายแกร่งของตัวเอง "ถอดเสื้อให้ผม"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ