พันธะสวาท ตรวนเสน่หา
เขียนโดย Alixia
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.34 น.
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 16.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4. กษมาแหงนหน้าขึ้นอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หล่อนคิดว่าได้ยินไม่ผิดแน่ๆ หล่อนได้แต่อ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลงจ้องเขาไม่วางตา
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหัวใจที่เต้นถี่ยิบก่อนหน้านี้ มันเต้นถี่ยิบมากขึ้นไปอีกกับสายตากรุ้มกริ่มที่เขาจ้องมองมา แม้ว่าตัวเขาจะห่างจากหล่อนไปนิดหน่อยแล้วก็ตาม เขาไม่ควรที่จะมีอิทธิพลกับการเต้นของหัวใจของหล่อนแบบนี้ได้เลยนี่นา
แม้แต่คนรักเก่าที่หล่อนรักและมอบใจให้มาได้สองปี ยังไม่เคยทำให้หัวใจน้อยๆ ของหล่อนเต้นได้รัวเร็วและเนิ่นนานขนาดนี้มาก่อน เขาเลิกคิ้วสูง เป็นการย้ำเตือนให้หล่อนทำตามที่เขาบอก และมันก็ได้ผลเมื่อกษมายอมยกมือเรียวแต่สั่นเทาสิ้นดี มายังกระดุมเม็ดแรกด้านบนสุด เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตอนแรกแค่คิดจะแกล้งหล่อนเล่น แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจตัวเองดีนักว่าเขาควรจะเดินหน้าทำตามที่ร่างกายเรียกร้องดีหรือเปล่า อาการเก้ๆ กังๆ และเชื่องช้าของหล่อนไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดเลยแม้จะคิดว่าทำไมหล่อนถึงได้เงอะงะได้ขนาดนี้กับแค่การถอดเสื้อให้เขา แต่เขากลับรู้สึกเพลิดเพลินที่ได้มองหล่อนอย่างใกล้ชิด มันเหมือนฝันไปเสียด้วยซ้ำ
"ทำไมต้องมือสั่น" เขาถามขึ้นทำลายความเงียบที่ตอนนี้ได้ยินแค่เสียงแอร์ดังกระหึ่ม กษมาไม่ตอบอะไรยังคงแกะกระดุมให้เขาอย่างเชื่องช้า
จนกระทั่งมือเรียวเลื่อนมาถึงเม็ดสุดท้ายซึ่งนั่นทำเอาหล่อนลังเลอยู่ระยะหนึ่ง ร่างกายใต้เสื้อเชิร์ตสีฟ้าอ่อนดูแข็งแกร่งและน่าหลงใหลไม่เบา หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาคิดยังไงกันนะกับการที่มารับข้อเสนอบ้าบอคอแตกที่หล่อนพลั้งปากออกไปแค่อยากจะเอาคืนเขาเท่านั้นเอง คนอย่างเขาไม่น่าที่จะอดอยากผู้หญิงขนาดที่จะต้องมาจ่ายเงินให้หล่อนได้มากขนาดนี้ เขาก้มหน้าเบี่ยงจมูกโด่งมายังแก้มสีหวาน จงใจจูบอย่างแผ่วเบา ทำเอาคนที่เพิ่งถูกจูบต้องมองหน้าเขาด้วยความงุนงง แล้วสัญชาติญาณในการป้องกันตัวก็เริ่มทำงาน มือสวยยกขึ้นยังหน้าอกหนา เพื่อที่จะกันไม่ให้เขาได้เข้าใกล้หล่อนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมกับเบี่ยงหน้าหนีเมื่อเขาเริ่มรุกหนักอย่างหย่ามใจในการที่จะจูบมายังเรียวปากอวบอิ่มเสียให้ได้
"อย่าผลักสิครับ" เขากระซิบมายังใบหูเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าหล่อนผลักอกเขาด้วยแรงทั้งหมดที่หล่อนมี จนตัวเขาเองก็รู้สึกแสบร้อนยังอกตัวเองเช่นกัน ไหนจะความพยายามเบี่ยงหน้าหนีจากปากหยักหนาของเขาที่ติดตามปากอวบอิ่มแต่ดูเหมือนหล่อนหลบเขาได้ตลอด ทำให้เขาดอมดมมาได้แค่แก้มนวล กษมาลดกำลังแรงลงไปบ้าง เมื่อเห็นเขาหยุดการกระทำ
"คือ..." หล่อนกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี หล่อนยังไม่อยากให้เขาทำอะไรในตอนนี้ มันรวดเร็วเกินไปสำหรับหล่อน หญิงสาวยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้
ส่วนเขาคิดแค่ว่าหล่อนอาจจะยังไม่คุ้นเคยในความเป็นเขาก็เท่านั้นเอง ในเมื่อหญิงสาวไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นเหมือนอย่างที่เขาเข้าใจผิดมาก่อน หล่อนก็น่าจะผ่านโลกมาบ้างแล้ว แต่หล่อนก็แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาพบพานมา เพราะทุกการกระทำของหล่อนนั้น เป็นการปฏิเสธเขาทุกอย่าง
"ผมจ่ายแล้ว...คุณก็ควรจะทำตามข้อตกลง" เขาย้ำเสียงเรียบ เมื่อหล่อนเอาแต่ตะกุกตะกักพูดไม่ออก และคอยเบี่ยงใบหน้าหนีเขาตลอดเวลา
"ฉันทราบดี" หล่อนย้ำเสียงเบา แต่ก็ยังคงไม่กล้าให้เขาได้จูบอยู่ดี ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นมา
"คุณบอกไม่กลัว แล้วหนีจูบผมทำไม" เขาถามตรงจุด ทำให้กษมาได้แต่มองหน้าเขาปริบๆ จะอ้าปากเถียงหล่อนก็คิดคำไม่ออก
ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนมากขึ้นซึ่งเกิดจากการที่เขารุกหนักนั่นเอง
"ฉัน...ฉันปวดท้อง!" แล้วกษมาก็คิดออกมาได้ เอาแค่ให้หลุดพ้นจากเขาไปได้ในตอนนี้ก่อน นาทีต่อมาค่อยว่าอีกทีว่าหล่อนจะทำยังไงต่อไปดี
"ตอนนี้เนี่ยนะ?" เขาขมวดคิ้วถาม แม้จะตามเกมของหญิงสาวได้ทันก็ตาม
"ค่ะ ปวดท้องมันควบคุมไม่ได้นะคะ"
"งั้นก็ไปสิ" เขาเบี่ยงตัวออกให้หญิงสาวผ่านอย่างง่ายดาย กษมาวิ่งปราดเดียวก็พาตัวเองไปยังห้องน้ำแสนสวยของห้องพัก หล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองสำรวจไปทั่วห้องสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะแยะ แต่กลับไม่มีมุมไหนที่หล่อนจะไปซ่อนตัวได้เลย แล้วกษมาก็สูดเอาน้ำหอมในห้องกว้างเข้าปอดแต่มันไม่ได้ช่วยให้อาการประหม่าของหล่อนหมดไป
"ทำไงดีว่ะ" กษมาบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว แล้วนั่งจุมปุกไปยังเคาน์เตอร์หน้ากระจก ครุ่นคิดหาวิธีหนีจากเขา แต่หล่อนรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยตอนนี้มันก็ช่วยยืดเวลาได้บ้างล่ะนะ เวลาล่วงเลยเกือบครึ่งชั่วโมง เสียงเคาะประตูเบาๆ สองสามทีทำให้คนที่ซ่อนตัวในห้องน้ำต้องยอมจำนนเปิดประตูสีขาวออกอย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็พบว่าเขายืนขวางไว้ยังประตูแล้วเรียบร้อย มือทั้งสองข้างปัดชายเสื้อตัวเองออกแล้วเท้าเอวมองมายังคนที่ปฏิเสธเขามาได้เป็นชั่วโมงแล้ว แต่นัยตาของเขามันช่างยียวนกวนประสาทหล่อนสิ้นดี
"เสร็จหรือยัง?" นั่นเป็นคำถามแรกของเขา
"ก็...ยังค่ะ อาหารคงเป็นพิษฉันรู้สึกไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่" กษมาบอกพร้อมกับทำหน้าตาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มือสวยทั้งสองกุมท้องตัวเองไว้เหมือนเจ็บปวดเสียเต็มประดา
"หรือว่าคุณอยากเปลี่ยนสถานที่...เป็นอ่างอาบน้ำ" เขาว่าติดตลก ทำเอาคนที่ได้ยินหน้าแดงซ่าน เพราะเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
"จะบ้าเหรอคุณ" หล่อนแหวเข้าให้ทั้งอายทั้งโกรธที่เขาคิดแบบนั้นได้ "งั้นมานี่" เขาพูดจบก็รวบเอาเอวขอดดึงร่างระหงที่หล่อนไม่ได้เตรียมตัว เข้ามาแนบชิดแล้วก้มหน้ามายังลำคอขาวผ่องสูดดมอย่างคนเอาแต่ใจ
"ปล่อยนะคุณ!" กษมาดึงทึ้งเสื้อเชิร์ตของเขาสุดแรงเกิด เพื่อให้เขาหยุดการกระทำอันอุกอาจ แต่ดูเหมือนมันกำลังสร้างความรำคาญให้เขามากกว่า ทำให้เขาต้องรวบเอาข้อมือทั้งสองของหล่อนออกจากชายเสื้อของเขา ดุนคนร่างเล็กกว่าแค่เบาๆ หล่อนก็ตัวติดกำแพงอีกครั้งหนึ่ง มือทั้งสองถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ
ชายหนุ่มจ้องมองมายังดวงตากลมโตที่ทำเหมือนตกใจสิ้นดีกับการที่ถูกเขาไซร้ซอกคอขาวนวล เมื่อไหร่หล่อนจะเลิกทำเป็นไร้เดียงสาสักทีกันนะ เขาคิดอย่างหงุดหงิดขึ้นมา เพราะตอนนี้เขาหายใจหอบถี่ควบคุมสติของตัวเองไม่ได้
"คุณจะต่อต้านไปถึงไหน ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ผมไม่ยอมจ่ายสิบล้านแล้วเอาคุณมานั่งมองเล่นๆ หรอกนะ" เขาบอกหล่อนเสียงจริงจัง กษมากลืนนำ้ลายลงไปอึกใหญ่ อันนั้นหล่อนก็พอจะเข้าใจและทำใจไว้แล้ว ใครจะยอมโง่จ่ายเงินมากมายเพียงแค่เอามามองเล่น เพียงแต่หล่อนยังกลัวอยู่ ทำให้ขัดขืนเท่าที่จะทำได้
"แต่ว่า..." เขาจ้องหล่อนเขม็ง อยากรู้นักว่าหล่อนจะเกี่ยงอะไรอีก
"กษมา..." เขาเรียกชื่อหล่อนเสียงแหบพร่าพยายามควบคุมตัวเองเป็นที่สุด
"คุณ..." นั่นนะสินะ เขาเป็นใครกันนะ ชื่อ? แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามหล่อนยังไม่ทันได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร แต่เขากลับทันได้ยินและจำชื่อหล่อนได้
"ฉันยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของคุณเลยนะคะ" หล่อนพูดขึ้นทำให้ใบหน้าที่กำลังก้มลงมาต้องชะงักไปอีกครั้งหนึ่ง เขาถอนหายใจจะว่าไปก็เห็นด้วยกับหล่อนพอสมควร
"นั่นนะสิ งั้นคืนนี้เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าไหม?" เมื่อพูดเสร็จเขาก็อุ้มเอาร่างของหล่อนลอยหวือจากพื้น ทำเอาคนที่ไม่ได้ตั้งตัวต้องกอดคอเขาตามสัญชาติญาณ เมื่อตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หล่อนจึงเผลอทุบไปยังอกหนาด้วยความตกใจ
"โอ้ย...ผมเจ็บนะครับ" น้ำเสียงนั้นแม้จะตำหนิ แต่กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วและมีความสุขอย่างประหลาด
"ปล่อยฉันสิ!" เขาวางหล่อนลงไปยังที่นอนนุ่มขนาดใหญ่และตะแคงตัวนอนลงไปข้างๆ ไม่ลืมที่จะวางมือพาดไปยังเอวขอดเพื่อกันไม่ให้หล่อนคิดกระโดดหนีเขาไปไหนได้ กษมานำแขนเสลาทั้งสองข้างวางขวางกั้นหน้าอกหน้าใจที่ดูมันจะเป็นรูปเป็นร่างตามวัยสาวและสังเกตเห็นว่าเขาเองก็จ้องมองอยู่ชั่วแวบหนึ่ง
"ไหนบอกมาสิ คุณเป็นใคร มาจากไหน อายุด้วย" เขาถามอย่างละเอียด กษมาจึงต้องยอมเล่าชีวิตของตัวเองให้เขาฟังแต่เพียงแค่คร่าวๆ ส่วนเรื่องนำเงินของเขาไปไถ่ถอนหนี้นั้นหล่อนไม่ได้พูดถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว
"อายุจะยี่สิบห้าอยู่แล้ว ผมมองคุณอายุน้อยแค่สิบหกสิบเจ็ดได้ยังไงกันนะ" เขาพรำ่บอกพร้อมกับรู้สึกขำในการคาดคะเนผิดพลาดของตัวเอง
"แล้ว...คนรัก มีหรือเปล่า?" เมื่อถามออกไป ตัวเขาเองแทบกลั้นหายใจ จู่ๆ ก็กลัวกับคำตอบที่หล่อนกำลังจะเอ่ยออกมา เขากลัวอะไรกันนักหนา หล่อนจะมีใครหรือไม่? ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน ในเมื่อหล่อนยังไม่ได้แต่งงานและที่สำคัญ หญิงสาวเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ส่วนเขาก็แค่ต้องการตอบสนองให้หล่อนก็เท่านั้นเอง
"เคย...เคยมีค่ะ" หล่อนตอบเสียงแผ่วเบา แล้วหัวใจก็เริ่มชาวูบขึ้นมาอีก คิดขึ้นมาทีไรก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิดว่าระหว่างหล่อนกับนาวินมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน
"งั้นตอนนี้โสด?" เขาเสริมขึ้น หล่อนพยักหน้ารับ ชายหนุ่มมองเห็นดวงตาเศร้าสร้อยของหล่อนทันทีเมื่อเอ่ยถึงคนรักเก่า
"เกิดอะไรขึ้น ถ้าหากว่า…คุณอยากจะเล่าให้ผมฟัง" เสียงนั้นนุ่มเหมือนห่วงใยอยู่ในที
"เขาบอกเลิกเพราะต้องไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ ข้าราชการด้วยกัน" หล่อนบอกเขาเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง
"ถูกจับคลุมถุงชนว่างั้นเถอะ?"
"คงอย่างนั้นมั้งคะ ฉันไม่ทราบ"
"แปลกนะ เป็นผมล่ะก็เลือกคุณดีกว่า" กษมามองหน้าเขาตาปริบๆ แล้วเอียงศีรษะออกห่างจากใบหน้าของเขาสักนิด เพื่อที่จะได้มองหน้าเขาให้ชัดเจนขึ้น
"เขาบอกว่าจะรักฉันตลอดไป...แต่เขาเลือกที่จะไปแต่งงานกับอีกคน คนที่มาทีหลังฉันน่ะค่ะ ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ" หล่อนบอกเขาไปตามความจริงๆ อยู่ดีๆ ก็เริ่มอยากจะเล่าให้เขาฟัง เพราะตั้งแต่ที่อกหักในครั้งนั้นหญิงสาวก็ไม่เคยได้ระบายให้ใครได้ฟังเลยแม้แต่คนเดียว
"ช่างเถอะค่ะ" กษมากระพริบตาไล่น้ำที่กำลังลื่นไหลไม่ให้มันวิ่งผ่านออกมาจากดวงตากลมโตนั่น หล่อนหยุดร้องไห้เพราะเขาไปนานแล้ว คิดว่าจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับเขาอีกเป็นอันขาด
"คราวนี้ คุณต้องเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะค่ะ" หล่อนวกเข้าหาเขาบ้าง เพราะไม่ต้องการที่จะเล่าเรื่องนาวินมากไปกว่านี้
"ถามมาตอบได้จะตอบ"
"อ้าว...ได้ยังไงกันคุณ ฉันเล่าเรื่องของฉันหมดแล้ว คุณต้องเล่าเรื่องของคุณบ้างสิและก็ต้องตอบตามที่ฉันถามด้วย" หล่อนตัดพ้อกับคำพูดของเขา มันเป็นการโกงเห็นๆ นี่นา
"ผมชื่อพชร อะ..." เขาหยุดชะงักมองหน้าหล่อนเขม็ง "เรียกผมว่าพชร ก็พอ" เขาพูดต่อเมื่อเหมือนคิดทบทวนอะไรแล้ว
"อายุก็มากกว่าคุณ"
"แล้วแฟน คนรัก ภรรยา??" หล่อนสวนขึ้น ตรงนี้สำคัญมากหากเขาจะมาเก็บหล่อนไว้แบบนี้ หล่อนจะได้หลบหนีคู่กรณีได้ถูก
แต่เพียงแค่คิดหล่อนก็ไม่สบายใจ นี่เป็นเพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้คนเราทำชั่วได้อย่างไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรมาก
"อืม...เอาเป็นว่าคุณอยู่ส่วนของคุณ คนอื่นอยู่ส่วนของคนอื่น แค่นี้พอ ไม่ต้องอยากรู้อะไรมากไปกว่านี้ และก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกใครว่าคุณอยู่กับผม ตกลงไหม?" เขาพูดยืดยาว กษมารู้สึกหมั่นไส้เป็นที่สุด
ถ้าหล่อนบอกใครต่อใครแบบนั้นก็เท่ากับประจานตัวเองล่ะสิไม่ว่าหล่อนคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก
"เอาล่ะ นอนได้แล้วผมง่วงจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับคุณกษมา" เขากล่าวแค่นั้นแล้วก็สงบนิ่งไป แต่แขนแข็งแรงยังคงพาดมายังหน้าท้องของหล่อน กษมาพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนเขาก็รู้ดีทำให้ต้องกอดรัดหล่อนแน่นเข้าไปอีก เพื่อที่จะทำให้หล่อนหยุดดิ้น
"เลิกดิ้นคุณทำให้ผม ตื่น" เขากล่าวสั้นๆ แม้ตาจะยังปิดสนิทอยู่ก็ตาม แต่กษมากลับไม่ฟัง หล่อนยังคงดิ้นเป็นพัลวันเพื่อที่จะหลุดจากอ้อมกอดของเขา แล้วจู่ๆ หล่อนก็รับรู้ถึงบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าหวานนั้นเริ่มแดงก่ำขึ้นมาและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าที่เขาบอกว่า ตื่น นั่นคืออะไร ทำให้ตอนนี้หล่อนได้แต่มองฝาผนังด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่กล้าที่จะปิดตาหลับลงไปได้เลย จนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจที่รดอยู่บ่าบอบบางเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้หล่อนเริ่มคลายความเกร็งลงไปได้ และข่มตาหลับตามเขาในเวลาต่อมาไม่นานนัก
หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ทำไมคืนที่ผ่านมาความฝันของหล่อนมันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละมันก็แค่ฝัน คงไม่มีอะไรมากมายเกิดขึ้นนักหรอก แล้วตากลมก็กระพริบถี่ๆ เมื่อมองเห็นเพดานสีขาวสะอาดตาที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มถูกกระชับขึ้นมาแนบอกเพราะความเย็นของแอร์ แล้วร่างระหงก็ลุกนั่งตัวตรงเพียงพรวดเดียว ห้องพักแคบๆ ของหล่อนไม่มีแอร์นี่นา หรือว่ามันไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวมองสำรวจไปจนทั่วห้องสวยหรูทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นเป็นความจริง หล่อนพักยังโรงแรมกับเขา หญิงสาวหันขวับมองหาร่างที่นอนก่ายกอดหล่อนไว้ทั้งคืน เขาหายไปแล้วมันว่างเปล่าไม่มีเงาของเขาอยู่เลย แล้วมองใต้ผ้าห่มเสื้อผ้าทุกอย่างยังอยู่ครบ
"เฮ้อ!" กษมาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก "ไม่ได้แล้วต้องหนีก่อนดีกว่า เผื่อโพล่มาตอนนี้ไม่ทันการแน่" หล่อนบอกกับตัวเองเหมือนคิดได้ ทำให้ต้องกระโจนตัวออกจากที่นอน วิ่งปราดเดียวไปยังหน้ากระจก ใช้มือทั้งสิบสางผมพอลวกๆ ให้ดูไม่น่าเกลียดมากนัก หน้าตายังคงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้หล่อนต้องไปเสียแล้ว
"จะไปไหน!?" เสียงนั้นดังขัดจังหวะขึ้นอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของ พร้อมกับจัดเสื้อผ้า ทรงผมให้ดูเรียบร้อย
"ฉันต้องไปแล้วค่ะ วันนี้ต้องไปเปิดร้าน เดี๋ยวไม่ทันกันพอดี" หล่อนหันไปมองคนที่เดินดุ่มๆ เข้ามาใกล้ซึ่งมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดห่อหุ้มท่อนล่างไว้เพียงผืนเดียว
ผมเผ้าของเขายังคงมีความชื้นหลงเหลืออยู่ ผมที่ยังไม่ได้เซทส่งให้ใบหน้าของเจาน่าหลงใหลมากทีเดียว กษมามองสำรวจเขาชั่วขณะยอมรับกับตัวเองว่าเขาช่างเร่าร้อนเสียนี่กระไร รูปร่างของเขาทำเอาหัวใจหล่อนเต้นโครมครามอย่างหนัก
"เดี๋ยวผมไปส่ง" เขาบอกพร้อมกับรวบเอาเอวบางแนบเข้าหาตัว แล้วจูบเบาๆ ไปที่หน้าผากที่กำลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ กษมาให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นี่เขากำลังจะทำให้หล่อนคลั่งไคล้เขาหรือยังไงกันนะ
"แหมหน้าตาผ่องใสจังนะจ๊ะอิ๋วเช้านี้" เสียงทักขึ้นเบาๆ ทำเอาความคิดเพลิดเพลินของกษมาหยุดลงไปชั่วคราว
"นอนเต็มอิ่มมั้งคะ" หล่อนตอบไปส่งเดช เพราะจริงๆ แทบจะไม่ได้นอนเสียด้วยซ้ำซึ่งคงเป็นเพราะมีเขานอนก่ายกอดอยู่ทั้งคืนนั่นแหละ ที่ทำให้การนอนของหล่อนผิดปกติ อันเกิดจากความไม่คุ้นชิน ซึ่งตัวเธอนั้นนอนคนเดียวมาตลอด
"อิ่มอกอิ่มใจอะไรหรือเปล่านะ หรือว่ามีหนุ่มเข้ามาจีบ" แม่บ้านประจำค็อฟฟี่ช็อฟพูนศรีแซวขึ้นทีเล่นทีจริง แต่คนที่ถูกแซวกลับหน้าแดงก่ำไม่สามารถปกปิดความเขินอายของตัวเองได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงสัมผัสอันใกล้ชิดที่ได้จากเขายิ่งทำให้ใบหน้าหวานนั้นร้อนฉ่าขึ้นมาเป็นทวีคูณเลยทีเดียว
แต่ไม่ทันที่หล่อนจะได้ตอบโต้หรือแก้ตัวอะไรทัน เสียงกริ่งประตูที่ร้านก็ดังขึ้น นั่นหมายถึงลูกค้ารายแรกได้เข้ามาในร้านแล้ว กษมาและพูนศรีหันไปตามเสียง แล้วหญิงสาวที่อ่อนเยาว์กว่าก็มีประกายตาอันสุกใส ซึ่งคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนั้นพอจะมองออก ส่วนลูกค้าหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งดูดี หน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึงว่าต้องหันกลับไปมองอีกเป็นรอบที่สองเสียให้ได้ เขาเองก็ส่งยิ้มพร้อมประกายตาพร่างพรายมายังแม่สาวขายกาแฟไม่ต่างกัน ทำให้พูนศรีเลือกที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยคนทั้งสองได้คุยกันตามประคนหนุ่มมคนสาว
"ผมขออาหารเช้าเป็นมุสลี่ผลไม้นะครับ พร้อมกาแฟหอมๆ สักแก้ว" เขายืนสั่งอาหารไปยังเคาน์เตอร์ที่มีหญิงสาวยืนอยู่
"ทำไมคุณเข้ามาอีกคะ?"
"ผมมาไม่ได้เหรอ?" กษมาถอนหายใจพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟ แล้ววางไปยังเครื่องทำกาแฟ
"มาได้ค่ะแต่ฉันคิดว่าคุณจะไม่เข้ามาอีก นึกว่า..." หล่อนหันซ้ายแลขวาเพื่อให้แน่ใจว่าพูนศรีไม่ยืนอยู่แถวนั้น ก่อนจะพูดต่อ
"ส่งฉันแล้วจะเข้าไปทำงานทันที" เขาได้แต่หัวเราะหือในลำคออย่างคนอารมณ์ดี
"ก็คิดว่าอยากจะทำอย่างนั้น แต่ผมต้องทานอาหารเช้าด้วย แล้วก็...อยากเห็นหน้าคุณอีก" เขาหยอดคำหวานมาให้ทำเอาหล่อนตื่นเต้นได้ไม่เบาที่ได้ยินแบบนั้น
"นี่ค่ะ…กาแฟ" หล่อนส่งกาแฟนดำมาให้เขา พร้อมกับรับธณบัตรมาจากมือ แล้วต้องมองค้อนด้วยความไม่พอใจ
"นี่คุณประเดิมแบงค์พันเลยนะคะ ฉันจะมีทอนให้คุณหรือไงกัน"
"ผมไม่ได้บอกให้คุณทอนสักหน่อย" เขาสวนขึ้นอย่างอารมณ์ดี
"นี่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณมีเงินมากมายก่ายกอง แต่ไม่ต้องเอาเงินมาหว่านแถวนี้ได้ไหม คุณไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน มันแปลกไปนะคะ" หล่อนตำหนิเขา
"ก็ผมอยากให้ คุณไม่รับก็เอาไปให้แม่บ้านที่เพิ่งเดินไปหลังร้านสิ" เขายักไหล่อย่างไม่แยแส
"อ้อ...แล้วอีกอย่างหนึ่งวันนี้ย้ายไปอยู่กับผม เดี๋ยวไปเก็บข้าวของกัน ถ้าเยอะเดี๋ยวไปขนกันรอบสองก็ได้"
"อะไรนะคะ วันนี้เลยเหรอ?" หญิงสาวลืมไปเสียสนิทว่าหล่อนต้องไปอยู่กับเขาหนึ่งปีตามข้อตกลงที่ให้กันไว้
"ครับ อย่าเบี้ยวนะ" น้ำเสียงนั้นราบเรียบแต่ทำเอาคนที่ได้ยินรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเลยทีเดียว บ้าที่สุด!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ