พ่ายรักพรางหัวใจ
8.8
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
33 ตอน
4 วิจารณ์
33.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) ภาพบาดตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซีรีส์ชุด 'พ่ายรักยอดดวงใจ' โดย 'พิจักขณา' มีทั้งหมด 3 เรื่องค่ะ
-พ่ายรักกลลวงใจ ราคา 279 บาท จำนวน 312 หน้า
-พ่ายพยศรัก ราคา 319 บาท จำนวน 360 หน้า
-พ่ายรักพรางหัวใจ ราคา 389 บาท จำนวน 504 หน้า
แต่หากซื้อยกชุด ราคาสมาชิกเพียงชุดละ 839 บาท เท่านั้นคร่า
สั่งซื้อได้แล้วที่หน้าเว็บไซต์สำนักพิมพ์ไลต์ ออฟ เลิฟ
https://www.lightoflovebooknovel.com/showbook.php?bid=2597
หรือตามหน้าร้านนายอินทร์ ซีเอ็ดบุ๊ค B2S (เฉพาะพ่ายรักพรางหัวใจ วางแผงหน้าร้านเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 26/08/60 ตามต่างจังหวัดรอกระจายสินค้า 1-2 สัปดาห์)
**********************************************************************************
ระเบียงกว้างที่เชื่อมต่อออกมาจากปีกซ้ายของห้องจัดเลี้ยงกว้างขวางที่ตอนนี้คราคร่ำไปด้วยแขกวีไอพีกว่าร้อยชีวิตถูกประดับประดาด้วยดวงไฟสีเหลืองนวลให้ความสว่างไสวโดยรอบแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตาเหมาะสำหรับแขกที่ต้องอัดแน่นแย่งอากาศหายใจอยู่ในห้องบอลรูมสำหรับจัดงานเลี้ยงหรูหรานั้นออกมาพักสูดรับเอาอากาศโล่งๆเข้าสู่ร่างกายให้ฉ่ำปอดยิ่งนัก
เอริสาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงสาวเลี่ยงออกมาจากห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่หลังจากหาอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้รองรับแขกเหรื่อหลากหลายชนิดลงกระเพาะเรียบร้อยตามที่ให้คำสัญญากับดาเนียลพร้อมด้วยแก้วน้ำส้มคั้นสดรสหวานกลมกล่อมที่เธอหยิบติดมือมาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยึดพื้นที่ตรงระเบียงกว้างเป็นที่พักพิงเพราะไม่สามารถทนอยู่ในงานเลี้ยงนั่นได้อีกต่อไป เนื่องจากในงานมีแต่คนใหญ่คนโตที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเต็มยศเพื่ออวดโอ่บารมีจนคนธรรมดาๆอย่างเธอรู้สึกอึดอัดกับแสงวิบวับของเครื่องประดับชิ้นโตที่เหล่าคุณหญิงคุณนายสวมใส่มาประชันกัน และเธอยังเบื่อหน้ากากสังคมที่คนรวยเหล่านั้นสวมใส่แสดงความเป็นมิตรทั้งที่ความเป็นจริงก็จับกลุ่มนินทากันสนุกปากเพียงมีใครสักคนคล้อยหลังแค่นิดเดียว
และนอกจากเบื่อสังคมเสแสร้งไร้ความจริงใจ เหตุผลหลักที่ทำให้เอริสาต้องพาตัวเองออกมายังระเบียงด้านนอกก็เพื่อหลีกหนีภาพบาดตาที่กรีดหัวใจของเธอจนเลือดหลั่งรินท่วมอก นั่นเพราะเธอเห็นว่าเจสสิก้าควงแขนดาเนียลพูดคุยทักทายกับแขกในงานไปทั่วราวกับทั้งคู่เป็นคนรักหวานชื่นที่เพิ่งแต่งงานกันก็ไม่ปาน แม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่เป็นทั้งคู่หมายที่ผู้ใหญ่สองตระกูลวางไว้อยากให้แต่งงานกัน แต่พอได้มาเห็นความเหมาะสมของทั้งสองและความสนิทสนมที่ดาเนียลมีให้เจสสิก้าตำตาเช่นนี้ บอกตามตรงว่าเธอทนมองไม่ไหว กระบอกตามันปวดร้าวมีหยาดน้ำใสๆที่พร้อมจะรินไหลคลอขังท่วมดวงตา สุดท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองทำเรื่องขายหน้าด้วยการทรุดตัวร้องไห้กับพื้นจนน้ำตาท่วมงาน เอริสาจึงพาตัวเองหลีกหนีจากความอึดอัดบีบหัวใจมายืนอยู่ที่ระเบียงตามลำพัง
แชะ! แชะ!
แสงแฟลชที่สว่างวาบกระทบหางตาพร้อมเสียงกดชัตเตอร์ที่ดังขึ้นจากทางด้านข้างในระยะไม่ห่างมากนักทำให้เอริสาหลุดออกจากภวังค์ความคิดวุ่นวายที่เกิดขึ้นในหัวใจแล้วหันขวับไปมองตามเสียงด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเธอถูกพวกนักข่าวน่ากลัวหน้างานแอบตามเข้ามาเก็บภาพเธอไปเขียนข่าวเสียอีก แต่เมื่อหันไปมองกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ดวงตาคมหวานเย้ายวนภายใต้ใบหน้าเรียวเล็กที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจนดูสวยเฉี่ยวมาดมั่นหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตากล้องมือสมัครเล่นที่ถ่ายภาพเธอคนนั้นเป็นใคร และรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรที่คนมาใหม่ส่งมาให้แต่ไกลอย่างคนอัธยาศัยดีก็ทำให้เอริสาจำต้องฉีกยิ้มน้อยๆส่งกลับคืนไปบ้าง
“สวัสดีครับคนสวยทำไมถึงมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ ในงานไม่สนุกเหรอ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาแย้มยิ้มดูช่างเป็นคนอารมณ์ดีเก็บโทรศัพท์ยี่ห้อหรูเข้ากระเป๋าเสื้อสูทสีดำราคาแพงลิบเมื่อนิ้วเรียวยาวกดชัตเตอร์ภาพสตรีสาวสวยจับตาภายใต้ชุดราตรีสีทองเข้ารูปตัวยาวที่ยืนอิงลู่กรงริมระเบียงเหม่อมองออกไปยังท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างไร้จุดหมายได้ตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเอ่ยทักทายสาวสวยที่ได้รับเกียรติเป็นคู่ควงของเจ้าพ่ออสังหาฯออกงานคืนนี้
เอริสากับดาเนียลอาจมองไม่เห็นว่าเขาอยู่ในงาน แต่เขากลับมองเห็นทั้งคู่ชัดเจนเพราะระหว่างที่ทั้งสองเดินควงแขนกันเข้ามา เขายืนเบื่อๆพิงผนังห้องจัดเลี้ยงใกล้ๆด้านหลังประตูทางเข้าพอดี เพียงแวบแรกที่ดวงตาเขาได้เห็น หัวใจของเขาก็พลันกระหน่ำเต้นรัวด้วยความอึ้งระคนแปลกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้เจอสตรีที่เขาแอบมองมานานอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ อีกทั้งความงดงามแปลกตาไปจากทุกครั้งที่เคยได้เห็นนั้นช่างสะดุดหัวใจของเขาให้ตื่นเต้นราวกับว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยที่ริจะจีบสาวเป็นครั้งแรกในชีวิตจนทำให้ไม่สามารถทนอยู่ในงานเลี้ยงน่าเบื่อนั่นได้อีกต่อไป เมื่อเห็นหญิงสาวเดินหลบหลีกผู้คนออกมาอยู่ด้านนอกหลังปลีกตัวออกมารับประทานอาหารเสร็จ คนหลงสาวจึงรีบตามออกมาไม่สนใจว่าภายในงานจะมีใครรอการมาของเขาอยู่หรือเปล่า
“ก็…ดิฉันคงไม่คุ้นกับคนเยอะๆแบบนี้มั้งคะ แล้วคุณจัสตินล่ะคะ ทำไมถึงออกมาอยู่ตรงนี้”
เอริสายิ้มรับบางเบาให้คนมาใหม่ที่ถือวิสาสะเข้ามายืนอิงสะโพกอยู่ตรงระเบียงห้องจัดเลี้ยงข้างๆเธอคล้ายสนิทสนมกันมานมนานทั้งที่ความเป็นจริงเธอกับเขาเคยเจอกันเพียงผิวเผินพลางถามออกไปเสียงเรียบ เมื่อชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเจ้าของดวงตาสีฟ้าครามสวยภายใต้ใบหน้าขาวสะอาดที่ยืนส่งยิ้มอบอุ่นเป็นกันเองให้เธอตอนนี้คือทายาทนักธุรกิจคนดังคนหนึ่งของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เช่นกัน จัสติน แอมบริธิโอ ลูกชายคนเล็กของ เกอร์ดอน แอมบริธิโอ เจ้าของธุรกิจอุปกรณ์ก่อสร้างผู้ครอบครองตลาดใหญ่ในอเมริกานั่นเอง แต่แทนที่จัสตินจะอยู่ในงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับบรรดาเศรษฐีและนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศ ชายหนุ่มกลับปลีกตัวออกมารับลมอยู่ด้านนอกซะอย่างนั้น มันผิดวิสัยของนักธุรกิจไหมล่ะ
“ถ้าสมมติว่าผมตามคุณออกมาล่ะ จะว่ายังไง”
ทายาทตระกูลแอมบริธิโอเอ่ยทีเล่นทีจริงหยั่งเชิง ดวงตาเป็นประกายวิบวับแพรวพราว มุมปากบางสีชมพูอ่อนๆมีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าเสริมให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั่นยิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
“ไม่ว่ายังไงหรอกค่ะ เพราะดิฉันรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องสมมติ”
“เข้าใจหาทางออกนะเนี่ย อือ แต่เชื่อไหมว่าตอนแรกผมเกือบจำคุณไม่ได้แน่ะ ผมคิดว่าคืนนี้พี่ดาเนียลควงนางแบบตัวท็อปของวงการมาด้วยซะอีก ที่ไหนได้ คนคุ้นเคยนี่เอง คืนนี้คุณสวยมากเลยนะอลิส สวยจนผมแทบไม่อยากถอนสายตาจากคุณเลย คุณสวยมากจริงๆ”
จัสตินหัวเราะอารมณ์ดีพลางส่ายหัวน้อยๆถูกใจความฉลาดรู้จักเอาตัวรอดของผู้หญิงสวยตรงหน้า แต่เพราะรู้ดีว่าบุคลิกของเขานั้นดูเหมือนพวกกะล่อนปากหวานตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไปจนทำให้คำพูดของเขาไม่ค่อยเป็นที่เชื่อถือเท่าไร จัสตินจึงเลือกจ้องมองใบหน้าสวยคมของบอดี้การ์ดสาวตรงหน้านิ่งๆสื่อความหมายพร้อมทั้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจังกว่าปกติ เขาอยากบอกหญิงสาวเหลือเกินว่านี่คือโอกาสที่เขาแสวงหาและรอคอยมานานมากแล้ว โอกาสที่เขาจะได้เข้าหาเอริสาตามลำพังโดยไม่มีสายตาหวงแหนของยายน้องสาวตัวแสบอย่างดาร์เลเน่คอยขัดขวาง เพราะแม้ก่อนหน้านี้เขาจะมีโอกาสได้เจอเอริสาบ้างตามงานต่างๆที่มีดาร์เลเน่ไปร่วมงาน แต่เพราะเอริสาสวมตำแหน่งบอดี้การ์ดสาวที่ต้องคอยตามดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายตัวน้อยตระกูลกริมเมอร์ไม่ห่าง อีกทั้งดาร์เลเน่ยังคอยขัดขวางไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนเข้าใกล้บอดี้การ์ดคนสนิทของตัวเอง เขาจึงได้แต่ทำความรู้จักและทักทายเอริสาเล็กน้อยเท่านั้น
แต่วันนี้บอดี้การ์ดหน้านิ่งที่เขาเฝ้ามองนั้นแปลกไปกว่าทุกครั้งจนเขาต้องเขม่นตามองอยู่นานว่าใช่เอริสาหรือเปล่า เมื่อมั่นใจจึงไม่รอช้าที่จะตามมาพูดคุยใกล้ชิด แม้จะเห็นอยู่เต็มสองตาว่าหญิงสาวควงแขนดาเนียลเข้ามาในงานซึ่งมันก็เป็นไปได้สูงว่าทั้งคู่อาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่เขาไม่สนใจ! ตราบใดที่เอริสากับดาเนียลยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกันเป็นกิจจะลักษณะเขาก็ยังมีโอกาส และตอนนี้ก็เป็นโอกาสดียิ่งนักเนื่องจากหญิงสาวนั้นออกมายืนรับลมอยู่เพียงลำพัง
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้ช่างแต่งหน้ามากกว่าค่ะที่เก่งเหลือเกิน ฝีมือดีจนสามารถเปลี่ยนแปลงลูกเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นลูกเป็ดที่ดูสะอาดตาขึ้นมาได้บ้าง”
แม้แต่เปรียบเปรยเอริสาก็ยังมิกล้าใฝ่สูงยกตัวเองให้เป็นดังหงส์
“คุณคือลูกเป็ดขี้เหร่! สายตาสั้นหรือกระจกมัวเนี่ย อลิส”
จัสตินขมวดคิ้วมุ่นพลางทวนคำพูดของเอริสาเสียงดังอย่างไม่เชื่อหู ก่อนเอ่ยถามกวนๆกึ่งประชดจนคนถูกถามทำหน้าเหวอตามไม่ทันความคิดของเขา
“คะ?”
“ก็เพราะคุณอาจสายตาไม่ดีถึงได้มองเห็นว่าตัวเองขี้เหร่ ถ้าไม่ได้มีปัญหาทางสายตา ก็อาจเดาได้ว่าคงเป็นเพราะกระจกในห้องของคุณมันมัวก็เลยทำให้เห็นภาพสะท้อนว่าคุณไม่สวย หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง”
คนไม่เห็นด้วยกับคำเปรียบเปรยยืนกอดอกอธิบายยืดยาวด้วยท่าทีจริงจัง เขามั่นใจว่าเอริสาไม่ได้แกล้งบอกออกมาเพื่อให้เขาพูดชมเจ้าหล่อน แต่รู้ดีว่าเอริสาคิดว่าตัวเองขี้เหร่จริงๆ ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวไปเอาความคิดนี้มาจากไหนหรือใครเป็นคนพูดกรอกสมองของเอริสา จัสตินจึงต้องแก้ไขความเข้าใจของบอดี้การ์ดสาวเสียใหม่ เพราะหากผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเอริสาจัดอยู่ในหมวดหมู่คนขี้เหร่ เขาเชื่อว่าโลกใบนี้คงมีผู้หญิงหน้าตาดีอยู่เพียงไม่กี่คนเป็นแน่
“ไม่เกี่ยวกับสายตาหรือว่ากระจกหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะดิฉันรู้ตัวดี”
คนคิดว่าตัวเองเป็นลูกเป็ดขี้เหร่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มหยันสมเพชตัวเองมากกว่าจะยิ้มดีใจกับคำชมของคู่สนทนา เพราะเอริสานั้นไม่ได้หมายความถึงรูปร่างหน้าตาที่ค่ำคืนนี้ถูกเนรมิตให้สวยสง่าดังเจ้าหญิงสูงศักดิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เธอยังหมายถึงสถานะทางสังคมที่เธอไม่ต่างอะไรกับกาฝากไร้ที่พึ่งตัวโตๆที่โชคดีได้อาศัยบารมีจากความใจดีของมาดามกริมเมอร์ เธอจึงมีโอกาสได้มีชีวิตที่สุขสบายและมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในสังคมหรูหราอย่างเช่นวันนี้
และเพราะจับพลัดจับผลูได้เข้าร่วมสังคมชั้นสูงนี้เองที่ทำให้เธอเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่เกิดมาในชาติตระกูลดีๆตั้งแต่กำเนิดกับคนที่เกิดมาในสังคมระดับล่างว่าราศีมันแตกต่างกันขนาดไหน เหมือนอย่างเช่นเจสสิก้าที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนหญิงสาวก็ดูโดดเด่นสง่างามราวกลับมีสปอตไลต์ติดตามตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนคนเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลนไม่ต่างจากลูกเป็ดขี้เหร่อย่างเธอต่อให้จับมาขัดสีฉวีวรรณอย่างไรก็ยังเป็นได้แค่ลูกเป็ดอยู่วันยังค่ำ แค่อาจจะดูดีสะอาดตาขึ้นมานิดหน่อยก็เท่านั้น แต่ยังไงก็ไม่มีวันกลายเป็นหงส์แสนสวยไปได้
“ทำไมถึงคิดมาก กดตัวเองให้แบนติดพื้นอย่างนั้นล่ะ อลิส”
น้ำเสียงแผ่วเบาฟังดูเศร้าสร้อยบวกกับเสี้ยวหน้าหม่นหมองที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นทำให้จัสตินเข้าใจแล้วว่าที่เอริสาเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็นดังลูกเป็ดขี้เหร่นั้นหญิงสาวหมายความว่าอย่างไร เขาพอจะรู้มาบ้างว่าบอดี้การ์ดสาวสวยคนนี้ได้รับการอุปการะมาจากมาจากคุณอาชลิตามาดามกริมเมอร์คนก่อน ซึ่งพื้นเพของหญิงสาวไม่ได้รับการพูดถึง รู้เพียงแค่ว่าหญิงสาวมาจากบ้านเด็กกำพร้าที่มาดามกริมเมอร์อยากได้มาเป็นลูกสาวอีกคน แต่ก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมสุดท้ายเอริสาจึงไม่ได้รับโอกาสนั้น และเพราะชาติกำเนิดนี้เองคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอริสากดตัวเองให้เป็นเพียงคนต่ำต้อย
“กดตัวเองเจ็บน้อยกว่าให้คนอื่นเป็นคนกดมั้งคะ”
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอแสดงความรู้สึกในมุมอ่อนไหวที่เธอเก็บซ่อนมันไว้อยู่ในซอกลึกของหัวใจให้คนอื่นรับรู้ เอริสาจึงเสยิ้มกลบเกลื่อนแล้วเอ่ยติดตลกเพื่อปรับเปลี่ยนให้บรรยากาศกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
“อืม ก็จริงนะ การถูกคนอื่นกดนี่มันไม่สนุกเอาซะเลย”
ทั้งที่เอริสาต้องการดึงให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติอย่างเดิม แต่กลายเป็นว่าคำพูดของหญิงสาวนั้นกลับแทงใจดำคนอารมณ์ดีอย่างจัสตินเข้าอย่างจัง จนทำให้ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มของทายาทคนเล็กแอมบริธิโอนั้นราบเรียบปะปนครุ่นคิดราวกับชายหนุ่มมีเรื่องราวบางอย่างติดอยู่ในใจ
และไม่รู้ว่าบนท้องฟ้ามีอะไรดี จัสตินจึงได้เลียนแบบเอริสาด้วยการหันหน้าเข้าหาระเบียงแล้วมองออกไปยังภาพตึกรามบ้านช่องเรียงรายที่เปิดไฟสว่างไสวกลายเป็นภาพดวงไฟหลากสีที่สวยงามเบื้องหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดที่มีดวงดาวให้เห็นประปรายแล้วหลับตานิ่งราวกับคนที่มีความทุกข์ก้อนมหึมาอยู่ในใจขัดกับบุคลิกภายนอกที่ดูเป็นคนรื่นเริงอารมณ์ดี
ไม่มีคำพูด ไม่มีบทสนทนาใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาอีก มีเพียงเสียงรถราที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนรอบๆตัวโรงแรมและเสียงบีบแตรกันให้ลั่น แต่หูของเอริสาและจัสตินกลับไม่ได้ยินมัน ทั้งสองคนยังคงยืนมองท้องฟ้าปล่อยตัวปล่อยใจให้จมนิ่งอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเองเนิ่นนานราวกับว่าที่ตรงนี้มีเพียงตัวเองคนเดียวเท่านั้นที่ปักหลักยืนอยู่ กระทั่ง…
“อลิส! ทำไมมาอยู่ตรงนี้!”
***********************************************************************************
-พ่ายรักกลลวงใจ ราคา 279 บาท จำนวน 312 หน้า
-พ่ายพยศรัก ราคา 319 บาท จำนวน 360 หน้า
-พ่ายรักพรางหัวใจ ราคา 389 บาท จำนวน 504 หน้า
แต่หากซื้อยกชุด ราคาสมาชิกเพียงชุดละ 839 บาท เท่านั้นคร่า
สั่งซื้อได้แล้วที่หน้าเว็บไซต์สำนักพิมพ์ไลต์ ออฟ เลิฟ
https://www.lightoflovebooknovel.com/showbook.php?bid=2597
หรือตามหน้าร้านนายอินทร์ ซีเอ็ดบุ๊ค B2S (เฉพาะพ่ายรักพรางหัวใจ วางแผงหน้าร้านเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 26/08/60 ตามต่างจังหวัดรอกระจายสินค้า 1-2 สัปดาห์)
**********************************************************************************
ระเบียงกว้างที่เชื่อมต่อออกมาจากปีกซ้ายของห้องจัดเลี้ยงกว้างขวางที่ตอนนี้คราคร่ำไปด้วยแขกวีไอพีกว่าร้อยชีวิตถูกประดับประดาด้วยดวงไฟสีเหลืองนวลให้ความสว่างไสวโดยรอบแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตาเหมาะสำหรับแขกที่ต้องอัดแน่นแย่งอากาศหายใจอยู่ในห้องบอลรูมสำหรับจัดงานเลี้ยงหรูหรานั้นออกมาพักสูดรับเอาอากาศโล่งๆเข้าสู่ร่างกายให้ฉ่ำปอดยิ่งนัก
เอริสาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงสาวเลี่ยงออกมาจากห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่หลังจากหาอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้รองรับแขกเหรื่อหลากหลายชนิดลงกระเพาะเรียบร้อยตามที่ให้คำสัญญากับดาเนียลพร้อมด้วยแก้วน้ำส้มคั้นสดรสหวานกลมกล่อมที่เธอหยิบติดมือมาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยึดพื้นที่ตรงระเบียงกว้างเป็นที่พักพิงเพราะไม่สามารถทนอยู่ในงานเลี้ยงนั่นได้อีกต่อไป เนื่องจากในงานมีแต่คนใหญ่คนโตที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเต็มยศเพื่ออวดโอ่บารมีจนคนธรรมดาๆอย่างเธอรู้สึกอึดอัดกับแสงวิบวับของเครื่องประดับชิ้นโตที่เหล่าคุณหญิงคุณนายสวมใส่มาประชันกัน และเธอยังเบื่อหน้ากากสังคมที่คนรวยเหล่านั้นสวมใส่แสดงความเป็นมิตรทั้งที่ความเป็นจริงก็จับกลุ่มนินทากันสนุกปากเพียงมีใครสักคนคล้อยหลังแค่นิดเดียว
และนอกจากเบื่อสังคมเสแสร้งไร้ความจริงใจ เหตุผลหลักที่ทำให้เอริสาต้องพาตัวเองออกมายังระเบียงด้านนอกก็เพื่อหลีกหนีภาพบาดตาที่กรีดหัวใจของเธอจนเลือดหลั่งรินท่วมอก นั่นเพราะเธอเห็นว่าเจสสิก้าควงแขนดาเนียลพูดคุยทักทายกับแขกในงานไปทั่วราวกับทั้งคู่เป็นคนรักหวานชื่นที่เพิ่งแต่งงานกันก็ไม่ปาน แม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่เป็นทั้งคู่หมายที่ผู้ใหญ่สองตระกูลวางไว้อยากให้แต่งงานกัน แต่พอได้มาเห็นความเหมาะสมของทั้งสองและความสนิทสนมที่ดาเนียลมีให้เจสสิก้าตำตาเช่นนี้ บอกตามตรงว่าเธอทนมองไม่ไหว กระบอกตามันปวดร้าวมีหยาดน้ำใสๆที่พร้อมจะรินไหลคลอขังท่วมดวงตา สุดท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองทำเรื่องขายหน้าด้วยการทรุดตัวร้องไห้กับพื้นจนน้ำตาท่วมงาน เอริสาจึงพาตัวเองหลีกหนีจากความอึดอัดบีบหัวใจมายืนอยู่ที่ระเบียงตามลำพัง
แชะ! แชะ!
แสงแฟลชที่สว่างวาบกระทบหางตาพร้อมเสียงกดชัตเตอร์ที่ดังขึ้นจากทางด้านข้างในระยะไม่ห่างมากนักทำให้เอริสาหลุดออกจากภวังค์ความคิดวุ่นวายที่เกิดขึ้นในหัวใจแล้วหันขวับไปมองตามเสียงด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเธอถูกพวกนักข่าวน่ากลัวหน้างานแอบตามเข้ามาเก็บภาพเธอไปเขียนข่าวเสียอีก แต่เมื่อหันไปมองกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ดวงตาคมหวานเย้ายวนภายใต้ใบหน้าเรียวเล็กที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจนดูสวยเฉี่ยวมาดมั่นหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตากล้องมือสมัครเล่นที่ถ่ายภาพเธอคนนั้นเป็นใคร และรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรที่คนมาใหม่ส่งมาให้แต่ไกลอย่างคนอัธยาศัยดีก็ทำให้เอริสาจำต้องฉีกยิ้มน้อยๆส่งกลับคืนไปบ้าง
“สวัสดีครับคนสวยทำไมถึงมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ ในงานไม่สนุกเหรอ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาแย้มยิ้มดูช่างเป็นคนอารมณ์ดีเก็บโทรศัพท์ยี่ห้อหรูเข้ากระเป๋าเสื้อสูทสีดำราคาแพงลิบเมื่อนิ้วเรียวยาวกดชัตเตอร์ภาพสตรีสาวสวยจับตาภายใต้ชุดราตรีสีทองเข้ารูปตัวยาวที่ยืนอิงลู่กรงริมระเบียงเหม่อมองออกไปยังท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างไร้จุดหมายได้ตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเอ่ยทักทายสาวสวยที่ได้รับเกียรติเป็นคู่ควงของเจ้าพ่ออสังหาฯออกงานคืนนี้
เอริสากับดาเนียลอาจมองไม่เห็นว่าเขาอยู่ในงาน แต่เขากลับมองเห็นทั้งคู่ชัดเจนเพราะระหว่างที่ทั้งสองเดินควงแขนกันเข้ามา เขายืนเบื่อๆพิงผนังห้องจัดเลี้ยงใกล้ๆด้านหลังประตูทางเข้าพอดี เพียงแวบแรกที่ดวงตาเขาได้เห็น หัวใจของเขาก็พลันกระหน่ำเต้นรัวด้วยความอึ้งระคนแปลกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้เจอสตรีที่เขาแอบมองมานานอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ อีกทั้งความงดงามแปลกตาไปจากทุกครั้งที่เคยได้เห็นนั้นช่างสะดุดหัวใจของเขาให้ตื่นเต้นราวกับว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยที่ริจะจีบสาวเป็นครั้งแรกในชีวิตจนทำให้ไม่สามารถทนอยู่ในงานเลี้ยงน่าเบื่อนั่นได้อีกต่อไป เมื่อเห็นหญิงสาวเดินหลบหลีกผู้คนออกมาอยู่ด้านนอกหลังปลีกตัวออกมารับประทานอาหารเสร็จ คนหลงสาวจึงรีบตามออกมาไม่สนใจว่าภายในงานจะมีใครรอการมาของเขาอยู่หรือเปล่า
“ก็…ดิฉันคงไม่คุ้นกับคนเยอะๆแบบนี้มั้งคะ แล้วคุณจัสตินล่ะคะ ทำไมถึงออกมาอยู่ตรงนี้”
เอริสายิ้มรับบางเบาให้คนมาใหม่ที่ถือวิสาสะเข้ามายืนอิงสะโพกอยู่ตรงระเบียงห้องจัดเลี้ยงข้างๆเธอคล้ายสนิทสนมกันมานมนานทั้งที่ความเป็นจริงเธอกับเขาเคยเจอกันเพียงผิวเผินพลางถามออกไปเสียงเรียบ เมื่อชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเจ้าของดวงตาสีฟ้าครามสวยภายใต้ใบหน้าขาวสะอาดที่ยืนส่งยิ้มอบอุ่นเป็นกันเองให้เธอตอนนี้คือทายาทนักธุรกิจคนดังคนหนึ่งของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เช่นกัน จัสติน แอมบริธิโอ ลูกชายคนเล็กของ เกอร์ดอน แอมบริธิโอ เจ้าของธุรกิจอุปกรณ์ก่อสร้างผู้ครอบครองตลาดใหญ่ในอเมริกานั่นเอง แต่แทนที่จัสตินจะอยู่ในงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับบรรดาเศรษฐีและนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศ ชายหนุ่มกลับปลีกตัวออกมารับลมอยู่ด้านนอกซะอย่างนั้น มันผิดวิสัยของนักธุรกิจไหมล่ะ
“ถ้าสมมติว่าผมตามคุณออกมาล่ะ จะว่ายังไง”
ทายาทตระกูลแอมบริธิโอเอ่ยทีเล่นทีจริงหยั่งเชิง ดวงตาเป็นประกายวิบวับแพรวพราว มุมปากบางสีชมพูอ่อนๆมีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าเสริมให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั่นยิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
“ไม่ว่ายังไงหรอกค่ะ เพราะดิฉันรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องสมมติ”
“เข้าใจหาทางออกนะเนี่ย อือ แต่เชื่อไหมว่าตอนแรกผมเกือบจำคุณไม่ได้แน่ะ ผมคิดว่าคืนนี้พี่ดาเนียลควงนางแบบตัวท็อปของวงการมาด้วยซะอีก ที่ไหนได้ คนคุ้นเคยนี่เอง คืนนี้คุณสวยมากเลยนะอลิส สวยจนผมแทบไม่อยากถอนสายตาจากคุณเลย คุณสวยมากจริงๆ”
จัสตินหัวเราะอารมณ์ดีพลางส่ายหัวน้อยๆถูกใจความฉลาดรู้จักเอาตัวรอดของผู้หญิงสวยตรงหน้า แต่เพราะรู้ดีว่าบุคลิกของเขานั้นดูเหมือนพวกกะล่อนปากหวานตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไปจนทำให้คำพูดของเขาไม่ค่อยเป็นที่เชื่อถือเท่าไร จัสตินจึงเลือกจ้องมองใบหน้าสวยคมของบอดี้การ์ดสาวตรงหน้านิ่งๆสื่อความหมายพร้อมทั้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจังกว่าปกติ เขาอยากบอกหญิงสาวเหลือเกินว่านี่คือโอกาสที่เขาแสวงหาและรอคอยมานานมากแล้ว โอกาสที่เขาจะได้เข้าหาเอริสาตามลำพังโดยไม่มีสายตาหวงแหนของยายน้องสาวตัวแสบอย่างดาร์เลเน่คอยขัดขวาง เพราะแม้ก่อนหน้านี้เขาจะมีโอกาสได้เจอเอริสาบ้างตามงานต่างๆที่มีดาร์เลเน่ไปร่วมงาน แต่เพราะเอริสาสวมตำแหน่งบอดี้การ์ดสาวที่ต้องคอยตามดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายตัวน้อยตระกูลกริมเมอร์ไม่ห่าง อีกทั้งดาร์เลเน่ยังคอยขัดขวางไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนเข้าใกล้บอดี้การ์ดคนสนิทของตัวเอง เขาจึงได้แต่ทำความรู้จักและทักทายเอริสาเล็กน้อยเท่านั้น
แต่วันนี้บอดี้การ์ดหน้านิ่งที่เขาเฝ้ามองนั้นแปลกไปกว่าทุกครั้งจนเขาต้องเขม่นตามองอยู่นานว่าใช่เอริสาหรือเปล่า เมื่อมั่นใจจึงไม่รอช้าที่จะตามมาพูดคุยใกล้ชิด แม้จะเห็นอยู่เต็มสองตาว่าหญิงสาวควงแขนดาเนียลเข้ามาในงานซึ่งมันก็เป็นไปได้สูงว่าทั้งคู่อาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่เขาไม่สนใจ! ตราบใดที่เอริสากับดาเนียลยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกันเป็นกิจจะลักษณะเขาก็ยังมีโอกาส และตอนนี้ก็เป็นโอกาสดียิ่งนักเนื่องจากหญิงสาวนั้นออกมายืนรับลมอยู่เพียงลำพัง
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้ช่างแต่งหน้ามากกว่าค่ะที่เก่งเหลือเกิน ฝีมือดีจนสามารถเปลี่ยนแปลงลูกเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นลูกเป็ดที่ดูสะอาดตาขึ้นมาได้บ้าง”
แม้แต่เปรียบเปรยเอริสาก็ยังมิกล้าใฝ่สูงยกตัวเองให้เป็นดังหงส์
“คุณคือลูกเป็ดขี้เหร่! สายตาสั้นหรือกระจกมัวเนี่ย อลิส”
จัสตินขมวดคิ้วมุ่นพลางทวนคำพูดของเอริสาเสียงดังอย่างไม่เชื่อหู ก่อนเอ่ยถามกวนๆกึ่งประชดจนคนถูกถามทำหน้าเหวอตามไม่ทันความคิดของเขา
“คะ?”
“ก็เพราะคุณอาจสายตาไม่ดีถึงได้มองเห็นว่าตัวเองขี้เหร่ ถ้าไม่ได้มีปัญหาทางสายตา ก็อาจเดาได้ว่าคงเป็นเพราะกระจกในห้องของคุณมันมัวก็เลยทำให้เห็นภาพสะท้อนว่าคุณไม่สวย หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง”
คนไม่เห็นด้วยกับคำเปรียบเปรยยืนกอดอกอธิบายยืดยาวด้วยท่าทีจริงจัง เขามั่นใจว่าเอริสาไม่ได้แกล้งบอกออกมาเพื่อให้เขาพูดชมเจ้าหล่อน แต่รู้ดีว่าเอริสาคิดว่าตัวเองขี้เหร่จริงๆ ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวไปเอาความคิดนี้มาจากไหนหรือใครเป็นคนพูดกรอกสมองของเอริสา จัสตินจึงต้องแก้ไขความเข้าใจของบอดี้การ์ดสาวเสียใหม่ เพราะหากผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเอริสาจัดอยู่ในหมวดหมู่คนขี้เหร่ เขาเชื่อว่าโลกใบนี้คงมีผู้หญิงหน้าตาดีอยู่เพียงไม่กี่คนเป็นแน่
“ไม่เกี่ยวกับสายตาหรือว่ากระจกหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะดิฉันรู้ตัวดี”
คนคิดว่าตัวเองเป็นลูกเป็ดขี้เหร่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มหยันสมเพชตัวเองมากกว่าจะยิ้มดีใจกับคำชมของคู่สนทนา เพราะเอริสานั้นไม่ได้หมายความถึงรูปร่างหน้าตาที่ค่ำคืนนี้ถูกเนรมิตให้สวยสง่าดังเจ้าหญิงสูงศักดิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เธอยังหมายถึงสถานะทางสังคมที่เธอไม่ต่างอะไรกับกาฝากไร้ที่พึ่งตัวโตๆที่โชคดีได้อาศัยบารมีจากความใจดีของมาดามกริมเมอร์ เธอจึงมีโอกาสได้มีชีวิตที่สุขสบายและมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในสังคมหรูหราอย่างเช่นวันนี้
และเพราะจับพลัดจับผลูได้เข้าร่วมสังคมชั้นสูงนี้เองที่ทำให้เธอเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่เกิดมาในชาติตระกูลดีๆตั้งแต่กำเนิดกับคนที่เกิดมาในสังคมระดับล่างว่าราศีมันแตกต่างกันขนาดไหน เหมือนอย่างเช่นเจสสิก้าที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนหญิงสาวก็ดูโดดเด่นสง่างามราวกลับมีสปอตไลต์ติดตามตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนคนเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลนไม่ต่างจากลูกเป็ดขี้เหร่อย่างเธอต่อให้จับมาขัดสีฉวีวรรณอย่างไรก็ยังเป็นได้แค่ลูกเป็ดอยู่วันยังค่ำ แค่อาจจะดูดีสะอาดตาขึ้นมานิดหน่อยก็เท่านั้น แต่ยังไงก็ไม่มีวันกลายเป็นหงส์แสนสวยไปได้
“ทำไมถึงคิดมาก กดตัวเองให้แบนติดพื้นอย่างนั้นล่ะ อลิส”
น้ำเสียงแผ่วเบาฟังดูเศร้าสร้อยบวกกับเสี้ยวหน้าหม่นหมองที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นทำให้จัสตินเข้าใจแล้วว่าที่เอริสาเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็นดังลูกเป็ดขี้เหร่นั้นหญิงสาวหมายความว่าอย่างไร เขาพอจะรู้มาบ้างว่าบอดี้การ์ดสาวสวยคนนี้ได้รับการอุปการะมาจากมาจากคุณอาชลิตามาดามกริมเมอร์คนก่อน ซึ่งพื้นเพของหญิงสาวไม่ได้รับการพูดถึง รู้เพียงแค่ว่าหญิงสาวมาจากบ้านเด็กกำพร้าที่มาดามกริมเมอร์อยากได้มาเป็นลูกสาวอีกคน แต่ก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมสุดท้ายเอริสาจึงไม่ได้รับโอกาสนั้น และเพราะชาติกำเนิดนี้เองคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอริสากดตัวเองให้เป็นเพียงคนต่ำต้อย
“กดตัวเองเจ็บน้อยกว่าให้คนอื่นเป็นคนกดมั้งคะ”
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอแสดงความรู้สึกในมุมอ่อนไหวที่เธอเก็บซ่อนมันไว้อยู่ในซอกลึกของหัวใจให้คนอื่นรับรู้ เอริสาจึงเสยิ้มกลบเกลื่อนแล้วเอ่ยติดตลกเพื่อปรับเปลี่ยนให้บรรยากาศกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
“อืม ก็จริงนะ การถูกคนอื่นกดนี่มันไม่สนุกเอาซะเลย”
ทั้งที่เอริสาต้องการดึงให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติอย่างเดิม แต่กลายเป็นว่าคำพูดของหญิงสาวนั้นกลับแทงใจดำคนอารมณ์ดีอย่างจัสตินเข้าอย่างจัง จนทำให้ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มของทายาทคนเล็กแอมบริธิโอนั้นราบเรียบปะปนครุ่นคิดราวกับชายหนุ่มมีเรื่องราวบางอย่างติดอยู่ในใจ
และไม่รู้ว่าบนท้องฟ้ามีอะไรดี จัสตินจึงได้เลียนแบบเอริสาด้วยการหันหน้าเข้าหาระเบียงแล้วมองออกไปยังภาพตึกรามบ้านช่องเรียงรายที่เปิดไฟสว่างไสวกลายเป็นภาพดวงไฟหลากสีที่สวยงามเบื้องหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดที่มีดวงดาวให้เห็นประปรายแล้วหลับตานิ่งราวกับคนที่มีความทุกข์ก้อนมหึมาอยู่ในใจขัดกับบุคลิกภายนอกที่ดูเป็นคนรื่นเริงอารมณ์ดี
ไม่มีคำพูด ไม่มีบทสนทนาใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาอีก มีเพียงเสียงรถราที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนรอบๆตัวโรงแรมและเสียงบีบแตรกันให้ลั่น แต่หูของเอริสาและจัสตินกลับไม่ได้ยินมัน ทั้งสองคนยังคงยืนมองท้องฟ้าปล่อยตัวปล่อยใจให้จมนิ่งอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเองเนิ่นนานราวกับว่าที่ตรงนี้มีเพียงตัวเองคนเดียวเท่านั้นที่ปักหลักยืนอยู่ กระทั่ง…
“อลิส! ทำไมมาอยู่ตรงนี้!”
***********************************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ