พ่ายรักพรางหัวใจ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) คงต้องทำอะไรสักอย่าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซีรีส์ชุด 'พ่ายรักยอดดวงใจ' โดย 'พิจักขณา' มีทั้งหมด 3 เรื่องค่ะ
1.พ่ายรักกลลวงใจ ราคา 279 บาท จำนวน 312 หน้า
2.พ่ายพยศรัก ราคา 319 บาท จำนวน 360 หน้า
3.พ่ายรักพรางหัวใจ ราคา 389 บาท จำนวน 504 หน้า
แต่หากซื้อยกชุด ราคาสมาชิกเพียงชุดละ 839 บาทเท่านั้น!
สั่งซื้อได้แล้วที่หน้าเว็บไซต์สำนักพิมพ์ไลต์ ออฟ เลิฟ
https://www.lightoflovebooknovel.com/showbook.php?bid=2597
หรือตามหน้าร้านนายอินทร์ ซีเอ็ดบุ๊ค B2S
**************************************************************************************
“สวัสดีครับคุณลุง สบายดีนะครับ”
“อ้าว ดาเนียล มาถึงแล้วเหรอ ทำไมมาช้านักล่ะ ลุงนึกว่าวันนี้จะไม่ได้เจอกันซะแล้ว”
ดาเนียลเอ่ยทักทายเกอร์ดอนที่เพิ่งแยกตัวออกมาจากกลุ่มนายทหารระดับสูงสองสามคนใกล้ๆกับหน้าเวที และจำต้องปล่อยมือบางของเอริสาเมื่อเกอร์ดอนอ้าแขนออกกว้างแล้วดึงชายหนุ่มเข้าไปกอดหลวมๆด้วยความรักใคร่ไม่ต่างจากดาเนียลเป็นลูกเป็นหลานของตัวเอง นั่นเพราะชายหนุ่มคือลูกชายของเพื่อนที่เกอร์ดอนรักมากที่สุด เดย์มอนด์เคยช่วยเหลือเกื้อกูลมาตั้งแต่เขาเริ่มก่อสร้างธุรกิจที่ยังมองไม่เห็นความสำเร็จ แต่ด้วยความมานะพยายามกอปรกับน้ำใจและการช่วยเหลือจากเพื่อนรักคนนี้จึงทำให้กิจการของเขาค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนมั่นคงใหญ่โต เมื่อเพื่อนรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาจึงสาบานต่อหน้าหลุมศพของเดย์มอนด์ว่าจะทำหน้าที่ดูแลลูกของเพื่อนรักไม่ทอดทิ้งไปไหน แต่ดาเนียลนั้นเข้มแข็งและมีความสามารถมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้จนเขาแทบไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆเลย เขาจึงคอยดูแลอยู่ห่างๆและไปมาหาสู่กันไม่ให้สายสัมพันธ์นั้นห่างเหิน ด้วยหวังให้ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ ความสามารถและมันสมองคนนี้ได้เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน
“งานสำคัญแบบนี้ผมไม่พลาดหรอกครับ”
ดาเนียลผละออกจากการโอบกอดของเกอร์ดอนแล้วส่งยิ้มบางเบาให้คุณลุงที่เขานับถือ พูดมาถึงตรงนี้ดาเนียลจึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ถ้าไม่ได้แอสตันเตือนสติไว้เขาคงได้พลาดมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับท่านผู้นำแน่ๆ พอสมองนึกขึ้นได้ว่าสาเหตุมาจากอะไร คุณชายกริมเมอร์จึงหันไปมองตัวต้นเหตุที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยดวงตาแพรวพราวซึ่งเป็นจังหวะที่เอริสาเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มพอดีด้วยความคิดเดียวกัน แววตากรุ้มกริ่มหยาดเยิ้มนั้นทำเอาคนถูกมองตีหน้าไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าลงต่ำซ่อนใบหน้าสวยคมที่ร้อนผ่าวแดงซ่านอย่างห้ามไม่อยู่จากดวงตาเจ้าเล่ห์ของดาเนียล
‘ผู้หญิงที่ดาเนียลพามาด้วยคือใคร’
ท่าทีที่ดาเนียลแสดงออกเรียกความสนใจจากสายตาของเกอร์ดอนให้หันไปมองหญิงสาวข้างกายลูกชายเพื่อนรักอย่างพิจารณา ก่อนเหลือบสายตามองไปทางเจสสิก้าที่ยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ไม่ห่าง นี่สินะที่ทำให้ลูกสาวของเขากระฟัดกระเฟียดเมื่อสักครู่ที่เขาถามว่าดาเนียลมาถึงหรือยัง คงเป็นเพราะลูกสาวเขาไม่พอใจที่ดาเนียลควงผู้หญิงคนอื่นมาในงานที่มีแต่คนใหญ่คนโตระดับนี้ นายใหญ่กริมเมอร์ทำเหมือนต้องการป่าวประกาศให้ทุกคนในงานรับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนพิเศษ และดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าหกสิบปีนั้นรู้ทันทีว่าดาเนียลรู้สึกอย่างไรกับผู้หญิงรูปร่างสวยเพรียวที่ยืนก้มซ่อนใบหน้าแดงปลั่งมองพื้น และคิดว่าเขาควรทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สิ่งที่เขาหวังไว้นั้นเป็นจริง
“แล้ววันนี้หลานพาใครมาด้วยล่ะ หืม”
“บอดี้การ์ดของน้องเจ้าขาไงคะคุณพ่อ”
ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะอ้าปากตอบ เจสสิก้าที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งตึงอยู่ไม่ห่างก็ชิงตอบข้อสงสัยของบิดาซะก่อนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจระคนหยามเหยียดชัดเจน พลางแบะปากกวาดสายตามองเอริสาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างดูแคลน
“บอดี้การ์ดของหนูเจ้าขางั้นรึ?”
ไม่น่าเชื่อ! แค่เปลี่ยนการแต่งตัวแต่งหน้าแล้วหญิงสาวท่าทางนิ่งเฉยไร้อารมณ์ที่เขาเคยเห็นผ่านๆยามได้พบเจอดาร์เลเน่หลานสาวอีกคนที่เขานึกเอ็นดูจะสวยสะกดสายตาได้มากขนาดนี้ แต่สิ่งที่เขาสงสัยตอนนี้ไม่ใช่เรื่องความงามที่ซ่อนอยู่ในตัวของบอดี้การ์ดสาว แต่เป็นจุดประสงค์ของดาเนียลต่างหากที่เขาให้ความสนใจ สนใจว่าทำไมดาเนียลจึงต้องควงลูกน้องในบ้านมาออกงาน ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้!
“หนูเจ้าขาล่ะ ไม่มาด้วยกันหรอกหรือ แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมปล่อยบอดี้การ์ดคู่ใจให้ห่างตัวได้ล่ะ ลุงเคยได้ยินมาว่าหนูเจ้าขาหวงบอดี้การ์ดคนนี้มากไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้เจ้าขาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลไคลน์น่ะครับ ไปช่วยเมียไอ้เลโอเลี้ยงน้องโรมเพราะคุณปอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ได้ข่าวว่าแพ้ท้องค่อนข้างหนักด้วย เจ้าขากำลังเห่อหลานเลยขอไปอยู่เป็นเพื่อนคุณปอจะได้ช่วยดูแลตอนที่เลโอไปทำงาน ผมเห็นว่าที่นั่นมีบอดี้การ์ดคอยดูแลเยอะแล้วเลยให้อลิสกลับมาอยู่ที่บ้าน”
ในยามที่ถูกตั้งคำถามที่เขาลืมคิดคำตอบไว้ล่วงหน้าเพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้ว่าผู้หญิงที่เขาควงออกงานคือบอดี้การ์ดที่เคยดูแลน้องสาว ชื่อของญาติสนิทก็ถูกนำมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคาเลโอ ไคลน์ เจ้าพ่อวงการกาสิโนแห่งลาสเวกัสที่เพิ่งเข้าพิธีสมรสกับภรรยาหน้าหวานไปเมื่อไม่นานมานี้และได้รับข่าวดีฉลองงานแต่งว่าเจ้าบ่าวหมาดๆกำลังจะได้เป็นคุณพ่อลูกสองในไม่ช้า โชคดีที่สมองอันปราดเปรื่องของเขายังทำงานได้ฉับไวเหมือนเคย ดาเนียลจึงสามารถแต่งเรื่องอิงความจริงได้เป็นฉากๆจนสองพ่อลูกแอมบริธิโอไม่ติดใจสงสัยอะไร แต่หลังกลับจากงานนี้เขาคงต้องโทรไปเตี๊ยมกับคาเลโอ เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวเรื่องดาร์เลเน่หายตัวแพร่กระจายออกไป
และยังต้องขอบคุณสติปัญญาของเขาอีกเรื่องที่เมื่อวันเดินทางกลับจากประเทศไทย เขาได้สั่งลูกน้องหาผู้หญิงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับดาร์เลเน่ให้สวมแว่นกันแดดสีดำอำพรางใบหน้าแล้วเดินทางกลับมาพร้อมกันเพื่อตบสายตาคนนอกไม่ให้ระแคะระคายเห็นความผิดปกติ
“หึ! แม่นี่ก็เลยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์”
แล้วก็เป็นเจสสิก้าอีกเช่นเคยที่ยับยั้งความอิจฉาริษยาในหัวใจไม่ไหว หญิงสาวจึงต้องขอระบายความอัดอั้นคับแค้นออกมาเป็นคำพูดกระแหนะกระแหนแดกดันให้เอริสาเจ็บๆคันๆเสียบ้าง แล้วต้องรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่พูดจบ เมื่อดาเนียลส่งสายตาเย็นชาแฝงความไม่พอใจมาให้อีกครั้ง จนทำให้ความโกรธเกรี้ยวในใจที่มีต่อเอริสายิ่งเพิ่มพูน เพราะดาเนียลแสดงออกชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้พิเศษกว่าใคร เพราะแม้แต่เธอที่เป็นดั่งญาติสนิทยังแตะต้องไม่ได้
“อย่างนี้นี่เอง อืม พอดีลุงมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาน่ะ ดาเนียลพอจะมีเวลาคุยกับลุงเป็นการส่วนตัวสักครู่ไหม”
ทุกประโยคสนทนาทุกอากับกิริยาที่ทุกคนแสดงออกโดยเฉพาะท่าทีของดาเนียลนั้นตกอยู่ภายใต้สายตามากประสบการณ์ของเกอร์ดอนตลอดเวลา แววตาของชายสูงวัยที่ยังไม่ฝ้าฟางไปตามกาลเวลาฉายแววครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจเอ่ยบอกกับลูกชายของเพื่อนรักด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน อีกทั้งเกอร์ดอนยังเหลือบสายตาไปมองเอริสาอย่างต้องการสื่อให้หญิงสาวเข้าใจความหมายที่เขาพูดออกไป
“คุณชายคะ ดิฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
เอริสาที่ถูกกดดันด้วยสายตาของผู้สูงวัยจึงออกปากขออนุญาตดาเนียลไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ความเป็นจริงเธอไม่ได้อยากไป แต่มันคือข้ออ้างที่จะพาตัวเองออกไปจากวงสนทนาที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ซึ่งดาเนียลนั้นได้แต่ถอนหายใจยาวๆค่อนไปทางหงุดหงิด ใจจริงไม่อยากปล่อยเมียสาวที่คืนนี้สวยสะดุดตาเป็นพิเศษให้ห่างกายเพราะกลัวจะมีผู้ชายคนอื่นมาเกาะแกะ แต่ชายหนุ่มจำต้องพยักหน้าอนุญาตเพราะไม่อาจปฏิเสธเกอร์ดอนที่เอ่ยปากขอมาขนาดนั้น
“เดินออกไปห้องน้ำอยู่ทางขวามือ รีบไปรีบกลับ ห้ามเถลไถลไปที่อื่นเด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า”
“ค่ะคุณชาย”
ดาเนียลหมุนไหล่ของเอริสาให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง แล้วออกคำสั่งเสียงนุ่มไม่สนใจสายตาของใครๆหลายคนที่มองอยู่ แววตาของชายหนุ่มเจือความห่วงใยหวงแหนชัดเจน ถ้าไม่ติดว่าเกอร์ดอนต้องการคุยธุระด้วย เขาคงไปเป็นเพื่อนและยืนรอเอริสาอยู่หน้าห้องน้ำสตรีด้วยตัวเองเพราะความหวงแหนเมียรักอย่างไม่ต้องสงสัย
“จริงสิ เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็นมานี่ งั้นกลับมาจากห้องน้ำต้องรีบไปหาอาหารที่จัดอยู่ที่ซุ้มตรงมุมโน้นมากินด้วยนะ ไม่ต้องกลัวว่าพุงจะออก ต้องกินให้อิ่มและเลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ ทำได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ แล้วคุณชายล่ะคะ หิวไหม ให้ดิฉันตักอาหารมาเผื่อด้วยดีไหมคะ”
นอกจากคำตอบของเอริสาจะทำให้ดาเนียลพอใจเพราะหญิงสาวนั้นตอบรับคำสั่งของเขาแต่โดยดีไม่มีท่าทีอิดออดดื้อรั้นให้ต้องกังวล คำถามกลับที่แสดงออกว่าหญิงสาวห่วงใยนั้นยิ่งทำให้หัวใจของเขามันพองโตราวกับลูกโป่งที่ถูกเติมลมเข้าไปจนมันแทบระเบิด อารมณ์ที่เคยหงุดหงิดเพราะถ้อยคำไม่น่าฟังของเจสสิก้าที่ต่อว่าเอริสาและการขอเวลาพูดคุยธุระส่วนตัวจากเกอร์ดอนจนพานให้เอริสาต้องห่างกายจึงหายไปในพริบตา เหลือเพียงอารมณ์ดีๆที่ได้รับความห่วงใยจากเมียรัก อยากบอกเมียตัวน้อยเหลือเกินว่าตอนนี้เขาอิ่มอกอิ่มใจจนกินอะไรไม่ลงแล้ว
“ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอก ฉันยังไม่หิว ไปเข้าห้องน้ำซะให้เรียบร้อย จะได้รีบกลับมาหาอะไรทาน”
“ค่ะคุณชาย”
เอริสารับปากพลางทำท่าจะผละออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เพราะถูกสายตาราวคมมีดของสองพ่อลูกแอมบริธิโอกดดันอยู่เนืองๆ แต่ทำได้เพียงหมุนตัวกลับหลังยังไม่ทันได้ออกเดิน คนจอมบงการก็ดึงแขนรั้งเธอไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว! นอกจากกินอาหารที่มีประโยชน์ เครื่องดื่มก็ดื่มได้เฉพาะน้ำเปล่ากับน้ำผลไม้เท่านั้นนะ พวกน้ำอัดลมกับแอลกอฮอลล์ ฉันขอห้ามเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
เอริสารับปากอย่างว่าง่าย เพราะปกติเธอก็ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายจำพวกนี้อยู่แล้ว ยกเว้นน้ำอัดลมซ่าๆที่มีดื่มบ้างยามรู้สึกกระหายอยากดื่มมากจริงๆแต่ก็นานๆครั้ง ส่วนแอลกอฮอลล์นี่เธอไม่เคยคิดจะแตะเพราะเกรงว่าจะทำให้ประสิทธิภาพของร่างกายที่ต้องคอยดูแลปกป้องดาร์เลเน่นั้นลดลง เมื่อเจ้าของร่างสวยเพรียวพยักหน้ายอมรับคำสั่งแต่โดยดีเรียวปากได้รูปจึงหยักยิ้มน้อยๆอีกทั้งมือหนาของดาเนียลนั้นยังยกขึ้นลูบศีรษะของคนว่าง่ายแผ่วเบาด้วยความรักใคร่เอ็นดู จนคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลนั้นยืนกำหมัดแน่น ดวงตาร้อนผ่าวคล้ายมีเปลวไฟลุกโชนอันเกิดจากความริษยาเป็นที่สุด ทำไมมันถึงได้รับความรักความห่วงใยจากดาเนียลขนาดนั้น ทำไม!
“เก่งมาก รีบไปได้แล้ว”
เมื่อครู่เป็นฝ่ายรั้งไว้ แต่ตอนนี้สองมือหนาของดาเนียลกลับจับร่างสวยหมุนออกห่างเพราะเป็นห่วง อยากให้คนร่างบางนั้นรีบหาอาหารลงกระเพาะโดยเร็ว พร้อมทั้งส่งสายตาแล้วพยักหน้าให้เซนที่ยืนอยู่ด้านหลังตามไปดูแลภรรยาของเขาไม่ให้คลาดสายตา ดวงตาทั้งสามคู่ที่ยืนอยู่ด้วยกันจึงพร้อมใจมองตามร่างของเอริสาที่ค่อยๆเดินห่างออกไปด้วยท่าทางโดดเด่นสง่างาม แต่ทั้งสามคนกลับมองตามไปด้วยความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!”
เสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่ทางด้านหลังทำให้สาวน้อยที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวกางเกงแสล็คสีดำมีผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดสวมทับอยู่บริเวณเอวบางและสองมือที่กำลังประคองถาดสำหรับเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หันกลับมามอง ดวงตากลมแจ๋วใสเบิกกว้างขึ้นแล้วกระพริบปริบๆอยู่หลายรอบอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าคนที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงหน้าจะเป็นเขา
ทฤษฎีโลกแคบและกลมมันมีอยู่จริงสินะและทฤษฎีนี้มักเกิดกับเขาคนเดียวเสียด้วย!
“คุณแอส!”
เจนนิเฟอร์เรียกชื่อชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงใบหน้าบึ้งตึงเหมือนโกรธใครมาเสียงแผ่ว บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ตอนนี้ตกใจหรือดีใจกันแน่ที่ได้เจอเขาอย่างไม่คาดฝัน รู้แต่ว่าแอสตันที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่เหมือนแอสตันที่เธอเคยเจอหลายๆครั้งนั่นเลย วันนี้เขาดูน่ากลัวจัง คุณแอสของเธอไปโกรธใครมาก็ไม่รู้ หน้าดุ๊…ดุ
“ว่าไง ผมถามว่ามาทำอะไรที่นี่”
จากลักษณะเครื่องแต่งกายที่สวมอยู่บนร่างเล็กๆของเจนนิเฟอร์และถาดเครื่องดื่มที่มือบางนั้นกำลังประคองอยู่เป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้วว่าค่ำคืนนี้สาวน้อยดวงตาใสแจ๋วคงรับจ็อบเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานเลี้ยงต้อนรับท่านประธานาธิบดีคนใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่แอสตันถามออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงเข้มห้วนเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการเหตุผลว่าทำไมเจนนิเฟอร์จึงต้องออกมาลำบากลำบนทำงานที่ไม่เหมาะกับคุณหนูผู้แสนจะบอบบางอย่างเจ้าหล่อนเลยอีกทั้งงานเลี้ยงก็จัดในเวลากลางคืนกว่างานจะเลิกก็คงดึกดื่น และนั่นเป็นช่วงเวลาที่สาวน้อยในวัยเรียนควรจะนอนหลับพักผ่อนมิใช่หรือ
“เจนนี่มาทำงานค่ะ”
เจ้าของเสียงใสตอบออกมาเบาๆอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก อีกทั้งยังไม่กล้าสบสายตาของคู่สนทนาสักเท่าไร เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมวันนี้แอสตันผู้ชายมาดสุขุมดูเป็นสุภาพบุรุษใจดีทุกกระเบียดนิ้วถึงได้อารมณ์ไม่ค่อยดีแบบนี้ แต่ท่าทางขุ่นมัวและสายตาขึงขังของเขาที่มองจ้องมาตาไม่กระพริบทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาเหตุอย่างไรบอกไม่ถูก
“แต่เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้หน้าที่ของเจนนี่คือตั้งใจเรียนหนังสือ”
แอสตันเอ่ยทวนความทรงจำให้เจนนิเฟอร์ฟังเสียงเข้มอย่างที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มกำลังพยายามสุดความสามารถที่จะไม่แสดงอาการขึงโกรธออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ให้เจนนิเฟอร์ตกใจ นี่ยายตัวเล็กที่ยืนมองเขาตาใสแจ๋วคงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตอนนี้เขาแทบอยากจะพ่นไฟออกมาให้รู้แล้วรู้รอดเผื่อว่าโทสะที่อัดแน่นอยู่ข้างในจะได้ทุเลาลงบ้าง เพราะตั้งแต่ลูกน้องที่เขาสั่งให้ตามดูแลความปลอดภัยของหญิงสาวรายงานว่าลูกสาวสุดที่รักของโทนี่ไม่ได้กลับบ้านทันทีหลังจากไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาลเหมือนเช่นทุกวัน หัวใจที่เคยสงบนิ่งของเขาก็พลันร้อนรนไม่เป็นอันทำอะไร นึกห่วงไปสารพัดว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้าหล่อน ยิ่งเมื่อรู้ว่าเจนนิเฟอร์ขึ้นรถประจำทางมายังโรงแรมหรูพร้อมกับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย เขาก็แทบจะพุ่งตัวตามมาจับทั้งสองคนแยกจากกัน ติดที่เขายังมีหน้าที่ต้องติดตามคุณชายกริมเมอร์ จึงได้แต่สั่งให้ลูกน้องตามติดทั้งสองไม่ยอมให้คลาดสายตาพร้อมทั้งส่งรายงานความเคลื่อนไหวถึงเขาทุกๆห้านาที และเริ่มเบาใจขึ้นเมื่อรู้ว่าทั้งสองไม่ได้มาทำอะไรเสียหายแต่พากันมารับจ็อบเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มภายในงานเลี้ยงแทน ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี
แต่ถึงจะไม่พอใจอย่างไร แอสตันก็ยังมีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้คนตัวเล็กด้วยการยื่นมือเข้าไปแย่งถาดที่มีแก้วเครื่องดื่มเปล่าๆสี่ห้าใบมาถือไว้เสียเอง ด้วยเกรงว่าแขนเล็กๆของหญิงสาวจะปวดล้าเสียก่อนหากต้องถือถาดค้างไว้นานๆในระหว่างที่กำลังพูดคุยกับเขา ซึ่งคนตัวเล็กที่ยิ่งดูเล็กกระจ้อยเมื่อยืนเทียบเคียงกับแอสตันก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของชายหนุ่มได้เลย เจนนิเฟอร์จำต้องปล่อยถาดในมืออย่างมิอาจดื้อดึง และก็รู้สึกโล่งเกินจะกล่าวเมื่อถาดเครื่องดื่มพ้นไปจากสองมือของตัวเอง พลางสะบัดมือสะบัดแขนไล่ความปวดล้าจากการถือของหนักๆที่ไม่เคยทำ
“ขอบคุณค่ะ แต่คุณแอสคะ วันนี้เจนนี่แค่มาเสิร์ฟน้ำหารายได้พิเศษเฉยๆนะคะ ไม่ได้ลาออกจากมหาลัยแล้วมาทำงานอย่างที่เคยบอกคุณแอสก่อนหน้านี้”
เจนนิเฟอร์รีบปฏิเสธออกไปรัวเร็วน้ำเสียงร้อนรนด้วยไม่อยากให้แอสตันเข้าใจผิด รู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิดเพียงคิดไปว่าแอสตันจะโกรธตัวเอง
“แล้วทำไมต้องมาทำ!”
ไม่รู้ว่าจะหาเรื่องหาความลำบากให้ตัวเองทำไม ดูซิ! พรุ่งนี้แขนเล็กๆนั่นคงยกแทบไม่ขึ้นแน่ๆ แต่ไหนแต่ไรมาโทนี่เคยปล่อยให้ลูกสาวสุดที่รักคนเดียวคนนี้ต้องลำบากซะที่ไหน โทนี่ประคมประหงมลูกสาวคนนี้ยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก นี่ถ้าโทนี่ฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขาปล่อยให้เจนนิเฟอร์มาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟน้ำที่ต้องยกถาดเครื่องดื่มบริการแขกในงานนับร้อยชีวิตแบบนี้ โทนี่คงหมดความเชื่อถือในตัวเขาและอาจเปลี่ยนใจไม่ยอมทำตามที่เคยตกลงกับเขาไว้ก็เป็นได้
“ก็…เจนนี่อยากมีเงินเก็บสำรองเอาไว้บ้างนี่คะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน เจนนี่จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้”
“แต่ผมเคยบอกแล้วไงว่าผมจะช่วยเหลือเจนนี่กับพ่อ ทำไมถึงยังไม่ฟังกัน หรือเจนนี่คิดว่าผมเป็นคนอื่น”
“เปล่านะคะ เจนนี่ไม่ได้คิดแบบนั้น”
เส้นผมเป็นมันวาวยาวเคลียร์ไหล่สีน้ำตาลเข้มที่ถูกมัดไว้ด้านหลังสะบัดไปมาเมื่อเจนนิเฟอร์ส่ายหน้าแก้ไขความเข้าใจผิดของแอสตันรัวเร็วเมื่อประโยคสุดท้ายของเขานั้นฟังเหมือนกำลังตัดพ้อต่อว่าเธอด้วยความน้อยใจ แม้มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่สามารถปล่อยผ่านให้แอสตันเข้าใจผิดแบบนั้นได้
“แล้วทำไมถึงดื้อนักทำไมไม่ยอมทำตามที่ผมบอก”
“เจนนี่ไม่ได้ดื้อนะคะ เจนนี่ก็แค่…เกรงใจค่ะ”
พูดจบเจนนิเฟอร์ก็รีบก้มใบหน้าหลบสายตาของแอสตันลงมองปลายเท้า เพราะถ้าสายตาของเธอไม่ได้ฝาด เธอคิดว่าเมื่อสักครู่ดวงตาของแอสตันนั้นลุกวาบราวกับมีเปลวไฟแลบออกมา จนเธอรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน
“เกรงใจ? ทำไมต้องเกรงใจในเมื่ออีกไม่นาน…”
“อีกไม่นาน…ทำไมเหรอคะ?”
เจนนิเฟอร์เงยหน้าขึ้นจากการมองพื้นพร้อมเอียงคอเล็กน้อย ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองมายังแอสตันที่พูดบางอย่างค้างเอาไว้ด้วยความสงสัยว่าเขากำลังจะพูดว่าอะไร และตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ใบหน้าของเขาขมวดมุ่นเหมือนกำลังครุ่นคิดตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญมากซะด้วย และท่าทางเป็นปริศนาของเขามันยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้ของเธอให้พร้อมทำงาน
“ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าผมยังยืนยันคำเดิมว่าเจนนี่ต้องกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือให้จบเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นรวมทั้งเรื่องทำงานพิเศษนี่ผมไม่อนุญาต”
“แต่เจนนี่ไม่อยากอยู่เฉยๆทั้งที่รู้ว่าสถานการณ์ของที่บ้านไม่ค่อยจะดีนี่คะ นะคะคุณแอส เจนนี่สัญญาว่าเจนนี่จะตั้งใจเรียน ไม่โดดเรียนไปทำงานให้การเรียนเสียเด็ดขาด ไม่ให้เกรดตกด้วย แต่ขอให้เจนนี่ได้ทำงานเล็กๆน้อยๆช่วงที่มีเวลาว่างบ้างเถอะนะคะ ให้เจนนี่อยู่เฉยๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจนนี่รู้สึกไม่สบายใจเลย นะคะคุณแอส นะคะ”
“สรุปว่าจะหาเรื่องลำบากให้ได้?”
เห็นแววตากลมใสอ้อนวอนด้วยท่าทางเดือดร้อนดูน่าเวทนา หัวใจที่เคยหนักแน่นราวหินผาก็ทำท่าจะอ่อนยวบ
“งานแค่นี้ไม่ลำบากหรอกค่ะ เจนนี่ทำได้ นะคะคุณแอส อนุญาตให้เจนนี่ทำนะคะ”
เจนนิเฟอร์เงยหน้าขึ้นอ้อนวอนแอสตันทั้งๆที่หญิงสาวคงลืมไปว่าชายหนุ่มมิได้เป็นอะไรกับเธอเสียหน่อย เธอมีสิทธิ์จะคิดจะตัดสินใจอย่างไรกับชีวิตตัวเองก็ได้เพราะเธอโตแล้ว แต่นี่เจนนิเฟอร์กลับปฏิบัติราวกับแอสตันเป็นเจ้าชีวิตที่มีสิทธิ์อยู่เหนือตัวเธอทุกประการซะอย่างนั้น
“สัญญามาก่อนว่าจะต้องรายงานให้ผมรู้ทุกครั้งก่อนไปทำงานว่าเจนนี่จะไปทำอะไรที่ไหนและกับใคร!”
สุดท้ายคนใจแข็งที่ไม่เคยลงให้ใครก็ต้องเป็นฝ่ายยอมพยักอนุญาตให้กับเจ้าของดวงตาใสแจ๋วตรงหน้า
แอสตันยังกล้าเอ่ยขอคำสัญญาทั้งๆที่ความจริงเขาไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ในเมื่อทุกวันนี้ลูกน้องของเขาก็ตามดูแลและคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของเจนนิเฟอร์มารายงานให้เขาฟังละเอียดยิบทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่ชายหนุ่มบอกออกไปแบบนั้นก็เพื่อวัดใจของเจนนิเฟอร์ไปในตัว ว่าสาวน้อยดวงตาซื่อใสจะพูดตรงกับลูกน้องของเขาหรือเปล่า
“ได้ค่ะ เจนนี่สัญญาว่าจะบอกคุณแอสก่อนทุกครั้ง”
เจนนิเฟอร์รีบรับปากพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าด้วยท่าทางกระตือรือร้น รู้สึกดีใจที่แอสตันยอมอนุญาตให้เธอได้ทำงานเล็กๆน้อยๆเพื่อหาเงินสำรองสำหรับอนาคตในวันข้างหน้าบ้าง และคำตอบรับว่าง่ายของหญิงสาวก็ทำให้ใบหน้าตึงเครียดเคร่งขรึมของแอสตันนั้นผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย
“ห้าม…”
“เจนนี่! เกิดอะไรขึ้น!”
ยังไม่ทันที่คำสั่งลำดับต่อไปจะหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของมือขวาหนุ่ม เสียงร้องถามด้วยความตกใจของใครสักคนที่ดังขัดจังหวะมาจากด้านหลังก็ทำให้ทั้งคู่กรณีที่กำลังเจรจาต่อรองเรื่องสำคัญหันไปมองตามเสียงเสียก่อน จากนั้นกรามหนาของแอสตันก็บดเข้าหากันแน่นจนน่ากลัวว่าฟันในปากจะหักแหลกละเอียด เพราะเหลี่ยมกรามของชายหนุ่มนั้นขึ้นเป็นสันชัดเจนเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มวัยละอ่อนคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามายืนใกล้ชิดสาวน้อยตรงหน้าเขา อีกทั้งมันยังทำเรื่องเสี่ยงอายุสั้นด้วยการวางถาดเครื่องดื่มในมือไว้ตรงเก้าอี้เสริมที่วางอยู่ไม่ไกลแล้วคว้าตัวเจนนิเฟอร์เข้ามาสำรวจหาความผิดปกติ
‘ไอ้เด็กเวรนี่มันเป็นใครวะ!’
“ว่าไงเจนนี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
โยเซฟเอ่ยถามพลางจับไหล่บางของเพื่อนสาวที่ตัวเองแอบชอบพลิกสำรวจไปมาเมื่อออกมาจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปเอาเครื่องดื่มชุดใหม่มาเสิร์ฟแล้วพบว่าเจนนิเฟอร์ยืนกุมมือเข้าหากันก้มหน้าน้อยๆคล้ายคนทำความผิดอยู่ตรงหน้าผู้ชายชุดสูทสีดำรูปร่างสูงโดดเด่นคนหนึ่ง เขาจึงรีบปราดเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงว่าเพื่อนสาวจะซุ่มซ่ามสร้างความเดือดร้อนให้แขกในงานเช่นการทำเครื่องดื่มหกใส่แขก
“เปล่าหรอกโย เราไม่ได้เป็นอะไร”
“เฮ้อ โล่งอกไปที ฉันก็นึกว่าเธอเดินชนแขกในงานซะอีก กะว่างานเข้าแน่ๆ”
โยเซฟผ่อนหายใจยาวๆแล้วเป่าปากด้วยความโล่งอกที่เพื่อนสาวไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แขกในงาน เพราะหากเจนนิเฟอร์ทำอย่างที่เขานึกกลัว เขาไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าหญิงสาวจะถูกผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงสุดเฮี๊ยบต่อว่าขนาดไหน เนื่องจากงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เป็นงานใหญ่ที่มีแต่แขกระดับวีไอพี ทางเจ้าของโรงแรมจึงกำชับฝ่ายจัดเลี้ยงหนักหนาว่าห้ามมีความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นให้เสียชื่อโรงแรมเด็ดขาด และเนื่องจากต้องการความเนี๊ยบทุกขั้นตอน ฝ่ายจัดเลี้ยงจึงเน้นพนักงานที่ทำหน้าที่บริการในงานเฉพาะคนที่เป็นมืออาชีพแล้วเท่านั้น ซึ่งโยเซฟก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะเด็กหนุ่มรับจ็อบหลังเลิกเรียนเป็นพนักงานเสิร์ฟแบบพาร์ทไทม์ที่โรงแรมแห่งนี้มาปีกว่าแล้วจนได้รับความไว้วางใจ แต่ด้วยวันนี้พนักงานมีจำนวนไม่เพียงพอ โยเซฟจึงขออนุญาตผู้จัดการพาเจนนิเฟอร์ที่บ่นๆว่าอยากหารายได้พิเศษมาทำงานด้วยโดยที่โยเซฟรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาจะคอยดูแลพนักงานคนใหม่เป็นอย่างดี ผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงจึงยอมพยักหน้าอนุญาต
“นี่นายหลอกด่าว่าเราซุ่มซ่ามหรือเปล่าเนี่ย”
เจนนิเฟอร์แกล้งหรี่ตาทำหน้ามุ่ยกล่าวหาเพื่อนน้ำเสียงล้อเลียนติดตลก เธอกับโยเซฟเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนไฮสคูลค่อนข้างมีความสนิทสนมกันพอสมควรจึงกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้เพื่อนหนุ่มฟัง อย่างเช่นเรื่องที่ครอบครัวเธอกำลังประสบปัญหาและบ่นๆว่าอยากหางานพิเศษเล็กๆน้อยๆทำหารายได้เผื่อไว้ แล้วโยเซฟก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เพราะหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนหนุ่มก็มีข่าวดีมาบอกว่ามีงานจัดเลี้ยงที่โรงแรมต้องการพนักงานเพิ่มอยู่พอดี เธอจึงมีโอกาสได้ทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิต
“เปล่าหรอก เราไม่ได้คิดแบบนั้น เราแค่เป็นห่วงน่ะ เพราะเธอไม่เคยทำงานมาก่อน เราเลยกลัวว่าเธอจะทำไม่ไหว”
“นายไม่ต้องกังวลหรอกน่า เราทำได้ งานเสิร์ฟน้ำแค่นี้เจนนี่ซะอย่าง สบายอยู่แล้ว”
คนเก่งยกแขนขึ้นมากอดอกพร้อมเชิดหน้าขึ้นยิ้มๆอย่างต้องการยอตัวเองให้เพื่อนคลายความเป็นห่วงและเป็นการให้กำลังใจตัวเองไปในตัว จริงอยู่ว่าเธอไม่เคยทำงานมาก่อน ไม่เคยที่บิดาจะให้หยิบจับอะไรที่มันต้องออกแรงเยอะๆ เพราะที่บ้านจะมีแม่บ้านคอยดูแลทำให้ทุกอย่าง แต่เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คุณหนูประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ในเมื่อวันนี้รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ของครอบครัวไม่ค่อยจะดี เธอจึงไม่คิดเอาความสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้มีเงินใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ณ ตอนนี้ไม่ว่างานหนักงานเบาเธอทำได้หมด ขอแค่มีงานให้ทำและสามารถทำหลังจากเลิกเรียนได้เป็นพอ ต่อให้เป็นงานหนักกว่าเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มจนยกแขนไม่ขึ้นเธอก็จะทำมันให้ได้
“จร้า คนเก่งของโย งั้นคนเก่งก็รีบไปเอาเครื่องดื่มมาใหม่ได้แล้ว เดี๋ยวคุณเอรีน่าเดินมาตรวจแล้วไม่เห็นว่าเธออยู่ในงานจะโดนดุเอา”
‘คนเก่งของโย?’ เจนนิเฟอร์ไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไรวะ วอนหาเรื่องตายแล้วมึง ไอ้หน้าอ่อน!
“อือ ไปสิ คุณแอส…เจนนี่ขอถาดคืนด้วยค่ะ คุณแอสไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เจนนี่สัญญาว่าเจนนี่จะไม่ทิ้งเรื่องเรียนแน่นอน เจนนี่จะรีบเรียนให้จบตามที่ให้สัญญาไว้ แต่ระหว่างนี้ขอเจนนี่ทำงานพิเศษนิดๆหน่อยๆบ้างเถอะนะคะ เจนนี่จะได้อุ่นใจขึ้นว่าเจนนี่พอจะดูแลพ่อได้ เจนนี่ต้องรีบไปทำงานต่อแล้ว เจนนี่ลาคุณแอสตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ บ๊ายบาย”
เจนนิเฟอร์ตอบรับคำชวนของเพื่อนหนุ่มเมื่อเห็นด้วยกับโยเซฟว่าเธอกำลังละเลยหน้าที่จนทำให้คุณเอรีน่าไม่ชอบใจและมันจะมีผลกับงานต่อไปของเธอที่คุณเอรีน่าอาจไม่เรียกใช้เธออีกซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย และเธอยังกังวลว่าโยเซฟอาจโดนลูกหลงไปด้วยในฐานะที่เป็นคนแนะนำเธอมาทำงานที่นี่ ดังนั้นเธอจึงควรรีบกลับเข้าไปเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานได้แล้ว
คิดได้ดังนั้นเจนนิเฟอร์จึงหันกลับไปมองแอสตันที่ยังคงยืนถือถาดของเธอไว้ในมือและมองมาที่เธอกับเพื่อนนิ่งๆ เพื่อขออุปกรณ์หลักในการทำงานคืนและขออนุญาตเขาเรื่องทำงานพิเศษไปในตัว แต่ไม่รู้ว่าเธอคิดมากเกินไปหรือเปล่าที่เห็นว่าใบหน้าเรียบเฉยของแอสตันในตอนนี้น่ากลัวว่าตอนที่เขาทำหน้าบึ้งตึงขึงโกรธเสียอีก ไหนจะรอบตัวเขาที่เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาปกคลุมบรรยากาศโดยรอบให้รู้สึกหนาวเหน็บอึมครึมอย่างไรบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าการมองสบตากับแอสตันทำให้เธอรู้สึกเสียววูบไปทั้งสันหลังจนต้องรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“นั่นใครเหรอเจนนี่”
ห่างจากจุดที่ยืนคุยกันเมื่อสักครู่มาได้ไม่มากนัก โยเซฟก็เปิดปากถามถึงบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อคมคายดูภูมิฐานจนน่าอิจฉาคนนั้น ตอนแรกเขานึกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแขกในงานที่เพื่อนของเขาสร้างความเดือดร้อนให้เสียอีก แต่จากเมื่อครู่เขารู้แล้วว่าเจนนิเฟอร์รู้จักกับผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างดี และเพราะความสมบูรณ์แบบที่บุรุษหนุ่มร่างสูงคนนั้นมีเหนือกว่าเขาทุกๆด้าน ทำให้โยเซฟรู้สึกไม่สบายใจเสียเลยที่เพื่อนสาวที่เขาแอบชอบมานานรู้จักมักจี่กับคุณแอสอะไรนั่น
“อ๋อ คุณแอสน่ะ เป็นมือขวาของคุณดาเนียลเจ้าของกริมเมอร์แอสเสทที่พ่อเราทำงานอยู่ไง”
เจนนิเฟอร์หันไปมองตามสายตาของเพื่อนจึงได้เห็นว่าคนที่โยเซฟถามถึงยังยืนนิ่งอยู่กับที่และมองมาที่เธอกับเพื่อนไม่วางตา ก่อนหันไปตอบคำถามที่โยเซฟอยากรู้
“ถึงว่าสิ เจนนี่ถึงรู้จักกับเขา” น้ำเสียงของคนถามคลายกังวลชัดเจน
“มีอะไรหรือเปล่าโย”
“เปล๊า เราแค่สงสัยน่ะ รีบไปกันเถอะ ก่อนที่คุณป้าเอรีน่าจอมโหดจะออกมาตาม ไม่งั้นเราสองคนหูชาแน่”
แล้วพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มทั้งสองคนก็ถือถาดของตัวเองแล้วรีบเดินกลับเข้าไปยังด้านหลังห้องจัดเลี้ยงที่กั้นไว้เป็นสัดส่วนสำหรับให้พนักงานจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาเหี้ยมดุคู่หนึ่งมองตามไปตลอดจนทั้งคู่เดินจากไปสุดสายตา อีกทั้งสองมือหนาที่ไขว้อยู่ด้านหลังนั้นกำแน่นจนนิ้วมือทั้งสิบแทบแหลกเป็นผุยผง
‘ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วสินะ!’
*************************************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ