พ่ายรักพรางหัวใจ

8.8

เขียนโดย Phaky

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.

  33 ตอน
  4 วิจารณ์
  33.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) เด็กดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
  ประกาศ! ประกาศ! วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะคะที่ สนพ.จะเปิดให้จองนิยายเรื่อง 'พ่ายรักพรางหัวใจ' ในราคาลดพิเศษ (ลดตั้ง 20 % เชียวนะ)พร้อมรับกระเป๋าใส่เหรียญน่ารักๆจากนักเขียน 1 เล่ม/ 1ชิ้นกันไปเลย ใครยังไม่ได้ลงชื่อจองรีบๆกันหน่อยน๊า

https://www.facebook.com/lightoflovebooks/posts/1557473644314548?comment_id=1561625080566071&reply_comment_id=1561640673897845&notif_t=mentions_comment&notif_id=1503291300240141

*****************************************************************

“กลับบ้านกลับช่องได้แล้ว”


เสียงเนิบนาบที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังในระยะประชิดส่งผลให้เจ้าของร่างเล็กโปร่งบางของสาวน้อยวัยสิบเก้าปีที่ยืนเกาะประตูห้องไอซียูสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนหันใบหน้าอ่อนใสไร้เครื่องสำอางกลับไปมองช้าๆ


“คุณแอส”


เจ้าของเสียงใสพอๆกับใบหน้าเอ่ยเรียกชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อคมคายราวพระเอกหนังอย่างคาดไม่ถึงว่าเธอจะมีโอกาสได้เจอเขา เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลหาใช่ตึกสูงระฟ้าอย่างกริมเมอร์ แอสเสท อีกทั้งปกติหากมีแอสตันอยู่ที่ไหน แสดงว่าคุณชายใหญ่ต้องอยู่ที่นั่น เจนนิเฟอร์ แอนเดอสัน ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของโทนี่ แอนเดอสัน จึงมองไปรอบๆ แต่กลับไร้วี่แววของดาเนียลอย่างที่ควรจะเป็น เจ้าของเสียงใสจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ


“แล้วคุณชายล่ะคะ”


“กลับไปแล้ว ถามทำไม อยากเจอเหรอ”


“เปล่าหรอกค่ะ ปกติมีคุณแอสอยู่ที่ไหนก็ต้องมีคุณชายอยู่ที่นั่นด้วย ตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋เลย แต่วันนี้เจนนี่เห็นแค่คุณแอสคนเดียว เจนนี่เลยแปลกใจค่ะ”

“อืม”


แอสตันรับคำในลำคอเบาๆไม่อธิบายต่อให้มากความว่าเพราะเหตุใดดาเนียลจึงไม่ได้อยู่ที่นี่ พลางมองใบหน้าน่ารักที่หม่นหมองกว่าปกติของเจนนิเฟอร์นิ่งๆไม่บ่งบอกความรู้สึกจนคนถูกมองชักวิตกว่าชายหนุ่มนั้นมองทำไม หรือใบหน้าของเธอมีอะไรแปลกปลอมติดอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว


“คุณแอสจ้องหน้าเจนนี่ทำไมเหรอคะ”


ด้วยความที่ไม่อยากค้างคาเจนนิเฟอร์จึงถามมือขวาของเจ้านายบิดาตรงๆ จริงๆแล้วเธอไม่ได้สนิทสนมกับแอสตันมากมายนักหรอก ส่วนใหญ่เธอมักจะเจอเขาเวลาไปหาบิดาที่บริษัทแล้วบังเอิญเจอกันตามลานจอดรถหรือไม่ก็เดินสวนกันตรงหน้าห้องทำงานของพ่อเลยมีโอกาสได้ทักทายกันนิดหน่อย แต่เธอมักได้ยินเรื่องราวของเขาผ่านบิดาของเธอเป็นประจำ โทนี่ชอบพูดถึงแอสตันให้ฟังทั้งเรื่องการทำงานที่เก่งหาตัวจับยากและเป็นหนุ่มหล่อมีอนาคตไกลราวกับเขาคือคนโปรดของพ่อเธอเชียวล่ะ บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนโดนพ่อร่ายมนต์สะกดจิต เพราะไม่ว่าจะทำอะไรหรือมองไปทางไหน โลกของเธอจะมีแต่ชื่อของแอสตันเต็มไปหมด


“เย็นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ยอมกลับบ้าน”


คนถูกถามกลับไม่ยอมตอบคำถามนั้นแล้วเสเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นหน้าตาเฉย


“เจนนี่อยากมาอยู่กับคุณพ่อค่ะ เผื่อคุณพ่อฟื้น เจนนี่จะได้รีบไปตามคุณหมอมาดูอาการคุณพ่อ”


เพราะนับเวลาตั้งแต่วันที่โทนี่ได้รับอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ตึกถล่มจนตัวเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกของแข็งกระแทกที่หลังจนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปวันที่ห้าแล้วที่พ่อของเธอนอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรา อีกทั้งยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจครอบจมูกไว้ตลอดเวลาเพราะเส้นประสาทไขสันหลังที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับอวัยวะอื่นๆนั้นได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนส่งผลให้อวัยวะในร่างกายไม่ทำงาน อีกทั้งแรงกระแทกนั้นยังส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดมีปัญหา เจนนิเฟอร์จึงได้แต่สวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้พ่อของเธอปลอดภัยและมาเฝ้าทุกวันหลังเลิกเรียนด้วยความหวังเล็กน้อยว่าเธอจะได้เห็นโทนี่ลืมตาตื่นขึ้นมาหรือขยับร่างกายส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีบ้าง แม้จะทำได้เพียงเกาะประตูยืนมองอยู่ด้านนอกก็ไม่เป็นไร แต่ยืนเฝ้าจนขาแข็งมาห้าวันแล้วความหวังของเธอก็ยังไม่เป็นจริงเสียที


“ที่นี่มีหมอกับพยาบาลคอยดูแลใกล้ชิด เราน่ะกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”


“แต่ว่า…”


เจนนิเฟอร์ทำท่าจะค้านด้วยความเป็นห่วงอยากอยู่ใกล้ชิดบิดาโดยไม่ทันได้สังเกตคำพูดของแอสตันว่าเขาทราบรายละเอียดเรื่องเรียนของเธอด้วย


“เจนนี่ กลับบ้าน”


“ก็ได้ค่ะ”


เมื่อเจอคำสั่งเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นที่แอสตันมอบให้ สุดท้ายเจนนิเฟอร์จึงได้แต่พยักหน้ารับคำพลางทำหน้าหงอยเหงา ก่อนหันใบหน้าอ่อนใสกลับไปมองในห้องไอซียูที่พ่อของเธอนอนรักษาตัวอยู่ในนั้นมาหลายวันแล้วอย่างเสียดายที่วันนี้ได้อยู่เป็นเพื่อนบิดาน้อยกว่าทุกวัน พลางแนบริมฝีปากเข้าใกล้กระจกใจตรงกลางประตูเพื่อเอ่ยคำลากับผู้เป็นพ่อที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู


“พ่อขา เจนนี่กลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่ พรุ่งนี้พ่อต้องลุกขึ้นมาคุยกับหนูได้แล้วนะ หนูคิดถึงพ่อที่สุดเลยค่ะ บ๊ายบายค่ะพ่อ”


กล่าวลาจบเจนนิเฟอร์จึงยกมือบางขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินเลอะแก้มใสทิ้ง ก่อนสูดน้ำมูกแล้วหันหลังให้ห้องผู้ป่วย โดยมีแอสตันที่ยืนฟังอยู่เงียบๆเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามมา

“คุณแอสคะ”


อยู่ๆคนที่เดินนำหน้าก็หยุดการก้าวเดินเอาดื้อๆทั้งที่เพิ่งออกเดินได้เพียงสองก้าว จากนั้นร่างเล็กบางที่มีความสูงประมาณช่วงอกของแอสตันก็หันหลังกลับมาอย่างเร็วจนคนเดินตามเบรกตัวแทบไม่ทัน ตอนนี้ทั้งสองร่างที่มีความสูงต่างกันจึงเผชิญหน้ากันใกล้ชิดอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง และมีเพียงเจนนิเฟอร์เท่านั้นที่ลำบากกับความต่างนี้จนต้องแหงนคอเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาร่างสูง


“ว่าไง”


ส่วนคนถูกเรียกนั้นทำเพียงเอ่ยรับเสียงเรียบ ทั้งที่ใจอย่างบอกเหลือเกินว่าเขาชื่อแอสตัน แม้แต่เจ้านายที่เคารพรักยิ่งยังเรียกชื่อเต็มของเขาทุกครั้ง ส่วนชื่อ ‘แอส’ ที่ฟังทะแม่งๆหูนั้นมีแต่เจนนิเฟอร์คนเดียวนี่แหละที่เรียก อยากรู้นักว่าถ้าเติมคำว่า ‘ตัน’ เข้าไปอีกสักคำมันยากตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ เจนนิเฟอร์เรียกเขาแบบนี้มาหลายปีแล้วและเขาก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กๆจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


“คุณแอสคิดว่าที่ตึกถล่มเป็นความผิดของพ่อหรือเปล่าคะ”


“ทุกอย่างว่าไปตามหลักฐาน”


“แล้วถ้าพ่อผิดจริง คุณชายจะสั่งลงโทษพ่อไหมคะ”


“คนทำผิดก็ต้องชดใช้ความผิด ถามทำไม”


แอสตันเอ่ยถามยายตัวเล็กที่ยืนเม้มปากเข้าหากันแน่นอย่างคนกำลังใช้ความคิด ดวงตากลมใสแจ๋วนั้นมองไปที่ห้องไอซียูที่โทนี่นอนรักษาตัวอย่างเศร้าหมองพลางกัดริมฝีปากบางสีแดงสดจนแอสตันนึกเสียดายอยู่เนืองๆหากมันชอกช้ำ ไม่นานน้ำตาหยดใสๆก็คลอขังล้อมกรอบตาอีกครั้งจนดวงตากลมคู่นั้นแดงก่ำ ก่อนเสียงเล็กๆสั่นเครือจะเอื้อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา


“เจนนี่คิดว่า…เจนนี่จะไม่เรียนต่อแล้วคะ”


“ทำไม?”


น้ำเสียงของคนฟังนั้นไม่เบาเลยติดจะห้วนดุไม่พอใจด้วยซ้ำเมื่อได้ยินถ้อยคำที่เจนนิเฟอร์บอกจนน้ำตาเม็ดโตที่คลอขังนั้นไหลย้อนกลับด้วยความตกใจกับน้ำเสียงของแอสตันที่เธอไม่คุ้นชิน


“เจนนี่ลองคิดดูแล้วค่ะว่าถ้าผลสรุปออกมาว่าพ่อเป็นคนผิดจริงๆ อีกไม่นานพ่อก็จะถูกไล่ออกจากการเป็นพนักงานของกริมเมอร์แอสเสท ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับการดูแลอยู่ตอนนี้ก็คงถูกยกเลิก และก็คงถูกบริษัทฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย ถึงเวลานั้นบ้านเราคงหมดตัวถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลายแน่ๆ เจนนี่เลยคิดว่าเจนนี่ควรทำงานหาเงินเตรียมไว้ก่อนสักก้อน หากวันนั้นมาถึงจริง เจนนี่กับพ่อจะได้พอตั้งตัวได้ไม่ลำบากมากค่ะ คุณแอสว่าดีไหมคะ?”


สาวน้อยคิดการณ์ไกลที่อุตส่าห์วางแผนอนาคตล่วงหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมถามความเห็นของคนตรงหน้า เผื่อว่าชายหนุ่มเห็นด้วยและอาจมีข้อเสนอแนะหรือมีงานที่น่าสนใจแนะนำให้เธอบ้าง แต่คำตอบของแอสตันกลับทำให้ใบหน้าที่ดูมุ่งมั่นมีความหวังของเจนนิเฟอร์หม่นหมองลงในพริบตา


“ไม่เห็นจะเข้าท่า”


“ทำไมล่ะคะ ถ้าไม่เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจนนี่กลัวว่าถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ เจนนี่กับพ่ออาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วก็ได้นะคะ ฮึก ฮึก”


แล้วน้ำตาที่หดกลับไปก็ไหลรินออกมาเปียกแก้มป่องนวลใสจนได้เมื่อสมองจินตนาการตามคำพูดของตัวเองถึงวันข้างหน้าที่เธอกับพ่ออาจไม่มีแม้ที่ให้พักพิงกาย ตัวเธอนั้นไม่เท่าไรเพราะยังแข็งแรงปกติดีทุกอย่างจะอยู่ที่ไหนก็ได้แม้แต่อาศัยนอนที่ป้ายรถเมล์ แต่พ่อของเธอนี่สิ หากพ่อยังอาการไม่ดีขึ้นไม่มีเงินรักษาต่อและยังไม่มีบ้านให้อยู่อีก แล้วพ่อของเธอที่เป็นคนป่วยจะลำบากขนาดไหน เธอไม่อยากให้พ่อที่แสนดีของเธอต้องทุกข์กายทุกข์ใจขนาดนั้น ตอนนี้เธอยังพอมีเวลา เธอก็ควรเตรียมการไว้ล่วงหน้าไม่ถูกต้องหรอกหรือ

“ฟังผมนะเจนนี่ ตอนนี้เรามีหน้าที่เรียนหนังสือก็เรียนไป ส่วนเรื่องอื่นในเมื่อมันยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่ต้องไปคิดมันล่วงหน้าให้ปวดหัว”


สองมือหนาของแอสตันตรึงไหล่แคบให้อยู่กับที่ ใบหน้าหล่อก้มมองคู่สนทนานิ่ง ดวงตาคู่คมมองจ้องคล้ายสะกดจิตจนเจนนิเฟอร์ไม่อาจถอนสายตาหนี

“แล้วถ้า…”


“ถ้าถึงวันนั้นแล้วเจนนี่ไม่มีที่ไป ผมสัญญาว่าผมจะช่วยเหลือเจนนี่เอง”


“คุณแอสจะไม่ทิ้งเจนนี่กับพ่อใช่ไหมคะ”


“แน่นอน”


“ขอบคุณค่ะคุณแอส ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเจนนี่ ขอบคุณจริงๆค่ะ”


เจ้าของร่างเล็กบางที่มีน้ำตาหลั่งเป็นสายโผเข้ากอดร่างสูงตรงหน้าคล้ายเด็กน้อยเสียขวัญต้องการที่พึ่งพิง ใบหน้าเรียวเล็กเปื้อนน้ำตาซบลงกับอกอุ่นแนบแน่น และยิ่งอุ่นมากขึ้นเมื่อสองแขนกำยำของแอสตันโอบกอดกลับมาพร้อมทั้งกดศรีษะเธอให้ซุกอยู่กับอกกว้างแข็งแรง

จริงๆเจนนิเฟอร์ใช้เวลาขบคิดเรื่องนี้อยู่หลายวันแล้ว ติดที่ว่าเธอยังไม่รู้จะปรึกษาใครดี การเรียนก็ไม่อยากทิ้งแต่ก็กลัวพ่อจะลำบาก มาวันนี้สบโอกาสได้เจอแอสตันพอดี ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะเธอไว้ใจเขาจากเรื่องราวที่พ่อมักพูดกรอกหูหรือเป็นเพราะเขาอยู่กับเธอในวันที่เธอกำลังต้องการเพื่อนคู่คิด เธอจึงปรึกษาเรื่องนี้กับเขา แต่การได้พูดคุยกับชายหนุ่มก็ทำให้เธอสบายใจและเจอทางออกแล้ว และเธอก็เชื่อว่าแอสตันนั้นเป็นคนรักษาคำพูดยิ่งชีวิต ชายหนุ่มไม่ได้โกหกเธอ เขาไม่รังเกียจที่เธอเป็นลูกของคนที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหาย แอสตันเป็นคนดีอย่างที่พ่อเคยบอกไว้จริงๆด้วย


“ผมจะไม่ทิ้งเจนนี่กับพ่อให้ลำบาก แต่เจนนี่ต้องสัญญากับผมก่อนว่าจะเรียนให้จบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงเจนนี่ก็ต้องเรียนให้จบ ทำได้หรือเปล่า”


แอสตันก้มใบหน้าลงต่ำเพื่อสบตากับเจนนิเฟอร์พลางขอคำสัญญาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ได้ค่ะ เจนนี่สัญญา”


คนตัวเล็กพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากอกอุ่นขึ้นมองแอสตันสายตาแน่วแน่ให้คำมั่นสัญญา แล้วปล่อยมือจากการกอดรัดร่างสูงอย่างเก้อเขินใบหน้าแดงก่ำที่เมื่อกี้นี้ลืมตัวเผลอกอดเขาเสียแน่นเชียว ก่อนที่นิ้วก้อยเรียวเล็กจะคว้านิ้วก้อยสีแทนของแอสตันเข้ามาเกี่ยวเป็นการยืนยันคำพูด เรื่องนี้เธอสามารถให้คำมั่นกับแอสตันได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง เพราะเรื่องเรียนคือความต้องการของเธอเช่นกัน

“เก่งมาก ที่นี้ก็กลับบ้านกัน ผมไปส่ง”


เมื่อเจนนิเฟอร์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะจนทำให้คลายความกังวลใจ แอสตันจึงใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยคราบน้ำตาออกจากแก้มป่องๆของคนคิดมากแถมยังขี้แยเป็นเด็กน้อย จากนั้นมือใหญ่จึงลูบศีรษะเล็กๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มแผ่วเบา ก่อนดึงหนังสือเรียนสองสามเล่มในอ้อมแขนเจนนิเฟอร์มาถือไว้เสียเอง แล้วก้าวเดินออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมๆกันมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ลานจอดรถ ซึ่งลูกน้องของเขานำรถสปอร์ตสีดำมันปลาบอันเป็นรถยนต์ส่วนตัวมาจอดไว้ให้ตามคำสั่งก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว

…………………………………………………………………………………………………………………………………………

เปลือกตาบางของคนกำลังนอนฝันหวานค่อยๆขยุกขยิกเมื่อถูกรบกวน ความอุ่นสบายที่ได้รับจากที่นอนแข็งกระด้างแต่แสนจะอบอุ่นภายในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำทำให้คนที่กำลังนอนหลับสบายยังไม่พร้อมลืมตาตื่นแต่เพราะความเปียกชื้นสากระคายที่สัมผัสไปทั่วบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะสองแก้มนุ่มกับความอุ่นร้อนจากอะไรบางอย่างที่แนบชิดอยู่กับต้นขาเนียนนั้นมิอาจทำให้เจ้าของเรือนร่างเพรียวระหงนอนหลับตาต่อไปได้อีก


“อื้อออ”


“ขี้เซาจริง ปลุกตั้งนานแล้วยังไม่ยอมตื่น สงสัยอยากโดนลักหลับ”


เอริสาครางเสียงยาวในลำคอคล้ายไม่ค่อยพอใจที่ถูกคุกคามทั้งที่ดวงตาคู่งามยังเปิดไม่เต็มที่ แต่เพียงได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยข่มขู่อยู่ชิดใบหู ดวงตากลมหวานทั้งสองข้างก็พร้อมใจกันลืมขึ้นมาทันควันและทันได้เห็นว่าใครคือคนที่ปลุกเธอขึ้นมาจากนิทราแสนสุข

“คุณชาย!”


“ทำไมต้องทำหน้าตกใจ นอกจากฉันยังมีใครกล้ากอดเธออย่างนี้อีกรึไง”


คนขี้ระแวงยันศอกทั้งสองข้างคร่อมร่างเพรียวไว้กับที่นอนพลางก้มหน้ามองคนใต้ร่างเต็มตาแล้วเอ่ยถามเสียงเข้มหน้าตาบึ้งตึง อารมณ์อ่อนหวานที่ได้รับจากการลวนลามคนหลับก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเอริสายามลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขา หรือที่เจ้าหล่อนนอนซุกอกเขา กอดก่ายเขาแนบแน่นแล้วอมยิ้มน้อยๆคล้ายกำลังฝันหวานนั้นเอริสาฝันว่าเขาคือผู้ชายคนอื่น พอตื่นมาแล้วรู้ว่าไม่ใช่ก็เลยตกใจ

หึ! อย่าให้รู้นะว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร รู้ตัวมันเมื่อไรเขาไม่เก็บมันไว้เป็นเสี้ยนหนามตำหัวใจแน่!


“เปล่าค่ะ คือ…”


เอริสารีบส่ายศีรษะกับที่นอนเป็นพัลวันด้วยกลัวว่าดาเนียลจะเข้าใจเธอผิด เพราะนอกจากชายหนุ่ม เธอก็ไม่เคยคิดจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดเหมือนที่เธอยินยอมให้เขา แต่ที่ตกใจเป็นเพราะเธอเพิ่งรู้ความจริงว่าที่นอนแข็งกระด้างแสนอบอุ่นที่เธอนอนซุกกายอย่างเป็นสุขนั้นจริงๆมันคืออกอุ่นของดาเนียลต่างหากและความจริงนั้นก็ทำให้เธอทำอะไรแทบไม่ถูก เพราะเธอพอจำได้เลือนรางว่าเธอเผลอซุกใบหน้าเข้าหาที่นอนนั้นแนบแน่น อีกทั้งสองแขนสองขายังโอบกอดก่ายเกยที่นอนอุ่นนั้นราวกับเขาเป็นหมอนข้างส่วนตัว ซึ่งไม่รู้ว่าดาเนียลจะมองว่าการกระทำของเธอน่าเกลียดหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าถามออกไป เธอจึงหันเหความสนใจของเขาไปเรื่องอื่นแทน


“แล้วเรากลับมานอนในห้องนี้ได้ยังไงคะ”


และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เอริสามึนงงก็คือทำไมเธอกับดาเนียลถึงมาโผล่บนเตียงนอนหนานุ่มในห้องนอนของชายหนุ่มแบบนี้ ในเมื่อความทรงจำสุดท้ายคือดาเนียลกำลังนอนหนุนตักเธออยู่บนพื้นในห้องออกกำลังกายด้วยความเหนื่อยล้า และเธอก็ลูบมือกับศีรษะของเขาแผ่วเบาปลอบประโลม แล้วทำไปทำมาเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

“ก็ใครล่ะนั่งหลับจนฉันต้องอุ้มกลับมานอน” น้ำเสียงคนตอบยังติดจะห้าวห้วนอย่างเคืองๆ


“ดิฉันเหรอคะ?”


เอริสายกมือชี้หน้าตัวเองพลางเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อคำพูดของดาเนียล เป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะนั่งหลับ ในเมื่อเธอกำลังมีความสุขล้นอกกับการได้นั่งมองชายที่เธอรักหลับใหลอยู่บนตักของตัวเองอย่างไม่คาดฝันแบบนั้น เธอนี่หรือจะยอมพลาดโอกาสดีๆที่ชีวิตนี้อาจหาไม่ได้อีกแล้วด้วยการเผลอหลับอย่างที่ดาเนียลบอก ในเมื่อเธอยังอยากมีเวทย์มนต์วิเศษที่จะสามารถหยุดเวลาเอาไว้แล้วนั่งมองชายหนุ่มต่อไปให้นานชั่วกัปชั่วกัลป์ด้วยซ้ำ


“ฉันมั้ง ถามแปลก”


“ขอโทษค่ะ”


แม้ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอนั่งหลับจริงๆ แต่การที่เธอกลับมานอนอยู่บนเตียงนอนของดาเนียลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีที่สุด เอริสาจึงเอียงหน้าซบซีกแก้มกับเตียงนอนด้วยความสะเทิ้นอายที่ไร้ความเป็นกุลสตรีที่ดีนอนหลับไม่ระวังตัวแล้วยังเดือดร้อนให้คนที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างดาเนียลต้องเสียเวลาอุ้มพาเธอขึ้นมาอีก ก่อนเอ่ยขอโทษออกไปเสียงแผ่ว

“ยัง ความผิดเธอไม่ได้หมดแค่นี้”


เอริสาหมุนใบหน้ากลับมามองคนเหนือร่างพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อชายหนุ่มบอกว่าเธอยังมีความผิดเรื่องอื่นติดตัว แต่มองได้เพียงครู่เธอก็ต้องหันใบหน้าหลบสายตาคู่คมนั้นอีกครั้ง เพราะนัยน์ตาสีนิลของชายหนุ่มฉายแววกรุ่มกริ่มแพรวพราวไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย

“ไม่อยากรู้เหรอว่าเธอทำอะไรผิด”


“ดิฉันทำอะไรผิดเหรอคะ” เอริสาเอ่ยถามอยากรู้ทั้งที่ยังไม่ยอมหันหน้ากลับมามองคนเหนือร่าง


“เธอทำให้ฉันเกือบตายเพราะหายใจไม่ออก”


“คะ?”


คราวนี้ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายต่อสายตากรุ่มกริ่มของเอริสาหันขวับกลับมามองคนพูดอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ ดวงตากลมหวานเบิกกว้างฉายแววตระหนกสุดขีด ใบหน้าสีระเรื่อแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้สีเลือดด้วยความรู้สึกผิดที่เธอทำให้ดาเนียลเกือบได้รับอันตรายถึงชีวิต

“จริง ฉันหายใจไม่ออก มันแน่นไปหมด”


“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ดิฉันขอโทษ ตอนนี้คุณชายดีขึ้นหรือยังคะ แล้ว...ดิฉันทำอะไรไปบ้าง”


ละล่ำละลักเอ่ยขอโทษออกไปน้ำเสียงสั่นเครืออย่างรู้สึกผิดเหลือเกินที่เธอขาดความระมัดระวังจนเกือบทำให้ดาเนียลต้องเดือดร้อน และอยากรู้นักว่าเธอเผลอทำอะไรลงไปบ้างคราวหน้าคราวหลังเธอจะได้เพิ่มความระวังให้มากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก

“เธอหลับแล้วโน้มตัวมาทับฉัน”


พูดแค่นั้นเรียวปากสีชมพูเข้มก็กดยิ้มมุมปาก ดวงตาของดาเนียลนั้นแพรวพราววิบวับจนเอริสาขนลุกซู่ ชักแปลกใจกับท่าทีของเขา เพราะคิดว่าชายหนุ่มน่าจะแสดงออกว่าโกรธกริ้วมากกว่าจะหยักยิ้มเจ้าเล่ห์อันตรายแบบนี้

“ทับที่หน้าแบบนี้...จนฉันหายใจไม่ได้เลย”


และทันที่ที่พูดจบ ดาเนียลก็ก้มใบหน้าลงต่ำช้าๆ ก่อนซบใบหน้ากรุ้มกริ่มกับอกอิ่มของเอริสาแนบแน่นแล้วจับพลิกร่างบางให้ขึ้นมานอนอยู่ด้านบนทับลงมาบนตัวของเขาเป็นการสาธิตตัวอย่างให้หญิงสาวดูว่าเพราะเหตุใดเขาถึงหายใจหายคอไม่ได้

ก็แน่ล่ะ! ดาเนียลจะหายใจออกได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นซุกใบหน้าจมอยู่กลางหว่างอกอวบซะแน่นขนาดนั้น แถมยังกอดรัดร่างบางเอาไว้แนบชิดไม่ยอมให้เอริสาดิ้นหนีออกห่างอีกต่างหาก


“คุณชาย!”


คนตกเป็นจำเลยไม่รู้ตัวอุทานออกมาอย่างตกใจกับการกระทำของดาเนียลพลางยกมือดันศีรษะของเขาออกห่าง แต่ช่างยากเย็นนักเพราะชายหนุ่มไม่ยอมให้ความร่วมมือ คราวนี้เอริสาเข้าใจถ่องแท้ว่าเธอเสียรู้คุณชายจอมเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว เพราะต่อให้เรื่องเป็นอย่างที่ดาเนียลบอกจริง ชายหนุ่มก็คงไม่เดือดร้อน เพราะหลักฐานมันฟ้องชัดเจนว่าเขาชอบมัน มิเช่นนั้นตอนนี้เขาคงไม่ซุกไซ้ปลายจมูกโด่งกับทรวงอกของเธอแนบชิดไม่ยอมถอนออกเช่นนี้หรอก แล้วคนถูกหลอกก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อสัมผัสหยอกเย้าของดาเนียลค่อยๆทวีความหนักหน่วงมากขึ้นๆจนความร้อนผ่าวค่อยๆลามเลียไปทั่วร่างกาย

“อยู่ใกล้กันแค่นี้จะเรียกเสียงดังทำไม”


คนถูกถามเงยหน้าจากอกอิ่มเพียงนิดแล้วตอบกลับมาเสียงห้วนอย่างไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ


“คุณชายจะทำอะไรคะ”


เจ้าของเสียงสั่นเอ่ยถามออกไปรัวเร็ว ไม่ใช่ไม่รู้จุดประสงค์แต่เธอต้องการห้ามปรามเขาต่างหาก

“ไม่รู้? ถ้าไม่รู้จะทำให้ดู วันหลังจะได้ไม่ถามอะไรแบบนี้อีก เสียชื่อคนสอนอย่างฉันหมด”


บ่นจบเอริสาก็ถูกจับพลิกกลับมานอนอยู่ด้านล่างอีกครั้งไม่ทันตั้งตัวแผ่นหลังเนียนยังไม่ทันแตะที่นอนเรียวปากหยักสวยของดาเนียลก็ฉกวูบเข้าหาริมฝีปากบางเย้ายวนของคนหน้าตาตื่นใต้ร่างไม่ให้หญิงสาวเปล่งเสียงห้ามปรามที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน สองมือหนาตรึงข้อมือเล็กๆของเอริสาไว้กับที่นอนป้องกันการผลักไส ดาเนียลบดจูบเรียวปากบางของเอริสาเนิ่นนานหนักหน่วงจนมันชอกช้ำ ทำเอาคนที่ยังไม่ประสากับจุมพิตเร่าร้อนนั้นเกิดอาการหายใจติดขัด เห็นอย่างนั้นดาเนียลจึงยอมถอนริมฝีปากออกห่างเพื่อเปิดโอกาสให้แม่เมียอ่อนหัดได้สูดอากาศเข้าปอด

แต่ใช่ว่าดาเนียลจะใจดียอมปล่อยให้เอริสาพ้นมือ เมื่อจูบปากไม่ได้ ชายหนุ่มจึงลากไล้ริมฝีปากหยักไล่ลงมาจากปลายคางมน ทุกพื้นที่ผิวที่ริมฝีปากลากผ่านนั้นถูกจูบซับความหอมละมุนของเนื้อสาวเข้าไปจนฉ่ำปอด ลำคอระหงหอมกรุ่นถูกจูบซับด้วยความหลงใหลชายหนุ่มคลุกเคล้าใบหน้าที่มีหนวดเคราขึ้นจางๆซุกไซ้จนขนอ่อนในกายของคนถูกรังแกนั้นลุกเกรียวกราว


กระทั่งปลายจมูกโด่งคมนั้นลากไล้มาหยุดอยู่ที่ทรงอกกลมกลึงขาวนวลที่ยังมีสปอร์ตบราสีดำสลับเทายาวครึ่งตัวห่อหุ้มปกปิดความอร้าอร่ามจากสายตา สองมือหนาจึงปล่อยพันธนาการจากมือบางเพื่อสอดมือเข้าไปใต้แผ่นหลังเรียบเนียน จากนั้นตะขอบราสำหรับออกกำลังกายจึงหลุดออกจากกัน แผ่นหลังเนียนถูกมือใหญ่ช้อนขึ้นจากเตียงนอนเล็กน้อยเพื่อดึงบราที่มันเกะกะสายตาออกไปให้พ้นร่างงาม ทรวงเต้าขาวผ่องจึงดีดผึงอออกมาโชว์หราเต็มตาจนเลือดในกายของมือถอดร้อนระอุรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างโดยเฉพาะส่วนกลางร่างกาย น้ำลายในคอนั้นเหนียวเกินกว่าที่ดาเนียลจะกลืนมันลง

‘หน้าอกเมียกูสวยชิบ!’


ดาเนียลคิดในใจอย่างภาคภูมิกับความงดงามเย้ายวนตรงหน้า นอกจากภูมิใจจนถึงขึ้นหลงใหลกับความงามประดุจบัวปริ่มน้ำของทรวงอกภรรยา เขายังภูมิใจที่ได้เป็นผู้ครอบครองความสวยเย้ายวนใจชายนี้เป็นคนแรกและแน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ได้สัมผัสและเป็นเจ้าของมัน


ลมหายใจอุ่นร้อนกระชั้นถี่เมื่อสองตามองดูอกสาวที่เคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจของเจ้าของ สองมือหนาจึงสัมผัสโนมเนื้อกลมกลึงทั้งสองอย่างแสดงสิทธิ์ จับคลึงด้วยน้ำหนักมือแผ่วเบาราวกับกลัวมันจะเสียรูปทรงหากหนักมือมากเกินไป แต่ความซ่านร้อนราวเปลวไฟที่กำลังลุกโชนยามสัมผัสกับความนุ่มเนียนเด้งดึ๋งราวสปริงชั้นดีที่ขยายใหญ่สู้มือ ดาเนียลก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการที่ถาโถมเข้ามาในร่างกายราวพายุกระหน่ำนั่นได้เลย สองมือใหญ่จึงออกแรงบีบคลึงตามแรงอารมณ์จนทรวงอกตึงงามนั้นขึ้นรอยแดงไปทั้งผิวทรวง


“อื้อ คุณชายคะ เมื่อเช้าคุณชายเพิ่งจะ...”


คนถูกรังแกจนเนื้อตัวแดงก่ำแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเพดานก่อนหลับตาลงเม้มปากแน่นเพื่อสกัดกั้นความซ่านหวิวที่ตีวนไปทั่วร่างกาย อีกทั้งยังพยายามทักท้วงว่าเมื่อเช้าเธอถูกคุณชายจอมหื่นจับกินไปแล้วนี่นา


“นั่นมันตอนเช้า แต่นี่มันตอนบ่าย คนละเวลากัน ไม่ต้องเถียง ถ้าเถียงจะเพิ่มรอบแบบไม่มีกำหนด”


คำขู่ที่รู้ดีว่าไม่ใช่แค่ขู่นั้นยังไม่ทำให้เอริสาหวาดกลัวหัวใจเต้นรุนแรงได้เท่าสายตาหื่นกระหายที่ดาเนียลกวาดมองไปทั่วร่างเปลือยท่อนบนของเธออย่างเปิดเผยนั่นเลย นัยน์ตาคมดุสีดำสนิทของชายหนุ่มตอนนี้มันหวานเชื่อมอัดแน่นไปด้วยความต้องการของบุรุษหนุ่มผู้มีพละกำลังมากมายมหาศาล มากมายชนิดที่ทำให้คนที่ต้องรองรับอารมณ์เร่าร้อนของเขานั้นแทบไร้เรี่ยวแรงประคองตัวทุกครั้งไป เพราะสำหรับดาเนียลไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว!


“แต่คุณชายบอกว่าวันนี้เหนื่อยมากไม่ใช่เหรอคะ”


แม้หนทางรอดนั้นจะเลือนราง แต่เอริสาก็ยังพยายามหาข้ออ้างมาต่อรอง เพราะถ้าพูดกันจริงๆเธอเองก็ยังเขินอายและอ่อนล้าไม่ใช่น้อยหลังจากจบบทรักเร่าร้อนเมื่อช่วงเช้า

“หายเหนื่อยแล้ว”


ดาเนียลอมยิ้มน้อยๆเอ็นดูคนหน้าแดงตัวแดงใต้ร่างที่หลบตาพยายามหาข้ออ้างมาหว่านล้อมเขาสารพัด แล้วก้มหน้าลงหอมแก้มนุ่มหนักๆอย่างมันเขี้ยว ตอนนี้เขาหายเหนื่อยจากเรื่องกระทบจิตใจเมื่อช่วงกลางวันเป็นปลิดทิ้งอย่างที่บอกไป นั่นเพราะเขาได้รับการเอาใจใส่อย่างอบอุ่นจากเอริสา หญิงสาวยอมให้เขานอนหนุนตักทั้งที่น้ำหนักตัวของเขาน่าจะทำให้ต้นขาเล็กๆของเจ้าหล่อนปวดเหน็บทรมาน เอริสาทั้งโอบกอดทั้งหอมหน้าผากเขาเป็นการเอาใจจนก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายนั้นกระตุกรุนแรง อีกทั้งมือบางยังลูบศีรษะเขาแผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลมจนทำให้เขาผ่อนคลายจากความเศร้าหมอง และเขาก็รู้สึกได้ว่าทุกสัมผัสอ่อนโยนของแม่เมียตัวน้อยนั้นมาจากใจ ซึ่งมันทำให้เขามีความสุขล้นอกจนเกินบรรยาย คิดไม่ผิดเลยที่เขาตัดสินใจกลับมาบ้าน


นอกจากนี้เขายังได้รับข่าวน่ายินดีจากอดัมที่ทำหน้าที่ดูแลลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล ว่าพนักงานก่อสร้างที่ถูกเข็นร่างเข้าห้องฉุกเฉินนั้นมีอาการปอดฉีกซึ่งเป็นผลกระทบจากการโดนของแข็งกระแทกอย่างแรงในวันที่ตึกถล่ม แต่ตอนนี้พนักงานคนนั้นได้รับการรักษาทันเวลาและพ้นขีดอันตรายแล้ว เหลือเพียงพักฟื้นรักษาตัวอีกประมาณสองสามสัปดาห์ก็น่าจะหายเป็นปกติ ซึ่งมันทำให้เขาโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาลูกโตๆออกจากอก

และแรงสั่นของโทรศัพท์ไร้สายในกระเป๋ากางเกงตอนที่อดัมโทรมารายงานความคืบหน้านี้เองที่ปลุกเขาให้ลืมตาตื่นจากความเหนื่อยล้าที่รายล้อม และได้เห็นด้วยสองตาตัวเองว่าสองแขนเรียวของเอริสาโอบกอดอยู่บนตัวของเขาไม่คลายและเจ้าของตักอุ่นที่ใจดีอุทิศกายเป็นหมอนหนุนให้เขานั้นหลับพับพิงศีรษะแนบชิดกับศีรษะของเขา ถึงว่าสิทำไมเขาถึงหลับสบายนัก ที่แท้ก็เพราะมีอ้อมแขนของเอริสาโอบกอดให้ความอบอุ่นนี่เอง เพียงแค่นั้นหัวใจที่แบนลีบเหี่ยวเฉาก็กลับมาพองโตเต้นแรงเหมือนต้นไม้ใกล้ตายกลางทะเลทรายร้อนระอุที่ได้รับหยาดน้ำฝนเย็นฉ่ำมาช่วยชุบชีวิตใหม่


หลังจากวางสายของอดัม ดาเนียลจึงค่อยๆช้อนอุ้มร่างอรชรของเอริสาขึ้นในวงแขน พาหญิงสาวขึ้นไปนอนสบายๆในห้องนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำแล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันนอนหลับใหลไปอีกครั้งอย่างสุขใจ


“ว่าไง ตกลงจะสมยอมหรือต้องให้ปล้ำ ถ้าปล้ำก็สามยกขึ้นไป”


คำถามห่ามๆของดาเนียลยิ่งทำให้เอริสาเขินจัดจนใบหน้าแดงปลั่งนั้นร้อนผ่าวราวถูกอังด้วยถ่านร้อน รู้ดีว่าทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของดาเนียลนั้นไม่มีแล้ว ยังไงซะตอนนี้เธอก็ต้องถูกคุณชายจอมหื่นจับกินอยู่ดี แต่ถ้ายังดื้อดึงอาจมีเพิ่มรอบอย่างที่คุณชายจอมเจ้าเล่ห์ขู่ไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเขินจัด ก่อนพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบว่า ‘ยอมก็ได้’


“เด็กดี”

*************************************************************************************
 
    

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา