พ่ายรักพรางหัวใจ
8.8
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
33 ตอน
4 วิจารณ์
33.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) แม่ครัวคนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แบบนี้ใช้ได้หรือยังคะคุณป้า”
แม่ครัวคนใหม่พลิกตะหลิวในมือตักไข่เจียวปูในกระทะกลับอีกด้านเมื่อเห็นว่าสีของมันเป็นสีเหลืองทองสวยอย่างที่อาเธอร์สอนไว้ วันนี้เอริสาต้องกลายมาเป็นแม่ครัวฝึกหัดเรียนทำอาหารกับหัวหน้าแม่บ้านตามคำสั่งของดาเนียล
หลังจบอาหารมื้อเช้าชายหนุ่มก็เรียกอาเธอร์มาสั่งการ ให้สอนอย่างไรก็ได้แต่อาหารมื้อเย็นของวันนี้ต้องมาจากฝีมือเอริสา ซึ่งคนที่ต้องกลายมาเป็นแม่ครัวแบบฉับพลันนั้นทำหน้าเหลอหลางงงวย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาหญิงสาวไม่เคยแตะงานในครัวมาก่อนเลย ก็เอริสาเป็นบอดี้การ์ด ฉะนั้นเวลาว่างของหญิงสาวจึงหมดไปกับการเรียนวิชาการต่อสู้หรือไม่ก็เข้ายิมออกกำลังกาย พอต้องมาทำอาหารเอริสาจึงรู้สึกหนักใจพอสมควร แต่หญิงสาวก็ไม่ดื้อดึงคัดค้าน ดาเนียลสั่งให้ทำอะไรก็พยักหน้ารับคำสั่งเพียงอย่างเดียว
พอคนเจ้าบงการออกไปทำงาน เอริสาจึงกระตือรือร้นหาข้อมูลอาหารจากอินเตอร์เน็ตพร้อมทั้งปรึกษากับอาเธอร์เป็นการเร่งด่วน เพราะนอกจากกรรมวิธีการปรุงอาหาร รายการอาหารที่ดาเนียลโปรดปรานนั้นก็เป็นอีกอย่างที่เอริสาคิดหนัก เพราะเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มชอบกินอะไรเป็นพิเศษ อุตส่าห์ทำใจกล้าถามเขาๆก็ไม่ยอมบอก พอถามอาเธอร์ หัวหน้าแม่บ้านก็บอกว่าคุณชายกริมเมอร์นั้นลิ้นจระเข้ ทำอะไรให้กินก็กินหมด ไม่เคยบ่นว่าชอบหรือไม่ชอบ เจอโจทย์แบบนั้นเอริสาก็ยิ่งหนักใจ เพราะไม่รู้ว่าควรทำอะไรให้เขากินดี แต่พอคิดไปคิดมา ในเมื่อดาเนียลไม่เจาะจงรายการอาหาร ถ้าอย่างนั้นเธอขอทำอาหารไทยที่เธอคุ้นเคย ซ้ำยังทำไม่ยากนักและเน้นเป็นอาหารบำรุงสุขภาพคงจะดี เพราะดาเนียลนั้นโหมทำงานหนักบ่อยๆและกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลาเอาซะเลย บางทีงานยุ่งมากๆชายหนุ่มก็ดื่มแต่กาแฟดำแทนอาหารอีกต่างหาก เมนูอาหารที่เธอฝึกทำวันนี้จึงได้แก่บร็อคโคลี่ผัดกุ้งน้ำมันหอย ต้มจืดรากบัวกระดูกหมูใส่เก๋ากี้ช่วยบำรุงร่างกาย และไข่เจียวปูฟูฟ่องในกระทะที่กำลังถูกตักใส่จานเมื่ออาเธอร์บอกว่ามันสุกได้ที่แล้ว
“เก่งมากเลยค่ะนายหญิง สงสัยวันนี้ป้าต้องเตรียมข้าวสวยให้คุณชายเยอะๆหน่อย”
อาเธอร์เอ่ยชมเมื่อเอริสาวางจานไข่เจียวปูเนื้อแน่นก้อนกลมสีเหลืองทองกำลังดีบนโต๊ะที่มีอาหารอีกสองอย่างตักใส่ภาชนะไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เอริสาจะไม่เคยแตะงานครัว แต่เมื่ออดีตบอดี้การ์ดลองศึกษาจากอินเตอร์เน็ตและมีอาเธอร์คอยกำกับอยู่ข้างๆ อาหารไทยง่ายๆทั้งสามอย่างจึงสำเร็จเรียบร้อยหน้าตาดูน่ารับประทานพอใช้ได้ ส่วนเรื่องรสชาติคงต้องให้ดาเนียลเป็นผู้ประเมิน
“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ได้คุณป้า ฉันคงทำออกมาไม่ได้แบบนี้”
“ค่อยๆฝึกค่อยๆเรียนรู้กันไปนะคะ ผู้หญิงเราน่ะ จะสวยจะเก่งงานนอกแค่ไหน แต่เสน่ห์ปลายจวักนี่ยังไงก็ขาดไม่ได้ เคยได้ยินไหมคะว่าเสน่ห์ปลายจวักผัวรักผัวหลง”
คนฟังได้แต่ยิ้มเย็นกับคำสอนของหัวหน้าแม่บ้าน เพราะรู้ตัวดีว่าเธออยู่ในฐานะนักโทษหาใช่ภรรยาของดาเนียล เพราะฉะนั้นต่อให้เธอทำอาหารได้รสเลิศแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์ และเธอก็นึกถึงเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับอาเธอร์ขึ้นได้พอดี
“ป้าอาเธอร์คะ ป้าเรียกฉันว่าอลิสเหมือนเดิมเถอะค่ะ อย่าเรียกฉันว่านายหญิงเลย เดี๋ยวคุณชายได้ยิน ฉันกลัวป้าจะเดือดร้อน”
เอริสาเช็ดมือกับผ้าขนหนูจนแห้งแล้วหันมาพูดกับหัวหน้าแม่บ้านอย่างจริงจัง อาเธอร์ใจดีกับเธอเสมอมาและเธอก็รักเคารพอาเธอร์มากไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอจึงไม่อยากเห็นหัวหน้าแม่บ้านต้องเดือดร้อนเพียงเพราะความเข้าใจผิด
“เมื่อเช้าที่โต๊ะอาหารคุณชายไม่เห็นว่าอะไรเลยนี่คะ แล้วนายหญิงจะกลัวทำไม”
“ที่ไม่ว่าคงเพราะคุณชายไม่ได้ยินมากกว่าค่ะ นะคะ คุณป้าเรียกฉันว่าอลิสเหมือนเดิมเถอะค่ะ”
คนถูกเรียกว่านายหญิงอ้อนวอนสีหน้าเป็นทุกข์ เพราะนอกจากจะกลัวว่าคุณป้าแม่บ้านจะถูกลงโทษ เธอยังรู้สึกแสลงใจทุกครั้งที่ถูกเรียกด้วยตำแหน่งสูงส่งนั้น ตำแหน่งที่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นของเธอ
“บอกป้าได้ไหมคะว่าทำไมถึงไม่อยากให้เรียกแบบนั้น”
หัวหน้าแม่บ้านผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าห้าสิบปีเอ่ยถามหญิงสาวคราวลูกที่ทำหน้าทุกข์เศร้าตรงหน้าอย่างพิจารณา นี่เอริสาคงยังไม่รู้สินะว่าตำแหน่ง ‘นายหญิง’ ที่ทุกคนในคฤหาสน์กริมเมอร์พร้อมใจกันเรียกขานนั้นมาจากปากของแอสตันซึ่งเป็นถึงมือขวาของคุณชายใหญ่ หากไม่ได้รับคำสั่งมาจากดาเนียลโดยตรง แอสตันไม่มีวันนำเรื่องสำคัญแบบนี้มาพูดเล่นๆแน่ และถึงแม้แอสตันจะไม่บอก อาเธอร์เองก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณผ่านดวงตาฝ้าฟางมากประสบการณ์ ว่าผู้หญิงที่มีใบหน้าคมหวานคนนี้ยังไงก็หนีไม่พ้นตำแหน่งมาดามกริมเมอร์อย่างแน่นอน แต่ที่ก่อนหน้ายังลอยนวลมาได้อย่างปลอดภัยนั้นคงต้องถามหาเหตุผลจากดาเนียลเอาเอง
“เพราะสำหรับคุณชาย ฉันเป็นได้แค่นักโทษไร้ค่าเท่านั้นค่ะ อีกไม่นานก็ต้องไป”
อาเธอร์ดึงร่างเพรียวระหงของเอริสาเข้ามากอดพลางลูบหลังเบาๆปลอบโยน เมื่อหญิงสาวพูดไปร้องไห้ไปอย่างกำลังน้อยอกน้อยใจ นี่แสดงว่าระหว่างนายใหญ่กริมเมอร์กับเอริสานั้นยังไม่ได้เปิดอกทำความเข้าใจกันสินะ หญิงสาวจึงคิดมากกดตัวเองให้เป็นเพียงแค่นักโทษแบบนี้ เห็นแบบนั้นอาเธอร์ก็อยากจะบอกเอริสานักว่าดาเนียลนั้นไม่มีทางคิดกับหญิงสาวอย่างนั้นแน่ แต่ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอควรพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ดาเนียลควรเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเอริสาด้วยตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันความรู้สึก ส่วนเธอเป็นคนนอกคงไม่เหมาะนักหากจะเข้าไปก้าวก่ายเพราะบางทีความหวังดีอาจกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้ทั้งคู่แบบไม่ตั้งใจก็ได้
“นายหญิงฟังป้านะคะ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากมายแค่ไหน แต่ ณ เวลานี้ คุณได้มายืนอยู่ในจุดนี้แล้ว นายหญิงควรใช้โอกาสที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิคะ”
“คุณป้าหมายถึงอะไรคะ”
“นายหญิงเคยเห็นคุณชายคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังไหมคะ”
เอริสาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เท่าที่เธอทราบ ดาเนียลไม่เคยคบหากับใครจริงจัง ไม่เคยพูดถึงว่าสตรีคนไหนคือคนพิเศษ แต่ถ้าถามถึงคู่ขาล่ะมีมากมายก่ายกองจนนับไม่ถ้วน อาเธอร์จึงเอ่ยถามต่อไป
“นายหญิงอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปี แล้วเคยเห็นคุณชายพาผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านไหมคะ”
“แต่คุณเจสสิก้า…”
ใบหน้าสวยเฉี่ยวขมวดคิ้วมุ่น สมองกำลังประมวลคำถามของหัวหน้าแม่บ้าน เธอไม่เคยเห็นดาเนียลพาใครมาแนะนำตัวกับบิดามารดา จะมีก็แต่…เจสสิก้า แอมบริธิโอ ที่แวะเวียนมาหาดาเนียลที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอไม่รู้ว่าทั้งคู่ลึกซึ้งกันถึงขั้นไหน รู้เพียงแค่ว่าหญิงสาวคือลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณเดย์มอนด์และผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลมาดหมายให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่จากความสนิทสนมที่ดาเนียลมอบให้เจสสิก้ามากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเจสสิก้าคือว่าที่นายหญิงกริมเมอร์ตัวจริง
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องคนอื่นที่มันยังไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ” อาเธอร์รีบแทรกเมื่อพอจะรู้ว่าเอริสากำลังจะพูดอะไร
“ป้าแค่อยากจะบอกว่า…วันนี้คุณคือผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณชายอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ใกล้ คุณได้เข้าไปอยู่ในห้องนอนของคุณชายอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ย่างกรายเข้าไป แล้วคุณชายก็ไม่ได้ว่าอะไรตอนที่ป้าเรียกคุณว่านายหญิง ในเมื่อวันนี้คุณได้โอกาสที่คนอื่นไม่เคยได้ แล้วทำไมคุณไม่ใช้โอกาสนี้ทำสิ่งที่คุณคิดว่ามันไม่ใช่ให้มันใช่ล่ะคะ”
เอริสาเม้มปากเข้าหากัน ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด ในชีวิตเธอไม่เคยหวังสูงอยากเป็นภรรยาของดาเนียลเพราะรู้ตัวดีว่าเธอนั้นเป็นเพียงผู้หญิงต่ำต้อยไม่คู่ควร สิ่งที่เธอหวังมีเพียงหนึ่งเดียวคือขอแค่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าชายหนุ่มบ้างก็เท่านั้น ได้เห็นด้วยตาว่าดาเนียลมีความสุขกายสบายดี เธอไม่ต้องมีตัวตนในสายตาเขาก็ได้ ขอแค่เธอได้มองเห็นเขาไกลๆเท่านี้ก็มากเกินพอ
“แล้วถ้ามันไม่สำเร็จ”
“ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลงมือทำค่ะ”
อาเธอร์บีบมือให้กำลังใจเมื่อเห็นสีหน้าหวาดหวั่นไม่มั่นใจของอดีตบอดี้การ์ด เพราะเธอเห็นคุณชายกริมเมอร์มาแต่อ้อนแต่ออดจึงพอจะรู้นิสัยบ้างว่าดาเนียลนั้นเป็นคนใจร้อน เลือกที่จะแสดงออกมากกว่าพูดจา ถ้าเป็นของที่รักจะหวงมากไม่ยอมให้ใครแตะ และถนัดให้คนเข้าหามากกว่าเข้าหาคนอื่น จึงได้แต่หวังว่าคำชี้แนะของเธอจะทำให้เอริสานั้นมีความกล้ามากพอที่จะโอนอ่อนเข้าหาดาเนียลบ้างไม่มากก็น้อย หากหญิงสาวรู้จักเอาใจใส่ดูแลดาเนียลมากกว่าจะหลบหลีกด้วยความน้อยใจอย่างที่เป็นอยู่ ดาเนียลคงดีใจและค่อยๆเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และเธอเชื่อว่าความรู้สึกดีๆที่ทั้งคู่มีให้กันจะค่อยๆกะเทาะเกราะป้องกันที่ปิดกั้นความรู้สึกลึกๆที่ถูกเก็บซ่อนไว้ให้หมดไปเสียที
ส่วนเอริสาที่ได้ฟังคำแนะนำอย่างหวังดีจากหัวหน้าแม่บ้านที่เธอเคารพก็คิดหนัก เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าหาดาเนียลแบบนั้น ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ตะเพิดออกมาให้ความเจ็บช้ำมันทวีคูณ แต่หากมัวแต่กลัวจนปล่อยโอกาสทิ้งไปเปล่าๆเธอเองคงเสียดายไม่น้อย เพราะฉะนั้นเธอควรจะลองเสี่ยงดูสักครั้งใช่หรือเปล่า หากไม่เป็นอย่างที่หวังก็ถือว่าเสมอตัว แต่หากผลลัพธ์มันออกมาดีก็ถือเป็นกำไรชีวิต แต่เธอไม่ได้ใฝ่สูงหวังจะได้อยู่ในตำแหน่งนายหญิงตระกูลกริมเมอร์หรอกนะ เธอแค่หวังจะใช้ช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่ดูแลผู้ชายที่เธอรักและเก็บช่วงเวลาที่ดีนี้ไว้เป็นความทรงจำให้คิดถึงในวันที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เขาก็เท่านั้น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ไอ้ดาเนียลมันเป็นยังไงบ้าง”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองออกไปนอกหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมกว้างใสแจ๋วที่อยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เมื่อลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานเปิดประตูเข้ามาหาตามคำสั่ง
“มันพาน้องสาวไปเที่ยวเมืองไทยครับ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน พอมาถึงก็ไปตรวจที่ไซต์งานแต่ก็น่าจะไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเพราะทีมวิศวะฯถูกมันด่ากระเจิง”
“แล้วพวกมันสงสัยอะไรบ้าง”
“พวกมันพุ่งเป้าไปที่ไอ้โทนี่คนเดียวเลยครับ เพราะลูกน้องไอ้ดาเนียลทุกคนยืนยันตรงกันว่าระหว่างที่ตึกกำลังก่อสร้าง โทนี่อยู่คุมงานที่ไซต์งานทุกวัน มันเลยคิดว่าไอ้โทนี่ทำงานชุ่ยครับ แล้วก็น่าจะระแวงด้วยว่าไอ้โทนี่มันยักยอกเงินค่าวัสดุก่อสร้างหรือเปล่า”
“มันไม่ได้สงสัยคนอื่นแน่นะ”
“แน่ครับ เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่ามันกำลังจะปลดชื่อไอ้โทนี่ออกจากการเป็นพนักงานแล้วครับ มีแววว่าจะถูกมันฟ้องเรียกค่าเสียหายอีกต่างหาก เพราะมีลูกน้องของดาเนียลเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของโทนี่บ้างแล้ว”
“งั้นก็เป็นอย่างที่ฉันวางแผนไว้สินะ หึ! แล้วไอ้โทนี่ล่ะ อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูครับ ยังไม่รู้สึกตัว หมอบอกว่าน่าเป็นห่วง โอกาสรอดห้าสิบห้าสิบครับ เพราะเส้นประสาทเส้นสำคัญหลายเส้นถูกกระแทกอย่างแรงจนเสียหาย”
“ถ้าไอ้โทนี่มันฟื้น แกอย่าลืมกำชับมันอีกทีล่ะว่าทุกอย่างห้ามสาวมาถึงตัวฉันเด็ดขาด”
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตหันกลับมามองหน้าลูกน้องอย่างต้องการสื่อความหมาย
“ครับ แต่คงต้องรออีกสักพัก เพราะตอนนี้ไอ้อดัมมันเทียวไปเทียวมาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดครับ”
“ไม่เป็นไร ไว้มีโอกาสเหมาะๆ แกค่อยลงมือแล้วกัน แต่อย่าให้พลาดล่ะ ถ้าไอ้ดาเนียลจับได้เราจะตายกันหมด”
ผู้เป็นนายเอ่ยเตือนเสียงเข้ม เพราะถึงจะบ้าบิ่นมากขนาดที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างดาเนียล แต่เขาก็ยังมีความยำเกรงหมอนั่นอยู่ดี เพราะรู้ตัวว่าถ้าถูกจับได้ขึ้นมา ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องถูกสับเละเป็นผุยผงแน่นอน โดยเฉพาะเขาที่เป็นหัวโจก
“ครับนาย”
“แล้วลูกสาวไอ้โทนี่ล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ยังใช้ชีวิตปกติครับ พอเลิกเรียนก็จะมาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล”
“อืม คอยดูไว้ให้ดี เผื่อสักวันฉันอาจต้องใช้งาน”
“ครับนาย”
“แกรีบไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณพ่อมาเห็นแล้วจะสงสัย”
สั่งเสร็จลูกน้องหน้าเหี้ยมก็สวมแว่นดำปกปิดใบหน้าแล้วรีบออกไปจากห้องของเจ้านาย ใช้บันไดหนีไฟหลบหลีกสายตาของพนักงานในบริษัท ส่วนคนสั่งการหันกลับไปมองวิวนอกหน้าต่างอีกครั้งยกยิ้มเยาะเย้ยมุมปากอย่างสาแก่ใจ เพราะวิวที่เขามองเห็นไกลๆจากตึกสูงชั้นที่ยี่สิบนั้นคือเศษซากที่เคยเป็นโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูหราของดาเนียล กริมเมอร์นั่นเอง
......................................................................................................................................................................
แม่ครัวคนใหม่พลิกตะหลิวในมือตักไข่เจียวปูในกระทะกลับอีกด้านเมื่อเห็นว่าสีของมันเป็นสีเหลืองทองสวยอย่างที่อาเธอร์สอนไว้ วันนี้เอริสาต้องกลายมาเป็นแม่ครัวฝึกหัดเรียนทำอาหารกับหัวหน้าแม่บ้านตามคำสั่งของดาเนียล
หลังจบอาหารมื้อเช้าชายหนุ่มก็เรียกอาเธอร์มาสั่งการ ให้สอนอย่างไรก็ได้แต่อาหารมื้อเย็นของวันนี้ต้องมาจากฝีมือเอริสา ซึ่งคนที่ต้องกลายมาเป็นแม่ครัวแบบฉับพลันนั้นทำหน้าเหลอหลางงงวย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาหญิงสาวไม่เคยแตะงานในครัวมาก่อนเลย ก็เอริสาเป็นบอดี้การ์ด ฉะนั้นเวลาว่างของหญิงสาวจึงหมดไปกับการเรียนวิชาการต่อสู้หรือไม่ก็เข้ายิมออกกำลังกาย พอต้องมาทำอาหารเอริสาจึงรู้สึกหนักใจพอสมควร แต่หญิงสาวก็ไม่ดื้อดึงคัดค้าน ดาเนียลสั่งให้ทำอะไรก็พยักหน้ารับคำสั่งเพียงอย่างเดียว
พอคนเจ้าบงการออกไปทำงาน เอริสาจึงกระตือรือร้นหาข้อมูลอาหารจากอินเตอร์เน็ตพร้อมทั้งปรึกษากับอาเธอร์เป็นการเร่งด่วน เพราะนอกจากกรรมวิธีการปรุงอาหาร รายการอาหารที่ดาเนียลโปรดปรานนั้นก็เป็นอีกอย่างที่เอริสาคิดหนัก เพราะเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มชอบกินอะไรเป็นพิเศษ อุตส่าห์ทำใจกล้าถามเขาๆก็ไม่ยอมบอก พอถามอาเธอร์ หัวหน้าแม่บ้านก็บอกว่าคุณชายกริมเมอร์นั้นลิ้นจระเข้ ทำอะไรให้กินก็กินหมด ไม่เคยบ่นว่าชอบหรือไม่ชอบ เจอโจทย์แบบนั้นเอริสาก็ยิ่งหนักใจ เพราะไม่รู้ว่าควรทำอะไรให้เขากินดี แต่พอคิดไปคิดมา ในเมื่อดาเนียลไม่เจาะจงรายการอาหาร ถ้าอย่างนั้นเธอขอทำอาหารไทยที่เธอคุ้นเคย ซ้ำยังทำไม่ยากนักและเน้นเป็นอาหารบำรุงสุขภาพคงจะดี เพราะดาเนียลนั้นโหมทำงานหนักบ่อยๆและกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลาเอาซะเลย บางทีงานยุ่งมากๆชายหนุ่มก็ดื่มแต่กาแฟดำแทนอาหารอีกต่างหาก เมนูอาหารที่เธอฝึกทำวันนี้จึงได้แก่บร็อคโคลี่ผัดกุ้งน้ำมันหอย ต้มจืดรากบัวกระดูกหมูใส่เก๋ากี้ช่วยบำรุงร่างกาย และไข่เจียวปูฟูฟ่องในกระทะที่กำลังถูกตักใส่จานเมื่ออาเธอร์บอกว่ามันสุกได้ที่แล้ว
“เก่งมากเลยค่ะนายหญิง สงสัยวันนี้ป้าต้องเตรียมข้าวสวยให้คุณชายเยอะๆหน่อย”
อาเธอร์เอ่ยชมเมื่อเอริสาวางจานไข่เจียวปูเนื้อแน่นก้อนกลมสีเหลืองทองกำลังดีบนโต๊ะที่มีอาหารอีกสองอย่างตักใส่ภาชนะไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เอริสาจะไม่เคยแตะงานครัว แต่เมื่ออดีตบอดี้การ์ดลองศึกษาจากอินเตอร์เน็ตและมีอาเธอร์คอยกำกับอยู่ข้างๆ อาหารไทยง่ายๆทั้งสามอย่างจึงสำเร็จเรียบร้อยหน้าตาดูน่ารับประทานพอใช้ได้ ส่วนเรื่องรสชาติคงต้องให้ดาเนียลเป็นผู้ประเมิน
“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ได้คุณป้า ฉันคงทำออกมาไม่ได้แบบนี้”
“ค่อยๆฝึกค่อยๆเรียนรู้กันไปนะคะ ผู้หญิงเราน่ะ จะสวยจะเก่งงานนอกแค่ไหน แต่เสน่ห์ปลายจวักนี่ยังไงก็ขาดไม่ได้ เคยได้ยินไหมคะว่าเสน่ห์ปลายจวักผัวรักผัวหลง”
คนฟังได้แต่ยิ้มเย็นกับคำสอนของหัวหน้าแม่บ้าน เพราะรู้ตัวดีว่าเธออยู่ในฐานะนักโทษหาใช่ภรรยาของดาเนียล เพราะฉะนั้นต่อให้เธอทำอาหารได้รสเลิศแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์ และเธอก็นึกถึงเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับอาเธอร์ขึ้นได้พอดี
“ป้าอาเธอร์คะ ป้าเรียกฉันว่าอลิสเหมือนเดิมเถอะค่ะ อย่าเรียกฉันว่านายหญิงเลย เดี๋ยวคุณชายได้ยิน ฉันกลัวป้าจะเดือดร้อน”
เอริสาเช็ดมือกับผ้าขนหนูจนแห้งแล้วหันมาพูดกับหัวหน้าแม่บ้านอย่างจริงจัง อาเธอร์ใจดีกับเธอเสมอมาและเธอก็รักเคารพอาเธอร์มากไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอจึงไม่อยากเห็นหัวหน้าแม่บ้านต้องเดือดร้อนเพียงเพราะความเข้าใจผิด
“เมื่อเช้าที่โต๊ะอาหารคุณชายไม่เห็นว่าอะไรเลยนี่คะ แล้วนายหญิงจะกลัวทำไม”
“ที่ไม่ว่าคงเพราะคุณชายไม่ได้ยินมากกว่าค่ะ นะคะ คุณป้าเรียกฉันว่าอลิสเหมือนเดิมเถอะค่ะ”
คนถูกเรียกว่านายหญิงอ้อนวอนสีหน้าเป็นทุกข์ เพราะนอกจากจะกลัวว่าคุณป้าแม่บ้านจะถูกลงโทษ เธอยังรู้สึกแสลงใจทุกครั้งที่ถูกเรียกด้วยตำแหน่งสูงส่งนั้น ตำแหน่งที่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นของเธอ
“บอกป้าได้ไหมคะว่าทำไมถึงไม่อยากให้เรียกแบบนั้น”
หัวหน้าแม่บ้านผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าห้าสิบปีเอ่ยถามหญิงสาวคราวลูกที่ทำหน้าทุกข์เศร้าตรงหน้าอย่างพิจารณา นี่เอริสาคงยังไม่รู้สินะว่าตำแหน่ง ‘นายหญิง’ ที่ทุกคนในคฤหาสน์กริมเมอร์พร้อมใจกันเรียกขานนั้นมาจากปากของแอสตันซึ่งเป็นถึงมือขวาของคุณชายใหญ่ หากไม่ได้รับคำสั่งมาจากดาเนียลโดยตรง แอสตันไม่มีวันนำเรื่องสำคัญแบบนี้มาพูดเล่นๆแน่ และถึงแม้แอสตันจะไม่บอก อาเธอร์เองก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณผ่านดวงตาฝ้าฟางมากประสบการณ์ ว่าผู้หญิงที่มีใบหน้าคมหวานคนนี้ยังไงก็หนีไม่พ้นตำแหน่งมาดามกริมเมอร์อย่างแน่นอน แต่ที่ก่อนหน้ายังลอยนวลมาได้อย่างปลอดภัยนั้นคงต้องถามหาเหตุผลจากดาเนียลเอาเอง
“เพราะสำหรับคุณชาย ฉันเป็นได้แค่นักโทษไร้ค่าเท่านั้นค่ะ อีกไม่นานก็ต้องไป”
อาเธอร์ดึงร่างเพรียวระหงของเอริสาเข้ามากอดพลางลูบหลังเบาๆปลอบโยน เมื่อหญิงสาวพูดไปร้องไห้ไปอย่างกำลังน้อยอกน้อยใจ นี่แสดงว่าระหว่างนายใหญ่กริมเมอร์กับเอริสานั้นยังไม่ได้เปิดอกทำความเข้าใจกันสินะ หญิงสาวจึงคิดมากกดตัวเองให้เป็นเพียงแค่นักโทษแบบนี้ เห็นแบบนั้นอาเธอร์ก็อยากจะบอกเอริสานักว่าดาเนียลนั้นไม่มีทางคิดกับหญิงสาวอย่างนั้นแน่ แต่ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอควรพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ดาเนียลควรเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเอริสาด้วยตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันความรู้สึก ส่วนเธอเป็นคนนอกคงไม่เหมาะนักหากจะเข้าไปก้าวก่ายเพราะบางทีความหวังดีอาจกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้ทั้งคู่แบบไม่ตั้งใจก็ได้
“นายหญิงฟังป้านะคะ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากมายแค่ไหน แต่ ณ เวลานี้ คุณได้มายืนอยู่ในจุดนี้แล้ว นายหญิงควรใช้โอกาสที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิคะ”
“คุณป้าหมายถึงอะไรคะ”
“นายหญิงเคยเห็นคุณชายคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังไหมคะ”
เอริสาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เท่าที่เธอทราบ ดาเนียลไม่เคยคบหากับใครจริงจัง ไม่เคยพูดถึงว่าสตรีคนไหนคือคนพิเศษ แต่ถ้าถามถึงคู่ขาล่ะมีมากมายก่ายกองจนนับไม่ถ้วน อาเธอร์จึงเอ่ยถามต่อไป
“นายหญิงอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปี แล้วเคยเห็นคุณชายพาผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านไหมคะ”
“แต่คุณเจสสิก้า…”
ใบหน้าสวยเฉี่ยวขมวดคิ้วมุ่น สมองกำลังประมวลคำถามของหัวหน้าแม่บ้าน เธอไม่เคยเห็นดาเนียลพาใครมาแนะนำตัวกับบิดามารดา จะมีก็แต่…เจสสิก้า แอมบริธิโอ ที่แวะเวียนมาหาดาเนียลที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอไม่รู้ว่าทั้งคู่ลึกซึ้งกันถึงขั้นไหน รู้เพียงแค่ว่าหญิงสาวคือลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณเดย์มอนด์และผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลมาดหมายให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่จากความสนิทสนมที่ดาเนียลมอบให้เจสสิก้ามากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเจสสิก้าคือว่าที่นายหญิงกริมเมอร์ตัวจริง
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องคนอื่นที่มันยังไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ” อาเธอร์รีบแทรกเมื่อพอจะรู้ว่าเอริสากำลังจะพูดอะไร
“ป้าแค่อยากจะบอกว่า…วันนี้คุณคือผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณชายอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ใกล้ คุณได้เข้าไปอยู่ในห้องนอนของคุณชายอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ย่างกรายเข้าไป แล้วคุณชายก็ไม่ได้ว่าอะไรตอนที่ป้าเรียกคุณว่านายหญิง ในเมื่อวันนี้คุณได้โอกาสที่คนอื่นไม่เคยได้ แล้วทำไมคุณไม่ใช้โอกาสนี้ทำสิ่งที่คุณคิดว่ามันไม่ใช่ให้มันใช่ล่ะคะ”
เอริสาเม้มปากเข้าหากัน ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด ในชีวิตเธอไม่เคยหวังสูงอยากเป็นภรรยาของดาเนียลเพราะรู้ตัวดีว่าเธอนั้นเป็นเพียงผู้หญิงต่ำต้อยไม่คู่ควร สิ่งที่เธอหวังมีเพียงหนึ่งเดียวคือขอแค่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าชายหนุ่มบ้างก็เท่านั้น ได้เห็นด้วยตาว่าดาเนียลมีความสุขกายสบายดี เธอไม่ต้องมีตัวตนในสายตาเขาก็ได้ ขอแค่เธอได้มองเห็นเขาไกลๆเท่านี้ก็มากเกินพอ
“แล้วถ้ามันไม่สำเร็จ”
“ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลงมือทำค่ะ”
อาเธอร์บีบมือให้กำลังใจเมื่อเห็นสีหน้าหวาดหวั่นไม่มั่นใจของอดีตบอดี้การ์ด เพราะเธอเห็นคุณชายกริมเมอร์มาแต่อ้อนแต่ออดจึงพอจะรู้นิสัยบ้างว่าดาเนียลนั้นเป็นคนใจร้อน เลือกที่จะแสดงออกมากกว่าพูดจา ถ้าเป็นของที่รักจะหวงมากไม่ยอมให้ใครแตะ และถนัดให้คนเข้าหามากกว่าเข้าหาคนอื่น จึงได้แต่หวังว่าคำชี้แนะของเธอจะทำให้เอริสานั้นมีความกล้ามากพอที่จะโอนอ่อนเข้าหาดาเนียลบ้างไม่มากก็น้อย หากหญิงสาวรู้จักเอาใจใส่ดูแลดาเนียลมากกว่าจะหลบหลีกด้วยความน้อยใจอย่างที่เป็นอยู่ ดาเนียลคงดีใจและค่อยๆเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และเธอเชื่อว่าความรู้สึกดีๆที่ทั้งคู่มีให้กันจะค่อยๆกะเทาะเกราะป้องกันที่ปิดกั้นความรู้สึกลึกๆที่ถูกเก็บซ่อนไว้ให้หมดไปเสียที
ส่วนเอริสาที่ได้ฟังคำแนะนำอย่างหวังดีจากหัวหน้าแม่บ้านที่เธอเคารพก็คิดหนัก เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าหาดาเนียลแบบนั้น ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ตะเพิดออกมาให้ความเจ็บช้ำมันทวีคูณ แต่หากมัวแต่กลัวจนปล่อยโอกาสทิ้งไปเปล่าๆเธอเองคงเสียดายไม่น้อย เพราะฉะนั้นเธอควรจะลองเสี่ยงดูสักครั้งใช่หรือเปล่า หากไม่เป็นอย่างที่หวังก็ถือว่าเสมอตัว แต่หากผลลัพธ์มันออกมาดีก็ถือเป็นกำไรชีวิต แต่เธอไม่ได้ใฝ่สูงหวังจะได้อยู่ในตำแหน่งนายหญิงตระกูลกริมเมอร์หรอกนะ เธอแค่หวังจะใช้ช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่ดูแลผู้ชายที่เธอรักและเก็บช่วงเวลาที่ดีนี้ไว้เป็นความทรงจำให้คิดถึงในวันที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เขาก็เท่านั้น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ไอ้ดาเนียลมันเป็นยังไงบ้าง”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองออกไปนอกหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมกว้างใสแจ๋วที่อยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เมื่อลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานเปิดประตูเข้ามาหาตามคำสั่ง
“มันพาน้องสาวไปเที่ยวเมืองไทยครับ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน พอมาถึงก็ไปตรวจที่ไซต์งานแต่ก็น่าจะไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเพราะทีมวิศวะฯถูกมันด่ากระเจิง”
“แล้วพวกมันสงสัยอะไรบ้าง”
“พวกมันพุ่งเป้าไปที่ไอ้โทนี่คนเดียวเลยครับ เพราะลูกน้องไอ้ดาเนียลทุกคนยืนยันตรงกันว่าระหว่างที่ตึกกำลังก่อสร้าง โทนี่อยู่คุมงานที่ไซต์งานทุกวัน มันเลยคิดว่าไอ้โทนี่ทำงานชุ่ยครับ แล้วก็น่าจะระแวงด้วยว่าไอ้โทนี่มันยักยอกเงินค่าวัสดุก่อสร้างหรือเปล่า”
“มันไม่ได้สงสัยคนอื่นแน่นะ”
“แน่ครับ เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่ามันกำลังจะปลดชื่อไอ้โทนี่ออกจากการเป็นพนักงานแล้วครับ มีแววว่าจะถูกมันฟ้องเรียกค่าเสียหายอีกต่างหาก เพราะมีลูกน้องของดาเนียลเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของโทนี่บ้างแล้ว”
“งั้นก็เป็นอย่างที่ฉันวางแผนไว้สินะ หึ! แล้วไอ้โทนี่ล่ะ อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูครับ ยังไม่รู้สึกตัว หมอบอกว่าน่าเป็นห่วง โอกาสรอดห้าสิบห้าสิบครับ เพราะเส้นประสาทเส้นสำคัญหลายเส้นถูกกระแทกอย่างแรงจนเสียหาย”
“ถ้าไอ้โทนี่มันฟื้น แกอย่าลืมกำชับมันอีกทีล่ะว่าทุกอย่างห้ามสาวมาถึงตัวฉันเด็ดขาด”
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตหันกลับมามองหน้าลูกน้องอย่างต้องการสื่อความหมาย
“ครับ แต่คงต้องรออีกสักพัก เพราะตอนนี้ไอ้อดัมมันเทียวไปเทียวมาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดครับ”
“ไม่เป็นไร ไว้มีโอกาสเหมาะๆ แกค่อยลงมือแล้วกัน แต่อย่าให้พลาดล่ะ ถ้าไอ้ดาเนียลจับได้เราจะตายกันหมด”
ผู้เป็นนายเอ่ยเตือนเสียงเข้ม เพราะถึงจะบ้าบิ่นมากขนาดที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างดาเนียล แต่เขาก็ยังมีความยำเกรงหมอนั่นอยู่ดี เพราะรู้ตัวว่าถ้าถูกจับได้ขึ้นมา ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องถูกสับเละเป็นผุยผงแน่นอน โดยเฉพาะเขาที่เป็นหัวโจก
“ครับนาย”
“แล้วลูกสาวไอ้โทนี่ล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ยังใช้ชีวิตปกติครับ พอเลิกเรียนก็จะมาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล”
“อืม คอยดูไว้ให้ดี เผื่อสักวันฉันอาจต้องใช้งาน”
“ครับนาย”
“แกรีบไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณพ่อมาเห็นแล้วจะสงสัย”
สั่งเสร็จลูกน้องหน้าเหี้ยมก็สวมแว่นดำปกปิดใบหน้าแล้วรีบออกไปจากห้องของเจ้านาย ใช้บันไดหนีไฟหลบหลีกสายตาของพนักงานในบริษัท ส่วนคนสั่งการหันกลับไปมองวิวนอกหน้าต่างอีกครั้งยกยิ้มเยาะเย้ยมุมปากอย่างสาแก่ใจ เพราะวิวที่เขามองเห็นไกลๆจากตึกสูงชั้นที่ยี่สิบนั้นคือเศษซากที่เคยเป็นโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูหราของดาเนียล กริมเมอร์นั่นเอง
......................................................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ