พ่ายรักพรางหัวใจ

8.8

เขียนโดย Phaky

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.

  33 ตอน
  4 วิจารณ์
  33.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ความทรงจำสีจาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ขอฉันอยู่ในห้องคุณหนูตามลำพังสักครู่นะ สัญญาว่าจะไม่หนีไปไหน”

เจ้าของดวงตาแดงช้ำใบหน้าเศร้าสร้อยอย่างคนกำลังมีความทุกข์ในใจเอ่ยบอกกับแม่บ้านวัยไล่เลี่ยกันที่คอยเดินตามจับตาดูเธอทุกฝีก้าวหลังจากที่เธอฝืนกลืนอาหารเย็นลงกระเพาะได้เล็กน้อย เพราะรู้สึกตื้อตันเหมือนก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่ลำคอจนกลืนอาหารแทบไม่ลง อันที่จริงเธอไม่รู้สึกหิวเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำลงมารับประทานอาหารเย็นในห้องอาหารหรูหราก็เพราะถูกคุณป้าอาเธอร์หัวหน้าแม่บ้านขอร้องให้เธอลงมาหาอะไรกินรองท้องบ้าง ด้วยความเกรงใจและไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของคุณป้าที่ใจดีกับเธอเสมอมา เธอจึงต้องล้างหน้าล้างตาล้างร่องรอยความเสียใจบนใบหน้าแล้วตามโซเฟียซึ่งเป็นแม่บ้านที่ถูกสั่งให้มาดูแลเธอลงมากินอาหารเย็นด้านล่าง

จนเมื่อรู้ตัวว่าคงฝืนกลืนอาหารต่อไปไม่ไหว เธอจึงรวบช้อนแล้วตั้งใจกลับขึ้นมานอนร้องไห้คนเดียวในห้องนอนของดาเนียล แต่เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงทางสามแพร่ง ความคุ้นชินทำให้เธอเดินเลี้ยวมาทางปีกขวาของคฤหาสน์และรู้ตัวว่าเดินมาผิดทางเมื่อเห็นตุ๊กตาสีชมพูกับป้าย ‘ห้องคนน่ารัก’ ที่ติดไว้หน้าประตูห้องนอนของคุณหนูยอดดวงใจ ความคิดถึงมากมายล้นอกทำให้เธอเลือกที่จะเข้ามาในห้องนอนของดาร์เลเน่แทนที่จะกลับไปยังห้องของดาเนียล แล้วเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วให้โซเฟียรออยู่ด้านนอกไม่ต้องตามเข้ามาเฝ้าเธอ ซึ่งโซเฟียก็ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดีจึงยอมทำตามที่ร้องขอ

“ถ้าต้องการอะไรคุณอลิสเรียกโซเฟียได้เลยนะคะ โซเฟียจะรออยู่แถวๆนี้ค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ”

เอริสาตอบรับน้ำใจอันดีของโซเฟีย ก่อนหมุนลูกบิดประตูห้องนอนของดาร์เลเน่แล้วเดินเข้าไปด้านใน เพียงก้าวแรกที่ฝ่าเท้าย่างกรายเข้าสู่วิมานเจ้าหญิงที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สีชมพู หัวใจของเอริสาก็กระตุกรุนแรงจนมันปวดแปลบ หยาดน้ำตารินไหลเลอะแก้มนวลไม่รู้ตัว เพราะภาพความทรงจำมากมายยามดาร์เลเน่ทำกิจกรรมต่างๆภายในห้องนี้มันย้อนกลับเข้ามาในสมอง สองตาคมหวานหันไปเจอกระจกเงาบานใหญ่ แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็แว่วเข้ามาให้ได้ยินเหมือนมีเจ้าของเสียงอยู่ในห้องนี้ด้วย

“อลิสขา เจ้าขาสวยหรือยังคะ”

เสียงใสๆของดาร์เลเน่มักถามเธอเช่นนี้ยามเจ้าตัวนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสไตล์เจ้าหญิงที่มีกระจกเงาบานใหญ่สั่งทำเป็นพิเศษอันเป็นมุมสุดโปรด คุณหนูเจ้าขาชอบหันมาถามเธอเป็นประจำหลังเจ้าตัวแต่งหน้าแต่งตาเสร็จเรียบร้อย และเมื่อเธอบอกว่า ‘สวยแล้วค่ะ คุณหนูเจ้าขาของดิฉันสวยที่สุด’ ดาร์เลเน่ก็จะยิ้มแป้นอย่างมีความสุขจนดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นเป็นประกายระยิบระยับแล้ววิ่งมากอดเธอแน่นพลางซุกศีรษะเล็กกับอกของเธออย่างออดอ้อนทุกครั้งไป

เรียวขาสองข้างที่รู้สึกเหมือนว่ามันช่างอ่อนแรงพาร่างกายอ่อนระโหยไปนั่งบนขอบเตียงนอนสีชมพูของดาร์เลเน่ ฝ่ามือบางลูบบนที่นอนที่เคยมีร่างเล็กนอนดิ้นไปมาอย่างแสนคิดถึง

“อลิสขา เจ้าขานอนไม่หลับ เจ้าขาขอกอดอลิสหน่อยนะคะ”

ร่างเล็กๆของดาร์เลเน่ที่นอนอยู่บนเตียงสีชมพูมีผ้าห่มเข้าชุดกันห่มคลุมอยู่ถึงช่วงอกกางแขนทั้งสองข้างขึ้นในอากาศอย่างรอคอย อันเป็นภาษากายที่คุณหนูคนงามบอกใบ้ให้เธอนั้นขึ้นไปนอนเป็นเพื่อน แม้จะรู้ว่าเธอไม่ควรทำตัวเสมอเจ้านายด้วยการทอดตัวลงนอนเตียงเดียวกันกับน้องสาวเจ้าของคฤหาสน์กริมเมอร์ แต่เธอก็ไม่เคยใจแข็งกับดวงตากลมโตที่กระพริบปริบๆออดอ้อนจนขนตางอนยาวแทบพันกันนั่นได้เลยสักครั้ง เธอจึงได้แต่พยักหน้ารับแล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้าง ยอมให้ดาร์เลเน่ขยับเข้ามากอดร่างเธอแน่นคล้ายกอดตุ๊กตา รอจนกว่าคุณหนูตัวน้อยหลับสนิทเธอถึงจะลุกออกไปแล้วสอดหมอนข้างไว้ให้หญิงสาวกอดแทนซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแทบทุกวันจนกลายเป็นความเคยชิน

“อลิสขา เจ้าขารักอลิสนะคะ รักอลิสที่สุดเลย”

และนี่คือถ้อยคำที่คุณหนูตัวน้อยบอกกับเธอก่อนหลับตานอนทุกๆคืน ถ้อยคำที่ทำให้เธอมีรอยยิ้มและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง ดาร์เลเน่นอนกอดเธอเอาไว้แน่นแล้วบอกว่ารัก รักทั้งที่เธอเป็นแค่คนอื่นจนเธอตื้นตันในหัวใจ เจอปากหวานๆกับลูกอ้อนออเซาะน่ารักน่าเอ็นดูของคุณหนูเจ้าขาคนนี้เข้าไป เชื่อเหลือเกินว่าต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีความผูกพันกับดาร์เลเน่เหมือนอย่างเธอก็ต้องหลงรักหญิงสาวหัวปักหัวปำไม่ต่างกัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเมื่อวันนี้ไม่มีดาร์เลเน่คอยส่งยิ้มสดใสมาให้ ไม่มีเสียงใสๆซักถามหรือชี้ชวนเธอคุยดูนั่นดูนี่ไปตามประสาคนช่างพูด และไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นของหญิงสาวคอยโอบกอดให้รู้ว่าเธอไม่ได้เผชิญชีวิตอยู่ในโลกที่แสนโหดร้ายนี้เพียงลำพัง แล้วชีวิตของเธอจะทุกข์ทรมานเพียงใด

‘รูปที่คุณหนูถ่ายคู่กับเรา’

เอริสายังคงกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างแสนคิดถึง แล้วกรอบรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีพาสเทลหวานขนาดเท่าฝ่ามือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงเคียงข้างกับกรอบรูปดาร์เลเน่ในอิริยาบทต่างๆก็ทำให้เอริสาต้องยกมือปาดน้ำตาอีกครั้ง เพราะรูปในกรอบนั้นคือรูปดาร์เลเน่วัยหกขวบกำลังยิ้มตาหยีโอบกอดเธอเอาไว้ในวันแรกที่มาดามกริมเมอร์พาเธอมาอยู่ที่นี่ ภาพความทรงจำวันวานดีๆจึงย้อนกลับเข้ามาให้นึกถึง

“เจ้าขาจ๋า หม่ามี้กับแด็ดดี้กลับมาแล้วจ้ะ”

“เย้ๆ หม่ามี้มาแล้ว แด็ดดี้ก็มาด้วย เจ้าขาดีใจที่สุดเลย เจ้าขาคิดถึ๊งคิดถึงหม่ามี้กับแด็ดดี้ค่ะ”

คุณชลิตา กริมเมอร์ สาวสวยชาวไทยที่แต่งงานกับ เดย์มอนด์ กริมเมอร์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจรูปหล่อเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายในอเมริกา เปล่งเสียงเรียกลูกสาวคนเล็กตัวอ้วนกลมแก้มยุ้ยเป็นพวงสีชมพูระเรื่อที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตากับพี่เลี้ยงในห้องนั่งเล่นให้หันกลับมามอง เมื่อหนูน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องหันมาเห็นว่ามารดากับบิดาที่เดินทางไปทำธุระที่เมืองไทยกลับมาถึงบ้านแล้ว เด็กน้อยคนนั้นก็ทิ้งทุกอย่างในมือแล้วพาร่างกลมป้อมวิ่งตึงๆเข้ามาหาทั้งคู่ก่อนกระโดดโผเข้ากอดด้วยความดีใจ ภาพความอบอุ่นในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูกนั้นกำลังกระทบจิตใจของผู้มาใหม่จนมือเล็กๆต้องยกขึ้นปาดน้ำตา

“เอ๋? นั่นใครเหรอคะหม่ามี้”

หลังจากกอดและหอมกับบิดามารดาจนฉ่ำใจ ดวงตากลมโตใสแจ๋วของเด็กหญิงตัวน้อยจึงมองเห็นความผิดปกติบางอย่าง ดาร์เลเน่เอียงคอมองอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์นั้นมีเด็กผู้หญิงอายุน่าจะมากกว่าตัวเองเล็กน้อยยืนกำลังยืนมองเธออยู่ ก่อนผละออกจากอกมารดาแล้วหันไปมองที่คนแปลกหน้าอย่างสนใจ

“หม่ามี้พาพี่สาวมาให้หนูไง อลิส มาตรงนี้สิจ้ะ”

มาดามกริมเมอร์มองตามสายตากลมๆของดาร์เลเน่แล้วเอ่ยบอกพลางสังเกตปฏิกิริยาของลูกสาวตัวน้อยว่าจะกรีดร้องโวยวายต่อต้านไม่พอใจหรือเปล่า แต่ผิดคาด! นอกจากดาร์เลเน่จะไม่ทำอย่างที่ชลิตากับเดย์มอนด์กังวล หนูน้อยอ้วนกลมยังฉีกยิ้มกว้างทำตาพองโตด้วยความดีใจเหมือนได้รับของเล่นชิ้นใหม่ก็ไม่ปาน ชลิตาจึงกวักมือเรียกเด็กสาวที่เธอรู้สึกถูกชะตาตอนที่ไปบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเด็กกำพร้าจนต้องขอรับมาอุปการะเป็นลูกบุญธรรมให้เข้ามายืนใกล้ๆ

“อลิส นี่เจ้าขา ลูกสาวของฉันเอง เจ้าขา นี่อลิส พี่สาวคนใหม่ของหนู”

“พี่สาว!”

เด็กหญิงดาร์เลเน่ทวนคำมารดาเมื่อเอริสาเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ พลางทำหน้าตื่นเต้นดีใจยกใหญ่จนผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นหนูน้อยร่างป้อมก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดด้วยการพุ่งตัวเข้าไปกอดพี่สาวคนใหม่แน่นจนเด็กทั้งสองแทบล้มลงไปนอนกลิ้งกับพื้นหากชลิตากับเดย์มอนด์ช่วยจับไว้ไม่ทัน

“เย้ๆๆ เจ้าขาดีใจจัง เจ้าขามีพี่สาวแล้ว พี่อลิสมาเป็นพี่สาวของเจ้าขานะคะ เจ้าขาน่ารัก เจ้าขาจะไม่ดื้อกับพี่อลิส เจ้าขาจะแบ่งตุ๊กตาสวยๆให้พี่อลิสเล่นด้วยค่ะ พี่อลิสมาอยู่กับเจ้าขานะ”

และการกระทำของดาร์เลเน่นั้นนอกจากจะทำให้บิดามารดาโล่งอกที่เด็กทั้งคู่คงเข้ากันได้ดี มันยังทำให้เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบคนหนึ่งที่รู้สึกเดียวดายเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกที่โหดร้ายใบนี้ และถูกพูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าเธอคือส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการนั้นรู้สึกเหมือนได้รับการชุบชีวิตใหม่อีกครั้ง อ้อมกอดแน่นๆให้ความอบอุ่นจากท่อนแขนป้อมที่ไม่ได้รับมานานนั้นทำให้เอริสารู้สึกมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป และรู้ว่าชีวิตต่อไปจากนี้ของเธอนั้นมีไว้เพื่อใคร

จากนั้นมือน้อยหยาบกร้านเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดีของเอริสาก็ถูกเด็กน้อยจอมเห่อลากไปนู่นจูงมานี่ไม่ห่าง อีกทั้งดาร์เลเน่ยังขยันเข้ามาหอมเข้ามากอดพี่สาวคนใหม่จนเอริสานั้นตื้นตันในหัวใจ และให้สัญญากับตัวเองว่าเธอจะรักและดูแลเด็กน้อยน่ารักคนนี้ให้ดีที่สุดตลอดไป

เอริสานั่งยิ้มทั้งน้ำตากับภาพความทรงจำที่แสนงดงามนั้นพลางกอดกรอบรูปแนบอกเหมือนต้องการใช้มันเป็นตัวแทนของเจ้านายตัวน้อยในวันวานผู้ซึ่งเป็นยอดดวงใจของเธอ

..................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา