พ่ายรักพรางหัวใจ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) แค่นักโทษไร้ค่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขบวนรถหรูสีดำราคาแพงเกือบสิบคันขับตามกันเข้ามาจอดเรียงรายอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลกริมเมอร์ในเวลาบ่ายจัด บอดี้การ์ดและแม่บ้านที่ยืนอยู่ตรงหน้าบันไดทางเข้าคฤหาสน์กว่าสิบคนย่อตัวค้อมศีรษะทำความเคารพเมื่อร่างสูงของดาเนียลก้าวลงมาจากรถ ดวงตาคู่คมมองกวาดไปรอบๆตรวจเช็คความเรียบร้อยเหมือนอย่างที่เคย ก่อนหยุดสายตาอยู่ที่อาเธอร์หัวหน้าแม่บ้านเพื่อสอบถามบางอย่าง
“ที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณชาย”
“ดีมาก รีบขึ้นไปพักผ่อนได้แล้ว ยืนตากแดดนานๆเดี๋ยวไข้กลับ”
ดาเนียลเอ่ยชมอาเธอร์เล็กน้อยเมื่อได้รับการยืนยันว่าเรื่องที่เขาโทรมาสั่งให้หัวหน้าแม่บ้านจัดการก่อนหน้านี้เป็นไปตามที่เขาต้องการ ก่อนหันไปพูดกับหญิงสาวอีกคนที่ก้าวลงมาจากรถคันเดียวกับเขา ไม่รอให้หญิงสาวตอบรับหรือปฏิเสธ มือหนาของดาเนียลก็คว้ามือเล็กของเอริสาจับจูงพาเดินเข้าไปในบ้านด้วยเป็นห่วงว่าร่างกายที่เพิ่งฟื้นไข้จะเป็นลมเป็นแล้งเมื่อเจอแดดนานๆ
“คุณชายจะพาดิฉันไปไหนคะ”
เอริสาที่ปล่อยให้ตัวเองถูกคนตัวใหญ่ลากจูงเหมือนเธอเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตเอ่ยถามพลางกระตุกข้อมือเบาๆเมื่อดาเนียลจูงมือเธอเดินขึ้นบันไดมาชั้นบนและกำลังพาเธอเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือซึ่งเป็นอาณาเขตห้องนอนของชายหนุ่ม หาใช่ห้องพักของเธอที่อยู่ทางปีกขวาไม่
ดาเนียลไม่ตอบแต่เลือกที่จะหันมามองหน้าคนถามนิ่งๆ นิ่งจนเอริสารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างกับสายตาล้ำลึกของชายหนุ่มที่มองมา จะว่าไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาเนียลมองมาแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่เธอฟื้นจากอาการป่วยจนถูกดาเนียลจูบลงทัณฑ์ไปเมื่อสองวันก่อน หลังจากนั้นเธอรู้สึกได้ว่าสายตาของคุณชายกริมเมอร์นั้นเปลี่ยนไป แต่เธอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเปลี่ยนไปอย่างไร รู้แต่ว่าเธอทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ดวงตาคู่คมนั้นมองมานิ่งๆ
เมื่อสู้สายตาเขาไม่ไหวเอริสาจึงก้มหน้ามองพื้นเพื่อหลบหลีก ดาเนียลไม่ว่าอะไรแล้วเลือกที่จะจูงมือบางไปยังปีกซ้ายของคฤหาสน์เหมือนเดิม
“ต่อไปห้องนี้คือห้องของเธอ” ห้องของเธอกับฉัน ห้องของเราสองคน
ดาเนียลเอ่ยเสียงเรียบเมื่อเขาพาเดินมาหยุดอยู่กลางห้อง เอริสาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้องอย่างกังขา ดวงตาคมหวานจ้องมองคนพูดอย่างไม่แน่ใจนักว่าที่หูของเธอได้ยินนั้นมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า และดวงตาคู่คมนิ่งเฉยที่มองตอบกลับมานั้นก็เป็นการยืนยันได้ดีว่าที่ดาเนียลพูดมานั้นคือเรื่องจริง และรู้ดีว่าประกาศิตหนักแน่นกล่าวเพื่อให้เธอปฏิบัติตามเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นหรือปฏิเสธความต้องการของดาเนียลได้เลยหากเขาไม่อนุญาต
“ค่ะ”
เอริสาตอบรับเสียงเบาพลางก้มหน้ามองพื้นเพื่อปกปิดสายตาที่คงเก็บกักความดีใจไว้ไม่มิด เธอทำตัวเหมือนผู้หญิงไร้ยางอายที่หัวใจเต้นถี่รัวระริกระรี้เหลือเกินเมื่อรู้ว่าจะได้อยู่ใกล้ผู้ชายที่เธอรักอย่างไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาส
“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้”
ดวงตาของดาเนียลทอประกายวาววับ ก่อนเอ่ยถามน้ำเสียงประชดประชันเพราะเข้าใจว่าที่เอริสาหลบสายตานั้นเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังโศกเศร้าที่ต้องอยู่กับคนที่หญิงสาวไม่ได้รักอย่างเขา
“คุณชายทำแบบนี้ทำไมเหรอคะ”
เอริสาย้อนถามกลับทันทีที่ถูกตั้งคำถาม ไม่ใช่เพราะพาซื่อแต่จริงๆแล้วเธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดดาเนียลจึงมีคำสั่งให้เธอย้ายเข้ามาอยู่กับเขา เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้นถูกย้ายมาวางอยู่ตรงโต๊ะหน้ากระจกรวมกับของๆเขาในห้องนอนของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว นี่แสดงว่าดาเนียลมีคำสั่งมาก่อนที่เธอจะเดินทางมาถึงน่ะสิ หรือที่เขาถามแม่บ้านคือเรื่องนี้ แล้วดาเนียลทำแบบนี้ทำไม
“เพราะฉันจะได้จับตาดูเธอได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” เธอจะได้ไม่มีเวลาแอบไปคบหากับผู้ชายคนอื่น
เมื่อได้ฟังคำตอบชัดเจนจากปากของดาเนียล หัวใจที่เคยสั่นระริกด้วยความดีใจที่จะได้อยู่ใกล้เขาก่อนหน้านี้กลับเต้นช้าลงคล้ายเส้นชีพจรนั้นกลายเป็นศูนย์ ที่แท้เหตุผลที่ดาเนียลยอมให้เธอเข้ามาใกล้ชิดเขานั่นเพราะชายหนุ่มต้องการจับตาดูพฤติกรรมของเธอสินะ ดาเนียลยังปักใจเชื่ออยู่ว่าเธอตั้งใจปล่อยให้น้องสาวของเขาหายไป เขาจึงเลือกที่จะเก็บเธอไว้ข้างกายเพื่อจับผิดเธอได้ทุกฝีก้าว มิใช่เพราะเกิดความพิศวาสใดๆกับเธอเลย
จริงสินะ! เธอลืมไปได้อย่างไรว่าในสายตาของดาเนียลตอนนี้เธอคือนักโทษ นักโทษที่ถูกจองจำและกำลังรับบทลงโทษ ซึ่งไม่รู้เลยว่าบทสรุปความผิดของเธอครั้งนี้จะจบลงแบบไหน
“คุณชายฆ่าดิฉันเลยก็ได้ค่ะ”
เพราะการอยู่ใกล้เขาแต่ไม่มีสิทธิ์ได้แสดงออกว่าเธอรู้สึกอย่างไร มันก็ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เธอกลายเป็นคนผิด เป็นคนเลวในสายตาของดาเนียลแบบนี้ เธอยิ่งไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะเธอคงไม่สามารถทนรับแรงโกรธแค้นเกลียดชังจากผู้ชายที่เธอรักหมดใจได้
“ฆ่า? มันง่ายไป ตายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เปลืองแรงเปลืองลูกกระสุนเปล่าๆ สู้เก็บเธอไว้รองรับอารมณ์ของฉันบนเตียงดีกว่า แบบนี้ค่อยมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย”
ดาเนียลแสยะยิ้มหยันมุมปาก ดวงตาคู่คมกวาดมองร่างของคนตัวบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยดวงตาโลมเลียหยาบคายแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน แต่ภายในใจข้างในนั้นเดือดปุดๆราวกับลาวาร้อนที่กำลังปะทุออกมาจากภูเขาไฟ เอริสาเลือกที่จะยอมตายมากกว่าการอยู่กับเขา นี่แสดงว่ารังเกียจเขามากสินะ ดี! ยิ่งรังเกียจเดียดฉันท์มากเท่าไร เขาจะยิ่งพาตัวอยู่ใกล้แนบชิดจนเอริสานั้นหลอมเป็นเนื้อเดียวกับเขาไปเลย อยากรู้นักว่าจะอกแตกตายหรืออกจะขยายใหญ่ตั้งชูชัน
“นานแค่ไหนคะ”
หนึ่งเดือน สองเดือน มากกว่านั้นหรือเพียงสัปดาห์ที่เธอจะได้มีโอกาสใกล้ชิดเขา เธออยากรู้ตัวล่วงหน้า จะได้เก็บเกี่ยวความทรงจำจากเศษเวลาที่ดาเนียลใช้มันลงทัณฑ์เธอนั้นให้มากที่สุด ต่อให้มันเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องทนแบกรับความเจ็บปวดก็ตาม
“จนกว่าเจ้าขาจะกลับมา น้องสาวฉันกลับมาเมื่อไร เธอจะไปไหนก็ช่าง!” ก้าวขาออกจากที่นี่ได้ก็ให้รู้ไป
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจง่ายๆแบบนี้ก็ดี งั้นตอนนี้เริ่มเลยแล้วกัน เผื่อฉันเบื่อเร็ว เธอจะได้รีบไปที่ชอบๆไวๆ”
สิ้นเสียงคำรามร่างเพรียวระหงของเอริสาก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง ดาเนียลตวัดอุ้มคนตัวบางขึ้นแนบอกพลางเดินเข้าไปด้านใน สาวเท้ายาวๆไม่กี่ก้าว ร่างบอบบางของบอดี้การ์ดสาวก็ลอยละลิ่วไปนอนเค้เก้อยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ แม้จะได้นอนพักที่โรงพยาบาลเกินที่คุณหมอกำหนดเพราะดาเนียลต้องการมั่นใจว่าอาการป่วยของเธอนั้นหายดีแล้วจริงๆ แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเธอก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงนักเพราะยังมีเรื่องกังวลใจจนพานกินอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ เมื่อถูกโยนลงมากระแทกกับฟูกนอนโดยไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้เอริสานั้นจุกจนไม่มีแรงขยับเขยื้อน
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน!” และเธอต้องเป็นของฉันเพียงคนเดียว
ร่างสูงประกาศกร้าวในขณะที่มือหนานั้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างใจเย็น นัยน์ตาคมราวมีดโกนจ้องมองร่างบางที่นอนมองมาด้วยความหวาดหวั่นไม่กระพริบราวกับต้องการสะกดจิต ก่อนไขว้แขนไปด้านหลังแล้วสะบัดเสื้อทิ้งจากร่าง โชว์แผงอกแกร่งกับหน้าท้องสีแทนที่อัดแน่นไปด้วยซิกแพ็คให้เอริสาใจสั่นรัว เพราะจำได้ดีว่าครั้งก่อนมันเคยแนบชิดกับเนื้อตัวของเธอจนแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วกระโจนคร่อมทับร่างบางของคนบนเตียงป้องกันไม่ให้หญิงสาวดิ้นหนี
“ถ้าไม่อยากเจ็บ ก็อย่าดิ้น”
เสียงทุ้มเอ่ยเตือนเมื่อสองแขนเรียวของเอริสานั้นพยายามต่อต้านสัมผัสของเขาด้วยการผลักไส เขาไม่อยากทำให้หญิงสาวใต้ร่างต้องเจ็บป่วยเหมือนครั้งที่แล้วอีก แต่หากเอริสายังดื้อดึงอาจทำให้เขาขาดสติจนเผลอตัวทำอะไรรุนแรง ซึ่งเขาไม่อยากให้มันลงเอยแบบนั้นเลย แต่จะให้เขาเลิกแตะต้องหญิงสาว แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้ ต่อให้ทำได้ก็ไม่คิดจะทำ!
ได้ยินคำขู่ที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ขู่ สองมือบางจึงหยุดผลักไสแล้วปล่อยให้ดาเนียลกระทำย่ำยีตามใจชอบ เสื้อเชิ๊ตสีขาวพอดีตัวที่ใส่จนชินตาถูกมือหนาถอดๆดึงๆไม่นานมันก็หลุดออกไปจากร่าง ตามด้วยกางเกงขาวยาวสีดำที่ถูกรูดออกไปจากเรียวขา เพียงพริบตาเดียวร่างเพรียวระหงสมบูรณ์แบบจึงเหลือเพียงซับในสีดำเข้าชุดกับบราลูกไม้ติดกาย ดาเนียลชันศอกบนเตียงยันตัวขึ้นเพื่อก้มมองคนใต้ร่างอย่างพึงพอใจ น้ำลายเหนียวๆติดอยู่ในลำคอเมื่อสองตานั้นเพ่งมองสัดส่วนสวยงามที่ถูกเศษผ้าบางเบาปิดบังความเย้ายวน
‘หิว!’
นี่คือความรู้สึกตอนนี้ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมัน จริงๆเขาทั้งลูบไล้ บีบคลำ ขยำขยี้ ดูดและดื่มมันมาหมดแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกหิวกระหายนัก ทั้งๆที่เขาก็เพิ่งจับหล่อนกลืนลงท้องไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง อีกทั้งที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่มจนถึงปัจจุบัน ชีวิตเขาไม่เคยอดอยากขาดแคลนอาหารกายเลย เพราะมีสตรีสาวสวยทั้งดารานางแบบดังมากมายมาต่อคิวให้เขาชี้นิ้วเลือกมาเป็นคู่นอน เรียกว่ามีมากจนเกินจะกินก็ไม่ผิดนัก จะกินทิ้งกินขว้างแค่ไหนก็ได้ ผู้หญิงแต่ละคนเหล่านั้นจึงมีอายุการใช้งานสั้นๆแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเขาก็เบื่อ ไม่เคยมีใครที่เขานอนด้วยเป็นครั้งที่สอง
แต่ตรรกะข้อนี้กลับใช้ไม่ได้กับเอริสา!
ผู้หญิงคนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง นอกจากเขาจะไม่รู้จักคำว่าเบื่อ ไม่เคยรู้สึกหน่ายที่จะทอดสายตามองร่างสวยเซ็กซี่ขยี้ใจนี้แล้ว ร่างกายเขายังหิวกระหายและโหยหาที่จะฝากฝังเนื้อตัวหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าหล่อนเหลือเกิน ซึ่งหลักฐานมันกำลังดึงดันชัดเจนอยู่ใต้เนื้อผ้าที่กลางกายในตอนนี้ นี่หากคราวก่อนหญิงสาวไม่ชิงป่วยไปซะก่อน แน่นอนว่าเขาคงได้กลืนกินเอริสาไปแล้วอีกหลายสิบรอบจนร่างสวยนี้มีแต่รอยช้ำจากน้ำมือเขาเป็นแน่
“คุณชาย…”
เรียวปากสีชมพูเปล่งเสียงเรียกคนตัวโตเหนือร่างแผ่วเบายามเมื่อริมฝีปากบางสวยของชายหนุ่มซุกไซ้อยู่บริเวณลำคอขาวเนียน ความร้อนระอุจากเรียวปากของดาเนียลที่นาบลงบนผิวกายหวานละมุนทำให้อุณหภูมิของเลือดในกายนั้นสูงขึ้นๆราวกับน้ำที่กำลังเดือดพล่าน พานทำให้เนื้อตัวของเธอสะท้านเฮือกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ สมองร้องสั่งให้ผลักไสเพราะรู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะต้องการลงโทษ แต่สองมือกลับทำตรงข้ามด้วยการโอบแขนกอดรอบคอหนาเพราะเสียงจากหัวใจนั้นตะโกนเตือนมาว่าเธอมีโอกาสใกล้ชิดดาเนียลแบบนี้ไม่มากนัก เพราะฉะนั้นเธอควรเก็บเกี่ยวความสุขนี้ไว้ให้มากที่สุด
‘ปล่อยตัวไปตามที่หัวใจต้องการสิ อลิส’
คิดได้ดังนั้นกายบางจึงแอ่นหยัดเพื่ออำนวยความสะดวกยามเมื่อฝ่ามือของดาเนียลลูบไล้อยู่ใต้แผ่นหลังนวลเนียนแล้วปลดตะขอบราให้หลุดออกจากกัน ก่อนดึงมันทิ้งไปอีกทางจนสองเต้ากลมนูนขาวผ่องโชว์ความอร้าอร่ามให้เห็นเต็มสองตา ดาเนียลจึงไม่รอช้าที่จะครอบครองมันด้วยริมฝีปากชื้นฉ่ำดูดกลืนความหอมหวานอย่างหิวกระหายคล้ายทารกน้อยดื่มกินน้ำนมมารดา แต่น้ำนมนี้เป็นน้ำนมที่ยิ่งดื่มยิ่งอร่อยถูกปากกินเท่าไรก็ไม่อิ่มเสียที ยิ่งดูดเม้มก็ยิ่งโหยหา นานเท่านานจนทรวงอกที่เคยขาวผ่องนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ เอริสารู้สึกหวิววาบขนลุกชันไปทั่วร่างกาย เนินหน้าท้องหดเกร็งเหมือนมีลูกคลื่นก้อนโตวิ่งวนไปมา จนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นปิดป้องเสียงครวญครางที่คิดว่าน่าอับอายแต่สองมือบางกลับกดศีรษะทุยได้รูปให้ซุกอยู่กับอกอวบมากยิ่งขึ้นไม่รู้ตัว
ส่วนสองมือหนาก็ไม่คิดจะวางอยู่เฉยให้เสียชื่อหนุ่มนักรักเจ้าเสน่ห์ เพราะมันลูบไล้สะเปะสะปะแทบทุกทั่วตารางผิวเนื้อเนียนมือ ลูบทุกที่ๆอยากจะลูบ จับทุกส่วนสัดที่เขาได้แต่มองมานานอย่างที่อยากจับ เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา และต้องเป็นของเขาคนเดียวตลอดไป
“อื้อ คุณชาย…”
ดาเนียลยอมเงยหน้าจากอกอวบเพื่อเพ่งมองใบหน้าสวยเซ็กซี่ของคนใต้ร่างที่บิดเบี้ยวด้วยความทรมาน เสียงครวญครางแผ่วเบายามเรียกชื่อเขานั้นมันช่างไพเราะเหลือเกิน ดวงตาคมหวานหรี่ปรืออย่างคนที่ตกอยู่ในห้วงพิศวาสนั้นช้อนสายตามองเขาอย่างเว้าวอนเรียกร้อง และเพียงอึดใจที่เขาตกอยู่ในภวังค์ นั่นก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย จากที่คิดจะยืดเวลาเล้าโลมออกไปให้ยาวนานกว่านี้ ดาเนียลกลับกระชากเสื้อผ้าบนเรือนกายของตัวเองทิ้งไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลอมรวมเป็นหนึ่งในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าจนร่างสูงสีแทนเปลือยเปล่า
“บอกสิว่าเธอต้องการฉัน”
“คุณชายคะ ดิฉันต้องการคุณชาย”
“ต้องการมากแค่ไหน”
“มากที่สุดค่ะ คุณชายขา”
“ฉันก็ต้องการเธอ…มากที่สุดเช่นกัน ฮื้อออ”
สิ้นเสียงคำรามอย่างคนทรมาน แพนตี้ลูกไม้สีดำก็หลุดลอยออกจากร่างงามเปิดเผยเนื้อตัวเปล่าเปลือยสมบูรณ์แบบให้ปรากฏแก่สายตา เห็นกี่ครั้งก็สวย มองทีไรก็อยากจะสัมผัสซุกซบเข้าหา สองมือหนาจับสะโพกกลมกลึงที่ส่ายไหวเชิญชวนอยู่บนเตียงนอนให้แอ่นสูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนขยับตัวนั่งคุกเข่าคร่อมร่างบางในตำแหน่งที่พอเหมาะ แล้วเติมเต็มตัวตนร้อนแข็งแกร่งเข้าหาให้เอริสารับเขาเอาไว้ครั้งเดียวจนสุดปลายทาง นานเท่านานที่ร่างสองร่างสามัคคีหลอมรวมเป็นหนึ่งจนเสียงร้องครวญครางนั้นดังกระหึ่ม ก่อนที่เสียงคำรามลั่นและเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมจะดังขึ้นพร้อมๆกับร่างทั้งสองนั้นเกร็งกระตุกแล้วทิ้งตัวนอนทาบทับกันบนเตียงนอนนุ่มด้วยจังหวะการหายใจหอบระรัว
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จนเสียงหายใจหอบถี่อย่างคนเหนื่อยจัดเข้าสู่ภาวะปกติ ร่างบางที่ถูกจับพลิกขึ้นมานอนเกยก่ายอยู่บนร่างหนาสีแทนก็ถูกสองมือใหญ่จับประคองลงไปนอนบนเตียงกว้างอย่างระมัดระวัง เอริสาจึงรีบพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อหลบหนีสายตาร้อนแรงของดาเนียลที่มองจ้องตาเป็นมันอย่างขวยเขินทั้งที่มันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะถึงแม้ว่าทรวงอกกลมๆนั้นจะถูกเก็บซ่อนจากสายตาหื่นกระหาย แต่เนินสะโพกตึงแน่นน่าลูบไล้นั้นกลับลอยเด่นยั่วยวนจนดาเนียลเผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก หากไม่ติดว่ามีสิ่งสำคัญต้องรีบทำเป็นการเร่งด่วน เจ้าของสะโพกกลมกลึงนั้นคงถูกเขาจับมาฟัดอีกรอบให้หายอยากแน่นอน
‘หนาวจัง’
ร่างบางรู้สึกเหน็บหนาวเมื่อร่างสูงเปลือยเปล่าที่กอดรัดเธอไว้แนบแน่นก่อนหน้าจนเธอรู้สึกอุ่นสบายกายลุกขึ้นจากเตียงทิ้งให้เธอนอนอยู่บนที่นอนกว้างเพียงลำพัง ดาเนียลเดินโทงเทงอวดหุ่นสูงล่ำสันที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดสวยงามราวประติมากรรมจากจิตรกรปั้นแต่งหายเข้าไปในห้องที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นห้องแต่งตัว ไม่นานคนตัวเปล่าก็กลับออกมาอีกครั้ง ดวงตาคมหวานที่แอบชำเลืองมองตามจึงได้ยลกับร่างสูงสีแทนด้านหน้าเต็มๆตา อะไรๆที่มันเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายเธอก็โชว์หราอย่างภาคภูมิใจกับความอลังการของมันจนแก้มนวลร้อนผ่าว เอริสาจึงรีบหมุนใบหน้ากลับไปมองอีกทางเพราะรู้สึกเขินอายสุดกำลัง จนไม่ทันมองว่าในมือของดาเนียลนั้นถือบางอย่างติดมือมาด้วย
“กินยานี่ซะ วันละเม็ดทุกวันอย่าให้ขาด”
เหมือนถูกจับโยนเข้าไปในห้องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิติดลบจนร่างบางรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ จนทุกส่วนในร่างกายนั้นแข็งทื่อแทบขยับเขยื้อนไม่ได้เมื่อแผงยาเม็ดสีขาวเล็กๆถูกโยนลงมาตรงหน้าด้วยฝีมือของดาเนียล เอริสากลั้นใจสูดเอาอากาศเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุด ก่อนเพ่งสายตามองมันอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้หยาดน้ำตานั้นคลอขังบดบังทุกสิ่ง พยายามรวบรวมความกล้าหาญอยู่พักใหญ่กว่าที่หญิงสาวจะบังคับมือสั่นเทาให้เอื้อมไปหยิบมันมาถือเอาไว้ได้
‘ยาคุมกำเนิด!’
แม้จะไม่เคยจับต้องหรือใช้มันแต่สัญชาตญาณก็ร้องบอกว่ามันคือยาคุมกำเนิด ยาที่จะช่วยทำลายล้างความผิดพลาดอันเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องการให้หมดไป ยาที่ช่วยยืนยันและย้ำเตือนว่าเธอเป็นเพียงแค่นักโทษไร้ค่าคนหนึ่งในสายตาของดาเนียลเท่านั้น ไม่ต้องมีคำพูดไม่ต้องบอก เอริสาก็รู้ดีว่านายใหญ่ของตระกูลกริมเมอร์ไม่ต้องการมีภาระผูกพันกับคนต่ำต้อยที่น่ารังเกียจอย่างเธอ
‘คุณชายไม่ต้องการให้เราท้อง’
นั่นคือความจริงที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เธอไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาหักล้างกับความจริงข้อนี้เพื่อให้กำลังใจตัวเอง หากดาเนียลเอ่ยปากให้เธอไปหาซื้อยาคุมกำเนิดมากินด้วยตัวเองหลังจบบทรักร้อนแรง เธอก็คงรู้สึกเจ็บในหัวใจราวกับถูกมีดแหลมคมนับร้อยทิ่มแทงไม่ต่างกันมากนัก แต่การที่ดาเนียลตระเตรียมมันมาให้เธอด้วยตัวเองเช่นนี้มันเจ็บปวดยิ่งกว่า เพราะมันหมายความว่าเขาต้องการตอกย้ำให้เธอรับรู้ชัดเจนว่าเขารังเกียจเธอมาก มากจนไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดใดๆทั้งนั้น เขาคงต้องการเห็นกับตาว่าเธอยอมกินยานี้ตามความต้องการของเขาจริงๆ แม้จะเจ็บร้าวในอกจนน้ำตาตกในแต่เธอก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ในเมื่อชายที่เธอรักไม่ต้องการการผูกมัด เธอก็จะยอมตามใจทำในสิ่งที่เขาต้องการไม่มีบิดพลิ้วให้เขาต้องเคืองขุ่น
“ต้องกินตอนนี้เลยไหมคะ”
“น้ำวางอยู่ตรงหัวเตียง”
เจ็บ! เจ็บเหลือเกิน เจ็บจนร่างกายของเธอนั้นแทบแหลกสลาย คำยืนยันจากปากของดาเนียลไม่มีอะไรให้แปรความหมายเป็นอย่างอื่นได้เลย ที่ดาเนียลยอมสมสู่กับคนอย่างเธอคงเพียงเพราะต้องการลงโทษและปลดปล่อยความต้องการตามธรรมชาติของกายหนุ่มเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกใดๆมากกว่านี้ ไม่มี!
เธอเพิ่งเข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นแท้วันนี้เองว่าการถูกคนที่เรารักรังเกียจราวกับเราคือตัวเชื้อโรคสกปรกนั้นมันสร้างความเจ็บปวดให้เรามากมายขนาดไหน ความรู้สึกตอนนี้ต่อให้เอามีดแหลมคมลนไฟให้ร้อนแล้วกรีดลึกลงบนผิวเนื้อของเธอยังเจ็บไม่เท่าสิ่งที่ดาเนียลทำเลยสักนิด
ร่างเปลือยเปล่าอรชรขยับตัวขึ้นพิงพนักหัวเตียงเพราะอ่อนแรงเกินกว่าจะทรงตัวไหว ในขณะที่มือบางกำแผงยาในมือไว้แน่นราวกับต้องการให้มันแหลกละเอียด แต่ก็รู้ดีว่าหากยาในมือเธอเสียหาย ยังไงซะดาเนียลก็ต้องหามาให้เธอใหม่อยู่ดี ดีไม่ดีเขาอาจจับเอายากรอกปากเธอด้วยตัวเองเพื่อความแน่นอนด้วยก็ได้ เอริสาจึงรวบรวมกำลังใจอีกครั้งแล้วแกะยาออกมาจากแผงหนึ่งเม็ดโยนเข้าปาก จากนั้นจึงเอื้อมมือสั่นๆหยิบแก้วน้ำเปล่าที่ตั้งไว้อย่างรู้งานตรงโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาดื่มไล่ยาลงสู่กระเพาะ ซึ่งช่วงเวลาที่เม็ดยาคุมกำเนิดถูกลำเลียงเข้าสู่ร่างกายเธอ มีสายตาคมของดาเนียลคอยมองจ้องอยู่ตลอดเวลา
“ที่เหลือก็วางไว้ตรงหัวเตียงนี่แหละ เห็นชัด จะได้ไม่ลืมกิน”
“ค่ะ คุณชาย ดิฉันจะกินทุกวันไม่ให้ขาด”
เจ้าของร่างไร้วิญญาณตอบรับเสียงเบาหวิวพอๆกับหัวใจที่เบาโหวง ไม่ว่าต่อจากนี้ดาเนียลจะสั่งให้เธอทำอะไรหรือหมายพรากเอาลมหายใจของเธอ เธอก็จะไม่ขัดข้องใดๆทั้งสิ้น เพราะชีวิตของเธอนั้นไม่เหลือแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้วตั้งแต่ที่เขาผลักไสเธอมาจากชีวิตของเขาอย่างเลือดเย็น ต่อจากนี้จะมีก็แต่ร่างไร้วิญญาณที่รับรู้ รับฟัง ทำตามที่ดาเนียลต้องการ แต่ไร้หัวใจและปราศจากความรู้สึก
“ขอบใจ หวังว่าเรื่องง่ายๆแค่นี้เธอจะไม่ผิดคำพูด”
“ค่ะ”
เพียงแค่นั้นที่ลำคอระหงสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เพราะหากเธอต้องตอบต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ เสียงที่ได้ยินคงมีแต่เสียงร่ำไห้ที่เธอกำลังจะเก็บซ่อนมันไม่ไหว ความเจ็บร้าวในหัวใจตอนนี้เหมือนเชื้อไวรัสร้ายแรงที่แพร่กระจายอยู่ในร่างกายอย่างรวดเร็วและเกาะกินอวัยวะภายในจนไม่เหลือหรอ ร่างกายทุกส่วนจึงรู้สึกอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงแม้อยากจะขยับมือขึ้นแตะที่อกด้านซ้ายเบาๆยังไม่สามารถทำมันได้เลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มีอะไร”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องนอนของเจ้าของคฤหาสน์ เรียกความสนจากดาเนียลให้ผละใบหน้าจากเรียวหน้าเรียบเฉยของเอริสาหันไปมองทางประตู ก่อนตะโกนถามออกไปเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์นักที่ถูกรบกวนเวลาส่วนตัว
“ตอนนี้คุณเจสสิก้ามารอคุณชายอยู่ที่ห้องรับแขกครับ”
เสียงลูกน้องของดาเนียลตอบกลับมาผ่านประตูที่กั้นกลาง รู้ดีว่าคุณชายคงไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปด้านในแน่นอน
“บอกเจสซี่ว่าอีกเดี๋ยวฉันจะลงไป”
“ครับคุณชาย”
“นอนพักอยู่ในห้องนี่แหละ อยากได้อะไรก็ให้เรียกแม่บ้านเอา ส่วนเสื้อผ้าของใช้ของเธอ ป้าอาเธอร์ขนมาไว้ที่นี่หมดแล้ว”
สั่งงานลูกน้องเรียบร้อยดาเนียลก็หันกลับมามองคนตัวบางบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเอริสานั้นดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงจนเขากังวลว่าบทรักที่เพิ่งผ่านพ้นจะทำให้ไข้กลับมาเล่นงานหญิงสาวอีก จนรู้สึกลังเลไม่อยากลงไปพบเจสสิก้าที่คอยอยู่ด้านล่างเสียแล้ว เขาอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มของภรรยาหมาดๆหลับใหลไปด้วยกันบนเตียงมากกว่า แต่เมื่อครู่เขาดันพลั้งปากว่ากำลังจะลงไป อีกทั้งเขาไม่แน่ใจว่าเจสสิก้านั้นมีธุระสำคัญหรือเปล่า
“ค่ะ คุณชาย”
แต่ระหว่างที่กำลังสองจิตสองใจ ดาเนียลก็กำลังรอฟังบางอย่างจากคนตัวบางเช่นกัน เขารีรอยังไม่ยอมออกไปจากห้องเพราะกำลังรอให้เอริสาหันมาถามเขาสักคำว่าเขากำลังจะไปไหนเหมือนภรรยาถามยามสามีจะออกไปข้างนอก แต่เขาก็รอเก้อ ไม่มีสักคำถาม ไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำ เอริสาเอาแต่นอนเฉยไม่สนใจเขาเลย จนเขาไม่กล้าเซ้าซี้มากมายให้หญิงสาวรำคาญใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจหันหลังเดินอออกมาจากห้องโดยไม่ลืมฝากฝังให้อาเธอร์คอยดูแลเอริสาในระหว่างที่เขาไม่อยู่
คล้อยหลังที่ดาเนียลปิดประตู คนที่นอนนิ่งเฉยอยู่บนเตียงคล้ายตุ๊กตาไร้ชีวิตก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าตัวเองเอาไว้ แล้วปล่อยน้ำตาที่อัดอั้นมานานจนปวดกระบอกตาให้รินไหลลงมาเลอะแก้มนวลเป็นทาง พลางมองไปรอบๆห้องนอนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาเหยียบของดาเนียล ดวงตาเศร้าสร้อยมองไล่มาตั้งแต่ประตูไม้เนื้อหนาสีน้ำตาลเข้มบานใหญ่ไล่สายตาไปรอบๆห้องนอนที่ตกแต่งสไตลส์โมเดิร์นทันสมัยโทนสีขาวเทา เครื่องเรือนตกแต่งมีไม่กี่ชิ้นตามประสาผู้ชายทั่วไป นัยน์ตาสีรัตติกาลพยายามจดจำรายละเอียดของห้องนี้ไว้เป็นความทรงจำ เพราะไม่อาจล่วงรู้อนาคตได้เลยว่าเธอจะมีโอกาสได้พักอยู่ในห้องนี้นานแค่ไหน ดาเนียลประกาศเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูเจ้าขากลับมา เธอก็ต้องไป แต่ดูจากสถานการณ์วันนี้แล้วเธอก็รู้ว่าดาเนียลไม่ใคร่จะมีเธออยู่ในระยะสายตาสักเท่าไร จนกระทั่งสายตามองเห็นแผงยาคุมกำเนิดที่วางอยู่ตรงโต๊ะวางของตรงหัวเตียงแล้วหัวเราะหยันๆให้ตัวเองอย่างสมเพช เพราะเธออาจถูกไล่ออกไปจากที่นี่ก่อนจะทันได้กินยาครบหมดทั้งแผงก็เป็นได้
‘นี่สินะผู้หญิงที่คุณชายรัก’
เพียงไม่นานที่เธอนั่งกอดเข่าปล่อยน้ำตาให้หลั่งรินพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงสตาร์ทรถยนต์ที่เธอจำได้เป็นอย่างดีว่ามันคือรถที่ดาเนียลใช้เป็นพาหนะหลักก็ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าบันไดคฤหาสน์อย่างพร้อมใช้งาน ความสงสัยในใจว่าดาเนียลกำลังจะออกไปข้างนอกใช่หรือไม่จึงผลักดันให้เธอขยับตัวลุกจากเตียงนอนก่อนคว้าผ้าห่มผืนหนาที่กองอยู่ข้างเตียงขึ้นห่มคลุมกาย แล้วกัดฟันพาร่างระโหยโรยแรงเดินไปยังหน้าต่างกระจกใสใกล้ๆกับระเบียงหน้าห้องที่มีผ้าม่านหนาหนักสีเทารูดปิดเอาไว้ มือบางแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อยพอให้มองเห็นภาพด้านล่าง และภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้สองขาไร้เรี่ยวแรงจะยืน เอริสาทิ้งตัวคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเพราะฝืนรั้งตัวเองไว้ไม่อยู่เนื่องจากสองตานั้นเห็นชัดเจนว่าดาเนียลกำลังก้าวขึ้นรถยนต์สีดำราคาแพงคันนั้นจริงๆ แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว ข้างกายของเขามีเจสสิก้า แอมบริธิโอ ผู้หญิงที่มีความสวยงดงามจับตาและมีความผูกพันอันดีระหว่างสองตระกูลกอดแขนชายหนุ่มเข้าไปในรถด้วย เพราะอย่างนี้สินะดาเนียลจึงรีบลงไปด้านล่างทันทีที่รู้ว่าเจสสิก้ามาถึง เพราะเขาอยากรีบลงไปเจอหน้าคนรักของเขานี่เอง
‘เธอมันก็เป็นได้แค่นักโทษไร้ค่าเท่านั้น อลิส’
ความจริงที่ว่าดาเนียลมีคนรักตัวจริงอยู่แล้วพุ่งมากระแทกหัวใจจนเธอล้มทั้งยืน รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปนั่งในใจของเขาแต่ก็ยังอดเสียใจไม่ได้ น้ำตาที่คิดว่ามันน่าจะลดน้อยลงเพราะร้องไห้มาพักใหญ่กลับยิ่งรินไหลจนใบหน้าคมสวยนั้นเลอะเทอะมอมแมม ยิ่งใช้มือปาดออกก็เหมือนจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้มันทะลักล้นราวเขื่อนพัง ร่างกายไม่สามารถลุกเดินกลับไปซบหน้ากับหมอนนอนร้องไห้ที่เตียงนอนได้ สุดท้ายเอริสาจึงทิ้งตัวนั่งพิงขอบหน้าต่างพลางซบหน้ากับหัวเข่าตัวเองร้องไห้ออกมาดังๆให้สาแก่ใจ
...................................................................................................................................................................
วันนี้ลงให้อ่านกันยาวๆไปเลย ชดเชยที่เค้าหายไปเที่ยววันแม่สองวัน อ่านให้สนุกนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ