พ่ายรักพรางหัวใจ

8.8

เขียนโดย Phaky

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.

  33 ตอน
  4 วิจารณ์
  33.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ฟื้นซะที

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“นอนพอรึยัง”

เพียงแค่ดวงตาคมหวานแฝงความเซ็กซี่ลืมตาตื่นขึ้นเต็มตาแล้วกระพริบถี่ๆมองเพดานห้องซ้ำๆไปมาคล้ายกำลังปรับโฟกัสสายตาให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้องซึ่งน่าจะเป็นเวลาสายมากแล้ว เพราะบรรยากาศรอบตัวนั้นมันสว่างจ้าจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน เสียงทุ้มราบเรียบที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจและโสตประสาทรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้คือใครก็เอ่ยถามขึ้นมา เอริสาจึงเบี่ยงหน้าไปด้านข้างตามทิศทางของเสียงและได้เห็นว่าดาเนียลนั่งอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงข้างเตียงของเธอ ตรงที่หญิงสาวคงคิดไม่ถึงว่าที่ตรงนั้นมันเคยเป็นเตียงนอนของดาเนียลตลอดช่วงเวลาสองคืนที่เธอนอนหลับๆตื่นๆไม่ได้สติ

“คุณชาย”

ริมฝีปากบางเปล่งเสียงได้เพียงแค่นั้นก็เงียบลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลำคอแห้งผากหรือเป็นเพราะว่าสมองของเธอยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงไม่รู้จะพูดอะไรออกมากันแน่ ดวงตาคมหวานจึงได้แต่มองนิ่งอยู่กับใบหน้าหล่อเหลาแต่เรียบเฉยของดาเนียลนิ่งๆอยู่แบบนั้น ชั่วครู่สมองมึนๆจึงค่อยๆประมวลผลว่าก่อนหน้านี้เธอไม่สบาย ดวงตาอิดโรยจึงกวาดมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง และพบว่ามันไม่ใช่ห้องพักที่ตกแต่งอย่างสวยงามของอินทิราโฮเทล ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอคงอยู่ที่โรงพยาบาลสินะ แล้วใครกันที่ใจดีพาเธอมาที่นี่ คงเป็นแม่บ้านหรือบอดี้การ์ดคนใดคนหนึ่งที่บังเอิญเข้าไปเจอละมั้ง ซึ่งไม่น่าจะใช่ดาเนียลแน่ๆ เพราะถ้าเป็นนายใหญ่กริมเมอร์ ชายหนุ่มน่าจะปล่อยให้เธอป่วยตายมากกว่าที่จะรักษาชีวิตเธอเอาไว้ให้รำคาญสายตา

“ปวดหัวหรือเปล่า”

คำถามของดาเนียลไม่ได้รับเสียงตอบกลับ เอริสาทำเพียงส่ายศีรษะกับหมอนเป็นการปฏิเสธเท่านั้น เธอรู้สึกว่าอาการของเธอนั้นดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ร่างทั้งร่างมันหนักอึ้งปวดแปลบไปทั่วทั้งตัวคล้ายถูกค้อนทุบตีก็ไม่ปาน ซึ่งคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่นั่งมองเธออยู่ตอนนี้นี่แหละ ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อดาเนียลเลิกถามแต่ไม่ละสายตาออกจากใบหน้างาม คนป่วยเองก็ยังมีอาการสะลึมสะลือดูอ่อนเพลีย สักครู่คุณหมอหนุ่มหน้าตี๋เจ้าของไข้ก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา เพราะตั้งแต่ที่เห็นดวงตาพริ้มหลับของเอริสาเริ่มขยุกขยิก ดาเนียลก็ส่งข้อความให้ลูกน้องรีบไปตามคุณหมอมาดูอาการคนป่วยให้เร็วที่สุด

“เป็นยังไงบ้าง”

“อาการทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ ที่เหลือก็ทานยาให้ครบตามที่หมอจัดไว้ให้ พรุ่งนี้ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็สามารถพาคนไข้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลยครับ”

ถึงแม้ใบหน้าของเอริสาจะดูมีสีสันมากกว่าเมื่อวานมากโข แต่ดาเนียลก็ยังไม่อาจไว้วางใจ จนได้ยินคำยืนยันจากคุณหมอ ชายหนุ่มจึงลอบถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งอก แล้วก้มหน้ากระซิบถามคนป่วยด้วยความเป็นห่วง

“หิวไหม”

“ค่ะ”

คราวนี้นอกจากจะมีเสียงตอบรับ เอริสายังพยักหน้าหงึกๆเมื่อรู้สึกว่าในท้องแบนๆของเธอนั้นมันว่างเปล่าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าวันนี้คือวันที่เท่าไร รู้เพียงแค่ว่าตั้งแต่วันที่ดาร์เลเน่หายตัวไป เธอก็ไม่เคยกลืนอาหารลงท้องเลยสักอย่าง แม้แต่น้ำเปล่าสักอึกก็แทบไม่มีกระจิตกระใจจะดื่มมัน ลำคอมันตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้เธอจะรู้สึกอยากน้ำและโหยหิวชนิดที่เรียกว่ากินคนได้ทั้งตัวเลยทีเดียว

“หมอ ให้คนไข้กินข้าวได้เลยหรือเปล่า”

“ได้ครับ แต่ขอเป็นอาหารอ่อนๆก่อนนะครับ คนป่วยเพิ่งฟื้นไข้”

“แอสตัน สั่งอาหารอ่อนๆให้อลิส เร็วๆล่ะ”

พอคุณหมออนุญาต ดาเนียลจึงรีบหันไปสั่งให้ลูกน้องคนสนิทให้เตรียมอาหารให้คนป่วย อีกทั้งยังสำทับตอนท้ายว่าให้เร่งมือ เพราะสังเกตจากแววตาเปล่งประกายพร้อมอาการกลืนน้ำลายของเอริสายามได้ยินคำว่าอาหาร ดาเนียลก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังหิวโหยมากถึงมากที่สุด

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”

“อืม”

คุณหมอหนุ่มขอตัวออกไปจากห้องพักคนป่วยหลังจากตรวจอาการเสร็จเรียบร้อย โดยมีแอสตันเดินมาส่งแล้วแยกไปทำตามคำสั่งเร่งด่วนของดาเนียล

“กินซะ”

หลังจากแอสตันเดินออกไปไม่นาน ถ้วยข้าวต้มหมูสับที่ยังมีควันอุ่นๆส่งกลิ่นหอมฉุยก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะกินอาหารที่ดาเนียลเลื่อนมาวางตรงหน้า พร้อมทั้งแก้วน้ำเปล่าและช้อนส้อมที่เป็นชายหนุ่มอีกเช่นกันที่จัดการแกะออกจากพลาสติกที่ห่อเอาไว้

“ขอบคุณค่ะ”

อาหารพร้อม ช้อนส้อมพร้อม เอริสาจึงไม่รอช้ารีบคว้าแก้วน้ำเปล่ามาจิบแก้คอแห้งอึกใหญ่ จากนั้นจึงตักข้าวต้มกลิ่นหอมใส่ปากด้วยความหิวโหย แต่คงเป็นเพราะความรีบมากเกินไปหญิงสาวจึงไม่ทันได้เป่าไล่ความร้อน ข้าวต้มที่ยังมีควันลอยกรุ่นจึงลวกปากบางๆจนเอริสาต้องยกมือปิดปากไอค่อกแค่กจนหน้าแดงก่ำน้ำหูน้ำตาเอ่อ

“ทำไมไม่ระวัง”

น้ำเสียงทุ้มดุลอยขึ้นอยู่ข้างหู ไม่นานมือหนาก็ตามมาช่วยลูบแผ่นหลังให้เบาๆ พร้อมทั้งแก้วน้ำเปล่าที่ถูกยกขึ้นมาจ่อริมฝีปาก เอริสาจึงรีบดื่มน้ำตามเพื่อขับไล่ความร้อน ก่อนเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา

“ดิฉันขอโทษค่ะ”

“ขอโทษแล้วมันเรียกอะไรกลับคืนได้บ้าง” ดูซิ! ปากสวยๆนั่นพังหมด

ดาเนียลเอ่ยดุอย่างไม่พอใจพลางจ้องริมฝีปากบางเย้ายวนคู่นั้นเขม็ง เขาเสียดายหากริมฝีปากแสนหวานคู่นี้จะได้รับความเสียหายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่คนฟังกลับเข้าใจว่าดาเนียลตั้งใจกระทบกระเทียบเรื่องที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ดาร์เลเน่หายตัวไป ความรู้สึกผิดจึงก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง นั่นสินะ! เธอที่เป็นคนผิดทำไมถึงยังกล้ามานั่งลอยหน้าลอยตากินอาหารแสนอร่อยได้หน้าตาเฉย ทั้งที่ป่านนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าคุณหนูเจ้าขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะนอนหลับสบายไหม จะได้กินอาหารหรือยัง จะไปตกระกำลำบากที่ไหนหรือเปล่า ความรู้ผิดที่ถาโถมเข้ามาฉับพลันทำให้มือบางวางช้อนลงในชามข้าวเพราะไร้เรี่ยวแรงจะถือมัน อีกทั้งยังรู้สึกตื้อในอกจนความรู้สึกหิวก่อนหน้านั้นพลันหายไป

“ทำไมไม่กินข้าว”

คราวนี้น้ำเสียงนั้นฟังดูดุกร้าวกว่าเดิม ใบหน้าเรียบเฉยดูเคร่งขรึมไม่พอใจ เมื่อสองตาคมเห็นว่าคนป่วยไม่ยอมกินอาหารทั้งที่ตอนแรกหิวจนมือไม้สั่น

“ดิฉันอิ่มแล้วค่ะ”

“จะอิ่มได้ยังไงเพิ่งกินไปคำเดียว”

“ดิฉันอิ่มแล้วจริงๆค่ะ เอ่อ…คุณชายคะ เจอคุณหนูเจ้าขา…”

“ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องถาม”

เมื่อได้ยินชื่อน้องสาวสุดที่รัก ใบหน้าของดาเนียลจึงปรากฏร่องรอยความตึงเครียดให้เห็นชัดเจน ความเดือดดาลโชว์หราอยู่บนใบหน้า แม้จะรู้สึกผิดที่คำถามของเธอเป็นต้นเหตุให้ดาเนียลไม่พอใจ แต่ในยามนี้หากเธอไม่รู้ว่าดาร์เลเน่เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เธอคงไม่มีกะจิตกะใจจะคิดทำอย่างอื่นเช่นเดียวกัน

“แต่ดิฉันเป็นห่วงคุณหนู”

“ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง”

“คุณชายหมายถึงอะไรคะ”

“อีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง”

ดาเนียลกดยิ้มหยันมุมปาก แววตาคมกร้าวฉายแววมาดร้ายดูน่าสะพรึงกลัวจนขนอ่อนในกายของเอริสาลุกเกรียวกราว นี่หมายความว่าที่ชายหนุ่มลงโทษเธออย่างโหดร้ายป่าเถื่อนเมื่อครั้งก่อนนั่นยังไม่สาแก่ใจสินะ ที่ดาเนียลยังไม่ปล่อยให้เธอป่วยตายก็คงเพราะต้องการเก็บเธอเอาไว้ลงโทษให้สาสมกับความผิดที่เธอก่อ เธอเข้าใจและยอมรับมันได้ จะไม่ร้องขอความเมตตาใดๆเลย ขอเพียงแค่ก่อนที่จะตาย เธอขอโอกาสเห็นหน้าคุณหนูยอดดวงใจอีกสักครั้งก็พอ เอริสาจึงอ้อนวอนเสียงแผ่วให้ดาเนียลยอมอนุญาตให้เธอออกไปตามหาดาร์เลเน่ด้วยตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอออกไปตามหาคุณหนูให้เจอก่อนได้ไหมคะ จากนั้นดิฉันสัญญาว่าจะกลับมาให้คุณชายลงโทษ”

“ไม่ได้!”

ใครจะโง่ปล่อยจำเลยเนื้อหวานๆไปล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองรอยหยักในสมอง ดาเนียลก็ตะคอกปฏิเสธกลับมาเสียงดังลั่น พลางนึกในใจว่าต่อจากนี้เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เอริสาคลาดสายตาสักวินาทีเชียวล่ะ

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่! ถ้าเธอกล้าขัดคำสั่งฉัน เจอดีแน่ หรือว่าอยากจะลอง ฮึ!”

สิ้นเสียงห้วนดุ ไหล่บางของเอริสาก็ถูกสองมือใหญ่คว้าขึ้นมาจากพนักหัวเตียง ปลายมือหนาออกแรงบีบหนักๆอย่างต้องการระบายความเคืองขุ่นจนคนป่วยที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยนั้นเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง หญิงสาวได้แต่เม้มปากแน่นกลืนเสียงร้องของความเจ็บให้อยู่ในลำคอ พยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็นอย่างที่ถูกพร่ำสอนมาเสมอว่าบอดี้การ์ดอย่างเธอต้องแข็งแกร่งประดุจหินผาและอดทนให้ถึงที่สุด

แต่อาการที่เอริสาแสดงออกกลับกระตุ้นความขุ่นมัวของดาเนียลให้ลุกโชนราวเปลวไฟที่ได้รับน้ำมัน ท่าทีคล้ายกำลังต่อต้านอย่างไม่ตั้งใจของบอดี้การ์ดสาวทำเอาดาเนียลฉุนโกรธ ริมฝีปากสีเข้มจึงกระแทกลงบนเรียวปากบางหนักๆอย่างต้องการลงโทษ บดขยี้ดุนดันเอาแต่ใจจนเอริสาเจ็บแปลบไปทั้งปาก ดาเนียลพยายามไล่ลิ้นรุกรานแต่คนถูกรังแกกลับเม้มปากแน่นต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจำต้องเปิดโพรงปากบางเลิศรสให้ดาเนียลสอดปลายลิ้นร้อนเข้ามาดื่มชิมความหวาน และอะไรๆที่เอริสาหวาดกลัวมันคงจะเกิดขึ้นตามมาหากว่าโทรศัพท์ของดาเนียลไม่ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

ดาเนียลผลักร่างบางออกห่างตัวแล้วผละออกอย่างหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหรี่ตามองอย่างสงสัย ก่อนหันหน้ามาจ้องหน้าเอริสาด้วยท่าทางเอาเรื่อง

“ถ้าฉันกลับมาแล้วรู้ว่าเธอไม่กินข้าว ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ อลิส!”

ขู่เสร็จดาเนียลก็รีบเดินลิ่วๆออกไปจากห้องพัก ทิ้งให้เอริสานั่งหอบหายใจถี่ๆอย่างคนกำลังเหนื่อยจัดจนหายใจไม่ทันได้แต่ท้อแท้ในโชคชะตาของตัวเองจนหัวใจร่ำไห้ เธอไม่ได้รังเกียจที่ถูกดาเนียลแตะเนื้อต้องตัวเพราะเธอแอบรักเขามานานตั้งแต่ที่เริ่มแตกเนื้อสาวและรู้จักความรักแล้ว แต่เธอเสียใจที่ชายหนุ่มที่มอบหัวใจให้นั้นลงมือย่ำยีป่าเถื่อนกับเธอด้วยความโกรธแค้นชิงชังหาใช่เพราะความรักไม่

สุดท้ายเมื่อถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง เอริสาจึงกล้าปล่อยน้ำตาของความเจ็บช้ำใจให้รินไหลออกมาระบายความอัดอั้นที่มันแน่นอยู่ในอกจนเธอแทบหายใจไม่ออก และก้มมองชามข้าวต้มตรงหน้าอย่างยากลำบากใจเกินจะกล่าว เพราะในเวลานี้แม้แต่อากาศเพียงน้อยนิดเธอยังไม่อยากรับมันเข้าสู่ร่างกายเลยด้วยซ้ำ

...................................................................................................................................................................

“ฮัลโหล”

เบอร์แปลกไม่คุ้นเคยที่โทรเข้ามายังเลขหมายส่วนตัวของเขาที่น้อยคนนักจะรู้ทำให้ดาเนียลนั้นสังหรณ์อยู่ในใจลึกๆ สัญชาตญาณบางอย่างร้องบอกว่าสิ่งที่เขารอคอยกำลังจะมาถึง ชายหนุ่มจึงเลี่ยงออกมาคุยด้านนอกห้องพักคนป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เอริสารับรู้เรื่องราวใดๆ หากปลายสายที่โทรเข้ามานั้นเกี่ยวข้องกับดาร์เลเน่อย่างที่เขาคาดเดา

“ฮัลโหลลลลล๊ พี่ชายขา นี่เจ้าขาเองนะคะ…”

และเพียงกดรับพร้อมยกโทรศัพท์แนบหูก็ทำเอาทุกส่วนประสาทในร่างกายของดาเนียลนั้นชาดิก เมื่อเสียงใสที่ทักทายมาตามสายนั้นคือน้ำเสียงของดาร์เลเน่ กริมเมอร์ น้องสาวสุดรักสุดหวงของเขาที่หายตัวไป แม้จะคาดเดาไว้ล่วงหน้าว่าคนที่โทรเข้ามาคือดาร์เลเน่ แต่พอสมองรับรู้ว่าคือน้องสาวเขาจริงๆ ดาเนียลกลับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก จะว่าดีใจแน่นอนว่าเขาดีใจมากที่รู้ว่าน้องสาวเขานั้นยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี แต่ในความดีใจนั้นกลับเป็นความดีใจที่เขายังไม่ทันตั้งตัว ยายตัวแสบเอาแต่พูดๆๆ แล้วก็พูดจนไม่มีช่องว่างให้เขาแทรก ยังไม่มีโอกาสได้ถามอะไรสักคำ จู่ๆดาร์เลเน่ก็บอกลาพร้อมทั้งออกคำสั่งห้ามไม่ให้เขาลงโทษบอดี้การ์ดคนโปรดเพราะเจ้าตัวนั้นตั้งใจหนีไปเที่ยวเอง ครั้นจะบอกว่าไม่ทันแล้ว เพราะสิ่งที่พี่ชายคนนี้ทำนั้นหนักหนากว่าการลงโทษไปหลายขั้น แต่ดาร์เลเน่ไม่รอฟังกลับวางสายไปเสียดื้อๆ

“แอสตัน หาพิกัดเบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามา เร็ว!”

กว่าสติจะมาและสั่งการให้สมองทำงานก็หลังจากที่น้องสาวตัวแสบนั้นวางสายไปร่วมๆนาทีเศษ ดาเนียลจึงตะโกนเรียกหาลูกน้องคู่ใจที่ยืนเตร่อยู่แถวๆหน้าห้องพักของเอริสาให้เช็คพิกัดปลายทางว่าต้นสายที่โทรเข้ามานั้นอยู่ส่วนไหนของแผ่นเปลือกโลก เพราะเขาจะได้รู้เสียทีว่าดาร์เลเน่หลบหนีไปเที่ยวอยู่ที่ไหนกันแน่ พี่ชายที่แสนใจดีอย่างเขาจะได้ไปตามตัวยายจอมป่วนกลับมาตีก้นให้หายซ่า

ส่วนแอสตันกับลูกน้องคนอื่นๆเมื่อได้รับคำสั่งก็วิ่งวุ่นช่วยกันทำงานด้วยความรวดเร็ว พลางตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบาของดาเนียลและคาดเดาว่าคงเป็นข่าวน่ายินดี แต่ไม่นานแอสตันก็วิ่งตึงๆเข้ามารายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ไม่ทันแล้วครับคุณชาย”

“หมายความว่ายังไง”

ดาเนียลถามออกมาเสียงเครียด ทั้งที่ก่อนหน้านี้อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวมืดดำราวท้องฟ้าในยามที่กำลังจะมีพายุหนักนั้นค่อยๆคลายลงเป็นความดีใจ โล่งใจ และสุขใจแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่ได้ยินน้ำเสียงใสๆอย่างคนที่กำลังมีความสุขของน้องสาว แต่อารมณ์ดีๆเหล่านั้นกลับอยู่กับเขาได้เพียงเวลาสั้นๆ เมื่อได้ฟังรายงานต่อมาจากแอสตัน

“เบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งโทรเข้ามาถูกตัดสัญญาณไปแล้วครับ”

“เป็นไปได้ยังไง!

ดาเนียลกัดฟันแน่นจนกรามขึ้นสันแล้วตะคอกถามพลางยกกำปั้นชกอากาศฟาดงวงฟาดงาด้วยความหงุดหงิด ในสมองตอนนี้มันปั่นป่วนจนแทบระเบิดเพราะไม่มีหลักฐาน ไม่เหลือร่องรอยใดๆให้เขาตามหาน้องสาวได้เลย ความหวังเดียวจากพิกัดโทรศัพท์ที่ยายตัวแสบเพิ่งโทรเข้ามานั้นก็ดันถูกทำลายไปอีก และตอนนี้ยังมีเรื่องให้เขาขบคิดเพิ่มมาอีกเรื่องลำพังดาร์เลเน่คนเดียวหนีออกไปเที่ยวไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเท่าที่เขาสอบสวนจากบอดี้การ์ดที่อยู่ในวันเกิดเหตุ น้องสาวของเขาหลอกล่อให้บอดี้การ์ดออกไปซื้อของให้ แล้วคงฉวยจังหวะที่ไม่มีใครคอยเฝ้าหนีออกมาจากสวนสัตว์

แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ เขามั่นใจแล้วว่าต้องมีผู้สนับสนุนคอยให้การช่วยเหลือดาร์เลเน่ในการหนีเที่ยวครั้งนี้ด้วยแน่นอน เพราะน้องสาวเขาคนเดียวคงไม่มีความสามารถมากพอที่จะคิดทำอะไรแบบนี้ อีกทั้งการตัดสัญญาณโทรศัพท์ทันทีที่ยายตัวแสบวางสายนั้นมันไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ง่ายๆ คนที่ทำนั้นต้องเป็นพวกเชี่ยวชาญหรือมีอิทธิพลมากพอดูเชียวล่ะ มิน่า! น้องสาวเขาถึงพูดไม่เว้นช่องไฟให้เขาแทรกสักวินาที นี่คงเตรียมการกันมาอย่างดีสินะ กะว่าพูดให้ได้มากที่สุดโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เขาตรวจหาพิกัดทันนี่เอง แสบจริงๆ

ว่าแต่ใครกันนะที่คอยให้การช่วยเหลือเจ้าขา ใครกัน!

“ตามเช็คเบอร์โทรนี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เผื่อมีการเปิดใช้อีกครั้ง เราจะได้หาพิกัดได้ทันที”

เมื่อความหวังพังทลาย ดาเนียลจึงตัดใจยอมรับความผิดหวังถึงแม้ครั้งนี้เขายังตามตัวน้องสาวกลับคืนสู่อ้อมกอดไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเขาก็สบายใจขึ้นเป็นกองที่ได้รู้ว่าดาร์เลเน่นั้นสบายดีและดูท่าว่ากำลังสนุกสนานเสียมากมายไม่ได้รับอันตรายอย่างที่เขากังวล แต่ยังไงซะสัญชาตญาณของความเป็นพี่ของเขานั้นมันไม่อาจเพิกเฉย ตราบใดที่ยังไม่เจอตัวน้องสาว เขาก็จะยังไม่หยุดตามหา

“แล้วห้ามแพร่งพรายเรื่องวันนี้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะ…อลิส”

“ครับคุณชาย”

แอสตันและบอดี้การ์ดคนอื่นๆน้อมรับคำสั่งหนักแน่น แต่ภายในใจของลูกน้องทุกคนนั้นเกิดความสงสัยเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดดาเนียลจึงไม่ยอมให้เอริสารับรู้เรื่องนี้

.......................................................................................................................................................................

ปล.ยายหนูเจ้าขาจอมป่วนกลับมาเข้าฉากอีกแล้ว ถ้าใครยังไม่เคยรู้จักนาง สามารถเข้าไปอ่านตัวอย่างได้ที่เรื่อง 'พ่ายพยศรัก' เพราะยายตัวแสบนี่แหละที่ทำให้คุณชายกับอลิสมาลงเอยกัน โฮะๆๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา