พ่ายรักพรางหัวใจ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ดูแลคนป่วย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อลิสเป็นยังไงบ้าง”
ดาเนียลที่ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงจ้องมองมายังร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเอ่ยถามเสียงขรึมเมื่อคุณหมอหนุ่มหน้าดีผิวขาวดูสะอาดสะอ้านอายุไม่น่าจะเกินสามสิบปีเลิกใช้สเตโทสโคปสัมผัสผิวกายของเอริสาสักที แม้จะรู้ดีว่าที่หมอทำแบบนั้นเพื่อฟังชีพจรและวินิจฉัยอาการของคนป่วย แต่เขาก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก
อันที่จริงเขาไม่พอใจตั้งแต่ได้เห็นหน้าหมอเจ้าของไข้ของเอริสาเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาแจ้งความประสงค์ไปตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการหมอที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่เนื่องจากก่อนหน้าที่เขาจะมาถึง โรงพยาบาลเพิ่งรับเคสอุบัติเหตุรถชนกันซึ่งมีคนเจ็บหลายคนทำให้หมอกับพยาบาลวิ่งดูแลกันวุ่นวาย และเขาก็ไม่สามารถปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปได้เนื่องด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของเอริสา สุดท้ายเขาเลยต้องยอมให้คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เป็นผู้รักษา โดยมีเขาคอยยืนควบคุมไม่ห่าง
“คนป่วยร่างกายค่อนข้างอ่อนเพลียแต่ไม่เป็นอะไรมากครับไม่ต้องเป็นกังวล เธอมีไข้ขึ้นสูงนิดหน่อยกับภาวะร่างกายขาดน้ำ เบื้องต้นหมอให้ยากับน้ำเกลือแล้ว ให้นอนพักผ่อนมากๆ รอดูอาการอีกสักสองวัน ถ้าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ครับ”
“อืม ขอบใจ หมอมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ครับ ถ้ามีอะไรเรียกหมอได้เลยนะครับ”
พูดจบคุณหมอผิวขาวหน้าตี๋จึงก้มศีรษะให้ดาเนียลเล็กน้อย พลางเก็บอุปกรณ์แล้วรีบเดินออกมาจากห้องพักของคนป่วยที่แม้จะมีอาการอ่อนเพลียจนใบหน้าซีดเซียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความงามบนใบหน้าเรียวเล็กนั้นลดลงไปได้เลย ก่อนเป่าปากอย่างโล่งอกเมื่อออกมายืนอยู่หน้าประตูห้องพัก เพราะก่อนหน้านี้ที่เขากำลังตรวจอาการคนไข้นั้น เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกบอดี้การ์ดหน้านิ่งที่ยืนอารักขาดาเนียลจับคอของเขาไปพาดกับเครื่องประหารหัวสุนัขอย่างไรบอกไม่ถูก สายตาเข้มดุของดาเนียลที่จับจ้องมายังเขาทุกวินาทีนั้นราวกับมีหอกดาบแหลมคมแอบแฝงอยู่ จนมือไม้ของเขาสั่นระริกแทบไม่กล้าหายใจ จะแตะเนื้อตัวคนไข้เพื่อตรวจรักษาแต่ละทีถึงกับต้องเงยหน้าขออนุญาตสามีคนป่วยเสียก่อน กว่าการตรวจรักษาจะสิ้นสุดลงเขายอมรับตามตรงอย่างไม่อายเลยว่าฉี่แทบราด ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเจอสามีคนไข้รายไหนขี้หึงขี้หวงอย่างนี้มาก่อน
เมื่อการรักษาเสร็จเรียบร้อยเขาจึงไม่รอช้าที่จะพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์อึดอัดในห้องพักผู้ป่วย แล้วภาวนาว่าขอให้อาการของหญิงสาวหน้าสวยคนนั้นจงดีวันดีคืนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับสายตาอำมหิตของผู้ชายมาดเจ้าพ่อคนนั้นบ่อยๆ
“ได้เรื่องว่าไงบ้าง”
ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนกอดอกมองจังหวะการหายใจของคนบนเตียงอย่างเบาใจขึ้นหันไปเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่เพิ่งเปิดประตูสวนทางกับคุณหมอเข้ามา หลังจากที่ก่อนหน้านี้แอสตันออกไปด้านนอกเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องดาร์เลเน่จากทีมแกะรอย
“ยังเหมือนเดิมครับ”
ไม่ต้องอธิบายให้มากความดาเนียลก็เข้าใจได้ดี เพราะไม่ว่ากี่ครั้งที่เขาถามถึงเรื่องนี้คำตอบของแอสตันคือยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยดาเนียลจึงได้แต่หลับตาลงแล้วถอนหายใจหนักๆระบายความหนักอึ้งในสมองเมื่อมีปัญหามากมายถาโถมเข้ามาในเวลาพร้อมเพรียงกันแบบนี้
“คุณชายครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า แอสตัน”
“ผมคิดว่าตอนนี้คุณชายควรกลับไปอเมริกาให้เร็วที่สุดครับ”
“ทำไม” ดาเนียลเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทอย่างใคร่รู้ การที่แอสตันแนะนำออกมาอย่างนี้แสดงว่ามันต้องคิดหรือรู้อะไรมาบ้างแน่ๆ
“เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าสาเหตุที่คุณหนูเจ้าขาหายตัวไปเป็นเพราะหนีไปเองหรือ...ถูกใครลักพาตัวไป หากคุณชายยังอยู่ที่เมืองไทยต่อไปเรื่อยๆ คู่แข่งทางธุรกิจคงสงสัยและอาจรู้เข้าสักวัน นั่นอาจจะทำให้คุณหนูเจ้าขาไม่ปลอดภัยนะครับ”
“อืม จริงของนาย ขอบใจที่เตือน”
ร่างสูงของดาเนียลทรุดลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย ก่อนชายหนุ่มจะครุ่นคิดตามคำพูดของแอสตันแล้วพยักหน้าเห็นด้วย จริงอย่างที่แอสตันบอก ถ้าเขายังปักหลักอยู่ที่เมืองไทยอาจทำให้คนอื่นสงสัยและหาสาเหตุว่าเพราะอะไร และหากศัตรูหรือคู่แข่งทางธุรกิจรู้เข้าว่าดาร์เลเน่หายตัวไป นั่นอาจเป็นช่องทางให้คนพวกนั้นใช้น้องสาวของเขามาเป็นข้อต่อรอง และที่แย่ไปกว่านั้นคือความปลอดภัยของน้องน้อยตัวแสบนั่นเอง แอสตันจึงอยากให้เขากลับไปอเมริกาแล้วใช้ชีวิตตามปกติให้มากที่สุด ระหว่างนี้ก็ให้ทีมแกะรอยทำงานต่อเงียบๆจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ
“งั้นคุณชายเตรียมตัวกลับเลยนะครับ ผมจะเตรียมเครื่องบินให้”
“ยังก่อน”
“ทำไมล่ะครับ”
“อลิสไม่สบาย หมอให้อยู่ดูอาการอีกสองวัน”
“แต่ว่า...”
แอสตันตั้งท่าจะค้าน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เป็นห่วงสุขภาพของเอริสา แต่เขาก็ไม่อยากให้ดาเนียลต้องยืดเวลาอยู่ที่เมืองไทยออกไป เพราะเกรงว่าสุดท้ายจะปกปิดเรื่องคุณหนูเจ้าขาหายไปไม่ได้ จนทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย ซึ่งคนที่ต้องแบกรับภาระหนักมากที่สุดก็คือดาเนียลนั่นแหละ
“ไม่มีแต่! ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าอาการของอลิสจะดีขึ้นและพร้อมเดินทาง”
“ครับคุณชาย”
แอสตันก้มหน้าน้อมรับคำสั่งอย่างหมดข้อโต้แย้งเมื่อเจอประกาศิตกร้าวจากเจ้านายเหนือหัว ก่อนเหลือบสายตาขึ้นมองดาเนียลที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองร่างบอบบางของคนป่วยบนเตียงนิ่ง พลางคาดคะเนบางอย่างอยู่ในใจแล้วตัดสินใจก้าวถอยหลังออกไปจากห้องผู้ป่วยเมื่อพอจะเดาได้ว่าตอนนี้ดาเนียลคงอยากใช้เวลาอยู่ดูแลเอริสาตามลำพัง
......................................................................................................................................................................
“ไม่! คุณหนู อย่าไป อย่าไปนะคะคุณหนู กลับมา กลับมา ไม่ ไม่”
เสียงร้องโวยวายทิศทางมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดในเวลาเกือบเที่ยงคืน ทำให้เจ้าของร่างสูงที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงเสริมมุมห้องพักคนป่วยลืมตาตื่นขึ้นทันที ร่างสูงสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายทิ้งไปไม่ใยดีแล้วผุดลุกขึ้นจากเตียงนอนก่อนที่มือหนาจะรีบกดสวิตซ์ไฟหัวเตียงให้ทำงาน เมื่อไฟสว่างวาบภาพที่ปรากฏแก่สายตาจึงทำให้ดาเนียลเป่าปากอย่างโล่งอก อาการตื่นตระหนกของชายหนุ่มค่อยๆลดลง พร้อมทั้งหัวใจที่เต้นถี่รัวราวกลองเพลเพราะคิดว่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับเอริสานั้นพลันเข้าสู่ภาวะปกติ
“ก็แค่ละเมอ”
ปากบ่นเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระไม่ได้สลักสำคัญ แต่ร่างสูงกลับทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงคนป่วย มือใหญ่ข้างหนึ่งกุมฝ่ามือบางทั้งสองข้างที่ไขว่คว้าอยู่ในอากาศไว้ในอุ้งมือหนา ประคับประคองแขนเรียวข้างซ้ายของเอริสาที่มีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ไม่ให้เข้มหลุดออกมาอันจะเป็นการทำให้หญิงสาวต้องเจ็บตัวเพิ่มขึ้น ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็วางอยู่บนศีรษะทุยสวยแล้วลูบไล้แผ่วเบาเพื่อปลอบโยนคนฝันร้ายให้คลายอาการตกใจ พลางมองรอยเขียวช้ำที่ต้นแขนเรียวที่น่าจะเกิดจากฝีมือเขาอย่างครุ่นคิด
“คุณหนู คุณหนูจะไปไหนคะ คุณหนูกลับมา อย่าไปค่ะ อย่าไป คุณหนู!”
แม้มือที่ไขว่คว้าจะถูกเกาะกุมเอาไว้ แต่ริมฝีปากบางเย้ายวนยังคงเรียกหาเจ้านายน้อยยอดดวงใจต่อไปไม่หยุด ใบหน้าที่เริ่มมีสีเลือดเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตที่ผุดพรายส่ายไปมาบนหมอน เมื่อภาพในความฝันเลือนรางนั้นคือดาร์เลเน่ที่หันมายิ้มแย้มสดใส แต่ร่างบอบบางของคุณหนูกริมเมอร์กลับค่อยๆถอยหลังห่างออกไปเรื่อยๆ เอริสาพยายามเอื้อมมือคว้าร่างของดาร์เลเน่เข้ามาหาแต่กลับคว้าไม่ได้เสียที จนในที่สุดร่างน้อยๆนั้นก็ลับสายตา บอดี้การ์ดสาวจึงตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความตกใจสุดชีวิต
“ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกังวล หลับซะ”
ดาเนียลดึงร่างบางที่ดิ้นกระสับกระส่ายขึ้นกอดแนบอกเมื่อเห็นท่าทางหวาดหวั่นของเอริสา ใบหน้าเรียวสวยนั้นบิดเบี้ยวอย่างคนที่กำลังเจ็บปวดใจแสนสาหัส จนดาเนียลต้องรัดร่างบางนั้นแน่นขึ้นอีก แน่นจนเขาสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำอย่างคนที่กำลังหวาดกลัวสุดขีด เนื้อตัวของหญิงสาวสั่นเทาคล้ายลูกนกหนาวเหน็บเปียกปอนด้วยหยาดน้ำฝน ดาเนียลจึงโอบกอดร่างเนียนไว้ในวงแขนแน่นเนิ่นนานพร้อมทั้งลูบมือกับแผ่นหลังบางแผ่วเบา พักใหญ่ร่างอ่อนปวกเปียกของเอริสาจึงค่อยๆสงบลง
เมื่อแน่ใจว่าเอริสาหลุดพ้นจากความฝันแสนโหดร้ายแล้ว ดาเนียลจึงประคองร่างบางให้นอนลงบนเตียงเหมือนอย่างเคยเพื่อที่หญิงสาวจะได้นอนพักสบายๆ และเขาก็จะกลับไปนอนขดตัวบนเตียงเสริมที่เขาสั่งให้เข้ามาตั้งในห้องเดียวกันกับผู้ป่วยแทนที่จะนอนพักผ่อนในห้องรับรองตามที่โรงพยาบาลเอกชนจัดไว้ให้ญาติสำหรับห้องผู้ป่วยพิเศษ แต่ดาเนียลขยับตัวออกห่างได้เพียงนิดเดียว ชายหนุ่มก็ต้องหยุดตัวเองเอาไว้ เพราะมือบางของคนป่วยนั้นกุมมือของเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่และลองขยับมืออีกที แต่ฝ่ามือบางของเอริสาก็ยังคงจับมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเช่นเดิม เห็นอย่างนั้นดาเนียลจึงเลือกที่จะใช้มืออีกข้างที่ว่างล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาและกดโทรออกไปยังเลขหมายที่ต้องการ
“เข้ามาข้างใน”
สิ้นคำสั่งจากดาเนียล ประตูห้องพักคนป่วยก็ถูกเคาะเบาๆแล้วเปิดเข้ามาด้วยมือของบอดี้การ์ดเวรที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง เซนผู้ทำหน้าที่หัวหน้าบอดี้การ์ดสลับกับแอสตันเดินเข้ามาค้อมศีรษะอยู่ตรงหน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังบรรจงทายาแก้ฟกช้ำตรงต้นแขนของเอริสาข้างเตียงพร้อมรอรับคำสั่ง
“ยกมาตั้งตรงนี้”
เซนมองตามสายตาของดาเนียลเมื่อได้รับคำสั่ง บอดี้การ์ดหนุ่มขมวดหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสิ่งที่เจ้านายเหนือหัวต้องการให้เขายกนั้นมันคือเจ้าสิ่งที่ตั้งอยู่ชิดกับผนังห้องนั่นหรือไม่
“คุณชายหมายถึงเตียงเหรอครับ”
เตียงที่เซนไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายเขาถึงอยากได้มันนัก เตียงพับธรรมดาๆที่นอนไม่สบายตัวเลยสักนิดแถมความยาวของมันยังสั้นกว่าความสูงของดาเนียลจนปลายเท้าของคุณชายใหญ่กริมเมอร์นั้นเลยขอบเตียง เตียงที่ดาเนียลสั่งให้ลูกน้องยกเข้ามาตั้งในห้องเดียวกับคนป่วยแทนที่จะนอนพักสบายๆในห้องรับรองห้องข้างๆ
“อืม”
“เอ่อ ครับ”
แม้จะสงสัยนักว่าเพราะเหตุใดดาเนียลจึงสั่งให้เขายกเตียงนอนเสริมเข้ามาวางไว้ข้างเตียงคนไข้ที่กำลังนอนจับมือหนาของชายหนุ่มเอาไว้ แต่เซนก็มิกล้าเอ่ยปากถาม บอดี้การ์ดหนุ่มจึงก้มศีรษะน้อมรับคำสั่งแล้วออกไปตามบอดี้การ์ดข้างนอกอีกคนมาช่วยกันยก
“วางตรงนี้เลยนะครับ”
“เข้ามาอีกหน่อย”
จุดที่เซนกับลูกน้องกำลังยืนอยู่ห่างจากขอบเตียงของเอริสาไม่ถึงครึ่งเมตร แต่นั่นยังไม่ใช่จุดที่ดาเนียลพอใจ ชายหนุ่มสั่งให้ลูกน้องขยับเตียงเสริมเข้ามาใกล้ทีละนิดๆ ขยับอยู่สองสามครั้ง จนสุดท้ายเมื่อไม่เหลือพื้นที่ให้ขยับเข้าไปได้อีกเตียงเสริมนั่นจึงถูกวางอยู่ชิดกับเตียงนอนคนป่วย ชิดจนไม่มีอะไรแทรกผ่านไปได้
“ขอบใจ ปิดไฟแล้วรีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวไฟแยงตา อลิสจะตื่น”
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ดาเนียลต้องการ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ขอบเตียงคนป่วยจึงเอ่ยสั่งลูกน้องให้ออกไปทำหน้าที่ด้านนอกตามเดิม เซนกับบอดี้การ์ดอีกคนจึงก้มศีรษะให้คุณชายใหญ่แล้วถอยหลังออกไปจากห้องพักคนป่วยโดยไม่ลืมปิดไฟในห้องตามที่ดาเนียลสั่งก่อนหน้า แต่จังหวะที่กำลังดึงประตูห้องพักปิดเข้าหากันนั้น ดวงตาของเซนทันเห็นภาพในห้องพักพอดี ภาพที่เจ้านายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงเสริมที่เขากับลูกน้องช่วยกันยกเมื่อครู่ จากนั้นก็ตะแคงตัวเข้าหาหดปลายขาให้พอดีกับความยาวของเตียงพร้อมทั้งนอนมองคนป่วยนิ่ง และทุกอิริยาบทของดาเนียลนั้นไม่มีสักวินาทีที่ชายหนุ่มจะปล่อยมือเล็กบางของเอริสาให้ห่างตัว
หัวหน้าบอดี้การ์ดจึงมีคำตอบให้สิ่งที่เขาสงสัยแล้วว่าทำไมดาเนียลถึงยอมละทิ้งความสะดวกสบายแล้วสั่งให้เขาขยับที่นอนเข้าไปติดกับเตียงนอนของเอริสาขนาดนั้น จากนั้นเซนจึงรีบปิดประตูแต่ระวังให้เสียงเบาที่สุดเพื่อจะได้ไม่รบกวนช่วงเวลาพักผ่อนของดาเนียลกับคนป่วย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ